Smart Review
รีวิว vivo Y200 5G “สุดทน! ท้าชนทุกสเปก” ด้วยมาตรฐานความทนทานหลากหลายรูปแบบ | แบตเตอรี่ 5000mAh | ชาร์จไว 80W FlashCharge
รีวิว vivo Y200 5G สมาร์ตโฟนน้องใหม่จาก vivo ที่มาพร้อมสโลแกน “สุดทน! ท้าชนทุกสเปก” จัดเต็มทุกความทนทานด้วยมาตรฐานที่หลากหลาย ดีไซน์ที่สวยงามขอบ Metalic High-Gloss พร้อมสีไฮไลท์ Titanium Silver และยังมีแบตเตอรี่ความจุสูง 5000mAh กับชาร์จไว 80W FlashCharge อีกด้วย
เอ้า! อวดไฮไลท์ซะน่าสนใจขนาดนี้ อย่ารอช้า มาติดตาม รีวิว vivo Y200 5G กันเลยดีกว่าเนาะ
สรุปสเปก vivo Y200 5G
- ขนาดตัวเครื่อง : 163.23 × 75.93 × 7.95 มม. (สี Titanium Silver, Dreamy Violet) | 163.23 × 75.93 × 7.79 มม. (สี Dynamic Black)
- น้ำหนัก : 190 กรัม (สี Titanium Silver, Dreamy Violet) | 188 กรัม (สี Dynamic Black)
- หน้าจอ : E4 AMOLED ขนาด 6.67″
- ความละเอียด : FHD+ (2400 x 1080 พิกเซล), ความสว่างสูงสุด 1800nits
- Refresh rate : 120Hz
- ชิปเซ็ต : Snapdragon 4 Gen 2 Octa-Core 2.2GHz (4nm)
- RAM : 8GB/12GB (LPDDR4X)
- ROM : 256GB/512GB (UFS 2.2)
- micro-SD : รองรับสูงสุด 2TB
- แบตเตอรี่ : 5000mAh
- ระบบชาร์จไว : 80W FlashCharge
- กล้องหน้า : 32MP f/2.45
- กล้องหลัก : 2 ตัว + ไฟแฟลช และ Aura Light 2 โทน
- 50MP กล้องหลัก f/1.8
- 8MP กล้อง Ultra Wide Angle f/2.2
- การเชื่อมต่อ : Wi-Fi 5, WLAN 2.4 GHz/5 GHz, Bluetooth 5.0 และพอร์ต USB-C (USB 2.0)
- มาตรฐานกันน้ำกันฝุ่น : IP64
- ระบบปฏิบัติการ : Android 14 ครอบทับด้วย Funtouch OS 14 (FunTouch OS 15 พร้อมให้อัปเดตเดือนก.พ.68)
- สีสัน : สีเงิน Titanium Silver, สีม่วง Dreamy Violet, สีดำ Dynamic Black
แกะกล่อง vivo Y200 5G
ก่อนจะไปดูรีวิวตัวเครื่องเต็ม ๆ เราขอมาแกะกล่องแพ็กเกจพร้อมอุปกรณ์ในกล่องกันก่อนดีกว่าเนาะ ที่หน้ากล่องรอบนี้จะโชว์ภาพตัวเครื่องในสี Titanium Silver เด่น ๆ ซึ่งไม่ว่าเราจะเลือกเครื่องสีไหนหน้ากล่องก็จะเป็นภาพนี้ทั้งหมด
รายละเอียดของสีเครื่องในกล่องให้ดูที่ด้านหลังแทนครับ จะมีระบุไว้เป็นภาษาไทยครบถ้วน เช็กกันตรงนี้ได้เลย
ส่วนอุปกรณ์ภายในกล่องก็ให้มาครบครันเหมือนเดิมครับ เบ็ดเสร็จแล้วอุปกรณ์ในกล่องจะให้มาทั้งหมด 6 อย่าง ประกอบด้วย
- ตัวเครื่อง vivo Y200 5G
- สายชาร์จ USB-A to USB-C
- อะแดปเตอร์ชาร์จไว 80W FlashCharge
- เคสใส
- เอกสารคู่มือ
- เข็มจิ้มถาดซิม
มีให้เลือก 3 สี สวยมีเรื่องราว
เอาล่ะ! ได้เวลามายลโฉมน้อง vivo Y200 5G กันแล้วครับ รุ่นนี้เปิดตัวมาด้วยกัน 3 สีคือ สีเงิน Titanium Silver, สีม่วง Dreamy Violet และสีดำ Dynamic Black ซึ่งสวยกันทุกสี มีความโดดเด่นที่ต่างกันไป พร้อมแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ดังนี้เลยครับ
สีเงิน Titanium Silver
เริ่มที่สีไฮไลท์ของ vivo Y200 5G ก่อนเลยกับ Titanium Silver ที่เห็นได้ชัดว่าโทนจะมีความเป็นสีเทาออกไทเทเนียม เป็นสัญลักษณ์ของความบริสุทธิ์ เรียบง่าย แต่หรูหรา มาพร้อมการออกแบบที่ทันสมัย สะท้อนถึงเทคโนโลยีอนาคต มีพื้นผิว Diamond Starry Texture ที่เพิ่มความระยิบระยับให้กับฝาหลังเมื่อสะท้อนกับแสงได้เป็นอย่างดีทีเดียวครับ
นอกจากนี้สี Titanium Silver ยังมีฟีเจอร์ลับที่ตัวเครื่องสามารถเปลี่ยนสีได้เมื่อโดนแสง UV หรือโดนแดดได้อีกด้วย จากเครื่องสีไทเทเนียมโทนเทา ๆ ก็จะเป็นสีเขียวอมฟ้าได้ด้วย เป็นกิมมิคเล็ก ๆ ที่ vivo เคยใช้กับ V-Series มาแล้ว และครั้งนี้ถูกนำมาใช้บน Y-Series เรียบร้อย
สีม่วง Dreamy Violet
มาต่อกันที่สีม่วง Dreamy Violet อันนี้ก็โดดเด่นไม่แพ้กัน เป็นโทนสีม่วงสว่างและนุ่มนวล ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในโลกความฝัน มาพร้อมบรรยากาศสุดโรแมนติกและมีเสน่ห์ ตัวฝาหลังจะมีลูกเล่น 3D Petal Texture ที่ได้แรงบันดาลใจจากดอกไม้มาอีกที เพิ่มความสะท้อนแสงเงาและพื้นผิวให้ตัวเครื่อง
สีดำ Dynamic Black
ปิดท้ายที่สีดำ Dynamic Black ที่…ไม่ดำซะทีเดียว เพราะเป็นการผสมผสานระหว่างเฉดสีดำและสีม่วงเข้าด้วย มอบทั้งความรู้สึกหรูหราและลึกลับในเวลาเดียวกัน
ก็เป็น 3 สีที่ดูมีเสน่ห์มาก ๆ น่าจะถูกใจทุกกลุ่มเลยล่ะครับ เพราะทุกสีให้ความสำคัญกับพื้นผิวที่เรียบง่าย จับถือได้ดี มอบความงดงามเวลามองได้อย่างลงตัว
โมดูลกล้องแรงบันดาลใจจากเพชรทรงเหลี่ยม พร้อม Aura Light Portrait
นอกจากสีสันที่ให้ความสำคัญแล้ว โมดูลกล้องของ vivo Y200 5G ก็ยังทำได้ดี ด้วยกล้องหลังคู่เรียงกันลงมาในแนวตั้งบนฐานกล้องยาว ๆ ตัวเลนส์กล้องได้แรงบันดาลใจมาจากเพชรทรงเหลี่ยมที่เชื่อมโยงความงามแบบดั้งเดิมเข้ากับความทันสมัย ทำให้ดูหรูหราและยังคงความคลาสสิกได้เป็นอย่างดี
นอกจากนี้ vivo Y200 5G ยังเป็นสมาร์ตโฟน Y-Series รุ่นแรกที่มาพร้อมกับไฟแฟลช Aura Light Portrait ที่เคยสร้างชื่อบน vivo V-Series มาแล้ว สามารถปรับอุณหภูมิแสงอัจฉริยะ พร้อมระบบ AI เพิ่มความสวยงามได้อีกด้วย
หน้าจอ AMOLED ลื่นไหล 120Hz
พลิกมาดูที่หน้าจอกันบ้าง vivo Y200 5G นั้นได้หน้าจอ AMOLED ขนาด 6.67″ มาเลย เป็นจอที่เกรดสูงแสดงสีสันได้อย่างสวยงาม แถมขนาดก็กำลังดีครับ มีเจาะรูกล้องเล็ก ๆ ไว้ด้านบนไม่กวนสายตาเวลาใช้งานแต่อย่างใด
ในเรื่องการแสดงผลก็มีความละเอียด FHD+ (2400 x 1080 พิกเซล) ที่สวยงามคมชัดดีมาก จะเอามาดูคอนเทนต์ต่าง ๆ หรือดูภาพถ่ายความละเอียดสูงก็รับรองว่าถูกใจแน่นอน นอกจากนี้การตอบสนองก็ยังลื่นไหลถึง 120Hz ช่วยให้เราใช้งานได้แบบไม่ติดขัด
นอกจากนี้ในเรื่องความสว่างสูงสุด vivo Y200 5G ก็ยังดันได้สูงสุดที่ 1800nits เพียงพอต่อการใช้งานกลางแจ้งได้แล้ว อีกทั้งยังมีมาตรฐาน SGS Eye Protection ที่การันตีว่าจอของรุ่นนี้ถนอมสายตาให้ผู้ใช้งานอีกด้วย
กรอบตัวเครื่องแบบ Metallic High-Gross
กรอบตัวเครื่องของ vivo Y200 5G ใช้วัสดุพลาสติกที่เคลือบเงาแบบ Metallic High-Gross เพิ่มความหรูหราให้เวลามองเห็น มีกรอบเหลี่ยมที่ดูทันสมัยลงตัว
แต่จะมีจุดสังเกตอยู่นิดหน่อยตรงที่กรอบเครื่องแบบนี้จะติดรอยนิ้วมือง่ายไปนิด ใครที่ใช้งานแบบไม่ใส่เคสอาจจะต้องคอยทำความสะอาดนิดหน่อย
บางและน้ำหนักเบา จับถนัดมือ
ในเรื่องขนาดและน้ำหนักก็ต้องขอชมเลยครับ vivo Y200 5G ทำได้ดีเลย เพราะมาพร้อมความบางเพียง 7.79 มม.(ในสีดำ), 7.95 มม. (ในสีเงินและสีม่วง) ทำให้เราจับถือได้ถนัด ไม่หนาเทอะทะจนเกินไป แถมน้ำหนักก็เบาแค่ 188 กรัม (ในสีดำ) และ 190 กรัม (ในสีเงินและสีม่วง) อีกด้วย เป็นรุ่นที่ขนาดน้ำหนักดีเลยล่ะ
ตำแหน่งปุ่มกดก็วางไว้ในมุมมาตรฐานของ vivo เลยครับ มีปุ่มเพิ่ม-ลดเสียงกับปุ่ม Power อยู่ที่มุมขวาของตัวเครื่อง
ตำแหน่งอื่น ๆ ก็จะมีพอร์ตการเชื่อมต่อแบบ USB-C อยู่ด้านล่างพร้อมลำโพงหลัก, ไมโครโฟนและช่องใส่ซิมการ์ด ส่วนด้านบนก็จะมีไมโครโฟนตัดเสียงตัวที่ 2 อยู่ครับ
ตัวถาดซิมของ vivo Y200 5G จะเป็นแบบ Hybrid Slot คือสามารถใส่ 2 ซิมพร้อมกันได้ หรือจะเลือกใส่ 1 ซิมพร้อมกับเพิ่ม microSD ก็ได้เช่นกัน ซึ่งรุ่นนี้รองรับการเพิ่มความจุภายนอกได้ถึง 2TB เลยทีเดียว
โดยรวมในเรื่องดีไซน์ของ vivo Y200 5G ก็ถือว่าทำได้น่าสนใจครับ ทั้งดีไซน์กรอบเหลี่ยมขนาดน้ำหนักกำลังดี โมดูลกล้องแรงบันดาลใจจากเพชร พร้อมไฟ Aura Light Portrait มีหน้าจอ AMOLED สีสวยขนาดใหญ่ และสีสันที่มีให้เลือก 3 สี 3 โทน อีกต่างหาก
ทนทานผ่านมาตรฐานหลากหลายรูปแบบ
อย่างที่บอกไปว่า vivo Y200 5G นั้นมีสโลแกน “สุดทน! ท้าชนทุกสเปก” ก็เลยอยากจะมาแนะนำความทนทานของรุ่นนี้สักหน่อย เพราะผ่านมาหลายมาตรฐานเหลือเกิน ประกอบด้วย
- Micro Drop Test
- ทดสอบการถอดและเสียบ USB
- Extreme Environment Testing
- ทดสอบการกดปุ่มเพิ่มและลดเสียง
- ทดสอบการกดปุ่มเปิดและปิดเครื่อง
- มาตรฐานทนน้ำ IP64
มีมาตรฐานมาเยอะแบบนี้ ก็มั่นใจได้เลยว่าตัวเครื่อง vivo Y200 5G จะทนทานท้าชนได้ในหลายสถานการณ์ในชีวิตประจำวัน
แต่แค่เคลมแบบนี้เราคงไม่เชื่อเลยทันที เลยขอทดสอบบางสถานการณ์กันหน่อย อย่างการทนการตกหรือ Micro Drop Test ที่อาจจะพบเจอได้ในชีวิตประจำวัน เผลอปัดเครื่องตกจากโต๊ะ เผลอนั่งทำตัวเครื่องไปแบบเต็ม ๆ หรือโดนน้ำหกใส่
และก็อย่างที่เคลมจริง ๆ ครับ ตัวเครื่องไม่เกิดความเสียหายเลย ยังสามารถใช้งานได้ต่อได้เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น นี่สินะ “สุดทน! ท้าชนทุกสเปก”
สเปกน่าสนใจด้วยชิป Snapdragon 4 Gen 2
มาต่อกันที่สเปกของ vivo Y200 5G กันเลยดีกว่า รอบนี้ได้ชิป Snapdragon 4 Gen 2 รุ่นกลางที่ใช้งานได้อย่างคล่องตัว เพราะเป็นชิปเซ็ตแบบ Octa-Core แถมยังเป็นกระบวนการผลิตแบบ 4nm ที่จัดการพลังงานได้ดีเยี่ยมอีกต่างหาก
มีฟีเจอร์ Extended RAM เพิ่มได้สูงสุดอีก 8GB
ด้านหน่วยความจำ vivo Y200 5G ก็ยังมีฟีเจอร์ Extended RAM ที่ขยาย RAM ในตัวเครื่องจาก 8GB ขึ้นมาได้อีก 8GB ทีนี้เท่ากับเราจะมี RAM มากถึง 16GB ไว้ใช้งานเลยนะ จะใช้งานแบบต่อเนื่อง สลับแอปไป-มา ก็ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่พอใช้งานแล้วล่ะ
เพื่อให้เห็นภาพคร่าว ๆ ของสเปกรุ่นนี้ เราเลยทดสอบผ่านแอป Benchmark ยอดฮิตเพื่อให้เห็นตัวเลขคร่าว ๆ โดยคะแนนของ AnTuTu Benchmark v10 ออกมาที่ 444,568 แต้ม
ในขณะที่ Geekbench 6 จะได้ Single-Core ออกมาที่ 909 แต้ม และ Multi-Core ที่ 2,153 แต้มครับผม
เล่นเกมเป็นอย่างไร ไหวไหม !?
สำหรับใครที่เน้นการเล่นเกม อยากรู้ว่า vivo Y200 5G เล่นเกมได้ดีแค่ไหน ปรับได้ระดับใด วันนี้เราลองทดสอบกับ 2 เกม Asphalt 9 กับ PUBG Mobile มาให้ครับ ซึ่งตัวระบบเองจะมีฟีเจอร์ Game Space พร้อม Game Assistant ที่เข้ามาช่วยจัดการระบบให้เล่นเกมได้อย่างราบรื่นก่อนเข้าเกมด้วยนะ
เล่น Asphalt 9 บน vivo Y200 5G
เริ่มที่เกมแข่งรถอย่าง Asphalt 9 ก่อนเลย ตัวเกมให้เราปรับกราฟิกได้ที่ High Quality พร้อมกับเฟรมเรต 60fps ซึ่งสูงสุด ๆ แล้ว ภาพกราฟิกในเกมแสดงผลออกมาได้สวยงาม ส่วนตัวเฟรมเรตก็นิ่งกำลังดี ถือว่าทำได้น่าประทับใจสำหรับเกมนี้ครับ
เล่น PUBG บน vivo Y200 5G
ส่วน PUBG บน vivo Y200 5G ก็สามารถปรับเฟรมเรตได้สูงสุดที่ Ultra คู่กับกราฟิก Smooth เท่ากับว่าเล่นได้แบบลื่นไหลในแบบ 60fps กันเลย ตัวเกมก็ทำได้อย่างลื่นไหลดีครับ จังหวะการแตะที่หน้าจอก็ทำได้เนียน และข้อดีของตัวเครื่องที่มีลำโพงคู่ Stereo ก็ช่วยให้เล่นเกมได้สนุกขึ้น รู้ทิศทางต่าง ๆ ได้มากขึ้นด้วยเช่นกัน
แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 5000mAh
ด้านแบตเตอรี่ก็ถือเป็นอีกหนึ่งจุดเด่นด้านสเปกของ vivo Y200 5G เช่นเดียวกัน รุ่นนี้มาพร้อมกับแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ถึง 5000mAh ให้เราใช้งานนอกสถานที่ได้เต็มอิ่ม vivo เคลมว่าใช้งานได้นาน 10 ชม. หรือดูวิดีโอได้ต่อเนื่อง 15 ชม. หรือสายเม้าส์ก็โทรต่อเนื่องได้นานถึง 29 ชม. เลยทีเดียว
ชาร์จไว 80W FlashCharge
แค่แบตฯเยอะอย่างเดียวคงไม่พอ เพราะ vivo Y200 5G ยังมาพร้อมระบบชาร์จไว 80W FlashCharge ที่ vivo เคลมว่าสามารถชาร์จจาก 0 – 80% ภายใน 30 นาทีเท่านั้น และชาร์จเต็ม 100% เต็มได้ในเวลาแค่ 43 นาทีเลย ไม่ธรรมดาจริง ๆ เพราะอย่าลืมว่ารุ่นนี้มีแบตเตอรี่มากถึง 5000mAh เลยนะ
รับประกันสุขภาพแบตเตอรี่ 4 ปี
เห็นชาร์จไวได้ขนาดนี้ หลายคนอาจเกิดคำถามว่า แล้วแบตฯจะเสื่อมง่ายไหมเนี่ย ชาร์จเต็มเร็วขนาดนี้ ตรงนี้ก็ไม่ต้องห่วงอีกเช่นกันครับ เพราะ vivo Y200 5G เขาเคลมว่าสามารถใช้งานได้อย่างมั่นใจ การันตีสุขภาพแบตเตอรี่ไม่น้อยกว่า 80% เมื่อใช้งานนาน 4 ปีหรือชาร์จถึง 1,600 ครั้งเลยทีเดียว ทีนี้ก็สบายใจได้แล้วเนาะ ขอแค่ใช้ชุดชาร์จที่แถมมาในกล่องก็พอล่ะ
**โดยถ้าหากพบว่าแบตเตอรี่ลดต่ำกว่า 80% ในระยะ 4 ปีแรก vivo ให้เปลี่ยนแบตฯได้ฟรี 1 ครั้ง (เฉพาะลูกค้าที่ซื้อเครื่องวันที่ 25 ตุลาคม – 30 พฤศจิกายน 67 เท่านั้น)
กล้องหลังคู่ ถ่ายภาพเยี่ยมพร้อมไฟแฟลช AI Aura Light
ส่วนเรื่องกล้อง vivo Y200 5G ก็ให้กล้องหลังมา 2 ตัว ใช้งานได้จริงทั้งคู่ มีสเปกดังนี้ครับ
- 50MP กล้องหลัก (ขนาดเซ็นเซอร์ 1/2.76″) f/1.8
- 8MP กล้อง Ultra Wide f/2.2 มุมกว้าง 120º
ในเรื่องการประมวลผลภาพ vivo ก็เก่งพอสมควรเลย มี AI คอยตรวจสอบซีนของภาพนั้น ๆ ว่าควรปรับแต่งภาพเพิ่มเติมมาก-น้อยแค่ไหน ให้ผลลัพธ์ที่น่าสนใจและใช้งานได้จริง โดยในตัวเซ็นเซอร์หลักก็มีความละเอียดมากถึง 50MP ช่วยทดแทนการซูมในระยะ 1.5x – 2x ได้แบบใช้งานได้ โทนสีที่ได้จากกล้องหลักก็ถือว่าสวยและมีมิติดีทีเดียว เก็บรายละเอียดและปรับแต่งเพิ่มไม่เยอะจนเวอร์เกินจริง ให้อารมณ์ภาพแบบสวยสมจริง ตามตัวอย่างด้านล่างเลยครับ
ส่วนกล้อง Ultra Wide ก็ทำได้ดีครับ แม้จะมีความละเอียด 8MP แต่เป็นเลนส์ทุกคนได้ใช้งานจริง มุมมองของภาพกว้างถึง 120º แถมสีสันก็ใกล้เคียงกับกล้องหลักมาก ทำให้ใช้ร่วมกันได้แบบพอดีครับ
ถ่ายคนสวยตามสไตล์ vivo
ส่วนโหมดการถ่ายคนหรือ Portrait แม้เราจะไม่สามารถเลือกระยะของภาพได้ว่าจะใช้ 1x หรือ 2x แบบในโหมด Photo ปกติ แต่ข้อดีในโหมดนี้ตัวกล้องจะซูมเข้าใกล้ให้เราอีกเป็นระยะ 1.2x ทำให้ภาพที่ได้ไม่กว้างจนเกินไป และเข้าใกล้แบบได้อีกระยะ ส่วนการประมวลผลก็ทำได้ดีตามสไตล์ vivo เลยครับ โทนสวย การปรับแต่งใบหน้าและละลายฉากหลังทำได้ดี ถูกใจสาว ๆ แน่
มี AI Aura Light ไว้ใช้คู่กันด้วย
นอกจากนี้ยังมีไฟแฟลช AI Aura Light ช่วยให้เราถ่ายภาพได้อย่างครบถ้วนและคมชัดแม้ในสภาพแสงน้อย ซึ่งที่มีคำว่า AI อยู่ด้านหน้าก็เพราะ AI Aura Light นี้จะปรับความสว่างอัตโนมัติได้ 3 ระดับ พร้อมปรับอุณหภูมิสีได้อีก 6 ระดับ เข้าได้กับทุกสถานการณ์เลยก็ว่าได้ครับ
และถ้านำมาใช้งานร่วมกับโหมด Portrait เราจะได้ภาพที่แบบเปิดแฟลชที่สวยนวลขึ้น ดวงตาของแบบมีวงแหวนและเป็นประกายมากกว่าเดิมนั่นเอง
กล้องหน้า 32MP เซลฟี่สวย
ส่วนกล้องหน้า vivo Y200 5G ให้กล้องความละเอียดสูง 32MP ที่มีขนาดเซ็นเซอร์ 1/3.1″ พร้อม f/2.45 ช่วยให้เราเซลฟี่ได้สวยเนียนกว่าที่เคย คมชัดแม้ในสภาพแสงปกติและแสงน้อย
โหมดต่าง ๆ ก็รองรับเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น Portrait หรือ Night ครับผม
โดยรวมในเรื่องของกล้อง vivo Y200 5G ก็ถือว่าทำได้ดีเลยครับ มีกล้องหลักและกล้อง Ultra Wide ที่ใช้งานได้จริง เพียงพอต่อการเก็บภาพสวยทั้งภาพวิว ภาพ Portrait หรือกล้องหน้าที่ให้ความละเอียดสูงที่จะเซลฟี่และปรับโทนได้ถูกใจสาว ๆ นอกจากนี้ยังมี AI Aura Light ที่ช่วยเพิ่มลูกเล่นในการถ่ายภาพแสงน้อยเป็นครั้งแรกของ vivo Y-Series อีกต่างหาก!
ใช้ซอฟต์แวร์ Funtouch OS 14 บน Android 14
ปิดท้ายที่เรื่องซอฟต์แวร์ vivo Y200 5G มาพร้อมกับ Funtouch OS 14 ที่ครอบทับอยู่บน Android 14 อีกที ในเรื่องความลื่นไหลและการปรับแต่งก็ถือว่าทำได้ครบครันไม่แพ้ vivo รุ่นอื่น ๆ
นอกจากนี้ยังมีลูกเล่น AI บางอย่างให้ใช้งานด้วย เช่น AI Erase หรือ AI ช่วยลบวัตถุที่ไม่ต้องการออกจากภาพได้อย่างง่ายดาย และแน่นอนว่าทำได้เนียนด้วย
ราคาและโปรโมชั่น vivo Y200 5G
vivo Y200 5G มีให้เลือก 3 สี Titanium Silver, Dreamy Violet และ Dynamic Black กับ 2 ความจุ 8GB+256GB และ 12GB+512GB กับราคาดังนี้
- รุ่น 8GB+256GB = 9,999 บาท
- รุ่น 12GB+512GB = 12,999 บาท
สรุปแล้ว “นี่คือสมาร์ตโฟนสุดทน! ท้าชนทุกสเปกของจริง”
สรุปแล้ว vivo Y200 5G ก็ทำได้ยอดเยี่ยมสมกับสโลแกน “สุดทน! ท้าชนทุกสเปก” อย่างแท้จริง ด้วยมาตรฐานความทนทานที่หลากหลาย ทนต่อการตก ทนน้ำทนฝุ่น ได้แบบไม่ต้องกังวล ดีไซน์ตัวเครื่องที่สวยงามหรูหราอย่างในสีไฮไลท์ Titanium Silver ที่ดูพรีเมียมไม่ต่างจากรุ่นราคาหลายหมื่น กรอบเครื่อง Metallic High-Gloss ที่เลอค่า ได้ขนาดตัวเครื่องที่เบาและบาง ด้านสเปกก็ให้มาครบเครื่องตั้งแต่หน้าจอ AMOLED สว่างใส ชิปเซ็ต Snapdragon แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 5000mAh พร้อมระบบชาร์จไว 80W FlashCharge อีกทั้งยังมีกล้องหลังคู่ที่ถ่ายภาพได้ยอดเยี่ยมและไฟแฟลช AI Aura Light ที่รับรองว่าสาว ๆ ได้ลองจะต้องติดใจแน่นอนครับ!