Apple News
พบผู้ใช้ iOS และ Mac ในออสเตรเลียถูกสั่งล็อคอุปกรณ์จาก Hacker (วิธีป้องกันเบื้องต้นที่นี่)
มีรายงานว่าผู้ใช้งาน iOS และ Mac หลายรายในประเทศออสเตรเลียถูก Hacker สั่งล็อคการใช้งานระยะไกลด้วยระบบ Find my iPhone จากแอปเปิล โดยจะขึ้นว่าถูก Hacked โดย Oleg Pliss แฮ็คเกอร์ผู้นี้บอกว่าถ้าต้องการปลดล็อคอุปกรณ์จะต้องจ่ายเงินประมาณ $50 ถึง $100 เพื่อที่จะให้กลับมาใช้ได้เหมือนเดิม (แบบนี้ปล้นกันชัด ๆ )
ปัญหาดังกล่าวคาดว่าแฮ็คเกอร์อาจจะได้ข้อมูลของผู้ใช้จากเว็บไซต์ต่าง ๆ ที่อาจจะใช้ อีเมล์ และ รหัสผ่านเดียวกันที่ใช้กับ iCloud และนำมาใช้ล็อคอินกับ iCloud ซึ่งทำให้สามารถเข้าไปสั่งล็อคอุปกรณ์ต่าง ๆ ผ่าน iCloud ได้
สำหรับผู้ที่ยังไม่ได้รับผลกระทบดังกล่าวนี้มีข้อแนะนำมาฝากกันครับ
1. ให้ใช้รหัสผ่านกับเว็บต่าง ๆ ที่ไม่ซ้ำกัน เช่น (iCloud, Gmail, Facebook, และอื่น ๆ ) ให้ตั้งรหัสผ่านต่างกันออกไป เพราะถ้าเราถูกแฮ็คที่ใดที่หนึ่ง แฮ็คเกอร์อาจจะนำข้อมูลที่ได้มาไปใช้งานกับบริการอื่น ๆ ที่เรามีอยู่ด้วย ถ้าตั้งเหมือนกันก็จะสามารถใช้งานกับที่อื่น ๆ ได้
2. เปิดใช้บริการยืนยันตัวตนแบบสองขั้นตอน (Use two-factor authentication) ถ้าเว็บไซต์ไหนมีบริการยืนยันตัวตนแบบสองขั้นตอนให้เปิดใช้ด้วย เช่น Gmail, Facebook, Twitter รวมถึง Apple ID (ตอนนี้ในประเทศไทยยังไม่สามารถใช้ได้)
3. สำหรับผู้ที่ใช้ iOS (iPhone, iPod, iPad) ทุกคนข้อนี้สำคัญมาก จะต้องตั้งรหัสผ่านล็อคหน้าจออุปกรณ์ด้วย นอกจากป้องกันในกรณีที่หายแล้วคนที่เจอจะไม่สามารถใช้งานได้ และอีกเหตุผลคือถ้าเราตั้งรหัสผ่านเข้าใช้งานไว้ที่อุปกรณ์ ถึงแม้ว่าจะมีผู้พยายามสั่งล็อคอุปกรณ์ของเราด้วย Find my iPhone เราก็จะสามารถปลดล็อคได้ด้วยรหัสผ่านหน้าจอเดิมของเราได้ เพราะในขั้นตอนของการสั่งล็อค ถ้าอุปกรณ์ไหนมีรหัสผ่านหน้าจออยู่ จะไม่สามารถกำหนดรหัสผ่านล็อคใหม่ผ่าน Find my iPhone ได้
วิธีตั้งค่าล็อคหน้าจอ
เมนูภาษาไทย : การตั้งค่า > รหัสผ่าน >เปิดตรวจรหัสผ่าน > ใส่รหัสผ่านเป็นตัวเลข 4 หลัก
เมนูภาษาอังกฤษ : Settings > Passcode > Turn Passcode ON > Set Passcode
ยังไงแล้วคงต้องระวังการเข้าใช้งานเว็บไซต์ต่าง ๆ กันให้มากขึ้น และควรใช้รหัสผ่านไม่ให้ซ้ำกันด้วยตามที่ได้แนะนำไปข้างต้นครับ เพื่อป้องกันไม่ให้ Hacker ถ้าได้ข้อมูลของเราไปแล้วจะได้ไม่สามารถใช้กับบริการต่าง ๆ ที่เรามีทั้งหมดได้
ที่มา – 9to5mac