Smart Review
รีวิว ROG Ally X เครื่องเกม PC พกพารุ่นใหม่ ปรับดีไซน์ลงตัวขึ้น | ความจุ 24GB+1TB | แบตเตอรี่เยอะขึ้น 2 เท่าตัว!
รีวิว ROG Ally X เครื่องเกม PC พกพารุ่นอัปเกรดจาก ASUS ที่รอบนี้ลงตัวขึ้นในหลายด้าน ตอบรับจากเสียงฟีดแบ็คของผู้ใช้ ROG Ally รุ่นแรกได้เป็นอย่างดี ทั้งดีไซน์ใหม่ที่ช่วยให้เราควบคุมได้ง่ายขึ้น, สีสันที่ดูเกมมิ่งและดุดันกว่าที่เคย, ความจุใหม่ 24GB+1TB, มีระบบระบายความร้อนใหม่ และที่สำคัญได้แบตเตอรี่ที่มากกว่ารุ่นก่อนถึง 2 เท่า! เชื่อว่าการอัปเกรดในรอบนี้น่าจะถูกใจใครหลาย ๆ คนไม่น้อยเลยล่ะครับ!
แล้วแบบนี้คนที่มี ROG Ally รุ่นแรกอยู่ ควรค่าแก่การอัปเกรดใหม่ ประสบการณ์การเล่นจริงแตกต่างกันแค่ไหน เอาเป็นว่าติดตามได้จาก รีวิว ROG Ally X นี้เลยดีกว่าครับ!
สรุปสเปค ROG Ally X
- ขนาดตัวเครื่อง: 28.0 x 11.1 x 2.47 ~ 3.69 ซม.
- น้ำหนัก: 678 กรัม
- หน้าจอ: IPS 7″ อัตราส่วน 16:9
- ความละเอียด: FHD (1920 x 1800), sRGB 100%, ความสว่างสูงสุด 500nits, กระจก Gorilla Glass Victus
- refresh rate: 120Hz
- หน่วยประมวลผล: AMD Ryzen Z1 Extreme Octa-Core (4nm)
- กราฟิก: AMD Radeon Graphics (AMD RDNA 3)
- RAM: 24GB LPDDR5
- SSD: 1TB M.2 NVMe PCIe 4.0 SSD
- แบตเตอรี่ : 80Wh
- ระบบชาร์จเร็ว : 65W
- ระบบเสียง : ลำโพงคู่พร้อมเทคโนโลยี Smart Amplifier
- พอร์ตการเชื่อมต่อ
- USB-C 3.2 Gen 2 x 1
- USB-C 4 Gen 2 x 1
- UHS-II microSD card reader x 1
- พอร์ตหูฟังและไมโครโฟนขนาด 3.5 มม. แจ็ค 2-in-1 x 1
- USB-C 3.2 Gen 2 x 1
- การเชื่อมต่อ: Wi-Fi 6E(802.11ax) (Dual band) 2×2 + Bluetooth 5.2
- ระบบปฏิบัติการ: Windows 11 Home
- สี: สีดำ
แกะกล่อง ROG Ally X
ก่อนจะไปดูดีไซน์ตัวเครื่องแบบเต็ม ๆ เรามาแกะกล่องเช็กอุปกรณ์กันสักนิดดีกว่าเนาะ ROG Ally X มาพร้อมกล่องสีดำพร้อมกับภาพร่างของดีไซน์ตัวเครื่อง บ่งบอกถึงความดุดันที่เพิ่มมากขึ้นจากรุ่นแรกที่ตอนนั้นใช้เป็นสีเทาครับ
เมื่อเปิดกล่องออกมา อย่าลืมดูอุปกรณ์ตรงฝานี้ด้วยนะครับ เพราะจะมีแท่นวางตัวเครื่องที่แถมมาให้ 2 ชิ้นด้วย เป็นแผ่นสีเทาที่เขียนว่า ROG และ Ally ตรงนี้เราสามารถนำมาใช้เป็นที่วางเครื่องได้เลยเว้นช่องไว้พอดีเป๊ะ
ส่วนในกล่อง เมื่อเปิดขึ้นมาแล้ว จะเจอกับกระดาษแนะนำการใช้งานคร่าว ๆ ซึ่งเมื่อเราเปิดชั้นนี้ออกก็จะเจอกับตัวเครื่องที่ถูกวางไว้อย่างดีในกล่องนี้ครับ
ถัดลงไปก็จะเป็นชุดอุปกรณ์เสริมอย่างที่ชาร์จและเอกสารคู่มมือ เบ็ดเสร็จแล้วอุปกรณ์ที่แถมมาในกล่องของ ROG Ally X ก็มีด้วยกัน 4 อย่างดังนี้เลยครับ
- แท่นวางเครื่อง ROG Ally
- ตัวเครื่อง ROG Ally X
- เอกสารคู่มือ
- อะแดปเตอร์ชาร์จไว 65W
ดีไซน์ที่ดุดันขึ้นกว่าเดิม
เอาล่ะ! แกะกล่องเรียบร้อย ทีนี้ถึงเวลาของดีไซน์ตัวเครื่องกันแล้วครับ ROG Ally X จะมาพร้อมกับดีไซน์ทรงเดียวกับ Ally รุ่นแรก คือมีปุ่มกดและอนาล็อกอยู่ซ้าย-ขวา ตรงกลางมีหน้าจอขนาด 7″ แต่ตัวเครื่องจะมาพร้อมสีดำทำให้เพิ่มความดุดันขึ้นอย่างที่บอกไปนั่นเองครับ
วัสดุยังเป็นพลาสติกผิวด้านที่ช่วยให้เราหยิบถือได้อย่างดีไม่ลื่นมือ ขนาดของตัวเครื่องยังใกล้เคียงกับรุ่นก่อน แต่น้ำหนักจะเพิ่มขึ้นพอสมควร (70 กรัม) หยิบขึ้นมาครั้งแรกก็แอบรู้สึกถึงน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นอยู่นิดหน่อย คงเพราะมีการเพิ่มความจุแบตเตอรี่ขึ้นมาด้วย
ตัว Grip นั้นถูกออกแบบใหม่โค้งมนรับกับมือด้วยการเพิ่มความสูงขึ้นจากรุ่นก่อน 4.5 มม.และลึกลงจากเดิมอีกหน่อย ช่วยให้เราจับถือได้แบบเข้ามือมากขึ้น ถือเล่นนาน ๆ ได้แบบไม่เมื่อยมือนักครับ
ปุ่มกดและอนาล็อกใช้งานได้ดีกว่าเดิม
ที่ตัวปุ่มกดก็มัการปรับตำแหน่งใหม่เช่นกัน ให้ตัวอนาล็อกเข้าใกล้กับปุ่ม D-Pad ในฝั่งซ้ายและ ปุ่ม ABXY ที่เขยิบมาใกล้อนาล็อกฝั่งขวา ทำให้แต่ละนิ้วมือสามารถเคลื่อนไป-มาระหว่างกันได้ง่ายขึ้น ไม่เว้นช่องว่างห่างมากเกินไป
ตัวอนาล็อกก็เพิ่มความทนทานขึ้นกว่าเดิม ASUS เคลมว่าสามารถหมุนได้ถึง 5 ล้านรอบ เพิ่มขึ้น 2 เท่าจากรุ่นก่อน และตัวปุ่ม D-Pad ได้รับการออกแบบใหม่เพื่อลดความเหนียวเมื่อเคลื่อนที่เป็นวงกลม ในขณะที่ยังคงสั่งงานได้อย่างแม่นยำ
ตัวปุ่มกดก็จะวางตำแหน่งเหมือนจอย XBOX ปุ่ม ABXY อยู่ฝั่งขวาแบบ Flat Dome และรอบนี้เพิ่มความ Clicky เวลากดลงไปมากกว่าเดิม ช่วยให้เรากดสั่งงานได้แบบสนุกขึ้น ดีดรับกับนิ้วและยุบตัวน้อยลงกว่าเดิมด้วย
ด้านบนจะมีปุ่ม Shoulder Button เหมือนของ XBOX แบ่งเป็น RB LB ปุ่มแบนเล็กและปุ่ม RT LT แบบ Trigger ที่ตัวปุ่มยังมี Texture ที่มอบสัมผัสได้ดีเวลากด และรอบนี้มีการใช้ Hall Effect Triggers ที่ช่วยให้ตัว Triggers เคลื่อนที่ได้แม่นยำ มีความทนทานสูงและจะไม่เสื่อมสภาพจากการใช้งานเป็นประจำอีกด้วย
และปุ่มมาโคร 2 ปุ่มหรือ M1 กับ M2 ที่ด้านหลัง มีการปรับขนาดให้เล็กลงกว่ารุ่นก่อน มีความยืดหยุ่น ลดปัญหาการกดปุ่มลั่นแบบไม่ตั้งใจ รวมทั้งปุ่มมาโครสามารถตั้งโปรแกรมให้ใช้งานฟังก์ชันเฉพาะ เพื่อใช้งานได้ในลักษณะเดียวกับการใช้ปุ่ม Fn บน PC ได้ด้วยนะ
ส่วนดีไซน์ด้านหลังก็จัดเต็มใส่โลโก้ ROG ที่เป็นช่องระบายอากาศเท่ ๆ ที่มีพัดลมอยู่ภายใน 2 ตัวกระจายลมร้อนออกด้านบนครับ
พอร์ตการเชื่อมต่อเพิ่มเติม
และด้านบนเราจะเห็นส่วนประกอบหลายอย่างเลยไล่จากซ้ายไปขวาก็มี พอร์ต USB 4 Gen 2 แบบ Type-C, พอร์ต USB 3.2 Gen 2 แบบ Type-C, ไฟสถานะ, ปุ่มลด-เพิ่มเสียง, ช่องใส่ microSD, ช่องหูฟัง 3.5 มม.
อย่างที่เห็นครับรอบนี้ ASUS ใจปล้ำให้พอร์ต USB-C มา 2 พอร์ตเลย (USB 4.2 Gen 2 กับ USB 3.2 Gen 2) นอกจากนี้ พอร์ตทั้งสองยังรองรับ USB Power Delivery สูงสุด 100W เพื่อการชาร์จที่เร็วขึ้น เช่นเดียวกับ DisplayPort 1.4 สำหรับจอแสดงผลภายนอก แต่ตัวอะแดปเตอร์ที่ชาร์จที่ให้มาในกล่องจะเป็น 65W เพื่อให้อุปกรณ์มีขนาดกะทัดรัดและน้ำหนักเบา แต่ยังคงประสิทธิภาพการชาร์จที่เร็วแรงนั่นเองครับ
หน้าจอ 7″ กันแสงสะท้อนได้ดีเหมือนเดิม
ส่วนเรื่องหน้าจอ ROG Ally X ก็จะได้สเปคเดียวกับ ROG Ally เดิมเลย แต่นั่นก็ถือว่าเป็นจอที่ยอดเยี่ยมมาก ๆ แล้ว ด้วยจอ IPS LCD ขนาด 7″ ความละเอียด FHD อัตราส่วน 16:9 ก็คือเข้ากับเกมได้เป็นอย่างดี ความสว่างสูงสุด 500nits ในเรื่องสีสันก็ทำได้ดีครับตัวกระจกใช้เป็น Gorilla Glass Victus ที่เคลือบด้วย Gorilla Glass DXC มาอีกชั้น ช่วยลดแสงสะท้อนได้ดีเลย รองรับการสัมผัสเต็มรูปแบบและมี Refresh rate สูงสุด 120Hz ใช้งานได้ดีไม่ต่างจากสมาร์ทโฟนเลยครับ
โดยรวมในเรื่องดีไซน์ของ ROG Ally X ก็ถือว่ามีการอัปเกรดขึ้นจากรุ่นก่อนอยู่หลายจุด ไม่ใช่แค่เปลี่ยนสีเป็นสีดำเท่านั้น ตัวปุ่มปรับตำแหน่ง เพิ่มความทนทานและกดได้มันส์ขึ้น ตัวแชสซีได้ปรับแต่งใหม่ให้มีการยึดเกาะเป็นพิเศษ ป้องกันการลื่นของนิ้วมือ มีพอร์ตการเชื่อมต่อ USB-C มาให้ 2 พอร์ตใช้งานได้เยอะและคล่องตัวยิ่งขึ้น ส่วนหน้าจอแม้จะไม่ได้เพิ่มเติมความละเอียดหรือความสว่างขึ้นมา แต่ก็ยังเป็นจอที่คุณภาพเยี่ยมสำหรับการเล่นเกมในยุคนี้อยู่ดีครับ
ความจุที่เพิ่มขึ้นอย่างจุใจ
มาต่อเรื่องสเปคภายในกันบ้าง ROG ALLY X อัปเกรดเรื่องความจุขึ้นมาเป็น RAM 24GB (LPDDR5 7500) และ SSD 1TB (M2 PCle 4.0 NVMe 2280) ซึ่งมากกว่ารุ่นแรกที่ RAM 16GB และ SSD 512GB พอสมควรเลย เพิ่มประสิทธิภาพการเล่นเกมและพื้นที่ในการเก็บเกมได้อีกเยอะ
แต่ในด้านชิปประมวลผล ROG ALLY X ยังได้ AMD Ryzen Z1 Extreme ตัวเดิมอยู่ ไม่ได้อัปเกรดเป็นรุ่นใหม่หรือเพิ่มความเร็วให้พิเศษครับ แต่ก็เช่นเดียวกับเรื่องหน้าจอแหละครับ สเปคเดิมที่ให้มาก็ไม่ได้แย่ เพราะเคยเคลมว่าเล่นเกม AAA ได้อย่างลื่นไหลทั้งหมดอยู่แล้ว แถมรอบนี้ได้ RAM มากขึ้น ก็ตอบโจทย์เกมในอนาคตยิ่งขึ้นด้วยเนาะ
ผลทดสอบก็สูงถูกใจ
เพื่อให้เห็นภาพความแรงของ ROG ALLY X เราก็มีผลทดสอบจากแอป Benchmark ยอดฮิตมาฝากกันหน่อยด้วย ผลที่ออกมาก็แรงตามคาดดังนี้เลยครับ
Geekbench 6 = Single-Core 2523 | Multi-Core 11972
PCMARK 10 = 7114
3DMark (Time Spy Extreme) = 1683
3DMark (Fire Strike Ultra) = 2336
3DMark (Night Raid) = 29582
ประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมเหมือนเคย
ถึงเวลาลองเกมกันแล้วเนอะ รอบนี้เราทดสอบกับเกม AAA 5 เกมเลย ประกอบด้วย Forza Motorsport, EA FC24, Overwatch 2, Mafia The Definitive Edition, Call of Duty Warzone ครับ
เล่น Forza Motorsport บน ROG Ally X
เริ่มที่เกมแข่งรถฟอร์มยักษ์ เกมนี้ปรับกราฟิกมาให้ในค่าเริ่มต้นที่ระดับสูง บนความละเอียด FHD เต็ม ๆ รันได้แบบลื่น ๆ ไม่ติดขัดเลยจริง ๆ ครับ ภาพสวยอลังการมากบนจอ 7″ นี้ การควบคุมด็ทำได้ลงตัวขึ้นด้วยการวางตำแหน่งของปุ่ม รวมถึงการออกแบบ Trigger ที่ยืดหยุ่นขึ้นก็ได้อารมณ์เหมือนเราได้เล่นบน XBOX แบบพกพายังไงยังงั้นเลย
เล่น EA FC24 บน Ally X
ต่อมากับเกมฟุตบอล FC24 หรือฟีฟ่าภาคล่าสุด ก็เช่นเดียวกับ Forza ครับ การตั้งค่าเริ่มต้นปรับมาให้ระดับสูงทั้งหมดอยู่แล้ว ก็ได้ภาพสวยเต็มตาทั้งตอนเกมเพลย์หรือคัทซีนเลย เฟรมเรตก็เกาะที่ 60fps ตลอดแมทช์ ไม่ติดขัด เราว่าเป็นประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมเลยนะ สำหรับใครที่อยากเล่นฟีฟ่าแบบภาพสวยระดับนี้ในรูปแบบพกพาน่ะ
เล่น Overwatch 2 บน ROG Ally X
ต่อมาก็ Overwatch 2 เกมนี้ก็ยังปรับกราฟิกได้ระดับสูงเช่นกัน ตัวเกมเรนเดอร์ภาพได้สวยคมชัดบนขนาดจอเท่านี้แล้ว ในเรื่องการควบคุมก็ถูกปรับให้เข้ากับรูปแบบ Controller mode เลย เราไม่ต้องตั้งค่าอะไรให้วุ่นวาย แต่ข้อจำกัดของเกมแนว FPS บนจอยก็อาจจะมีบ้าง เพราะอาจจะไม่คล่องตัวเท่ากับตอนเล่นบนคีย์บอร์ดกับเม้าส์น่ะเนาะ ซึ่งตรงนี้ขึ้นอยู่กับความถนัดของแต่ละคนแหละ
เล่น Mafia บน ROG Ally X
ซึ่งเราว่าเกมที่เหมาะกับเครื่องเกมพกพาแนวนี้คงเป็นพวกเกมมุมมองบุคคลที่ 3 (TPS) มากกว่า อย่างเกม Mafia ที่เป็นเกมแนว Open world นี้ก็จะได้การควบคุมของตัวละคร ขับรถ หรือยิงปืนแบบไม่อาศัยความแม่นยำสูงสุด ก็จะเหมาะกว่า ส่วนภาพกราฟิกก็ทำได้ดี แม้ค่าเริ่มต้นระบบจะเลือกตั้งค่ามาที่ 1600×900 แต่เราก็สามารถปรับไปที่ 1920×1080 (FHD) แล้วยังลื่นไหล เหมือนกับอีก 3 เกมก่อนหน้าอยู่ดีครับ
เล่น Call of Duty Modern Warfare III บน ROG Ally X
ปิดท้ายที่ Call of Duty เราเล่นเป็นภาค Modern Warfare III ล่าสุดนี่แหละ แต่เน้นไปที่โหมด Multi-player แทน ตัวเกมก็เลือกระดับกราฟิกมาสูงเช่นกัน ต้องบอกเลยว่าภาพสวยอลังการมาก ตัวเกมนี้จริง ๆ มีพื้นฐานใกล้เคียงกับ Warzone ของมือถือ แต่แน่นอนว่าพอเป็นเวอร์ชั่น PC แล้ว ภาพเอย เอฟเฟกต์เอย ไปคนละขั้นเลย แต่พอได้มาเล่นในรูปแบบพกพาได้แบบนี้ก็แอบทึ่งเหมือนกัน เพราะรันได้ลื่นไหลจริง แต่การควบคุม เราว่าต้องปรับตัวกันหน่อยเพราะเกมแนว FPS เหมือน Overwatch 2 เลยแหละ
ทั้ง 5 เกมที่เราลองต้องบอกเลยว่าปรับกราฟิกได้ระดับสูงทั้งหมด ซึ่งถือว่าเกินพอสำหรับการเล่นแบบพกพา (Handheld) แบบนี้แล้วล่ะครับ ด้วยขนาดหน้าจอ 7″ ชัดกว่านี้หรือภาพสวยสุดกว่านี้ก็คงเกินความจำเป็นไปหน่อยเนาะ
ระบายความร้อนได้ดีแบบรอบด้าน
ส่วนเรื่องระบบระบายความร้อน ROG Ally X ใช้เทคโนโลยี Zero Gravity แบบพัดลมคู่ ทำให้คงความเย็นและเสียงเงียบ รวมทั้งจำนวนใบพัดที่เพิ่มขึ้นและช่องระบายอากาศที่ 3 ตรงช่องด้านบน มีพัดลมขนาดเล็กลง 23% ใบพัดบางลง 50% แต่เพิ่มประสิทธิภาพการระบายอากาศได้ดีขึ้น 24% ช่วยให้หน้าจอ Touch screen มีอุณหภูมิเย็นลงถึง 6 ºC ทำให้ระบายความร้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
แบตเตอรี่เยอะขึ้น 2 เท่า เล่นได้นานกว่าชัดเจน
อีกเรื่องที่ไม่พูดถึงของการอัปเกรดบน ROG Ally X ก็คือการอัปเกรดแบตเตอรี่ เพราะเป็น Pain Point หลักของรุ่นก่อน รอบนี้ ASUS เพิ่มความจุขึ้นมาเป็น 80Wh หรือมากกว่ารุ่นก่อนถึง 2 เท่าตัว! ซึ่งเท่าที่เราลองใช้เกมแบบจริงจังก็รู้สึกได้เลยว่าแบตเตอรี่อึดขึ้นจริง ถ้าเล่นแบบเปิดทั้งหมดสุดก็สามารถเล่นได้ถึง 2.7 ชม. แต่ถ้าปรับลดความแรงของ CPU ลงมาสัก 17W หรือ 13W ก็จะนานขึ้นได้อีกด้วยนะ
เรียกว่าแก้เกมในเรื่องของแบตเตอรี่ที่อยู่ไม่ทนได้พอสมควรเลยล่ะครับรุ่นนี้ ส่วนระบบชาร์จก็รองรับแบบ Power Delivery (PD) ที่ใช้เวลาไม่นานก็ชาร์จกลับมาให้เราได้เล่นต่อกันอีกแล้ว นั่นหมายความว่าเราสามารถใช้งานร่วมกับ Powerbank ที่รองรับ PD เพื่อชาร์จเวลาออกไปเล่นนอกบ้านได้อีกด้วยนะ
รันด้วย Windows 11 พร้อมซอฟต์แวร์ที่รองรับหลายอย่าง
ในเรื่องซอฟต์แวร์ภายใน ROG Ally X ยังคงใช้ระบบ Windows 11 Home เหมือนรุ่นก่อน ซึ่งจะมีการทำ UI ครอบทับด้วย Armoury Crate SE มาอีกที เพิ่มความเป็นเครื่องเกมขึ้นมาอีกเหมือน Dashboard รวมเกมที่มีบนเครื่องไว้ รวมถึงการตั้งค่าอื่น ๆ ของเครื่องในนี้ด้วยครับ
ซึ่ง UI เวอร์ชั่นใหม่ก็จะปรับให้เข้าถึงได้ง่ายขึ้น มีหน้ารวมแพลตฟอร์มของเกม, เกมที่ติดตั้ง หรือหน้าโปรดที่เราสามารถเลือกเกมหรือแพลตฟอร์มมารวมกันได้ จัดสรรหน้าใหม่ได้สะดวกกว่าเดิม
ในการตั้งค่าของระบบก็ทำได้หลากหลายเลย ไม่ว่าจะเป็นการ Mapping ปุ่ม, ปรับระดับของปุ่มอนาล็อก/Trigger, ไฟ RGB, หรือ Game Profile เรียกว่าถูกใจเกมเมอร์ที่ชอบการปรับแต่งเลยล่ะ
ROG Ally X ก็ยังมีปุ่ม Command Center ที่สามารถเรียกทางลัดขณะที่เราเล่นเกมหรือใช้งานทั่วไปแบบด่วน ๆ อาทิ ปรับโหมดตัวเครื่อง, ปรับรูปแบบการควบคุม, Game Profile, เปิด-ปิด Real-time Monitor, ปรับความละเอียดหน้าจอ, ปรับ Refresh rate หรือแคปหน้าจอ, อัดวิดีโอหน้าจอก็มาตั้งค่าในนี้ได้เช่นกันครับ
แต่ความได้เปรียบของระบบ Windows 11 แบบเต็ม ๆ ก็คงไม่หมดแค่นี้ เพราะเราสามารถกดออกไปหน้า Desktop ได้เหมือนคอมพิวเตอร์พกพาสักเครื่องเลย มีไอคอนโปรแกรมบนหน้าจอและมี Taskbar อะ…ที่นี้เราอยากจะดาวน์โหลดโปรแกรมหรือเกมในช่องทางอื่น ๆ นอกจาก Store ที่รองรับก็ได้เลย เข้าเว็บโหลดนั่นนี่มาเพิ่มได้เลย
หรือจะใช้งานด้านอื่นเสริม จะเข้าเว็บไซต์ ดู YouTube หรือ Netflix ก็ทำได้เพิ่มเติม ข้อดีของการเป็น Windows 11 เต็ม ๆ ก็เหมือนจะได้เปรียบเรื่องนี้เหมือนกัน ไม่ใช่แค่เครื่องเล่นเกมที่เล่นได้แต่เกมน่ะเนาะ
หรือสายทำงานที่ต้องการโหลดแอปอื่น ๆ มาแก้งานนิดหน่อย ก็มี Microsoft Office ติดตั้งมาให้แล้ว หรือจะดาวน์โหลดเพิ่มจาก Windows Store ดาวน์โหลดจากหน้าเว็บมาติดตั้งเองก็ได้หมดครับ
ราคาและโปรโมชั่น
ROG Ally X เปิดราคามาที่ 29,990 บาท โดยจะเริ่มวางจำหน่ายตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
สรุปแล้ว “นี่คือเครื่องเกม PC พกพารุ่นอัปเกรด ที่เกมเมอร์ไม่ควรพลาด”
สรุปแล้ว ROG Ally X ก็ถือเป็นเครื่องเกม PC พกพารุ่นอัปเกรดที่น่าสนใจขึ้นในทุกด้านจากรุ่นก่อน เพราะได้รับการอัปเกรดขึ้นมาตั้งแต่งงานออกแบบใหม่ด้วยสีดำด้านที่ดูดุดัน ปรับรูปแบบของตัวเครื่องให้จับถือได้ถนัดขึ้น ปุ่มกดดีขึ้น มี RAM มากขึ้นเป็น 24GB รองรับเกมในอนาคตรวมถึงเพิ่มพื้นในการใช้งานเป็น 1TB เก็บเกมได้จุใจกว่าเดิม แต่ทีเด็ดที่สุดก็คือเรื่องของแบตเตอรี่ที่รุ่นนี้ได้มาเพิ่มขึ้นจากรุ่นแรกถึง 2 เท่าตัว ช่วยให้เล่นเกมต่อเนื่องได้นานและจุใจขึ้นไปอีก ทั้งหมดนี้คือจุดที่ออกมาแก้ Pain Point เดิมของ ROG Ally รุ่นแรกได้อย่างหมดจดจริง ๆ ครับ ใครที่กำลังมองหาเครื่องเกม PC พกพาแบบที่สเปคจัดเต็มเราว่าถึงเวลาที่ต้องเป็นเจ้าของ ROG Ally X เครื่องนี้แล้วล่ะครับ!