Smart Review
รีวิว OPPO Mirror 5 ฝาหลังหรูหราประกายคริสตัล
OPPO Mirror 5 สมาร์ทโฟนหน้าจอ 5 นิ้ว ราคาย่อมเยาที่มาพร้อมความโดดเด่นด้วยฝาหลังที่ใช้เทคนิคการสะท้อนแสงทำให้เกิดภาพนูนที่ทับซ้อนกันเป็นรูปทรงเรขาคณิตเหมือนคริสตัล ตัวเครื่องรองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ด เชื่อมต่อข้อมูลผ่าน 3G, 4G LTE, Wi-Fi และ Bluetooth
สรุปข้อมูลและสเปค OPPO Mirror 5
- ราคาเปิดตัว 7,990 บาท (สิงหาคม 2558)
- ขนาดตัวเครื่อง 143.4 x 71.2 x 7.65 มม.
- น้ำหนัก 160 กรัม
- 2G : 850 / 900 / 1800 / 1900 MHz
- 3G : 850 / 900 / 2100 MHz
- 4G : LTE 800 / 850 / 900 / 1800 / 2100 / 2600
- รองรับ 2 ซิม (Micro SIM + Nano SIM)
- หน้าจอแสดงผลขนาด 5 นิ้ว ความละเอียด 540 x 960 พิกเซล
- ระบบปฏิบัติการ ColorOS 2.1.0i (Android 5.1.1 Lollipop)
- ชิปเซ็ต Qualcomm MSM8916 Snapdragon 410
- ซีพียู 64 บิต Quad-core 1.2 GHz
- กราฟิก (GPU) Adreno 306
- หน่วยความจำ RAM 2 GB
- หน่วยความจำ ROM 16 GB เพิ่มความจำภายนอกได้ด้วย microSD สูงสุด 128 GB
- กล้องหลัง 8 ล้านพิกเซล แฟลช LED ค่ารูรับแสง f/2.2
- กล้องหน้า 5 ล้านพิกเซล
- รองรับ Wi-Fi 802.11 b/g/n, Bluetooth 4.0
- GPS/A-GPS
- แบตเตอรี่ Li-Po 2,420 mAh (ถอดเปลี่ยนเองไม่ได้)
ตัวเครื่อง ดีไซน์ และหน้าจอแสดงผล
OPPO Mirror 5 มีขนาดตัวเครื่องที่ไม่เล็กแต่ก็ไม่ใหญ่จนเกินไป จับถนัดมือ แต่ค่อนข้างหนักและหนาไปหน่อย จุดเด่นที่เห็นแล้วสะดุดตาของรุ่นนี้คือฝาหลังที่สะท้อนแสงแล้วให้ประกายแบบมีสายเส้นทับซ้อนกันรูปทรงเรขาคณิตเหมือนประกายคริสตัล ซึ่งช่วยเพิ่มความหรูให้กับรุ่นนี้เป็นอย่างมากทั้งสี Ivory White และ Midnight Blue
หน้าจอของ Mirror 5 มีขนาด 5 นิ้ว ความละเอียด 540 x 960 พิกเซล มีความหนาแน่นของจุดพิกเซล 220 พิกเซลต่อนิ้ว ถือว่าความคมชัดยังน้อย ถ้าเพิ่มเป็นความคมชัดอย่างน้อย HD จะดีมากครับ
เหนือหน้าจอมีเลนส์กล้องความละเอียด 5 ล้านพิกเซล, ลำโพงสำหรับเสียงสนทนา, เซ็นเซอร์วัดแสงกับ Proximity และไฟ LED แจ้งเตือนสถานะต่าง ๆ จะอยู่ที่มุมขวาบน ซึ่งอาจจะมองไม่เห็นจนกว่าจะมีไฟแจ้งเตือนหรือตอนชาร์จแบตครับ
ด้านล่างหน้าจอมีปุ่มนำทางแบบสัมผัส 3 ปุ่ม ได้แก่ ปุ่มเมนู, ปุ่มโฮม และปุ่มย้อนกลับ ปุ่มทั้ง 3 ไม่มีไฟส่องสว่าง (Backlight)
ขอบด้านบนตัวเครื่องมีช่องเสียบหูฟังขนาดมาตรฐาน 3.5 มม. และพอร์ตอินฟราเรดสำหรับใช้เป็นรีโมทคอนโทรลเครื่องใช้ไฟฟ้าได้ เช่น ทีวี เป็นต้น
ขอบด้านล่างตัวเครื่องมีพอร์ตเชื่อมต่อขนาด micro USB สำหรับชาร์จแบตหรือถ่ายโอนข้อมูล รองรับ OTG และไมโครโฟนสำหรับเสียงสนทนา
ขอบด้านข้างขวามีปุ่มปิด/เปิดเครื่องหรือปิด/เปิดหน้าจอ
ขอบด้านข้างซ้ายมีปุ่มปรับระดับเสียง
ด้านหลังมีเลนส์กล้องความละเอียด 8 ล้านพิกเซล และแฟลช LED
ฝาหลังสามารถแกะเปิดออกได้ ภายในมีแบตเตอรี่ขนาด 2,420 mAh ซึ่งฝังติดมากับตัวเครื่อง แกะถอดเองไม่ได้ และมีช่องใส่ซิมการ์ดขนาด Micro-SIM กับ Nano-SIM อย่างละ 1 ช่อง และช่องใส่ microSD card ความจุสูงสุด 128GB
อินเตอร์เฟซและฟังก์ชั่นการใช้งาน
OPPO Mirror 5 มาพร้อมระบบปฏิบัติการ ColorOS 2.1.0i บนพื้นฐานระบบปฏิบัติการ Android 5.1.1 Lollipop ทำให้การทำงานในภาพรวมรู้สึกได้ว่าลื่นไหล ส่วนหน้าตาอินเตอร์เฟซก็เหมือนกับ OPPO รุ่นอื่น ๆ
ด้วยความที่เป็น Android Lollipop ทำให้สามารถแสดงรายการแจ้งเตือนบนหน้าล็อคสกรีนได้ด้วย ผู้ใช้สามารถแตะเข้าไปดูรายละเอียด หรือปัดลบทิ้งก็ได้ ส่วนในหน้าโฮมหรือหน้าจอหลักก็สามารถปรับแต่งวอลเปเปอร์ เพิ่มวิดเจ็ต และเรียงไอคอนใหม่ได้เพียงเขย่าตัวเครื่องสมาร์ทโฟน
เมื่อลากแถบด้านบนลงมาจะเป็นในส่วนของการแจ้งเตือนต่าง ๆ และ Control panel สำหรับปิด/เปิดการทำงานระบบและเข้าสู่การตั้งค่าต่าง ๆ ของระบบ
OPPO Mirror 5 มีฟังก์ชั่นการใช้ท่าทางและการเคลื่อนไหวเพื่อสั่งการทำงานได้ด้วย
การใช้ท่าทางแตะหรือวาดบนหน้าจอขณะหน้าจอปิดอยู่ เช่น การเคาะหน้าจอ 2 ครั้งเพื่อเปิดหน้าจอ, การวาดตัวอักษรต่าง ๆ ตามที่กำหนดไว้เพื่อเปิดใช้งานแอพพลิเคชั่นนั้น ๆ เป็นต้น
การใช้ท่าทางขณะหน้าจอเปิดอยู่ เช่น การจีบหลายนิ้วเข้าหากันเพื่อเปิดใช้แอพกล้องถ่ายรูป, แตะปุ่มโฮม 2 ครั้งเพื่อล็อคหน้าจอ เป็นต้น
การโทรอัจฉริยะ เป็นการใช้ท่าทางเพื่อสั่งงานเกี่ยวกับการโทร ได้แก่ ยกแนบหูเมื่อมีสายโทรเข้าเพื่อรับสายได้ทันที, เมื่อโทรคุยโดยการเปิดลำโพงแล้วยกมาแนบหูจะสลับไปเปิดลำโพงแนบหูแทน และการคว่ำหน้าจอเพื่อปิดเสียงสายโทรเข้า
นอกจากนี้ก็มีโหมดสำหรับการแตะเปิดหน้าจอโดยไม่ตั้งใจเมื่อเอาไว้ในกระเป๋า และโหมดสำหรับใช้งานกับเคสฝาพับแบบมีช่องหน้าต่างหรือ Window Flip case
OPPO Mirror 5 มีโหมดประหยัดพลังงานที่ช่วยยืดระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่ให้ได้นานมากยิ่งขึ้นทั้งโหมดแบบธรรมดา และโหมดขั้นสูง ซึ่งโหมดขั้นสูงจะเหมาะมากหากอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่สามารถหาที่ชาร์จแบตได้ เมื่อเปิดใช้งานจะสามารถใช้งานได้เฉพาะฟังก์ชั่นพื้นฐาน และระบบจะปิดการเชื่อมต่อข้อมูลทั้งหมดเพื่อประหยัดพลังงาน
OPPO Mirror 5 สามารถใช้เป็นรีโมทคอนโทรลควบคุมเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านได้ด้วยอินฟราเรดที่มีมากับเครื่องผ่านแอพพลิเคชั่นรีโมทคอนโทรล สามารถเข้าไปเลือกตั้งค่าให้ตรงกับเครื่องใช้ไฟฟ้าก่อนการใช้งาน
Mirror 5 รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ด สแตนด์บายพร้อมกันได้ทั้ง 2 ซิม แต่สามารถเลือกเชื่อมต่อข้อมูลได้เพียง 1 ซิมเท่านั้นผ่าน 3G/4G LTE โดยอีกซิมจะสลับไปเป็น 2G อัตโนมัติ
ตรวจสอบเซ็นเซอร์ด้วย Android Sensor Box และมัลติทัช
- Accelerometer Sensor ช่วยหมุนหรือปรับเปลี่ยนทิศทางการแสดงผลของหน้าจอให้แบบอัตโนมัติ ตามลักษณะการจับถือของผู้ใช้
- Light Sensor สำหรับตรวจวัดระดับความสว่างของสภาพแวดล้อม เพื่อปรับความสว่างของหน้าจอและแผงปุ่มกดให้เหมาะสม
- Orientation Sensor ระบบปรับมุมมองการแสดงผลหน้าจออัตโนมัติ
- Proximity Sensor สำหรับการปิดหน้าจอแบบอัตโนมัติขณะสนทนา เพื่อประหยัดพลังงาน
- Sound Sensor ตรวจวัดระดับเสียง
- Magnetic Sensor ตรวจวัดความเข้มสนามแม่เหล็ก
- รองรับมัลติทัชสูงสุด 5 จุด
Mirror 5 ไม่มี Gyro Sensor สำหรับระบบตรวจจับความเคลื่อนไหวแบบ 3 แกน ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ และ
ผลทดสอบประสิทธิภาพการทำงาน
OPPO Mirror 5 รันระบบปฏิบัติการ ColorOS 2.1.0i (Android 5.1.1 Lollipop) ชิปเซ็ต Qualcomm MSM8916 Snapdragon 410, ซีพียู 64 บิต Quad-core 1.2 GHz กับจีพียู Adreno 306 และแรม 2 GB
ผลการทดสอบ AnTuTu ในโหมด 64 บิต เป็นการทดสอบการเข้าถึงการทำงานของแรม (RAM) และประสิทธิภาพการทำงานของหน่วยประมวลผลกราฟิกหรือจีพียู (GPU) ทำคะแนนรวมได้ 24,413 คะแนน ถือว่าอยู่ในระดับที่ดีสำหรับสมาร์ทโฟนราคาย่อมเยา ในขณะที่ Quadrant Standard ได้ 14,379 คะแนน
ผลการทดสอบด้วย Geekbench 3 เพื่อวัดประสิทธิภาพการทำงานของหน่วยประมวลผลโดยรวม ผลทดสอบ Single-core ทำได้ 495 คะแนน และ Multi-core ทำได้ 1,492 คะแนน
ผลการทดสอบประสิทธิภาพโดยรวมด้วย BaseMark OS ได้ 650 คะแนน และผลการทดสอบประสิทธิภาพกราฟิกด้วย NenaMark 2 ได้ 59.3 เฟรมต่อวินาที
กล้องถ่ายรูป
Mirror 5 มีกล้องหลังความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ระบบออโต้โฟกัส ค่ารูรับแสง f/2.2 และแฟลช LED ช่วยถ่ายภาพในที่มืด รองรับการแตะหน้าจอเพื่อเลือกจุดโฟกัส และแนบตำแหน่งแผนที่ลงในภาพถ่ายด้วยก็ได้ ส่วนโหมดถ่ายรูปก็มีให้งานอย่างครบครัน ได้แก่ โหมดปกติ (Normal), กลางคืนแบบมีสีสัน (Colorful night), หน้าสวย (Beautify), ตัวกรองสีที่สวยงาม (Various filters), พาโนรามา (Panorama), HDR, ภาพเคลื่อนไหว (GIF), ความเร็วชัดเตอร์ต่ำ (Slow shutter), ใส่เสียงลงในภาพถ่าย (Audio photo), การรับแสงสองครั้ง (Double exposure) เป็นต้น
สำหรับอัตราส่วนภาพเลือกได้ 2 ขนาด คือ 4:3 ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล และ 16:9 จะได้ความละเอียด 6 ล้านพิกเซล ส่วนการบันทึกวิดีโอด้วยกล้องหลังความละเอียดสูงสุด 108op และสามารถบันทึกวิดีโอแบบ Time-lapse หรือภาษาไทยในรุ่นนี้คือ เลนส์แบบเร็ว
กล้องหน้ามีความละเอียด 5 ล้านพิกเซล อัตราส่วน 4:3 ถ้าอยากได้อัตราส่วน 16:9 จะลดขนาดลงมาเหลือ 4 ล้านพิกเซล และรองรับการบันทึกวิดีโอความละเอียด 720p
จากการทดสอบใช้งานกล้องหลังโฟกัสและชัตเตอร์ภาพได้เร็ว ภาพที่ได้ก็สามารถเก็บรายละเอียดได้ดี ถ้าเป็นภาพในที่แสงน้อยหรือในที่มืดอาจไม่ค่อยชัดมากนัก ส่วนกล้องหน้าเหมาะกับการเซลฟี่หน้าสวยเนียน ๆ แต่ถ้าถ่ายวิวหรือวัตถุอื่น ๆ จะไม่ค่อยมีรายละเอียดของภาพครับ
ตัวอย่างภาพถ่าย
สรุปจุดเด่น
- หน้าจอแสดงผลขนาดกำลังพอดี 5 นิ้ว
- ระบบปฏิบัติการ Android 5.1 Lollipop
- ซีพียู 64 บิต Quad-core 1.2 GHz
- กล้องหลัง 8 ล้านพิกเซล และแฟลช LED
- กล้องหน้า 5 ล้านพิกเซล
- รองรับการใช้งาน 2 ซิม และใช้งาน 4G LTE ในไทยได้
- เพิ่มหน่วยความจำภายนอกได้ด้วย microSD สูงสุด 128GB
จุดสังเกตเพิ่มเติม
- ความคมชัดของหน้าจอยังน้อย
- การเล่นเกมกราฟิกสวย ๆ ยังไม่ลื่นไหล
- แบตเตอรี่แกะถอดเปลี่ยนเองไม่ได้
ขอบคุณ บริษัท ไทย ออปโป้ จำกัด