รีวิว vivo V50 สมาร์ตโฟน “ถ่ายที่รักอย่างโปร” พร้อมกล้องระดับโปร ZEISS All Main Camera และดีไซน์สุดประณีต

โดย Shine

รีวิว vivo V50 สมาร์ตโฟนรุ่นใหม่ที่มาพร้อมสโลแกน “ถ่ายที่รักอย่างโปร” ได้กล้องถ่ายสวยคมชัดระดับโปร ZEISS All Main Camera ทุกเลนส์ทั้งกล้องหลังและกล้องหน้า มีดีไซน์สุดประณีต และเป็นสมาร์ตโฟนของ vivo ที่บางสุดและให้แบตเตอรี่มาถึง 6000mAh

สรุปสเปค vivo V50

  • ขนาดตัวเครื่อง : 163.29 × 76.72 × 7.39 มม. (สี Satin Black) และ 163.29 × 76.72 × 7.57 มม. (สี Ancora Red, Mist Purple)
  • น้ำหนัก : 189 กรัม (สี Satin Black) และ 199 กรัม (สี Ancora Red, Mist Purple)
  • หน้าจอแสดงผล AMOLED ขนาด 6.77 นิ้ว ความละเอียด FHD+ (2392 × 1080 พิกเซล) รองรับ Refresh Rate 120Hz อัตราส่วน 20:9 สัดส่วนพื้นที่ต่อหน้าจอ 93%, ความอิ่มตัวของสี 105% NTSC, แสดงผลสี 1.07 พันล้านสี, 100% DCI-P3 Color Gamut, Contrast Ratio 8000000:1 และความสว่างสูงสุด 4500 นิต
  • หน่วยประมวลผล : Snapdragon 7 Gen 3 Octa-core ความเร็วสูงสุด 2.63GHz
  • GPU : Adreno 720
  • RAM : 12GB LPDDR4X
  • ROM : 256/512GB UFS 2.2
  • กล้องถ่ายรูปด้านหลัง 2 เลนส์จาก ZEISS ดังนี้
    • เลนส์หลักความละเอียด 50MP รูรับแสง f/1.88 เซ็นเซอร์ OV50E ขนาด 1/1.55″ รองรับกันสั่น OIS และโฟกัสอัตโนมัติ
    • เลนส์ Ultra-Wide Angle กว้าง 119 องศา ความละเอียด 50MP รูรับแสง f/2.0 เซ็นเซอร์ JN1 ขนาด 1/2.76″ และโฟกัสอัตโนมัติ
  • กล้องหน้า ZEISS Group Selfie มุมกว้าง 92 องศา ความละเอียด 50MP รูรับแสง f/2.0
  • ระบบปฏิบัติการ Android 15 ครอบทับด้วย Funtouch OS 15
  • รองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi 6, Bluetooth 5.4, NFC, 5G และพอร์ต USB Type-C
  • แบตเตอรี่ BlueVolt ความจุ 6000mAh รองรับชาร์จเร็ว 90W FlashCharge

แกะกล่อง ดีไซน์ตัวเครื่อง และหน้าจอแสดงผล

มาแกะกล่อง vivo V50 กัน

กล่องของ vivo V50 มาพร้อมสีดำเข้ม สวยงาม และได้ความพรีเมียมสุดๆ ครับ ซึ่งใครที่สังเกตดีๆ จะเห็นว่ามีสัญลักษณ์ “Comes with AI” เข้ามาด้วย ซึ่งเป็นการบอกนัยๆ ว่ารุ่นนี้เน้นการใช้งาน AI ด้วยครับ

เปิดออกมาจะเจอกับตัวเครื่อง vivo V50 กันเลย ซึ่งหน้าจอติดกันรอยมาให้เรียบร้อยครับ

อีกชั้นจะเป็นเคสใส ตามด้วยคู่มือการใช้งานเบื้องต้น และชั้นท้ายสุดจะเป็นอะแดปเตอร์ 90W FlashCharge พร้อมด้วยสาย USB Type-A to Type-C และเข็มเปิดถาดซิม

พาชม vivo V50 x Vogue Gift Box รุ่นพิเศษ

ก่อนจะไปดู vivo V50 เราขอพาทุกคนมาชมกล่อง vivo V50 x Vogue Gift Box ที่เป็น Gift Box รุ่นพิเศษที่ไม่มีวางจำหน่ายครับ โดยกล่องนี้เป็นการแสดงถึงแบรนด์ vivo ที่ได้นำภาพลักษณ์ด้านแฟชั่นอันโดดเด่นมาผสานรวมกับสมาร์ตโฟน vivo V50 เป็นการนำเทคโนโลยีล้ำสมัยมาเข้ากับเทรนด์แฟชั่นได้อย่างลงตัว เรียกได้ว่านี่คือนิยามใหม่ของการออกแบบเทคโนโลยี (Redefining Tech Aesthetics)

vivo V50 x Vogue Gift Box ทำให้เรารู้สึกว่ามีสไตล์ที่ท้าให้ตกหลุมรักตั้งแต่เปิดกล่อง (The Ancora Portrait Muse) แบบชัดเจนมากๆ ซึ่งภายในกล่องจะมีอุปกรณ์อยู่ 4 อย่างด้วยกัน ดังนี้

1. ลิปสติก Gucci #509 สี Ancora Red

อย่างแรกที่ใส่เข้ามาคือลิปสติกจากแบรนด์ Gucci #509 เฉดสีแดงวินเทจที่ช่วยเสริมลุคให้ดูโดดเด่นและมีสไตล์ โดยสีสันนี้เป็นหนึ่งในแรงบันดาลใจของการร่วมมือระหว่าง vivo และ Vogue ทั้งยังเป็นอุปกรณ์ที่เข้ามาเติมเต็มอัตลักษณ์แห่งแฟชั่นให้กับ vivo V50 ได้เป็นอย่างดีด้วยครับ

2. สร้อยข้อมือ Ravipa คอลเลกชัน Sun Wukong Series (เจ้าพ่อเห้งเจีย)

ต่อมาเป็นสร้อยข้อมือ Ravipa ซึ่งเป็นเครื่องประดับแบรนด์ไทยชื่อดังที่ได้รับความนิยมจากไอคอนระดับโลก โดย Sun Wukong Series ที่ vivo เลือกมาใส่ในกล่องของขวัญนี้มีความโดดเด่นด้านการส่งเสริมปัญญาและความกล้าหาญ นำมาซึ่งพรมงคลและพลังบวกให้กับผู้ที่สวมใส่

3. ที่ตั้งโทรศัพท์ vivo

อย่างที่ 3 เป็นที่ตั้งโทรศัพท์ดีไซน์เก๋ที่มีที่ใส่บัตรหรือ Cardholder ในตัว ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในชีวิตประจำวันให้กับผู้ใช้งานได้อย่างมาก ซึ่งเข้ากันได้ดีมากๆ กับ vivo V50 ในสีสันใหม่ Ancora Red ซึ่งการใช้งานก็ง่ายมากๆ เพียงแค่นำวงแหวนแม่เหล็กติดเข้ากับด้านในเคส vivo V50 และนำ Cardholder ประกบเข้าไปด้านหลังเคสครับ

4. สายคล้องโทรศัพท์ vivo

ดีไซน์สีสันใหม่ สวยงาม และพรีเมียมแบบ Dual Ring

ความสวยงามของดีไซน์ยังคงเป็นจุดเด่นของ vivo V Series อยู่เสมอ และในรุ่น vivo V50 ก็ยังทำได้สวยงามและเป็นเอกลักษณ์ตามไสตล์เหมือนเดิม แต่เพิ่มเติมคือสีใหม่สีแดง Ancora Red ที่ดูในตอนแรกจะเป็นความร้อนแรง แต่ก็แฝงไปด้วยความสดใสที่สื่อถึงความรัก และยังได้รับแรงบันดาลใจมาจากธรรมชาติด้วย

ส่วนอีก 2 สีที่เป็นตัวเลือกคือ สีม่วง Mist Purple ราวกับหมอกยามเช้า ให้ความรู้สึกนุ่มนวลและละมุนที่มีความสดใสของสีสันที่มีการไล่ระดับสีม่วงและสีฟ้าอย่างลงตัวสุดๆ

และสีดำ Satin Black ที่ได้ความคมเข้ม คลาสสิก ได้ประกายเมทัลลิกที่สะท้อนความหรูหราและประณีต เหมาะกับทุกคนแน่นอน

ความสวยงามยังมีโมดูลกล้องหลังแบบ Dual Ring ที่เป็นลักษณะวงแหวนที่แบ่งเป็น 2 ส่วน คือบนและล่างอย่างสมดุล โดยด้านบนจะเป็นกล้อง 2 เลนส์ คือเลนส์หลัก + Ultra-Wide ส่วนด้านล่างจะเป็นการใส่ Aura Light เข้าไปครับ

แต่หากจะให้เราเจาะลึกเข้าไปอีก เราจะเห็นงานแกะสลักสุดประณีตระดับ Luxury มากๆ ซึ่งจะมีการแกะสลักเป็นลวดลายเพชร (Diamond Texture) แบบแมตต์อย่างลงตัว

เราพูดถึงความสวยงามของฝาหลังครบทั้ง 3 สีแล้ว มาดูตัวเครื่องกันต่อเลย จะสังเกตได้เลยว่าตัวเครื่องของ vivo V50 มีความบางเฉียบมากๆ เหมือนเดิม โดยเป็นดีไซน์บางที่สุดของสมาร์ตโฟนจาก vivo ที่มาพร้อมแบตเตอรี่ถึง 6000mAh โดยสีดำ Satin Black จะเป็นสีที่บางสุดเพียง 7.39 มม. และเบาที่สุดเพียง 189 กรัมเท่านั้น

ขณะที่อีก 2 สี อย่างสีแดง Ancora Red และสีม่วง Mist Purple จะมีความบางเพียง 7.57 มม. และเบา 199 กรัมครับ ทั้งนี้แม้ว่าตัวเลขจะดูต่างกัน แต่พอได้สัมผัสครบทั้ง 3 สีแล้วก็ไม่ได้รู้สึกถึงความแตกต่างในเรื่องความหนาและหนักเท่าไหร่

มาตรฐานกันน้ำ-ฝุ่น IP68 & IP69

vivo V50 ได้รับการอัปเกรดในเรื่องความทนทานของการกันน้ำ-ฝุ่น ซึ่งไม่ใช่มาแค่ IP68 ที่สามารถทนน้ำสะอาดได้ลึก 1.5 เมตร นานสุด 30 นาที แต่เมื่อได้ IP69 เข้ามาเพิ่มคือการทนน้ำเย็นได้ที่อุณหภูมิต่ำสุดถึง 5 องศา และทนแรงดันของน้ำได้ด้วยเช่นกันครับ

จอโค้ง 4 ด้าน ขอบบางเฉียบ ชัดเต็มตา 6.77″

vivo V50 ให้หน้าจอแสดงผลมาแบบจัดเต็มเพื่อให้เราใช้งานได้เต็มอรรถรสมากๆ ตั้งแต่การได้หน้าจอโค้งเล็กน้อยแบบ Micro Curved ใช้พาเนลแบบ AMOLED ขนาดใหญ่ 6.77 นิ้ว ใช้งานได้เต็มตา และคมชัดสูงที่ FHD+ (2392 x 1080 พิกเซล) ขณะที่สีสันที่แสดงผลออกมายังเป็น 1.07 พันล้านสี, ความอิ่มตัวของสี 105% NTSC และได้ความสว่างสูงสุดถึง 4500nits เรียกว่าเราใช้งานจอแบบสวยสดใสได้ในที่กลางแจ้งแบบสบายๆ

จุดเด่นอีกอย่างคือขอบหน้าจอที่บางเฉียบเพียง 1.86 มม. เท่านั้น ทำให้แสดงผลได้เยอะและเต็มตา แต่ตัวเครื่องมาในขนาดที่ไม่ใหญ่จนเกินไปครับ

พาชมรอบเครื่อง

พามาดูรอบเครื่องกันต่อ ที่ด้านบนหน้าจอจะได้กล้องหน้าจาก ZEISS 50MP ตรงกลาง และลำโพงด้านบนสำหรับการสนทนา

ทางด้านขวาจะเป็นปุ่มเพิ่ม-ลดเสียง และปุ่ม Power ตามปกติ

ด้านล่างเครื่องจะเป็นช่องใส่ซิมการ์ดแบบ NanoSIM 2 ช่อง โดยไม่มีช่องใส่ MicroSD Card มาให้ครับ ถัดไปเป็นไมโครโฟนตัวที่ 1 ตามด้วยพอร์ต USB-C และลำโพงสเตอริโออีกตัว

ส่วนด้านบนมีช่องสำหรับลำโพงสเตอริโอมาให้ และไมโครโฟนตัวที่ 2 เพื่อตัดเสียงรบกวน

ท้ายสุดเป็นกล้องหลังที่มี 2 เลนส์ และไฟ Aura Light ที่อยู่ในโมดูลกล้องแบบ Dual Ring

ซอฟต์แวร์ และฟังก์ชันการใช้งาน

แกะกล่องมาพร้อมระบบปฏิบัติการ Android 15 และ AI จัดเต็ม

vivo V50 แกะกล่องมาพร้อมระบบปฏิบัติการ Android 15 ที่ครอบทับด้วย Funtouch OS 15 ไม่ต้องรออัปเดตกันเลย ซึ่งในเวอร์ชันนี้จะเน้นไปที่ประสิทธิภาพความไหลลื่น และจัดสรรทรัพยากรของระบบได้ดีขึ้นด้วย ที่สำคัญยังใส่ฟีเจอร์ AI มาให้ใช้งานทันที

รองรับการใช้งาน 5G+

ด้วยการใช้งาน 5G ที่จริงๆ ก็ใช้งานได้แบบทั้ง NSA และ SA อยู่แล้ว แต่ vivo V50 ได้จับมือกับทาง AIS เพื่อให้ใช้งานเครือข่าย 5G ที่เร็วกว่าเดิมถึง 40% ทำให้รับสัญญาณได้ดีขึ้นกว่าเดิม ซึ่งจะเห็นเป็นสัญลักษณ์ 5G+ ขึ้นมาด้วย ทั้งยังมาพร้อมการรับสัญญาณได้ดียิ่งขึ้นด้วยตัวช่วยจับสัญญาณ AI Superlink

ลำโพงสเตอริโอคู่

ในเรื่องของลำโพง vivo V50 ก็ได้ลำโพงแบบสเตอริโอคู่ ซึ่งเป็นรุ่นธรรมดาใน vivo V Series ที่ใส่เข้ามาให้เรียบร้อยแล้วนะ ไม่ได้เป็นแบบโมโนแล้ว แถมระบบเสียงยังจัดเต็ม กระหึ่มมากๆ และได้ประโยชน์เต็มๆ ตอนที่เล่นเกมด้วย

ระบบความปลอดภัยจัดมาให้ครบ

ความปลอดภัยในการใช้งานเครื่องคือการสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอที่ทำได้เร็วและเสถียรมากๆ ซึ่งจะเป็นการสแกนแบบออปติคอลที่มีความปลอดภัยสูง

ฟีเจอร์ AI แบบจัดเต็ม

vivo V50 บอกเราตั้งแต่หน้ากล่องแล้วว่ามาพร้อม AI ซึ่งการใช้งานต่างๆ ก็มีการทำงานร่วมกับ Google อีกด้วยครับ ซึ่งฟีเจอร์หลักๆ ที่ได้ใช้งานจะมีดังนี้

AI Transcript Assist : สามารถแปลงเสียงเป็นข้อความ ซึ่งจะมีทั้งแบบพิมพ์เป็นข้อความทั้งหมด และมีแบบสรุปโดยย่อมาให้เราเห็นด้วยครับ

Live Call Translation : เป็นการแปลภาษาระหว่างคุยแบบเรียลไทม์ ซึ่งจะแสดงเป็นข้อความบนหน้าจอ

Circle to search : สามารถค้นหาสิ่งต่างๆ ที่ต้องการทราบเพียงแค่กดปุ่ม Home หรือกดค้างที่แถบนำทางด้านล่าง จากนั้นก็แค่วงเพื่อค้นหาได้ตามชื่อฟีเจอร์เลยครับ โดยจะเป็นการค้นหาผ่าน Google Search ที่ลดขั้นตอนได้เยอะมากๆ

Gemini : ผู้ช่วยของ Google ที่ถูกใส่เข้ามาให้ใช้งานด้วย เพียงแค่กดปุ่ม Power ค้างไว้ จากนั้นเราก็สามารถถามคำถามที่ต้องการได้เลยทันที

ประสิทธิภาพ การเล่นเกม และแบตเตอรี่

ขับเคลื่อนด้วยชิปเซ็ต Snapdragon 7 Gen 3 ตัวแรงสุดของชิป Mid-Range

vivo V50 มาพร้อมกับหน่วยประมวลผล Snapdragon 7 Gen 3 ซึ่งเป็นชิปที่มีความเร็วและแรงที่สุดรุ่นหนึ่งในระดับกลาง โดยชิปตัวนี้มาพร้อมความเร็ว Clock สูงสุดที่ 2.63GHz ทั้งยังได้ GPU Adreno 720 ที่ให้การประมวลผลด้านกราฟิกที่สูง สามารถตั้งค่าเกมต่างๆ ได้ในระดับสูงทั้งหมดครับ

เพิ่ม RAM ได้อีก 12GB รวมเป็น 24GB เปิดแอปได้เยอะ

vivo V50 ยังให้เราเพิ่ม RAM เสมือนได้อีกถึง 12GB ทำให้รวมกับ RAM ปกติที่ให้มาก็รวมเป็น 24GB เลย ช่วยให้การทำงานพื้นหลังของระบบทำได้เยอะมากขึ้นกว่าเดิมโดยไม่เกิดการปิดตัวเองลงไป และเวลาที่เราอัปโหลดไฟล์หรือมีแอปอื่นทำงานอยู่ก็ไม่ได้ถูกปิดไปเองครับ

ผลการทดสอบบน AnTuTu v10 และ Geekbench 6

  • ผลคะแนนการทดสอบด้านประสิทธิภาพด้าน CPU, GPU และหน่วยความจำบน AnTuTu v10.3.6 ได้มาที่ 824,167 คะแนน
  • ผลคะแนนด้าน CPU บน Geekbench 6 ทำ Single-Core ไปที่ 1,149 คะแนน และ Multi-Core ที่ 3,133 คะแนน

ทดสอบการเล่นเกม

มาทดสอบการเล่นเกมกันบ้างครับ รอบนี้เราได้ทดสอบ 3 เกม 3 แนวหลัก คือ ROV, Honkai: Star Rail และ PUBG Mobile ซึ่งแต่ละเกมก็เป็นเกมที่ใช้ประสิทธิภาพของกราฟิกสูงอยู่แล้ว และต้องเน้นเรื่องความไหลลื่นเป็นหลักด้วยครับ ซึ่งแต่ละเกมเล่นเป็นยังไงบ้าง มาดูกัน

ROV

ขอเปิดด้วยเกม ROV กันเหมือนเดิม โดยกราฟิกทุกอย่างสามารถเปิดสูงสุดได้ครบเลย พร้อมเฟรมเรท 60fps ซึ่งการเล่นทำได้ไหลลื่นมากๆ ไม่มีกระตุก ไม่มีเฟรมดรอป ตั้งแต่ต้นเกม กลางเกมที่ใช้สกิล ปล่อยเอฟเฟ็กต์เยอะๆ รวมถึงท้ายเกมก็ยังวิ่งนิ่งๆ ที่ 59-60fps ตลอดครับ

Honkai: Star Rail

ต่อกันด้วยเกมแนว RPG อย่าง Honkai: Star Rail ที่กินสเปคพอสมควรครับ โดยค่าเริ่มต้นก็ปรับสูงสุดมาให้อยู่แล้วโดยเราได้ลองเล่นไปประมาณ 30 นาทีก็เล่นได้ไหลลื่น ในช่วงที่ต้อง Battle กับศัตรูก็ไม่มีอาการงอแงอะไรเลย รวมถึงในช่วงการวิ่งและการเดินระหว่างเล่นก็ทำได้ดี และหน้าจอตอบสนองได้ค่อนข้างดีเลยครับ

PUBG Mobile

ท้ายสุดเป็น PUBG Mobile เราสามารถเปิดระดับ Ultra HD และเฟรมเรท Ultra ได้ด้วยครับ และในการเล่นก็ทำได้เต็มที่ ไหลลื่นสุดๆ แถมยังได้ประโยชน์จากลำโพงสเตอริโอคู่ที่ฟังเสียงศัตรูรอบข้างได้ชัดเจนมากๆ

แบตเตอรี่ BlueVolt ใหญ่ถึง 6000mAh พร้อมชาร์จเร็ว 90W FlashCharge

อย่างที่บอกไปครับ เห็นเครื่องบางๆ แบบนี้ แต่ vivo V50 ให้แบตเตอรี่มาถึง 6000mAh ซึ่งเป็นรุ่นที่บางที่สุดที่ใส่แบตเข้ามาเยอะที่สุดของแบรนด์แล้วครับ ซึ่งความจุขนาดนี้ ทำให้เราใช้งานทั่วไปอยู่ได้ทั้งวันแน่นอน และหากใครที่ใช้เล่นเกมหรือใช้กล้องต่อเนื่อง ก็อยู่ได้นาน 6 – 8 ชั่วโมงแน่นอนครับ

หากแบตจะหมด ก็ยังชาร์จได้เร็วสูงถึง 90W FlashCharge โดยเราได้ทดสอบชาร์จจริงๆ จากประมาณ 20% จะเต็ม 100% ใช้เวลาประมาณ 50 นาทีเท่านั้นครับ

พอร์ตเทรตระดับโปรด้วย ZEISS All Main Camera 50MP

vivo V50 ยังคงจัดเต็มเรื่องกล้องเหมือนเดิม โดยมาพร้อมกับกล้อง ZEISS แบบครบทุกเลนส์ทั้งกล้องหน้าและกล้องหลัง มีความคมชัด 50MP ทั้งหมด โดยฟิลเตอร์และเอฟเฟ็กต์โบเก้ต่างๆ ก็มาตามแบบฉบับ ZEISS เช่นเดิมด้วยครับ ว่าแล้วเราก็ขอสรุปสเปคกล้องทั้งหมดไว้ให้อีกรอบ

  • เลนส์หลัก 50MP, f/1.88, OV50E 1/1.55″ รองรับกันสั่น OIS และโฟกัสอัตโนมัติ
  • เลนส์ Ultra-Wide Angle 50MP กว้าง 119 องศา, /2.0,JN1 1/2.76″ และโฟกัสอัตโนมัติ
  • กล้องหน้า ZEISS Group Selfie มุมกว้าง 92 องศา 50MP, f/2.0

Color Adaptive Border ขอบเฟรมที่ปรับแต่งเองได้ตามสีของภาพที่ถ่าย

สำหรับลายน้ำที่ถ่ายด้วย vivo V50 จะมีให้เลือกหลายแบบเลย ซึ่งหนึ่งในขอบลายน้ำที่น่าสนใจคือ Color Adaptive Border ที่ขอบลายน้ำจะเปลี่ยนไปตามภาพรวมของถ่ายภาพนั้นๆ ทำให้มีความเป็นเอกลักษณ์และสวยงามไม่เหมือนลายน้ำรุ่นอื่นๆ ซึ่งภาพทั้งหมดที่ถ่ายมาเราได้ใช้ลายน้ำแบบ Color Adaptive Border ทั้งหมดครับ


กล้องหลักเซ็นเซอร์ตัวท็อป พร้อม VCS ถ่ายคมชัดและสีสันที่แม่นยำ

มาดูกันที่เลนส์หลักกันก่อนเลยครับ vivo V50 ความคมชัดสูง 50MP ควบคู่กับการใช้เซ็นเซอร์ระดับเรือธงขนาดใหญ่ 1/1.55” ทำให้สามารถรับแสงได้เยอะกว่าเดิม ลด Noise ลงเมื่อถ่ายในที่แสงน้อย รวมถึงการช่วยจับภาพได้ไวมากขึ้นด้วยครับ ที่สำคัญยังได้เทคโนโลยี VCS Camera-Bionic Spectrum ที่ vivo ออกแบบมาโดยเฉพาะเพื่อให้จับภาพในลักษณะเดียวกับสายตามนุษย์ ได้ทั้งความคมชัดและสีสันที่แม่นยำมากที่สุด เรียกได้ว่าเราสามารถจบได้หลังกล้อง ไม่ต้องเสียเวลามานั่งแต่งภาพที่หลังด้วย

ZEISS Portrait So Pro ถ่ายสวยเป็นธรรมชาติไม่ว่าจะบุคคลหรือ “ที่รัก”

เรื่องที่ชูโรงมากที่สุดใน vivo V50 คงไม่พ้นเรื่องการถ่ายพอร์ตเทรตแน่นอนครับ ในรุ่นนี้เป็นการร่วมพัฒนากับ ZEISS ที่ได้เอฟเฟ็กต์โบเก้ในรูปแบบคู่กับระยะต่างๆ ที่ vivo คิดมาให้เราแบบอัตโนมัติแล้ว ซึ่งจะมีหลักๆ 4 แบบ ดังนี้

  • ระยะ 23mm Landscape Portrait + ZEISS Distagon Style Bokeh
  • ระยะ 35mm Street Portrait + ZEISS B-Speed Style Bokeh
  • ระยะ 50mm Classic Portrait + ZEISS Biotar Style Bokeh
  • ระยะ 50mm Classic Portrait + Bokeh ปกติ

จะเห็นว่าแต่ละระยะจะได้การละลายหลังที่ต่างกันออกไป แต่สิ่งที่เหมือนกันคือภาพบุคคลที่ได้ออกมาสวยงาม เป็นธรรมชาติมากๆ การปรับแต่งความสวยงามบนใบหน้าทำได้ดีมากตามสไตล์ของ vivo เลย และการตัดขอบรอบตัวก็แม่นยำสุด ทั้งนี้ การใช้งานในระยะต่างๆ ก็ช่วยให้เราใช้งานในสถานการณ์ต่างๆ ที่แตกต่างกันออกไปด้วยครับ

นอกจาก 4 ระยะที่คู่กับ ZEISS Style Portrait 4 แบบข้างต้นแล้ว เราก็ยังเลือกได้เองถึง 7 แบบเลยครับ ซึ่งเราจะใช้งานได้เลยไม่ว่าจะอยู่ในระยะไหนก็ตาม

  • ZEISS Distagon Style Bokeh
  • ZEISS B-Speed Style Bokeh
  • ZEISS Biotar Style Bokeh
  • ZEISS Planar Style Bokeh
  • ZEISS Sonnar Style Bokeh
  • ZEISS Cinematic Style Bokeh
  • ZEISS Cine-flare Portrait

โดยการถ่ายภาพพอร์ตเทรตใน vivo V50 เราได้ถ่ายมาให้ดูแบบจัดเต็มตามนี้เลยครับ

AI Aura Light Portrait ปรับโทนได้ตามใจชอบ พร้อมความแรงของไฟที่ปรับได้แล้ว

vivo V50 ยังใส่ไฟออร่า AI Aura Light Portrait มาให้เหมือนเดิมครับ ช่วยให้เราถ่ายภาพตอนกลางคืนหรือในที่แสงน้อยได้สว่างมากขึ้นกว่าเดิม โดยยังคงให้เราปรับโทนอุ่นหรือเย็นได้ตามใจชอบ (หรือให้ AI ปรับอัตโนมัติก็ได้) ทั้งนี้ ก็ยังมีการปรับความสว่างหรือความแรงของแสงได้ตามระยะด้วย

AI Erase 2.0 ลบคนหรือวัตถุได้แบบง่ายๆ

เมื่อเราถ่ายภาพออกมาแล้ว แต่ติดคนหรือวัตถุที่ไม่ต้องการจริงๆ เราก็แก้ได้ง่ายๆ ด้วย AI Erase 2.0 ที่มีความแม่นยำและฉลาดมากขึ้นกว่าเดิม โดยจะมีการลบบุคคลในฉากหลังแบบอัตโนมัติ หรือเราจะเลือกตามที่ต้องการก็ได้เหมือนกัน จากนั้นก็แค่กดลบและปล่อยให้ AI รังสรรค์ให้เราเองเลยครับ ภาพที่ได้ก็จะลบสิ่งที่เราเลือกออกไปทันที และผลลัพธ์ก็ถือว่าค่อนข้างเนียนเลยครับ

ภาพต้นฉบับ (ซ้าย) / ภาพหลังใช้ AI Erase 2.0 (ขวา)

มาพร้อมโหมดกล้องฟิล์ม ได้ความคลาสสิค

แม้ว่า vivo V50 จะเป็นสมาร์ตโฟนรุ่นใหม่ที่มาพร้อมฟิลเตอร์และเอฟเฟ็กต์ต่างๆ ที่ทันสมัยแล้ว แต่ก็ยังเพิ่มความคลาสสิคในรูปแบบกล้องฟิล์มให้เราได้ใช้งานกันด้วย ซึ่งจะซ่อนอยู่ในแถบล่างของเมนูกล้องหลัก เมื่อปัดขึ้นมาจะเจอกับ UI กล้องฟิล์ม

ที่ด้านล่างของเมนูจะมี 3 ฟีเจอร์หลักให้เราปรับ คือ การปรับบิวตี้ ปรับกรอบ และฟิลเตอร์อีก 4 แบบ คือ Cold film สีโทนเย็นที่ได้สดใส, Collection of Lost Pieces สีโทนซอฟต์และวินเทจ, Sunshine สีโทนอุ่น และ Vivid โทนสีผิวที่แฝงด้วยความเปล่งปลั่ง

Ultra Wide Angle มุมกว้าง 119 องศา เก็บครบทุกอย่างที่ต้องการ

เลนส์ Ultra Wide Angle ที่ให้มาในรุ่นนี้ยังให้เราถ่ายภาพได้สวยงามแทบไม่ต่างจากเลนส์หลักเลย เพราะมีความคมชัดสูงเท่ากันที่ 50MP รวมถึงเป็นเลนส์ ZEISS ด้วย ทำให้เราได้สีสันที่สดใส เก็บแสงและเงาครบ แถมยังเป็นมุมกว้างถึง 119 องศาที่ให้เราเก็บครบทุกองค์ประกอบที่อยู่ในกรอบ

เซลฟี่มุมกว้าง 92 องศา ไม่ตกเฟรม

กล้องหน้าของ vivo V50 มาพร้อมเลนส์กว้าง 92 องศา ซึ่งจะเป็นความกว้างที่ให้เราถ่ายได้ครบหลายคน รวมถึงการเก็บบรรยากาศในฉากหลังก็ทำได้ครบมากขึ้นกว่าเดิม ที่สำคัญยังถ่ายภาพย้อนแสง HDR ได้สบายๆ เลยทีเดียว

สรุปการใช้งาน vivo V50

vivo V50 จัดว่าเป็นสมาร์ตโฟนที่ทำมาเพื่อให้เราได้ถ่ายภาพ “ที่รัก” ได้อย่างโปรจริงๆ ด้วยการชูโรงเรื่องกล้อง ZEISS All Main Camera 50MP ทุกเลนส์ ซึ่งฟีเจอร์ต่างๆ โดยเฉพาะ ZEISS Style Portrait ก็ทำออกมาได้ยอดเยี่ยม และผลลัพธ์ที่ได้จากการถ่ายพอร์ตเทรตดูเนียนตามากขึ้นกว่าเดิม การตัดขอบต่างๆ ก็ทำให้ดูสมจริงและคมขึ้นกว่าเดิมครับ ขณะที่ดีไซน์ที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยคือสีใหม่รอบนี้ทำมาได้สะดุดตามากๆ ยิ่งเป็นสีแดง Ancora Red ก็ยิ่งดูโดดเด่นขึ้นไปอีกขั้น แถมยังได้ความพรีเมียมสวยงามจริงๆ ครับ

สำหรับสเปคภายในรอบนี้ที่ใช้ Snapdragon 7 Gen 3 ก็ยังคงความเร็วเอาไว้ได้ดี และได้ความไหลลื่นด้านซอฟต์แวร์อย่าง Android 15 เข้ามาเสริมแกร่งด้วย ทั้งยังได้ฟีเจอร์ AI ให้ใช้งานกันมากขึ้นกว่ารุ่นเดิม เรียกว่า vivo V50 เป็นสมาร์ตโฟนที่ครบเครื่องและตอบโจทย์ได้อย่างยอดเยี่ยมในรุ่นที่มีราคาระดับเดียวกัน

ราคาและวันวางจำหน่าย vivo V50

vivo V50 วางจำหน่ายแล้วตั้งแต่วันนี้ ทั้ง 2 ความจุ ดังนี้

  • รุ่น 12+256GB (Satin Black, Ancora Red, Mist Purple) : 15,999 บาท
  • รุ่น 12+512GB (Satin Black, Ancora Red) : 17,999 บาท

เรื่องที่เกี่ยวข้อง

This website uses cookies to improve your experience. We'll assume you're ok with this, but you can opt-out if you wish. Accept Read More