รีวิว realme 14 Series 5G คู่หูประสิทธิภาพเหนือขีดจำกัด แผ่น VC ขนาดยักษ์ ดีไซน์เป็นเอกลักษณ์ พร้อมแบต Titan 6000mAh

โดย Shine

สิ้นสุดการรอคอยแล้ว !! รีวิว realme 14 Series 5G ฉบับเต็มที่มาพร้อมกัน 2 รุ่น คือ realme 14 5G และ realme 14 Pro 5G ทั้ง 2 รุ่นได้ดีไซน์ที่มีความสวยงามและเป็นเอกลักษณ์ทั้งคู่ พร้อมด้วยชิปเซ็ตพลังแรงจัดเต็ม และฟีเจอร์ต่างๆ ที่อัดแน่นมาให้ใช้งานกันแบบคุ้มๆ เล่นเกมไหลลื่น และพลังแบตเตอรี่ที่ใหญ่ถึง 6000mAh โดยทั้งหมดนี้เป็นอย่างไรบ้าง มาดูไปพร้อมกันครับ

สรุปสเปค realme 14 5G

  • ขนาดตัวเครื่อง : 163.15 x 75.65 x 7.97 มม.
  • น้ำหนัก : 194 กรัม
  • หน้าจอแสดงผล AMOLED ขนาด 6.67 นิ้ว ความละเอียด FHD+ (2400 x 1080 พิกเซล) รองรับ Refresh Rate 120Hz, มีสัดส่วนพื้นที่ต่อหน้าจอ 92.65%, Contrast Ratio 6000000:1 รองรับ 111% DCI-P3 ความสว่างสูงสุด 2000 นิต และ 480Hz PWM+DC Dimming
  • หน่วยประมวลผล : Snapdragon 6 Gen 4 Octa-core ความเร็วสูงสุด 2.3GHz
  • RAM : 12GB
  • ROM : 256/512GB
  • กล้องถ่ายรูปด้านหลัง 3 เลนส์ดังนี้
    • เลนส์หลัก 50MP รูรับแสง f/1.8 รองรับกันสั่น OIS
    • เลนส์เสริม 2MP
  • กล้องหน้า 16MP รูรับแสง f/2.4
  • ระบบปฏิบัติการ Android 15 ครอบทับด้วย realme UI 6.0
  • รองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi 6, Bluetooth 5.2, NFC ละพอร์ต USB Type-C
  • แบตเตอรี่ Titan ความจุ 6000mAh ชาร์จเร็ว 45W Super Flash Charge

สรุปสเปค realme 14 Pro 5G

  • ขนาดตัวเครื่อง : 62.75 × 74.92 × 7.55 มม.
  • น้ำหนัก : 179 กรัม
  • หน้าจอแสดงผล 120Hz Curved Vision แบบ AMOLED ขนาด 6.77 นิ้ว ความละเอียด FHD+ (2392 x 1080 พิกเซล) รองรับ Refresh Rate 120Hz, Contrast Ratio 5000000:1 รองรับ 100% DCI-P3 ความสว่างสูงสุด 4500 นิต และ 3840Hz PWM+DC Dimming
  • หน่วยประมวลผล : Dimensity 7300 Energy 5G Octa-core ความเร็วสูงสุด 2.5GHz
  • GPU : ARM Mali-G615
  • RAM : 12GB
  • ROM : 512GB
  • กล้องถ่ายรูปด้านหลัง 3 เลนส์ดังนี้
    • เลนส์หลัก 50MP รูรับแสง f/1.8 เซ็นเซอร์ Sony IMX882, 1/1.95″ รองรับกันสั่น OIS
    • เลนส์ Monochrome รูรับแสง f/2.4
  • กล้องหน้า 16MP รูรับแสง f/2.4
  • ระบบปฏิบัติการ Android 15 ครอบทับด้วย realme UI 6.0
  • รองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi 6, Bluetooth 5.2, NFC 360 องศา และพอร์ต USB Type-C
  • แบตเตอรี่ Titan ความจุ 6000mAh ชาร์จเร็ว 45W SUPERVOOC

แกะกล่อง realme 14 Series 5G

มาเริ่มแกะกล่องทั้ง 2 รุ่นกันครับ บอกก่อนเลยว่าทั้ง 2 รุ่นนี้ให้อุปกรณ์ในกล่องมาเหมือนกันเป๊ะๆ และดูแล้วจะต่างกันที่ชื่อรุ่นบนหน้ากล่องเท่านั้น

เปิดมาชั้นแรกของทั้งคู่จะได้กล่องที่ใส่อุปกรณ์เสริมมาให้เลย ตั้งแต่คู่มือการใช้งานเบื้องต้น คู่มือการรับประกันสินค้า เข็มเปิดถาดซิม และเคสซิลิโคน โดยในรุ่น realme 14 5G จะเป็นเคสซิลิโคนแข็งๆ และมีลายแนวตรง ส่วน realme 14 Pro 5G จะเป็นเคสสีดำสนิทครับ

อีกชั้นก็จะเป็นตัวเครื่องของทั้ง 2 รุ่น

และท้ายสุดจะเป็นอะแดปเตอร์ 45W SUPERVOOC และสาย USB Type-A to Type-C มาให้เหมือนกันเลย

สรุปแล้วทั้ง 2 รุ่นจะมีของภายในตามนี้ !

  • ตัวเครื่อง realme 14 5G หรือ realme 14 Pro 5G
  • อะแดปเตอร์ 45W SUPERVOOC
  • สาย USB Type-A to Type-C 
  • เข็มเปิดถาดซิม
  • เคส
  • คู่มือการใช้งานเบื้องต้น
  • คู่มือการรับประกันสินค้า 

ดีไซน์ realme 14 5G ชูโรงด้วย Mecha Design ผสานพลังและสไตล์ !

มาเริ่มกันด้วยดีไซน์ของรุ่นน้องอย่าง realme 14 5G กันครับ เป็นการชูโรงด้วยดีไซน์แบบ Mecha Design ตั้งแต่ตอนแรกที่ได้เห็นก็จะให้เหมือนพลังและอนาคตที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยี เรียกว่ามีความเอกลักษณ์และสไตล์ที่ไม่เหมือนใครจริงๆ

สีที่อยู่ในมือของเราตอนนี้จะเป็นสีที่เรียกว่า Mecha Silver เป็นสีเงินสวยงาม ผิวด้าน พร้อมด้วยลวดลายที่เหมือนลวดลายของหุ่นยนต์แห่งอนาคต และยังมีการเพิ่มเส้นสีส้มที่ตัดพื้นฝาหลังสีเงินออกมาได้อย่างลงตัวสุดๆ ครับ

ขอพูดถึง Mecha Design กันอีกนิด โดย realme 14 5G ได้รับแรงบันดาลใจในการออกแบบจากภาพยนตร์วิทยาศาสตร์ที่เป็นตัวแทนของความสวยงามและเครื่องจักรที่ดูทรงพลังและเต็มไปด้วยประสิทธิภาพ

นอกจากฝาหลังที่สวยงามแล้ว รุ่นนี้ก็ยังได้ Victory Halo ดวงไฟบริเวณกล้องหลังที่เป็นทรงกลมที่มีการออกแบบอย่างประณีต ซึ่งเราจะเห็นลวดลายที่เหมือนเป็นคลีบฉลามที่เพิ่มมิติให้ Victory Halo ได้เป็นอย่างดีครับ โดยไฟดวงนี้จะปรากฏขึ้นเมื่อเราชนะในการเล่นเกม หรือปรับแต่งไฟได้ตามความต้องการ

realme 14 Pro 5G กับการเปลี่ยนสีตามอุณหภูมิได้รุ่นแรกของโลก

ดีไซน์ของ realme 14 Pro 5G ก็เด่นไม่แพ้กันเลย รุ่นนี้ได้ชูโรงให้มีการเปลี่ยนแปลงสีตามอุณหภูมิได้รุ่นแรกของโลก ซึ่งหากมีความเย็นตั้งแต่ 16 องศาเซลเซียสลงไป ก็จะมีการเปลี่ยนสีฟ้าอ่อนจากเดิมที่เป็นสีขาวมุก ​(Pearl White) ทั้งนี้ เมื่ออุณหภูมิกลับมาเป็นปกติก็จะกลับมาเป็นสีขาวมุกเหมือนเดิม

ในการเปลี่ยนสีนี้จะถูกใช้งานในเฉพาะแค่สีขาวมุก (Pearl White) ซึ่งฝาหลังสีนี้เป็นเส้นใย Thermochromic Fusion ที่ realme เป็นคนพัฒนาขึ้นมาเอง แถมสีสันของรุ่นนี้ยังให้ความรู้สึกเหมือนอยู่บนท้องทะเลที่มีแมงกะพรุนหรือปลาหมึกที่สีสันเปลี่ยนแปลงได้เมื่อโดนแสงตกกระทบนั่นเองครับ

ไม่ใช่แค่ความสวยงามเท่านั้น แต่ความบางของ realme 14 Pro 5G อยู่ที่เพียง 7.55 มม. ซึ่งเป็นตัวเลขที่บางเฉียบมากๆ และทั้งหมดนี้เป็นการออกแบบจากสตูดิโอออกแบบชื่อดังจากนอร์ดิกอย่าง Valeur Designers

ระบบระบายความร้อน VC ใหญ่สุดในเซกเมนต์

ด้วยตัวเครื่องที่เน้นเรื่องประสิทธิภาพความเร็วแรงในระดับเดียวกัน realme 14 5G และ realme 14 Pro 5G ก็มาพร้อมระบบระบายความร้อนแบบ Vapor Chamber (VC) Liquid Cooling ที่มีขนาดใหญ่มากๆ เพื่อให้ความร้อนถูกถ่ายเทออกจากเครื่องให้ได้เยอะและเร็วที่สุดเพื่อคงประสิทธิภาพสูงสุดไว้ให้นานที่สุด

ในรุ่น realme 14 5G มาพร้อมแผ่น VC ขนาดใหญ่ถึง 6050mm² ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ใหญ่สุดในกลุ่มราคาเดียวกัน โดยได้ระบบระบายความร้อนที่เรียกว่า Bionic Cooling System ที่สามารถเล่นเกมได้ต่อเนื่องและอุณหภูมิต่ำสุดเพียง 35.6 องศาเท่านั้น !!

ส่วนรุ่นพี่ realme 14 Pro 5G มีแผ่น VC ขนาด 6000mm² แบบ 3D เข้ามาใช้งาน ซึ่งก็ถือว่าใหญ่มากๆ แล้วในกลุ่มเดียวกันแล้วครับ

ทนน้ำทนฝุ่นขั้นสุดด้วยมาตรฐาน IP69

realme 14 Series 5G ทั้ง 2 รุ่น ได้มาตรฐานการทนน้ำและทนฝุ่น IP69 ที่นอกจากจะแค่ “กัน” ได้แล้ว แต่ยัง “ทน” อีกด้วย เพราะสามารถทนน้ำร้อนและแรงดันสูงได้ รวมไปถึงการดำน้ำลึกสุด 2.5 เมตร เป็นระยะเวลานานสุดถึง 30 นาที

หน้าจอ AMOLED ใช้งานไหลลื่น 120Hz

realme 14 Series 5G มาพร้อมหน้าจอแสดงผลที่จัดเต็ม ให้เราได้ใช้งานกันแบบคมชัดด้วยพาเนล AMOLED สีสันสวยงามสดใสมากๆ โดยในรุ่น realme 14 5G ได้จอขนาด 6.67 นิ้ว ความละเอียด FHD+ (2400 x 1080 พิกเซล) มีขอบที่บาง ทำให้มีสัดส่วนพื้นที่ต่อหน้าจอมากถึง 92.65% และค่า Contrast Ratio อยู่ที่ 6000000:1 พร้อมด้วยความสว่างสูงสุดถึง 2000 นิต ที่ทำให้ใช้งานกลางแจ้งได้ดีและยังคงเห็นได้ชัดเจนครับ

ส่วนใครที่มาสายเกมก็รองรับการปรับ Refresh Rate 120Hz ที่ทำได้ติดนิ้ว และเหมาะมากๆ กับการเล่นเกมแนว FPS ครับ

สำหรับหน้าจอของรุ่นพี่ realme 14 Pro 5G จะเป็นแบบ 120Hz Curved Vision ที่เป็นจอโค้ง ขนาดใหญ่ 6.77 นิ้ว คมชัดระดับ FHD+ มีค่า Contrast Ratio อยู่ที่ 5000000:1, ค่าสี 100% DCI-P3  และรองรับความถี่หน้าจอ 3840Hz PWM+DC Dimming เพื่อถนอมสายตาเวลาใช้งานไปนานๆ

ทั้งนี้ก็ยังได้ Refresh Rate สูงสุด 120Hz และความสว่างสูงสุดถึง 4500 นิตเลยทีเดียว ซึ่งการใช้งานกลางแจ้งก็มองเห็นชัดเจน ไม่ต้องเอามือมาป้องปังแดดแล้วครับ

ดูรอบเครื่องกันต่อเลย

เรามาดูสิ่งที่อยู่ในแต่ละฝั่งของแต่ละรุ่นกันครับ ทั้ง 2 รุ่นมีความคล้ายกันในหลายจุด เริ่มจากหน้าจอก็มีกล้องหน้า Punch Hole และลำโพงสนทนา รวมถึงเป็นลำโพงสเตอริโอด้วย

ด้านขวาเครื่องมีปุ่มเพิ่มและลดเสียง พร้อมด้วยปุ่ม Power ซึ่งปุ่ม Power ในรุ่น realme 14 5G จะมีความโดดเด่นด้วยการใส่สีส้มเข้ามาเพิ่มเติมครับ

ด้านล่างจะเป็นช่องใส่ซิมการ์ด 2 ช่อง โดยในรุ่น realme 14 5G ช่องที่ 2 จะเป็น Hybrid ให้เลือกซิมที่ 2 หรือ MicroSD Card (รุ่น Pro ไม่มี) ถัดไปเป็นไมโครโฟนตัวที่ 1 ตามด้วยพอร์ต USB-C และลำโพงตัวหลัก

ขอบด้านบนจะมีไมโครโฟนตัวที่ 2 และช่องสำหรับปล่อยเสียงของลำโพงครับ

ท้ายสุดที่ด้านหลังจะมีความแตกต่างกันชัดเจนเลย คือใน realme 14 5G จะเป็นโมดูลกล้องหลังแบบสี่เหลี่ยม มีเลนส์กล้อง 2 เลนส์แนวตั้ง โดยทางด้านขวามือจะเป็นไฟแฟลช 2 ดวง และไฟ Victory Halo ที่เป็นวงกลม มีไมโครโฟนตัวที่ 3 และสัญลักษณ์ 50MP AI CAMERA

สำหรับ realme 14 Pro 5G จะเป็นโมดูลกล้องทรงกลมขนาดใหญ่ มีกล้อง 2 เลนส์ ซึ่งความพิเศษรุ่นนี้คือไฟแฟลชจะมีทั้งหมด 3 ดวงที่แยกกันอยู่ 3 ตำแหน่ง และแต่ละดวงก็เป็นแสงไฟ 3 เฉดที่สามารถปรับระดับความแรงของแสงและอุณหภูมิได้เป็นครั้งแรกในอุตสาหกรรมด้วย

ซอฟต์แวร์ และฟังก์ชั่นการใช้งาน

แกะกล่องพร้อม Android 15 และ realme UI 6.0 ที่ได้ Next AI ให้ใช้งาน

realme 14 5G และ realme 14 Pro 5G ได้ระบบปฏิบัติการ Android 15 ที่ครอบทับด้วย realme UI 6.0 ตั้งแต่แกะกล่องเลยครับ ซึ่งเวอร์ชันใหม่เราจะได้ความเสถียรมากขึ้นกว่าเดิม รวมถึงความไหลลื่นในการใช้งานต่างๆ ที่สำคัญฟีเจอร์อย่าง Next AI ก็มีให้ใช้งานด้วยเช่นกัน

ฟีเจอร์ Next AI เพิ่มความสะดวกในการใช้งานมากขึ้น !

ทั้ง 2 รุ่นมาพร้อมความฉลาดของ Next AI มากขึ้น โดยหลักๆ จะมีด้วยกัน 3 ฟีเจอร์ให้เราได้ใช้งานตามนี้

  • AI Recording Summary : ฟีเจอร์นี้จะเป็นการใช้เสียงที่ถูกบันทึกจากการโทรด้วยเสียง หรือบันทึกจากการประชุมและวิดีโอเพื่อให้สรุปมาเป็นข้อความแบบย่อๆ และสรุปเฉพาะใจความที่สำคัญ
  • AI Smart Loop AI : ฟีเจอร์นี้หลายคนน่าจะได้ใช้กันบ่อยๆ โดยจะเป็นการส่งข้อความ ภาพ หรือไฟล์ต่างๆ จากแอปหนึ่งไปอีกแอปหนึ่ง ซึ่งการทำงานก็ง่ายมากๆ เพียงแค่กดค้างสิ่งที่ต้องการเอาไว้ แล้วลากไปที่ขอบหน้าจอด้านซ้ายหรือขวาก็ได้ จากนั้นก็จะมี Smart Loop ขึ้นมาเพื่อให้เราเลือกได้ว่าจะเอาไปวางที่แอปไหน ทั้งนี้ แอปหลักที่ตั้งไว้จะได้ 5 แอป แต่ก็สามารถหมุนลูปเพื่อดูตัวเลือกของแอปอื่นได้อีกด้วย
  • Circle to Search : ฟีเจอร์นี้จะเป็นการวงเพื่อค้นหาบน Google โดยตรงตามชื่อเลยครับ โดยเป็นฟีเจอร์ที่หลายคนน่าจะได้ใช้งานกันอยู่แล้วครับ

Live Alert แสดงผลข้อมูลแบบเรียลไทม์ได้เลย

ฟีเจอร์นี้จะเป็นการแสดงการทำงานอยู่บนบริเวณกล้องหน้าที่เมื่อมีความเคลื่อนไหวของแอปต่างๆ ที่รองรับ ก็จะมีการขยายแถบดำเป็นแคปซูลออกมา โดยที่เราสามารถกดเพื่อดูข้อมูลแบบด่วนได้ทันทีพร้อมควบคุมได้แบบเรียลไทม์

ลำโพงสเตอริโอคู่เสียงดังกระหึ่ม

ทั้ง 2 รุ่นมาพร้อมกับลำโพงสเตอริโอคู่ที่ใช้งานได้แบบดังกระหึ่ม เสียงมีมิติ ที่สำคัญยังสามารถเพิ่มโหมดเสียงระดับพิเศษได้สูงสุดถึง 300% เพื่อให้เสียงที่ได้เต็มอรรถรสกว่าเดิมจริงๆ

สแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอได้รวดเร็ว

ทั้ง 2 รุ่นได้หน้าจอ AMOLED รองรับการใช้งานสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอได้เลย ซึ่งการใช้งานรวดเร็วมากๆ และมีความเสถียร พร้อมความปลอดภัยในการใช้งาน

ประสิทธิภาพ การเล่นเกม และแบตเตอรี่

realme 14 5G ที่ได้ขุมพลัง Snapdragon 6 Gen 4 รุ่นแรกของโลก

realme 14 5G นับเป็นสมาร์ตโฟนรุ่นแรกของโลกที่มาพร้อมหน่วยประมวลผล Snapdragon 6 Gen 4 ซึ่งเป็นชิปเซ็ตของ Qualcomm ตัวกลางที่มีประสิทธิภาพสูงที่สุดแล้วในกลุ่มเดียวกัน เป็นชิปขนาด 4nm จาก TSMC ได้ทั้งประสิทธิภาพที่แรงกว่าเดิมถึง 15% และการประหยัดพลังงานไปในตัวด้วย

realme 14 Pro 5G กับขุมพลัง Dimensity 7300 Energy 5G

สำหรับรุ่น Pro ได้ชิปเซ็ต MediaTek Dimensity 7300 Energy 5G ที่ใช้การผลิตขั้นสูง 4nm เหมือนกัน มีประสิทธิภาพไหลลื่นและเร็วแรง พร้อมมีการจัดการความร้อนได้ดีอีกด้วย 

ปลดปล่อยพลังขั้นสุดด้วย GT Mode

realme 14 5G และ realme 14 Pro 5G มาพร้อมเทคโนโลยี GT Mode ที่สามารถรีดประสิทธิภาพตัวเครื่องออกมาได้ขั้นสูงสุดเพื่อการเล่นเกมโดยเฉพาะ ซึ่งจะมีการปรับแต่งการควบคุมการเคลื่อนไหวในตัวเกม รวมถึงการลดความหน่วงและเพิ่มความไวในการตอบสนองด้วย แถมเฟรมเรทในเกมก็ทำให้ได้อย่างคงที่มากขึ้นกว่าเดิม และจัดสรรพลังงานทั้ง CPU / GPU ได้ดีขึ้นด้วยครับ

เพิ่ม Dynamic RAM ได้สูงสุดอีก 14GB

RAM ที่ให้มาใน realme 14 Series 5G จริงๆ ก็เยอะเพียงพอให้ใช้งานกันลื่นๆ อยู่แล้วครับ แต่ก็ยังให้เราเพิ่ม Dynamic RAM ได้สูงสุดอีก 14GB ทำให้รุ่นนี้มี RAM รวมได้ถึง 26GB เลยทีเดียว

ทดสอบเล่นเกมกันหน่อย !

ในการเล่นเกมเราได้ทดสอบมาแล้วทั้งใน realme 14 5G และ realme 14 Pro 5G ซึ่งจริงๆ สามารถเล่นได้ลื่นๆ ทั้ง 2 รุ่นเลยครับ โดยหลักๆ เราขอโชว์การเล่นใน realme 14 5G ที่เน้นเรื่องเกมมิ่งเป็นหลักและยังเป็นการโชว์พลังของชิปเซ็ต Snapdragon 6 Gen 4 กันด้วย

ROV

ด้วยพลังของ Snapdragon 6 Gen 4 ก็จะได้ประโยชน์ในการปรับแต่งเข้ากับเกม ROV ได้เป็นอย่างดีครับ สามารถเปิดภาพกราฟิกทุกอย่างได้สูงสุดทั้งหมด การเล่นภายในเกมทำได้ไหลลื่นมากๆ เฟรมเรทนิ่งจัดๆ ที่ 60-61fps ตลอดทั้งเกม และการตอบสนองต่างๆ ก็ทำได้เร็ว ประทับใจเลยครับ

Free Fire

มาต่อกันด้วยเกม Free Fire ที่มีการร่วมมือกับทาง realme ก็ขอเล่นกันสักหน่อย กราฟิกในเกมเปิดได้ในระดับสูงทั้งหมด และแน่นอนว่าความไหลลื่นในเกมทำได้ยอดเยี่ยม การเคลื่อนที่ต่างๆ ทำได้ดี หมุนซ้าย-ขวาได้ติดนิ้ว และยังได้ประโยชน์จากลำโพงสเตอริโอคู่ที่ทำให้รู้ตำแหน่งของศัตรูแบบชัดเจนด้วยครับ

Honkai: Star Rail

ท้ายสุดในเกม Honkai: Star Rail ที่จริงๆ แล้วในค่าเริ่มต้นตัวเกมจะตั้งค่าในระดับสูง + เฟรมเรท 30fps มาให้ แต่เราก็ขอลองความแรงชิปเซ็ตกันหน่อย เลยปรับขึ้นมาเป็นสูงมากทั้งหมด + 60fps ครับ ซึ่งเราก็เล่นได้แบบลื่นๆ ทั้งการวิ่งและการเดินในเกมปกติ และในหน้า Battle ก็ทำได้สบายเลยครับ

แบตเตอรี่ Titan ขนาดใหญ่สุด 6000mAh ใช้งานได้เต็มวัน

realme 14 Series 5G ทั้ง 2 รุ่นนี้ให้แบตเตอรี่ Titan มาเท่ากันที่ 6000mAh ซึ่งความจุขนาดนี้ทำให้เราใช้งานทั่วไป + เล่นเกม + ดูวิดีโอ + กล้องถ่ายรูปได้ทั้งวันแล้วครับ โดยความจุขนาดนี้เป็นการใช้กราไฟต์ที่มีความจุหนาแน่นที่สุดในอุตสาหกรรม แถมยังให้ความจุเพิ่มขึ้นจากรุ่นเดิมถึง 8% ด้วย ที่สำคัญสุขภาพของแบตเตอรี่ก็ใช้ได้นานด้วยการรับประกันสุขภาพ 80% (ชาร์จ 1,400 รอบ) แม้จะใช้งานมานานถึง 4 ปีเต็ม

และการชาร์จเร็วของทั้ง 2 รุ่นนี้ก็ยังเท่ากันที่ 45W SUPERVOOC ด้วยเหมือนกัน ซึ่งหากใครที่ใช้จนใกล้หมด ก็จะใช้เวลาประมาณ 70 นาทีในการชาร์จเต็ม 100% ครับ

กล้องหลัง 50MP พร้อมถ่ายสวยและสีสันจัดเต็มกว่าเดิมด้วยพลัง AI

realme 14 Series 5G ได้กล้องหลังที่จัดเต็มเหมือนกัน โดยมีเลนส์หลัก 50MP ซึ่งเต็มเปี่ยมด้วยพลังของ AI ในการปรับแต่งภาพและสีสันต่างๆ ให้คมชัดและสวยงามากขึ้นกว่าเดิม รวมถึงการได้ชิปใหม่ที่เร็วแรงมากขึ้นกว่าเดิม ช่วยให้ประมวลผลภาพได้เร็วขึ้นเช่นกัน และก่อนที่จะไปดูภาพถ่ายต่างๆ เราขอสรุปสเปคกล้องของทั้ง 2 รุ่นให้อีกรอบ ตามนี้เลย !

realme 14 5G

  • เลนส์หลัก 50MP, f/1.8 มี OIS
  • เลนส์เสริม
  • กล้องหน้า 16MP, f/2.4

realme 14 Pro 5G

  • เลนส์หลัก 50MP, f/1.8, Sony IMX882 มี OIS
  • เลนส์ Monochrome,f/2.4
  • กล้องหน้า 16MP, f/2.4

กล้องหลักถ่ายสวยเหมือนกัน แต่โทนสีโดดเด่นต่างกัน

มาดูโหมดหลักที่ใช้งานกันเยอะที่สุดกันก่อนเลย ทั้ง 2 รุ่นสามารถถ่ายภาพได้สวยงามเหมือนกัน มีความคมชัด สีสันค่อนข้างจัดแต่ไม่ได้มากเกินไป ทำให้เรานำไปใช้งานต่อได้เลยทันที ทั้งนี้ แสงและเงาก็ทำได้ดีทั้งคู่ แต่ก็มีความต่างกันอยู่ในบางจุดครับ โดยใน realme 14 5G จะได้ภาพที่ออกเข้ม มี Contrast เยอะกว่ารุ่น Pro เล็กน้อย แต่ก็เก็บรายละเอียดในภาพได้คมชัดเหมือนกัน ในขณะที่ realme 14 Pro 5G จะได้ความสว่างของภาพมากกว่า แต่ความเข้มของสีอาจจะไม่ได้จัดจ้านเท่า realme 14 5G ส่วนภาพถ่ายทั้งหมดเราจะขอเน้นไปที่ realme 14 5G กันเป็นหลักครับ

Street Mode มีเอกลักษณ์ที่โดดเด่น

ทั้ง 2 รุ่นยังคงมาพร้อม Street Mode ที่เป็นหนึ่งในจุดเด่นของสมาร์ตโฟน realme หลายรุ่นที่ผ่านมา โดยเราสามารถถ่ายในโหมดนี้ได้ 3 ระยะ ขึ้นอยู่กับองค์ประกอบที่อยู่ตรงหน้าเลยครับ รวมถึงการเลือกปรับฟิลเตอร์ได้หลากหลายตามอารมณ์ของภาพ เช่น เรื่องราว ท้องถนน ขาวดำแบบพิเศษ ป็อปยุค 90 และอื่นๆ

AI Eraser ลบคนหรือวัตถุที่ไม่ต้องการได้ในคลิกเดียว !

ใครที่ถ่ายภาพออกมาแล้วมีวัตถุหรือคนที่ไม่ต้องการอยู่ในภาพ realme 14 Series 5G ทั้ง 2 รุ่นก็มาพร้อมีฟีเจอร์ AI ให้เราได้ใช้งานกันอย่าง AI Eraser ที่ให้เราลบสิ่งที่ไม่ต้องการพร้อมกับเพิ่มเติมวัตถุนั้นๆ ให้เนียนมากที่สุด เพียงแค่วาดรอบสิ่งที่ไม่ต้องหรือจะให้ AI ตรวจจับบุคคลส่วนเกินในภาพออกได้แบบอัตโนมัติเช่นกันครับ

Portrait ละลายหลังได้เนียน พร้อมปรับความบิวตี้ได้ตามใจชอบ

การถ่ายภาพบุคคลจะให้เราปรับแต่งความสวยงามบนใบหน้าได้ตั้งแต่ 0-100 ระดับ แม้จะปรับไปถึง 100 ก็ยังคงความธรรมขาติอยู่ ทั้งนี้ ในการละลายฉากหลังของทั้งคู่ก็ทำได้เนียนๆ คล้ายกันเลย แต่ใน realme 14 5G เหมือนจะมีการเบลอหลังที่มากกว่าตัว Pro ค่อนข้างชัดเจน แม้จะปรับค่า f เท่ากันก็ตาม (ตัว Pro จะเบลอไล่ระดับที่ดีกว่า)

ปรับความชัดใบหน้าได้มากขึ้นด้วย AI Clear Face

ใครที่ถ่ายภาพออกมาแล้วอาจจะไม่ได้คมชัดตามที่ต้องการ ก็สามารถใช้ฟีเจอร์ AI Clear Face เพื่อปรับความคมชัดได้เลยทันที ซึ่งนอกจากจะได้ใบหน้าที่ชัดกว่าเดิมแล้ว ภาพรวมทั้งภาพยังมีการปรับแสง เงา และความสว่างให้สูงขึ้นเช่นกันครับ

ภาพต้นฉบับ (ซ้าย) / ภาพหลังใช้ AI Clear Face

เซลฟี่สวย เบลอหลังก็เนียน

ไม่ใช่แค่กล้องหลังที่ทำ Portrait ได้ดี แต่กล้องหน้าก็ให้เราได้เซลฟี่ได้แบบสวยๆ เช่นกัน ใบหน้าก็ปรับบิวตี้ได้ รวมถึงการรองรับการถ่ายย้อนแสง HDR ก็คมกริบเหมือนกันทั้ง 2 รุ่นเลยครับ

สรุปการใช้งาน realme 14 Series 5G

สรุปแล้วทั้ง realme 14 5G และ realme 14 Pro 5G ต่างเป็นสมาร์ตโฟนประสิทธิภาพเหนือขีดจำกัดตามสโลแกนจริงๆ ด้วยชิปประมวลผลรุ่นกลางที่ทำให้เราได้เล่นเกมหนักๆ ได้จริงๆ ในราคาที่จับต้องกันได้ง่ายมากขึ้น บอกเลยว่าทั้งชิป Snapdragon 6 Gen 4 และ MediaTek Dimensity 7300 Energy ต่างมีประสิทธิภาพตัวท็อปๆ ในระดับกลางแล้ว ทั้งยังมี GT Mode เพื่อรีดประสิทธิภาพทั้งหมดเพื่อการเล่นเกมโดยเฉพาะ ที่สำคัญยังมีการอัปเกรดระบบระบายความร้อน Vapor Chamber ขนาดใหญ่สูงสุด 6050mm² ทำให้เราเล่นเกมแบบลื่นๆ ได้นานขึ้นกว่าเดิมแน่นอน

ทั้งยังจัดเต็มในเรื่องดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร หน้าจอก็ได้มาเป็น AMOLED 120Hz ทั้งคู่ และกล้องหลัง 50MP ที่ใช้งานได้ดี สวยงามมากขึ้น และจบได้ในหลังกล้อง สรุปรวมแล้วทุกอย่างทำให้ realme 14 Series 5G ทั้ง 2 รุ่นเป็นรุ่นที่คุ้มมากๆ เลยทีเดียวครับ

ราคาอย่างเป็นทางการ realme 14 Series 5G

realme 14 Series 5G จะมีทั้งหมด 2 รุ่นให้เลือก โดยมีราคาที่ต่างกันในแต่ละรุ่น ดังนี้

ราคา realme 14 5G (สี Mecha Silver, Storm Titanium และ Warrior Pink)

  • รุ่น 12+256GB : 11,999 บาท
  • รุ่น 12+512GB : 13,999 บาท

realme 14 5G เริ่มพรีออเดอร์แล้วตั้งแต่วันนี้ ถึง 3 เมษายน 2568 สำหรับความจุ 12+512GB ในช่วงพรีออเดอร์ผ่านช่องทางออนไลน์จะเป็นเจ้าของได้ผ่าน Shopee เท่านั้น โดยการวางจำหน่ายทางการจะอยู่ในวันที่ 4 เมษายนนี้ พร้อมของแถม (ขึ้นอยู่กับแต่ละช่องทาง) ในทุกช่องทาง

ราคา realme 14 Pro 5G (สี Pearl White และ Suede Grey)

  • รุ่น 12+512GB : 14,999 บาท

realme 14 Pro 5G เริ่มพรีออเดอร์แล้วตั้งแต่วันนี้ ถึง 3 เมษายน 2568 และจะวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในวันที่ 4 เมษายนนี้เป็นต้นไป โดยจะได้รับของแถม เฉพาะช่องทาง Com7 เท่านั้น

เรื่องที่เกี่ยวข้อง

This website uses cookies to improve your experience. We'll assume you're ok with this, but you can opt-out if you wish. Accept Read More