รีวิว Nothing Phone (3a) Pro มือถือรุ่นใหม่ล่าสุดจากแบรนด์ Nothing ที่มาพร้อมจุดเด่นน่าสนใจหลายอย่าง ตั้งแต่ดีไซน์สุดแนวไม่ซ้ำใคร, ซอฟต์แวร์ Nothing OS 3.1 ที่ลื่นไหล การปรับแต่งหลากหลาย, ชุดกล้องหลัง 3 ตัวระดับ Pro, หน้าจอ AMOLED 120Hz, ชิปเซ็ต Snapdragon, แบตเตอรี่ 5000mAh และชาร์จไว 50W อีกด้วย

หลังจากที่เราใช้งานจริงมากว่าสัปดาห์ก็ได้คิวมารีวิวให้ชมเต็ม ๆ กันแล้ว น่าสนใจแค่ไหน ติดตามได้จาก รีวิว Nothing Phone (3a) Pro นี้เลยครับ!
ราคา Nothing Phone (3a) Pro
ก่อนจะไปเริ่มรีวิวกันเต็ม ๆ เรามาสรุปราคาเปิดตัวของ Nothing Phone (3a) Pro กันก่อนเลยดีกว่า โดยรุ่นที่วางจำหน่ายในไทยจะมีให้เลือกความจุเดียวเลยคือ12GB+256GB กับ 2 ตัวเลือกสีคือ สีดำและสีเทา
Nothing Phone (3a) Pro ราคา 17,499 บาท

สรุปสเปค Nothing Phone (3a) Pro
- ขนาดตัวเครื่อง : 163.52 x 77.50 x 8.39 มม.
- น้ำหนัก : 211 กรัม
- หน้าจอ : AMOLED ขนาด 6.77″
- ความละเอียดหน้าจอ : 2392 x 1080 พิกเซล, ความสว่างสูงสุด 3000nits
- Refresh rate : 120Hz
- ชิปเซ็ต : Snapdragon 7s Gen 3 Octa-Core 2.5GHz (4nm)
- RAM : 12GB
- ความจุ : 256GB
- แบตเตอรี่ : 5000mAh
- ระบบชาร์จไว : 50W
- กล้องหน้า : 50MP (เซ็นเซอร์ Samsung 1/2.76″) f/2.0
- กล้องหลัง : 3 ตัว
- 50MP กล้องหลัก (เซ็นเซอร์ Samsung ขนาด 1/1.56″) f/1.88, OIS
- 8MP กล้อง Ultra Wide (เซ็นเซอร์ขนาด 1/4″) f/2.2
- 50MP กล้อง Periscope 3x (เซ็นเซอร์ Sony ขนาด 1/1.95″) f/2.55, OIS
- มาตรฐานกันน้ำกันฝุ่น IP64
- ระบบปฏิบัติการ Android 15 (Nothing OS 3.1)
- สีสัน : ดำ, เทา

แกะกล่อง Nothing Phone (3a) Pro
มาเริ่มแกะกล่องเช็กแพ็กเกจและอุปกรณ์ในกล่องเหมือนทุกที กล่องของ Nothing Phone (3a) Pro จะใช้กล่องสีดำมันวาวที่มีภาพประกอบเป็นกล้องหลังเด่น ๆ โชว์ให้เห็นไปเลยว่ารุ่นนี้เน้นกล้องมากขึ้นน่ะนะ ที่มุมขวาจะมีโลโก้และชื่อรุ่นอยู่ด้วยนะ

ที่ด้านหลังกล่องจะมีระบุข้อมูลของตัวเครื่องไว้ เช็กกันก่อนรับเครื่องได้เลย อย่างเครื่องที่เราได้มาจะเป็นสีดำ ความจุ 12GB+256GB ครับ

เปิดกล่องออกมาเราจะเจอกับกล่องสีขาวอีกชั้น และเมื่อเปิดออกมาจะมีตัวเครื่องที่อยู่ในซองอย่างดี และฝั่งฝากล่องก็จะมีคำอธิบายสำหรับแบรนด์ Nothing อยู่ด้วย เหมือนเป็นการแนะนำให้คนอินกับแบรนด์เข้าไปอีกน่ะนะ

ส่วนอุปกรณ์ภายในกล่องก็จะมีมาให้แบบ minimal มีมาให้ 4 อย่างประกอบไปด้วย
- ตัวเครื่อง Nothing Phone (3a) Pro
- สายชาร์จ USB-C to C
- เอกสารคู่มือ
- เข็มจิ้มถาดซิม

ดีไซน์สุดโดดเด่น ด้วยฝาหลังโปร่งใส
ได้เวลามายลโฉมดีไซน์ของ Nothing Phone (3a) Pro กันแล้วครับ ตัวเครื่องจะมาพร้อมกับฝาหลังโปร่งใสที่เป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ Nothing มีความเรียบหรู แต่ก็แฝงความแนว ๆ ด้วยการผสานรูปทรงเรขาคณิต ได้อย่างลงตัว

สีที่เราได้มาเป็นสีดำ ก็จะมีความคมเข้มในแบบเท่ ๆ พร้อมตัดกับสีเทาของชิ้นส่วนของลวดลายฝาหลัง เห็นฝาหลังใส ๆ แบบนี้ ก็ไม่ต้องกังวลว่าจะเป็นรอยง่าย ๆ เพราะวัสดุใช้เป็นกระจกกันรอยเหมือนมือถือไฮเอนด์เลยล่ะครับ แต่เรื่องคราบรอยนิ้วมือ อันนี้ยังมีให้เห็นบ้าง ถ้าอยากให้เครื่องสวยใสตลอด อาจจะต้องคอยทำความสะอาดกันบ่อยนิดหนึ่งน่ะนะ

โมดูลกล้องวงกลมขนาดใหญ่ พร้อมไฟ Glyph Interface
ส่วนที่กล้องหลังก็จัดเต็มด้วยดีไซน์วงกลมยกสูงขึ้นจากฝาหลัง พร้อมรูกล้องที่วางวตำแหน่งไว้ได้แนว ๆ เช่นกัน ซึ่งเดี๋ยวเรามาแนะนำในเรื่องสเปคกล้องกันอีกทีเนาะ และที่เด่นไม่แพ้กันก็คือดวงไฟระหว่างกล้องนี่แหละ ตรงนี้ Nothing เรียกว่า Glyph Interface ที่จะแสดงไฟในจังหวะต่าง ๆ ตามการแจ้งเตือน สายเรียกเข้า หรือใช้งานเป็นไฟแฟลช Soft Light ได้อีกด้วย

หน้าจอ AMOLED ที่ไว้ใจได้
พลิกมาดูที่ด้านหน้า Nothing Phone (3a) Pro ก็มาพร้อมหน้าจอ AMOLED ขนาด 6.77″ ที่เรียบง่าย เพราะใช้จอแบบแบนราบ มีขอบหน้าจอที่เท่ากันทุกด้าน บางกำลังดี

ด้านการแสดงผลก็ถือว่าระดับไฮเอนด์ เพราะมีความละเอียด FHD+ (2392×1080 พิกเซล) รองรับการแสดงสีสูงสุด 10-Bits (1.07 พันล้านสี) มีความสว่างสูงสุดที่ 3000nits ให้สีที่คมชัด มุมมองกว้าง แถมยังสู้แสงแดดบ้านเราได้อีก สบาย ๆ เลย

ส่วนการตอบสนองก็ลื่นไหลที่ 120Hz อยู่แล้ว พอใช้งานร่วมกับ Nothing OS 3 ที่มีความเรียบง่ายก็ยิ่งให้ความรู้สึกที่ลื่นไหลสุด ๆ ไปอีก

ตัวเครื่องบางกำลังดี มีปุ่มกดอยู่ทั้ง 2 ฝั่ง
ขนาดตัวเครื่องจะบางกำลังดีที่ 8.39 มม. ให้ความรู้สึกที่แน่นหนาด้วยงานประกอบหน้าจอและฝาหลังกระจก ส่วนกรอบเครื่องจะเป็นพลาสติกผิวด้าน ที่ให้น้ำหนักเบากำลังดีที่ดีและดูพรีเมี่ยมเมื่อจับถือครับ

ตัวปุ่มกดก็จะมีอยู่ในทั้ง 2 ด้านของตัวเครื่องคือฝั่งซ้ายมือเป็นปุ่มเพิ่ม-ลดเสียง และปุ่มขวามือมีปุ่ม Power และปุ่มพิเศษใหม่ Essential Key ที่เอาไว้แคปหน้าจอ เก็บข้อมูล เก็บความทรงจำของเราเข้าไปในส่วนพิเศษที่ Nothing ตั้งชื่อให้ว่า Essential Space นั่นเองครับ

โดยสั่งงานง่าย ๆ อย่างการกด 1 ครั้งเพื่อแคปหน้าจอ, กดค้างเพื่อแคปหน้าจอและบันทึกเสียงลงไปด้วย หรือกด 2 ครั้งเพื่อเข้าสู่ Essential Space นั่นเองครับ

ด้านบนตัวเครื่องจะมีไมโครโฟนสำหรับตัดเสียงรบกวน ส่วนด้านล่างตัวเครื่องจะมีช่องใส่ซิมแบบ Dual-SIM, ไมโครโฟน, พอร์ตการเชื่อมต่อแบบ USB-C และลำโพงหลักของตัวเครื่อง

มีมาตรฐานความปลอดภัยครบ
Nothing Phone (3a) Pro มาพร้อมมาตรฐานความปลอดภัยทั้งการกันน้ำกันฝุ่น IP64 ที่สามารถกันละอองน้ำ กันน้ำกระเด็นใส่ได้ หรือจะเป็นระบบปลดล็อคตัวเครื่องก็มีทั้งระบบสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ และระบบสแกนใบหน้ามาให้เลือกใช้กันครบอีกด้วย

โดยรวมในเรื่องดีไซน์ของ Nothing Phone (3a) Pro ก็ถือว่ายังคงเอกลักษณ์ของแบรนด์ Nothing ไว้ได้อย่างครบถ้วน ทั้งฝาหลังกระจกโปร่งใส มีการวางองค์ประกอบต่าง ๆ เพิ่มความสวยงามและน่าค้นหา มีไฟ Glyph Interface เท่ ๆ ที่เล่นไปตามการแจ้งเตือนต่าง ๆ ได้ หน้าจอ AMOLED ขนาด 6.77″ ใหญ่เพียงพอ สวยถูกใจเด็กแนวที่อยากได้ความแตกต่างและเบื่อความจำเจจากดีไซน์มือถือทั่วไปมาก ๆ เลยล่ะครับ

Nothing OS 3.1 ซอฟต์แวร์นี่แหละจุดเด่นของแบรนด์นี้
เข้าสู่เรื่องซอฟต์แวร์ที่เป็นจุดเด่นของ Nothing Phone (3a) Pro ไม่แพ้เรื่องดีไซน์ เพราะ Nothing OS 3.1 รูปแบบ UI ที่ครอบทับอยู่บน Android 15 ของรุ่นนี้ ทำออกมาได้น่าสนใจมาก ๆ ทั้งรูปลักษณ์ที่ใช้รูปแบบ Dot Engine ในไอคอน มีอนิเมชั่นที่เป็นเอกลักษณ์ และฟอนต์ Inner ของ Nothing ที่ปรับแต่งมาโดยเฉพาะอีก

ช่วยให้เรารับรู้ถึงความแตกต่างทันทีที่เปิดเครื่องขึ้นมา ในหน้าจอหลักจะถูกปรับรูปแบบให้มีไอคอนเหมือนกันทั้งหมด แม้จะเป็นแอป 3rd Party ก็ตาม ใช้สีแบบโทนเดียวที่ minimal และดูเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน แต่ในหน้า App Drawer หรือหน้ารวมแอปก็ยังคงใช้สีมาตรฐานเหมือนเดิมเพื่อให้ง่ายต่อการเข้าถึง หรือถ้าไม่แบบสีเดียวกันเลยในหน้าจอหลัก เราก็สามารถเปลี่ยนได้เช่นกัน
เปลี่ยนรูปแบบไอคอนได้ที่ Settings > Customisation > Icon Pack ครับ

มีรูปแบบ Widget ที่ออกแบบมาพิเศษให้เข้ากับหน้าจอหลักได้ชัดเจน หรือทางเลือกในการปรับแต่งหน้าจอล็อกที่หลากหลาย เปลี่ยนนาฬิกา เพิ่ม Widget ไว้ในหน้าจอล็อกเลยก็ได้เช่นกัน แม้จะดูเหมือน Nothing OS นั้นมีการปรับแต่งหน้า UI ไว้เยอะ แต่ในเรื่องการใช้งานก็ไม่ได้ยากเย็นอะไรเลย มีความเป็น Stock Android อยู่สูงเลยแหละ

มี Essential Space สำหรับเก็บความทรงจำหรือข้อมูลสำคัญ
ขอกลับมาเรื่อง Essential Space อีกสักที อย่างที่บอกว่า Nothing Phone (3a) Pro นั้นมีปุ่มพิเศษที่เราสามารถกดเพื่อแคปหน้าจอไว้ในส่วนเสริมพิเศษได้ ซึ่งในนี้จะรวมทุกสิ่งไว้ในที่เดียว AI จะจัดระเบียบสิ่งที่เราบันทึกและสร้างเคล็ดลับและการดำเนินการที่ปรับให้เหมาะเราเท่านั้น เรียกง่าย ๆ ก็คือเวลาเราเจออะไรบนหน้าจอแล้วอาจเก็บเอาไว้ก็ใช้ปุ่มนี้ อาจจะพูดบันทึกเสียงในภาพนั้น ๆ เวลามาย้อนดูก็จะได้จำได้ คล้าย ๆ Clipboard ขนาดใหญ่นั้นเองครับ

Glyph Interface ไฟด้านหลังสุดเท่ เฉพาะมือถือ Nothing
ไฟ Glyph Interface ที่เราโชว์ไปด้านบน อันนี้ก็เป็นลูกเล่นที่ Nothing ใส่มาบนสมาร์ทโฟนของตัวเองตั้งแต่รุ่นแรก มาถึง Nothing Phone (3a) Pro ก็ยังมีมาให้ใช้งานด้วย แม้จะไม่ได้มีเยอะแบบเต็มพื้นที่ฝาหลัง แต่ก็ติดมาให้เวลามีสายเรียกเข้า หรือกาารแจ้งเตือนแล้วมีเสียง “ปิ๊บ ๆ” กับการสั่นที่เป็นเอกลักษณ์เข้ามานี่ก็ให้ความพิเศษในแบบที่หาจากรุ่นอื่นไม่ได้เหมือนกันเนอะ

โดยเราสามารถเข้าไปปรับตั้งค่าเพิ่มเติมได้อีกว่าอยากได้จังหวะแบบไหนในการตั้งค่า Glyph Interface ทั้งความสว่างของไฟ, รูปแบบการแจ้งเตือนของริงโทนหรือการแจ้งเตือน (20 รูปแบบไฟ) หรือถ้าที่ให้มายังไม่พอเราก็สามารถสร้างจังหวะใหม่ ๆ ขึ้นมาเองได้ด้วยล่ะ

มีความ AI ที่ร่วมมือกับ Google ด้วย
และในยุคนี้ที่ขาดไม่ได้เลยคือฟีเจอร์ AI ที่ Nothing Phone (3a) Pro ก็ยังทำงานร่วมกับ Google ให้เราได้กดปุ่ม Power ค้างไว้เพื่อเรียก Gemini ขึ้นมา จะพูดคุย ค้นหา อะไรได้หมด หรืออยากวงเพื่อค้นหาเลย ก็สามารถใช้ฟีเจอร์ Circle to Search กดปุ่มโฮมค้างไว้แล้ววงได้เช่นกันครับ

กล้องหลัง 3 ตัวระดับ Pro
มาต่อกันในเรื่องกล้อง Nothing Phone (3a) Pro ก็ยกเป็นอีกจุดเด่นเช่นกัน เพราะถือเป็นครั้งแรกของสมาร์ทโฟนแบรนด์นี้ที่ได้กล้องหลังมาพร้อมกล้องหลัง 3 ตัว มีสเปคคร่าว ๆ ดังนี้ครับ
- 50MP กล้องหลัก (เซ็นเซอร์ Samsung ขนาด 1/1.56″) f/1.88, OIS
- 8MP กล้อง Ultra Wide (เซ็นเซอร์ขนาด 1/4″) f/2.2
- 50MP กล้อง Periscope 3x (เซ็นเซอร์ Sony ขนาด 1/1.95″) f/2.55, OIS

อย่างที่เห็นกล้องทั้ง 3 ตัวถือว่ามีสเปคที่ดีเลยในกลุ่มราคาไม่ถึง 18,000 บาทแบบนี้ครับ มีกล้องหลักคุณภาพสูง และกล้อง Periscope 3x ที่ไม่ได้หาง่าย ๆ ในเรทราคานี้เนาะ ซึ่งตรงนี้ Nothing เคลมเลยว่าทำให้ Phone (3a) Pro นั้นสามารถถ่ายได้ตั้งแต่ระยะ 0.6x – 60x พร้อมฟีเจอร์ Telemacro อีกต่างหาก

ด้านซอฟต์แวร์กล้อง Nothing Phone (3a) Pro ได้อัลกอริธึมชื่อ TrueLens Engine 3.0 เข้ามาเติมเต็มในเรื่องการประมวลผลภาพให้สวยชัดยิ่งขึ้นผ่าน AI ประมวลผล รวมถึงยังมีฟีเจอร์ Preset ในการสร้างโทนภาพที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง ซึ่งตรงนี้เราสามารถสร้างขึ้นและแชร์ออกไปให้เพื่อนใช้ หรือดาวน์โหลดแบบสวย ๆ จาก Community มาใช้ก็ได้ด้วยเช่นกัน

ในแง่ของคุณภาพภาพถ่ายของ Nothing Phone (3a) Pro ก็ถือว่าทำได้ยอดเยี่ยมเลยล่ะครับ เพราะอย่างที่บอกว่า ตัวชุดกล้องที่ให้มานั้นค่อนข้างครบ ทำให้เราเก็บภาพได้หลายระยะ ตัว Ultra Wide 8MP อาจจะไม่ได้เด่นมาก แต่ก็เก็บภาพได้คมชัดและกว้างในสภาพแสงปกติได้ดีเลย กล้องหลัก 50MP เซ็นเซอร์ขนาดใหญ่ก็ไว้ใจได้ จะซูมไป 2x ก็ยังเหลือ ๆ เลย แ่ตทีเด็ดจริง ๆ คงเป็น Periscope 3x นี่แหละ ปกติเราไม่ค่อยได้เห็นในรุ่นกลางแบบนี้ พอได้ลองใช้จริง ๆ ทั้งระยะที่ซูม 3x ดี ซูม 6x ได้ มิติละลายหลังสวย หรือจะเป็นการใช้เป็น Telemacro ได้อีก ก็ถือว่าครบเครื่องเลยจริง ๆ ครับ





















ส่วนโหมด Portrait ก็มีระยะให้เลือกหลายระยะตั้งแต่ 1x/2x/3x/4x ทำให้ได้ภาพที่หลากหลาย จะเต็มตัว ครึ่งตัว หรือเจาะใบหน้าชัด ๆ ครับ คุณภาพก็ทำได้ดี มีให้เลือกโบเก้ในรูปแบบต่าง ๆ ก่อนถ่าย ละลายฉากหลังสวย ได้ใบหน้าที่เนียนกำลังดีเลย









กล้องหน้า 50MP เซลฟี่ดีเลย
ที่กล้องหน้าของ Nothing Phone (3a) Pro นั้นได้ความละเอียดมาสูงถึง 50MP เป็นแบบมุมกว้าง 81.2º ถือว่ากว้างกำลังดีเลย หรือจะซูมเข้าไปอีกนิดก็สามารถกดเข้าไปที่ 1.2x ได้เช่นกัน โทนสีก็สวยใกล้เคียงกับกล้องหลังครับ สามารถใช้โหมด Portrait ด้วยนะ



วิดีโอสูงสุด 4K/30fps
ส่วนเรื่องวิดีโอ Nothing Phone (3a) Pro นั้นถ่ายได้สูงสุดที่ 4K/30fps ทั้งกล้องหน้า-หลัง (เฉพาะกล้องหลัก) ให้คุณภาพที่เพียงพอ แต่ถ้าอยากได้แบบสลับกล้องหลัง 3 ตัวระหว่างถ่ายได้ ก็ปรับเป็น 1080p/30fps ครับ น่าเสียดายที่กล้อง Ultra Wide และ Periscope 3x ไม่สามารถใช้งานร่วมกับเฟรมเรต 60fps ได้เนอะ ไม่งั้นคงจะดีงามกว่านี้

โดยรวมในเรื่องกล้องของ Nothing Phone (3a) Pro ก็ถือว่าทำได้ยอดเยี่ยมเลยครับ โดยเฉพาะภาพนิ่ง ที่ให้เราได้ภาพที่คมชัด เก็บได้หลายระยะ ตั้งแต่มุมกว้างพิเศษ ไปจนถึงซูมย่อม ๆ (ไม่เกิน 10x) การปรับโทนเพิ่มเติมด้วย AI ก็เก่งและเพียงพอ โหมดและลูกเล่นอย่างพวก Preset ก็ทำให้เราสนุกไปกับการถ่ายภาพได้มากขึ้น ถือว่าให้ฮาร์ดแวร์มาน่าสนใจมาก ๆ ในกลุ่ม Premium Mid-Range งบไม่ถึง 18,000 บาทน่ะนะ แต่จุดที่ยังอยากให้ดีกว่านี้ก็คงเป็นเรื่องวิดีโอที่ยังธรรมดาไปหน่อย ไม่หวือหวาเท่าไหร่ครับ

ขุมพลัง Snapdragon 7s Gen 3
สำหรับสเปค Nothing Phone (3a) Pro นั้นจะมาพร้อมกับชิปเซ็ต Snapdragon 7s Gen 3 รุ่นกลาง ที่เคลมว่าเร็วขึ้นกว่าเดิมถึง 25% มีความจุให้เลือกความจุเดียวเลยคือ 12GB+256GB ซึ่งตัว RAM นั้นยังสามารถบูสเพิ่มด้วยฟีเจอร์ RAM Booster อีก 8GB เท่าทำมี RAM รวมสูงสุด 20GB ได้ด้วยนะ

อย่างที่เห็นว่าตัวชิปนั้นเป็นรุ่นกลางที่ไม่ได้เน้นความแรงแบบขั้นสุด แต่ในการใช้งานทั่วไปก็ถือว่ายังลื่นไหลเพียงพออยู่นะ และเพื่อให้เห็นภาพคร่าว ๆ เราลองทดสอบผ่านแอป AnTuTu Benchmark v10.4.5 ก็ได้คะแนนออกมาน่าสนใจที่ 803726 คะแนนครับ

ด้าน Geekbench 6 จะได้คะแนน CPU Single-Core ที่ 1188 และ Multi-Core ที่ 3293 ก็เป็นกลุ่มรุ่นกลางจริง ๆ นั่นแหละครับ ส่วนการเล่นเกม Nothing Phone (3a) Pro ก็ทำได้ดีครับ รอบนี้เราทดสอบกับ 2 เกมคือ Asphalt 9 และ Call of Duty Mobile

เล่น Asphalt 9 บน Nothing Phone (3a) Pro
เริ่มที่ Asphalt 9 เราปรับระดับกราฟิกไปที่ High Quality พร้อมกับเปิด 60fps เลย ยังมีตัวเลือกอื่น ๆ ที่ปรับเป็น Low อยู่บ้าง แต่โดยรวมก็ถือว่าได้ภาพที่สวยงาม เอฟเฟกต์ดีเลย ตัวเครื่อง Phone (3a) Pro เล่นได้อย่างลื่นไหลเลย ภาพสวย เฟรมเรตนิ่ง ๆ แสดงผลบนหน้าจอ AMOLED 6.77″ เต็มตาครับ

เล่น Call of Duty บน Nothing Phone (3a) Pro
ส่วนเกมยิงอย่าง Call of Duty ก็เลือกกราฟิกและเฟรมเรตได้สูงสุดที่ High + Max หรือ Max + Very High ก็ตามข้อจำกัดของชิปเซ็ตที่อาจจะไม่ได้ปรับได้สูงสุด ซึ่งในการทดสอบนี้เราเลือกแบบแรกเพื่อที่จะได้เฟรมเรตที่ลื่นไหลที่สุดแบบ 60fps เนอะ ตัวเครื่องถือว่าจัดการได้ดีเลย ภาพในเกมสวยสุด ๆ เฟรมเรตก็ลื่นกำลังดี แม้จะไม่ได้เต็ม ๆ แบบ 120fps ก็ตาม

แบตเตอรี่ 5000mAh ใช้งานได้ดีตามสไตล์
ปิดท้ายที่เรื่องแบตเตอรี่ Nothing Phone (3a) Pro ได้แบตเตอรี่มาที่ 5000mAh ในยุคนี้อาจจะไม่ได้เยอะมากมายอะไรแล้วเนอะ แต่ก็ไม่ถือว่าน้อยแหละ เท่าที่เราลองใช้งานจริง ๆ ก็อยู่ในเกณฑ์มาตรฐานครับ เพราะด้วยชิป Snapdragon 7s Gen 3 ที่ไม่ได้กินพลังงานมากนัก บวกกับซอฟต์แวร์ที่จัดการระบบต่าง ๆ ได้ดี ก็ถือว่าใช้รอดหนึ่งวันได้อยู่ หากไม่ได้มีการถ่ายรูปหนัก ๆ หรือทำงานต่อเนื่องตลอด

ด้านระบบชาร์จ Nothing Phone (3a) Pro ได้ชาร์จไวแบบสายสูงสุด 50W ถือว่าเป็นตัวเลจที่เยอะพอแล้วสำหรับแบตเตอรี่ความจุนี้เนอะ และเป็นมาตรฐานแบบ PD ด้วย เพราะในกล่องไม่ได้แถมที่ชาร์จมาให้ การได้มาตรฐานชาร์จแบบมาตรฐานมาก็ถือว่าดีต่อการชาร์จให้เร็วสุดได้เมื่อใช้กับที่ชาร์จ PD ที่มีอยู่แล้วเนอะ

สรุปแล้ว “นี่คือสมาร์ทโฟนดีไซน์สุดแนวที่มีกล้องระดับ Pro สุดคุ้มค่าในราคาไม่ถึง 18,000 บาท”
สรุปแล้ว Nothing Phone (3a) Pro ก็ถือเป็นสมาร์ทโฟนสุดแนวที่ครบเครื่องสุด ๆ ในงบไม่ถึง 18,000 บาทจริง ๆ ครับ ด้วยดีไซน์อันโดดเด่นของฝาหลังโปร่งใสพร้อมไฟ Glyph Interface ที่เป็นเอกลักษณ์ตามฉบับของแบรนด์นี้ มองแว้บแรกก็รู้สึกได้ถึงความแตกต่าง ไม่จำเจ มีซอฟต์แวร์ที่ใช้งานได้ดีและแปลกใหม่ไม่แพ้กัน และที่ขาดไม่ได้เลยก็คือชุดกล้องระดับ Pro มีกล้อง Periscope ที่หายไม่ได้ง่ายนักในเรทราคานี้ ใครที่กำลังมองหาตัวเลือกที่ครบทั้งดีไซน์ ซอฟต์แวร์ และกล้องในงบไม่เกิน 18,000 บาทอยู่ เราว่า Nothing Phone (3a) Pro นี่แหละ เหมาะเลย!
