Smart Review
รีวิว ASUS Vivobook S 15 (S5507) โน้ตบุ๊กรุ่น Copilot+ PC พร้อมขุมพลัง Snapdragon X Elite รุ่นแรกในไทย!
รีวิว ASUS Vivobook S 15 (S5507) โน้ตบุ๊ก Copilot+ PC รุ่นแรกของ ASUS ที่มาพร้อมสเปคน่าสนใจ ขับเคลื่อนด้วยชิปเซ็ต Snapdragon X Elite ที่มีประสิทธิภาพ AI อันทรงพลังประมวลผล AI ได้มากถึง 45 TOPS ความจุความเร็วสูง PCIe® 4.0 SSD ขนาด 1 TB พร้อม RAM สูงสุด 32 GB LPDDR5X 8448 MHz จอแสดงผล 3K 120Hz ASUS Lumina OLED ระบบเสียงรับรองโดย Harman Kardon ในตัวเครื่องที่บาง 14.7 มม. และเบาแค่ 1.42 กก.อีกต่างหาก เป็นอีกหนึ่งโน้ตบุ๊กที่น่าสนใจมาก ๆ ในปีนี้เลยล่ะ ส่วนการใช้งานจะเป็นอย่างไร ติดตามได้ใน รีวิว ASUS Vivobook S 15 (S5507) เครื่องนี้เลยครับ
สรุปสเปค ASUS Vivobook S 15 (S5507)
- ขนาดตัวเครื่อง: 35.26 x 22.69 x 1.47 ~ 1.59 ซม.
- น้ำหนัก: 1.42 กก.
- หน้าจอ: ASUS Lumina OLED 15.6″ อัตราส่วน 16:9
- ความละเอียด: 3K (2880 x 1620),รองรับ DCI-P3 color gamut 100%, VESA CERTIFIED Display HDR True Black 600, 1.07 พันล้านสี, ความสว่างสูงสุด 600nits
- refresh rate: 120Hz
- หน่วยประมวลผล: Snapdragon X Elite X1E 78 100 Processor 3.4GHz
- Neural Processor : Qualcomm Hexagon NPU 45TOPs
- กราฟิก: Qualcomm Adreno GPU
- RAM: 32GB LPDDR5X
- SSD: 1TB M.2 NVMe PCIe 4.0 SSD
- แบตเตอรี่: 70Wh
- กล้อง: FHD
- ระบบเสียง : Harman/Kardon
- พอร์ตการเชื่อมต่อ
- USB-A 3.2 Gen 1 x 2
- USB-C 4.0 Gen 3 x 2
- HDMI 2.1 TMDS x 1
- micro SD Card Reader x 1
- พอร์ตหูฟังและไมโครโฟนขนาด 3.5 มม. แจ็ค 2-in-1 x 1
- การเชื่อมต่อ: Wi-Fi 7(802.11be) (Tri band) 2×2 + Bluetooth 5.4 Wireless Card
- ระบบปฏิบัติการ: Windows 11 Home
- สี: Cool Silver
แกะกล่อง ASUS Vivobook S 15 (S5507)
ก่อนจะไปดูความงามของตัวเครื่อง ASUS Vivobook S 15 เราขอมาแกะกล่องเช็กของกันก่อนดีกว่าว่าให้อะไรมาบ้าง ตัวกล่องของรุ่นนี้ก็ยังเรียบง่ายด้วยแพ็กเกจกระดาษ ด้านหน้ามีโลโก้ ASUS Vivobook S แบบใหม่ที่เน้นความจริงจังมากขึ้นด้วยตัวอักษรพิมพ์ใหญ่ทั้งหมด
ส่วนอุปกรณ์ในกล่องของ ASUS Vivobook S 15 (S5507) ก็ให้มาทั้งหมด 3 อย่างประกอบด้วย
- ตัวเครื่อง Vivobook S 15
- อะแดปเตอร์ชาร์จ 90W
- เอกสารคู่มือและใบรับประกัน
ดีไซน์สง่างามในสี Cool Silver
มายลโฉม ASUS Vivobook S 15 กันเลยดีกว่า รอบนี้มาในสีสันโทนสว่างอย่าง Cool Silver มอบความสง่างามและทางการขึ้นอย่างชัดเจน เป็นโทนที่ดูทันสมัยและรักษาความสะอาดได้ง่าย
ที่ฝาหลังก็จะเน้นความเรียบง่ายแบบ Minimal มีเพียงโลโก้ ASUS VIVOBOOK แบบใหม่แกะสลักด้วยเทคโนโลยี CNC วางอยู่เท่านั้นครับ เรียบแต่ดูดี!
งานประกอบยอดเยี่ยม วัสดุโลหะ
อย่างที่เราเห็น ปีนี้ ASUS ปรับภาพลักษณ์ของ Vivobook ให้ทางการยิ่งขึ้น พรีเมี่ยมขึ้นกว่าที่ผ่านมา ทำให้ Vivobook S 15 นั้นหรูหราอย่างชัดเจน บอดี้งานประกอบก็ลงตัวด้วยวัสดุโลหะผิวด้านทั้งหมด มอบสัมผัสที่ดี ไม่เก็บคราบรอยมือจนรู้สึกว่าต้องคอนเช็ดทำความสะอาดบ่อย ๆ
แต่ถึงแม้ตัวเครื่องจะเป็นโลหะ แต่ก็ยังมีขนาดและน้ำหนักที่พกพาได้สะดวกเหมือนเดิม เพราะตัวเครื่องมีน้ำหนักแค่ 1.42 กก.และความบางก็บางสุดที่ 1.47 ซม.เท่านั้น
สุดยอดหน้าจอ ASUS Lumina OLED ความละเอียด 3K
กางหน้าจอออกก็ยังได้ความอลังการตามสไตล์โน้ตบุ๊กจาก ASUS เหมือนทุกที ให้พื้นที่เต็มตา 15.6″ และด้วยขอบหน้าจอที่บางเฉียบ ก็ทำให้ตัวเครื่องไม่ได้ดูใหญ่เทอะทะแบบที่บอกไปครับ ยังอยู่ในขอบเขตเครื่องเบาและบางได้อยู่จริง ๆ
ส่วนชนิดหน้าจอ ASUS Viovobook S 15 ก็ได้จอ ASUS Lumina OLED ความละเอียด 3K (2880 x 1620) Refresh rate 120Hz ที่ให้สีสวยสดใส ปกป้องดวงตาจากแสงสีฟ้า ผ่านการรองรับจาก TÜV Rheinland ช่วยลดแสงสีฟ้าที่ทำลายดวงตาได้กว่า 70% พร้อม 100% DCI-P3 color gamut และ VESA CERTIFIED Display HDR True Black 600 มาครบ
ซึ่งจากสเปคนี้ช่วยให้เราใช้ทำงานที่ต้องการความแม่นยำของสีสูง ๆ ได้สบาย หรือถ้าเป็นสายคอนเทนต์อยากดูความบันเทิงก็ต้องถูกใจด้วยอัตราส่วนหน้าจอแบบ 16:9 ที่ช่วยให้เราดูคลิปหรือซีรีส์อัตราส่วนมาตรฐาน ได้เต็มจอไม่มีขอบดำมากวนใจเลย
ความดีงามของจอ ASUS Lumina OLED ที่แตกต่างจากหน้าจอ OLED ทั่วไปคือให้ค่าคอนทราสต์ที่สูงเป็นพิเศษถึง 1,000,000:1, การแสดงช่วงสีที่กว้างเป็นพิเศษ, ความสว่างสูงสุดมากถึง 600 nits, ได้รับการปรับเทียบสีจากโรงงาน มีค่าความคลาดเคลื่อนสี (Delta E) ต่ำกว่า 1 และยังรองรับการปรับแต่งค่าเขตขอบสี ASUS Splendid. ASUS Tru2Life และ OLED Power Saving- Target Mode ใน MyASUS ได้อีก ให้สเปคมาแบบนี้ถูกใจแน่นอน
ส่วนองศาการกางจอ ASUS Vivobook S 15 จะสามารถกางได้ถึง 180⁰ เราว่าสะดวกมาก ๆ เพราะไม่จำกัดมุมมองจนเกินไป เผื่ออยากแชร์เนื้อหาให้คนอื่นเห็นแบบเต็ม ๆ ก็กางสุดวางนอนไปได้เลยเนาะ
กล้องหน้า FHD ที่ปลอดภัยกว่าด้วย WebCam Shield
กล้องหน้าของ ASUS Vivobook S 15 จะมาพร้อมความละเอียด FHD เพียงพอต่อการใช้งานวิดีโอคอลแล้ว และยังมี WebCam Shield หรือตัวฝาสไลด์เปิด-ปิดที่ช่วยในเรื่องความปลอดภัยเมื่อเราไม่ใช้งานก็สามารถปิดไปได้เลย ไม่ต้องกลัวว่าจะมีใครแฮ็คเข้ามาดูกล้องเราขณะทำงาน หรือเผลอลืมเปิดกล้องไว้ตอนประชุม ถ้าเราปิดด้วยวิธีนี้ยังไงก็ไม่เห็นแน่นอนครับ
คีย์บอร์ด Full-Sized พร้อม NumPad และไฟ RGB
มาดูเรื่องคีย์บอร์ดกันบ้าง ASUS Vivobook S 15 มาพร้อมคีย์บอดร์ดแบบ Full-Sized และด้วยความกว้างที่มากพอ จึงมี NumPad มาให้เราได้ใช้งานด้วย ใครที่ต้องใช้งานเกี่ยวกับตัวเลขถูกใจเลยแบบนี้ และขนาดของ TouchPad ก็ให้มาใหญ่กำลังดี รองรับ Gesture ใช้งานหลายนิ้วสัมผัสได้ดี
ส่วนเรื่องการพิมพ์การเว้นช่องของปุ่มก็ทำได้ดี ตัวปุ่มมีความ Clicky ดีดรับกับนิ้วมือ เวลาเราพิมพ์งานเร็ว ๆ ก็รู้สึกได้ว่าคล่องตัวไม่อึดอัดครับ
ด้านล่างคีย์บอร์ดจะมีไฟ Backlit มาให้ด้วย แต่ไม่ใช่แค่ไฟสีขาวปกติ เพราะภายในเป็นไฟ RGB ที่ให้เราปรับแต่งสีของไฟได้เองผ่านแอป MyASUS เปลี่ยนการพิมพ์ของเราให้เป็นการแสดงออกถึงสไตล์ที่สดใสได้เลย
และแน่นอนว่า ASUS Vivobook S 15 นั้นเป็นโน้ตบุ๊กที่มาตรฐาน Copilot+ PC เครื่องแรกในไทย ที่ตัวคีย์บอร์ดก็จะมีปุ่มลัด Copilot มาให้กดด้วย ช่วยให้เราทำงานได้สะดวกขึ้น อยากค้นหาอะไรแบบทันที หรือให้ AI คอยจัดการบางอย่างไม่ให้ค้างคาใจก็กดที่ปุ่มนี้ได้เลยครับ
พอร์ตการเชื่อมต่อครบครัน
ในส่วนของพอร์ตการเชื่อมต่อของ ASUS ก็ไม่เคยทำให้ผิดหวังให้มาครบเหมือนเดิม ที่ด้านซ้ายมือของตัวเครื่องจะมีพอร์ต HDMI 2.1, USB 4.0 แบบ Type-C อยู่ 2 พอร์ต, ช่องใส่ microSD และ ช่องหูฟังและไมโครโฟน 3.5 มม.ครับผม
ส่วนฝั่งขวามือของตัวเครื่องก็จะมีพอร์ต USB 3.2 Gen 1 แบบ Type-A อยู่ 2 พอร์ต ครบครันอย่างที่บอกไปเลยใช่ไหมล่ะครับ
ระบบเสียงจาก Harman/Kardon เช่นเคย
ในเรื่องคุณภาพเสียง ASUS Viobook S 15 มาพร้อมระบบเสียงสเตอริโอที่ได้รับการรับรองจาก Harman/Kardon ให้เสียงที่ทรงพลังและสมจริงคมชัด พร้อมระบบ smart amplifier และ ASUS Audio Booster ให้เราได้ดื่มด่ำกับเสียงหลากหลายมิติ แถมยังรองรับระบบเสียงระดับโรงภาพยนตร์อย่าง Dolby Atmos อีกด้วย
แข็งแกร่งด้วยมาตรฐานระดับกองทัพ
ASUS Vivobook S 15 ได้รับการทดสอบทางทหาร MIL-STD 810H ให้ผลลัพธ์ที่สามารถเชื่อมั่นถึงความแข็งแรงคงทน ปัจจัยเหล่านี้ยังส่งผลดีต่อการมีการใช้งานที่ยาวนานและความยั่งยืน ดังนั้นเราจึงสามารถทำงาน เดินทาง หรือพักผ่อนด้วยความมั่นใจว่าโน้ตบุ๊กเครื่องนี้จะพร้อมในทุกสถานการณ์
โดยรวมในเรื่องดีไซน์ของ ASUS Vivobook S 15 ก็ถือว่าเป็นการปรับโฉมของ Vivobook ได้อย่างน่าสนใจ ตัวเครื่องมีความพรีเมี่ยมและมินิมอลมากขึ้นอย่างชัดเจนด้วยวัสดุโลหะทั้งหมด หน้าจอที่ใหญ่เต็มตาแต่ขอบบางเฉียบ แต่ยังอยู่ในขนาดตัวเครื่องที่บางและเบาพอที่จะพกพาไปได้ง่าย และทีเด็ดเลยก็คือสี Cool Silver ที่ให้ลุคสง่างามอย่างแท้จริงเลยล่ะครับ
โน้ตบุ๊ก Copilot+ PC เครื่องแรกจากเอซุส
มาเข้าสู่เรื่องซอฟต์แวร์กันเลยดีกว่า ASUS Vivobook S 15 มาพร้อมระบบปฏิบัติการ Windows 11 ตั้งแต่แกะกล่อง พร้อมกับได้มาตรฐาน Copilot+ PC ของ Microsoft หมายความว่ารุ่นนี้มีสเปคที่ใช้งานประมวลผลด้าน AI ได้ดี มีอายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่ยาวนาน รวมประสิทธิภาพที่เพียงพอในการทำงานหนัก ๆ อีกด้วย
ใช้ชิป Snapdragon X Elite พร้อม NPU เพื่อ AI โดยเฉพาะ
ซึ่งหนึ่งในสเปคที่ทำให้ ASUS Vivobook S 15 ผ่านมาตรฐาน Copilot+ PC ก็คือชิปเซ็ตที่รุ่นนี้ใช้ Snapdragon X Elite ชิป Arm เต็มรูปแบบ มอบประสิทธิภาพในการทำงาน จัดการกับงานหนัก ๆ และยืดอายุความคล่องตัวด้วยอายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่เหนือกว่า ด้วย CPU TDP สูงถึง 45W ซึ่งให้เราสามารถใช้งานในความแรงระดับสูงแม้ไม่ได้พึ่งอะแดปเตอร์ชาร์จไปด้วย
แต่เท่านั้นยังไม่พอเพราะชิป Snapdragon X Elite ยังมาพร้อมกับ Qualcomm AI Engine พร้อมความสามารถในการประมวลผล AI ที่แรงที่สุด 75 TOPS และเร่งประสิทธิภาพการทำงาน AI ด้วย Qualcomm Hexagon NPU ในตัวที่ประมวลผลได้สูง 45 TOPS อีกด้วย
นอกจากนี้ความจุก็ยังเพียงพอเพราะมาพร้อม RAM LPDDR5X 32GB และ 1TB M.2 NVMe™ PCIe® 4.0 SSD พร้อมใช้งานฟีเจอร์ AI หลากหลายรูปแบบ อาทิ
- Windows Studio Effects ที่จะช่วยการจัดการเรื่องแสง, Noise และ เสียงรบกวนระหว่างการใช้งานวีดีโอคอล,
- Recall ช่วยจดจำการใช้งานที่ผู้ใช้เคยทำผ่าน Copilot+PC โดยเก็บไฟล์ไว้ในโฟลเดอร์ นับรวมถึงการท่องเว็บ งานเอกสาร และการใช้อีเมล โดยสามารถเลือกช่วงเวลาที่อยากให้โน้ตบุ๊กจดจำพฤติกรรมของเราได้
- ฟีเจอร์ Live Captions ช่วยให้คำบรรยายแบบเรียลไทม์ได้อย่างแม่นยำมากกว่า 40 ภาษาทั่วโลก
- ฟีเจอร์ Paint Cocreator หรือเครื่องมือที่ช่วยให้ผู้ใช้สร้างภาพจากการวาดหรือคำอธิบายข้อความด้วยความช่วยเหลือของ AI
ส่วนเรื่องแอปที่รองรับ ถึงตอนนี้ชิป Arm นั้นก็มีแอป Native รองรับมากขึ้นแล้ว ทั้งเว็บเบราว์เซอร์, ความบันเทิง, โซเชี่ยล, แอปตัดต่อภาพ/วิดีโอ, จัดการเอกสาร หรือเขียนโค้ด ตามตารางด้านล่างนี้เลย
Web Browsers | Google Chrome, Mozilla Firefox, Microsoft Edge, Chromium, Brave Browser, SRWare Iron, Thorium, Bluebird, Vivaldi |
Media | VLC media player, Netflix, Disney+, Prime Video, Spotify, Hulu, Handbrake, FFmpeg, OBS Studio, iQIYI, BiliBili |
Social | Microsoft Teams, Zoom, X, Instagram, Tiktok, Reddit, Piny, Social Page Manager |
Picture Editing & Drawing | Adobe Photoshop, Adobe Lightroom, GIMP, ImageGlass, Luminar Neo, Concepts |
Office | Microsoft 365, Microsoft To do, LibreOffice, PDF X-Change Editor, SumatraPDF, Drawboard Projects, Todoist |
Coding | Visual Studio Code, Visual Studio Community, Python, JetBrains, Github Desktop, git, GitHub CLI |
ความดีงามอีกอย่างของ Windows 11 ที่ใช้งานบน Arm-based (สถาปัตยกรรม Arm) ก็ยังมีเรื่องการสแตนบายด์ที่ยอดเยี่ยมและพร้อมให้เราใช้งานได้ทันที เพียงกดปุ่ม Power เพื่อปิดหน้าจอเมื่อใม่ได้ใช้งาน และเริ่มใช้งานได้ทันที ไม่ต้องเสียเวลารอเครื่องเริ่มทำงาน คล้ายกับบนมือถือที่เราไม่จำเป็นต้องปิดเครื่องตลอดถ้าไม่ได้ใช้
ผลทดสอบแรงหมด
เพื่อให้เห็นประสิทธิภาพคร่าว ๆ ของชิป Snapdragon X Elite X1E 78 100 และหน่วยความจำของ ASUS Vivobook S 15 เราก็มีผลทดสอบจากแอป Benchmark หลายตัวมาให้ดูกันสักหน่อยด้วย ซึ่งบอกเลยว่าคะแนนออกมาไม่ธรรมดาเลย ดังนี้ครับ
Software AI ใหม่ ASUS StoryCube
ส่วนเรื่องซอฟต์แวร์ ASUS ก็ยังมีซอฟต์แวร์ชื่อ ASUS StoryCube ที่ช่วยจัดการข้อมูลดิจิทัล อาทิ ภาพถ่าย และวีดีโอไฟล์ ด้วยการใช้เทคโนโลยี AI เข้ามาช่วยบริหารจัดการไฟล์ ให้ทำงานได้คล่องตัวมากขึ้นอีกด้วย
รวมถึงซอฟต์แวร์ที่ช่วยจัดการตัวเครื่องอย่าง MyASUS ที่อัดแน่นไปด้วยเครื่องมือที่มีประโยชน์ในการปรับปรุงประสิทธิภาพการทํางาน เพิ่มประสิทธิภาพ หรือคอลเล็กชันแอปและเครื่องมือ ASUS ที่มีประโยชน์ ซึ่งช่วยให้เราจัดการตัวเครื่องได้ง่ายขึ้นจากแอปเดียวก็มีมาให้ใช้เช่นเดียวกันครับ
มี Microsoft Office Home and Student 2021 ตั้งแต่แกะกล่อง
นอกจากซอฟต์แวร์ที่ ASUS เสริมมาให้แล้ว ซอฟต์แวร์ที่ต้องใช้งานอย่าง Microsoft Office ใน ASUS Vivobook S 15 ก็ยังมี Microsoft Office Home and Student 2021 ติดมาให้เลยด้วย ช่วยลดค่าโปรแกรมไปได้เยอะเลย เรียกว่าแกะกล่องมาก็พร้อมใช้ทันทีล่ะเนาะแบบนี้
แบตเตอรี่ขนาด 75 Wh พร้อมระบบชาร์จเร็ว ใช้งานได้ตลอดวัน
อีกข้อดีของชิป Arm อย่าง Snapdragon X Elite ก็คือเรื่องแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้ยาวนานขึ้น (มาก!) เมื่อเทียบกับเครื่องโน้ตบุ๊ก PC ทั่วไป ASUS เคลมว่าเราสามารถใช้งานได้สูงสุด 18 ชม.กันเลย ซึ่งในการทำงานแบบจริงจังก็ไว้ใจได้ แบบที่ไม่ต้องกังวลเรื่องหาที่ชาร์จตลอดเวลา ใช้ผ่านแบตเตอรี่ได้เลย แถมประสิทธิภาพก็ไม่ตกลงด้วย ยังแรงเหลือ ๆ ครับ
ส่วนระบบชาร์จรุ่นนี้ก็รองรับสูงถึง 90W แบบที่ติดมาในกล่องเลย เราสามารถชาร์จแบตฯ 70Wh ได้ 60% ในเวลาแค่ 49 นาทีเท่านั้น หรือถ้าไม่สะดวกพกที่ชาร์จ 90W ที่แถมมา แต่มีที่ชาร์จมือถือที่รองรับมาตรฐาน Power Delivery (PD) หรีอพาวเวอร์แบงค์ PD ก็ใช้งานร่วมกันได้เหมือนกัน เพราะชาร์จผ่านพอร์ต USB-C มาตรฐานอยู่แล้ว สะดวกเลยล่ะแบบนี้
วางจำหน่ายแล้ววันนี้ราคา 46,990 บาท
ASUS Vivobook S 15 (S5507) พร้อมวางจำหน่าย ณ ร้านค้าไอทีชั้นนำทั่วประเทศ และช่องทางออนไลน์ Official store จากเอซุสแล้ววันนี้ ในราคา 46,990 บาท พิเศษรับฟรี! Perfect Warranty เป็น 2 ปีมูลค่า 1,990 บาท เมื่อสั่งซื้อตั้งแต่วันนี้ – 31 ธันวาคม 2567
และยังมีบริการหลังการขายใหม่ ‘4A Guarantee’ ที่พร้อมดูแลลูกค้าอย่างดีที่สุดด้วยมาตรฐาน 4A (Assured Quality, Always-On Support, All-around Coverage และ Added-Value Experience) นำเสนอที่สุดของการบริการทั้งสี่ด้าน ตั้งแต่คุณภาพสินค้าที่วางใจได้ ผ่านมาตรฐานกองทัพสหรัฐอเมริกา, บริการ Call Center ตลอด 7 วัน ตั้งแต่เวลา 8:30-24:00 น., สามารถรับบริการได้ครอบคลุมกว่า 80 ประเทศทั่วโลก 2 ปี, บริการซ่อมถึง 2 ปี (On-Site Service) และประกันอุบัติเหตุ 1 ปีแรก (Perfect Warranty) พิเศษ! รับฟรี Perfect Warranrty ปีที่สองเพิ่ม สำหรับ Vivobook S ทุกรุ่น (ลูกค้าลงทะเบียนผ่าน QR Code)
สรุปแล้ว “นี่คือโน้ตบุ๊ก Copilot+ PC ขุมพลัง Snapdragon X Elite เครื่องแรกในไทยที่จะไม่ทำให้คุณผิดหวัง”
สรุปแล้ว ASUS Vivobook S 15 (S5507) ก็ถือว่าเป็นโน้ตบุ๊ก Copilot+ PC พร้อมชิป Snapdragon X Elite รุ่นแรก ที่ชวนให้เราประทับใจอย่างมาก เพราะให้ประสบการณ์การทำงาน PC ในยุคใหม่อย่างแท้จริง ทั้งประสิทธิภาพจากชิป Snapdragon X Elite ที่ครอบคลุมการทำงานหลากหลาย มี NPU ที่แรงพอจะประมวลผลด้าน AI ได้ทันท่วงที เป็น Windows Arm-Based ที่ควรค่าแก่การใช้งานทั้งแอปที่รองรับมากขึ้น การตอบสนองที่ให้เราใช้งานได้แบบไม่รีรอ แบตเตอรี่ที่อึดแบบไม่ต้องกังวลว่าต้องหาที่ชาร์จตลอดเวลา อีกทั้งดีไซน์ตัวเครื่องยังสวยงามหรูหราในขนาดที่ยังพกพาได้สะดวก เราว่าใครที่กำลังมองหาโน้ตบุ๊ก Windows ที่ให้ประสบการณ์แบบที่ว่านี้อยู่ ASUS Vivobook S 15 (S5507) เครื่องนี้ให้คุณได้ครบแบบไม่หวังเลยจริง ๆ ครับ