IT News
มารู้จักกับ AIS NEXT G Network เครือข่ายเน็ตความเร็วสูงสุด 1,000 Mbps
เมื่อช่วงเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาในงาน AIS Vision 2017 ซึ่งเป็นงานประกาศวิสัยทัศน์ประจำปี ได้มีการนำเสนอภาพรวมในปีที่ผ่านมาและสิ่งที่กำลังจะมาในปีนี้ และมีสิ่งหนึ่งที่น่าสนใจมากเกี่ยวกับบริการเครือข่ายไร้สายความเร็วระดับกิกะบิทในชื่อ AIS NEXT G Network มาดูกันว่ามีอะไรให้ตื่นเต้นกันบ้าง
AIS NEXT G Network หรือ Gigabit Network เป็นครั้งแรกของไทยที่เครือข่ายของ AIS ทั้งหมดจะรองรับการให้บริการที่ความเร็วระดับกิกะบิท และเป็นครั้งแรกในแถบภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้วย
1. NextG Mobile Network
NextG Mobile Network เป็นบริการเครือข่ายมือถือที่นำเทคโนโลยี LTE มาผสานรวมกับ AIS Super WiFi โดยวิธี Multipart ทำให้สามารถส่งข้อมูลขนาดใหญ่ได้ถึง 1 Gbps เร็วขึ้นจากเดิมที่รับส่งข้อมูลได้สูงสุดราว 400-500 Mbps
สำหรับ NextG Mobile Network ที่ความเร็วระดับ 1 Gbps เตรียมเปิดให้บริการประมาณช่วงกลางปี 2017 นี้ โดยมีสมาร์ทโฟนที่รองรับเบื้องต้นในขณะนี้ได้แก่ สมาร์ทโฟนจาก Samsung ตั้งแต่รุ่น Galaxy Note 5 และรุ่นที่ใหม่กว่า แต่ก็ต้องรอติดตามกันต่อไปว่าจะมีการเปิดให้ใช้งานได้จริงในรุ่นใดบ้าง
ชมคลิปวิดีโอทดสอบ Speedtest ของ AIS NextG Mobile Network
2. NextG WiFi
สำหรับ NextG WiFi เป็นการพัฒนาเทคโนโลยี WiFi แบบเดิมที่ให้บริการอยู่ในขณะนี้อย่าง AIS Super WiFi ความเร็วสูงสุด 650 Mbps มาเป็น AIS Super WiFi Wave 2 มาตรฐานอุปกรณ์ AP 802.11ac Wave 2 ด้วยเทคโนโลยี MU-MIMO และช่องสัญญาณขยายเป็น 160 MHz จากเดิม 80 MHz จึงได้ความเร็วที่เพิ่มขึ้นกว่าเดิม 2 เท่า รับส่งข้อมูลได้เร็วกว่า 1 Gbps เหมาะกับการใช้งานในยุคปัจจุบันที่มีการรับส่งขนาดไฟล์ที่ใหญ่ขึ้น
3. Next G Fibre
Next G Fibre เป็นบริการไฟเบอร์ด้วยเทคโนโลยีบรอดแบนด์ที่ดีที่สุดในขณะนี้ พร้อมรองรับความเร็วสูงสุด 10 Gbps อย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งปัจจุบันครอบคลุมมากกว่า 5 ล้านครัวเรือน และพร้อมวางรากฐาน Infrastructure โครงข่ายดิจิทัลให้กับประเทศไทย ด้วยจุดแข็งของเทคโนโลยีโครงข่ายไฟเบอร์ออพติก 100% รายแรกและรายเดียว อีกทั้งยังเสิร์ฟคอนเทนต์ให้กับลูกค้าด้วย AIS PLAYBOX ด้วย
4. NB-IoT
NB-IoT (Narrow band Internet of Thing) เทคโนโลยีมาตรฐานใหม่ล่าสุดที่รองรับการใช้งานมือถือร่วมกับอุปกรณ์และบริการแบบ IoT ซึ่งทยอยเข้ามาในประเทศไทยอย่างมากมาย และเป็นรากฐานสำคัญในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานประเทศ จุดประกายในการพัฒนาบริการสาธารณะต่างๆ พร้อมก้าวสู่ Smart City อย่างเต็มรูปแบบ
สำหรับ NB-IoT มีจุดเด่น 5 อย่าง คือ ใช้พลังงานต่ำ รองรับอุปกรณ์ได้จำนวนมาก เข้าถึงได้ทุกพื้นที่ ส่งผลให้ราคาของอุปกรณ์ถูกลง และใช้งานได้สะดวกรวดเร็ว