ข่าวประชาสัมพันธ์
AIS ผนึก อมตะ ขยายความร่วมมือยกระดับ Smart City และการนำ 5G เสริมเขี้ยวเล็บ อมตะซิตี้ ชลบุรี
AIS ผนึก อมตะ ขยายความร่วมมือยกระดับ Smart City และการนำ 5G เสริมเขี้ยวเล็บ อมตะซิตี้ ชลบุรี สร้างแรงดึงดูดนักลงทุนทั่วโลกส
เอไอเอส ผู้นำเครือข่าย 5G ชั้นนำระดับภูมิภาค และอันดับ 1 ในไทย จับมือ บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) ผู้พัฒนาเมืองอุตสาหกรรมชั้นนำแห่งเอเชีย เดินหน้าลงนามสานต่อพันธมิตรเชิงยุทธศาสตร์ ขยายความร่วมมือในการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ (Smart City) ไปอีกขั้น นำโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่สำคัญอย่างเทคโนโลยี AIS 5G และโครงข่ายใยแก้วนำแสง ที่พร้อมรองรับการทำโซลูชั่นส์ Smart City และการสร้างนวัตกรรมดิจิทัลที่ทันสมัย เข้าไปยกระดับการบริหารงานและการผลิตเพิ่มเติมในอมตะซิตี้ ชลบุรี เพื่อพัฒนาให้อมตะซิตี้ ชลบุรี ยกระดับสู่การเป็นเมืองอัจฉริยะ ที่พร้อมรับความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ การผลิต และการลงทุน ตามแผนเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก EEC ภายใต้นโยบาย Thailand 4.0 หลังได้ลงนามจัดตั้งบริษัทร่วมทุน (Joint Venture) ภายใต้ชื่อ “บริษัท อมตะ เน็ทเวอร์ค จำกัด” นำโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่สำคัญเข้าไปเสริมศักยภาพอมตะซิตี้ ชลบุรี ตั้งแต่เดือนธันวาคม 2559 ที่ผ่านมา
นายสมชัย เลิศสุทธิวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส กล่าวว่า “ตั้งแต่ปี 2559 เอไอเอส และอมตะ ได้ทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดในการนำโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่สำคัญและนำนวัตกรรม IoT เข้าไปสนับสนุนการบริหารงาน การผลิต และระบบสาธารณูปโภคในพื้นที่อมตะซิตี้ ชลบุรี ซึ่งวันนี้เมื่อเทคโนโลยี 5G มีความพร้อมและได้กลายเป็น The Real New Normal ด้านเทคโนโลยี ที่ทรงประสิทธิภาพอย่างยิ่ง ทั้งด้านคุณสมบัติด้านความเร็ว ความเสถียร และการรองรับอุปกรณ์จำนวนมาก เอไอเอส ในฐานะผู้นำเครือข่าย 5G ระดับภูมิภาค และเป็นรายแรกรายเดียวในอาเซียนที่มีเครือข่าย 5G ครอบคลุมเต็มพื้นที่ 100% นิคมอุตสาหกรรมใน EEC จึงได้ขยายความร่วมมือกับอมตะ คอร์ปอเรชัน ไปอีกขั้น เพื่อสร้างเมืองอัจฉริยะที่สมบูรณ์แบบ โดยนำเทคโนโลยีอัจฉริยะอย่าง 5G ทั้ง 5G Stand Alone (5G SA) และ 5G Network Slicing รวมถึงโครงข่ายใยแก้วนำแสง (Fiber Optic) และ ICT Infrastructure เข้าไปยกระดับการทำงานในอมตะซิตี้ ชลบุรี ซึ่งมีโรงงานตั้งอยู่มากกว่า 750 แห่ง เพื่อเสริมขีดความสามารถด้านผลิตให้กับภาคอุตสาหกรรมไทยให้ทัดเทียมเวทีโลก ตลอดจนพัฒนาโซลูชั่นส์ที่เอื้อต่อการสร้างเมืองอัจฉริยะที่ทันสมัย ทั้งด้านการบริหารจัดการการใช้ทรัพยากร การขนส่ง และระบบการดูแลรักษาความปลอดภัยของประชาชนในพื้นที่
ทั้งนี้ เชื่อมั่นว่าด้วยความแข็งแกร่งของเราทั้งคู่ และด้วยวิสัยทัศน์ที่มีร่วมกันในการนำ 5G Digital Infrastructure มาพัฒนา Smart City และฟื้นฟูเศรษฐกิจประเทศไทย จะช่วยสร้างข้อได้เปรียบทางการผลิตและแข่งขันให้กับภาคอุตสาหกรรม พร้อมดึงดูดนักลงทุนจากทั่วโลกเข้ามาลงทุนในพื้นที่ EEC และผลักดันให้พื้นที่เศรษฐกิจพิเศษแห่งนี้กลายเป็นฮับอุตสาหกรรม 4.0 หลักของภูมิภาคได้อย่างแน่นอน”
นายวิกรม กรมดิษฐ์ ประธานกรรมการ และ รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. อมตะ คอร์ปอเรชัน กล่าวว่า ที่ผ่านมาอมตะได้ร่วมมือกับเอไอเอส จัดตั้งบริษัท อมตะ เน็ทเวอร์ค ดำเนินธุรกิจการวางโครงข่ายใยแก้วนำแสง ที่อมตะซิตี้ ชลบุรี ถือเป็นโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่สำคัญ สำหรับอมตะในการยกระดับนิคมอุตสาหกรรมให้ก้าวสู่การเป็นเมืองอัจฉริยะหรือ AMATA Smart City การลงนามขยายความร่วมมือในครั้งนี้ ถือเป็นโอกาสที่ดีในการนำเทคโนโลยี 5G มาใช้เพื่อยกระดับภาคอุตสาหกรรม พร้อมทั้งขยายการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลไปยังนิคมอุตสาหกรรมอื่นๆ ใน EEC
พื้นที่ EEC ถือเป็นจุดยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจที่สำคัญที่จะเชื่อมโยงเส้นทางการค้า – การลงทุนของภูมิภาคอาเซียนเข้ากับตลาดโลก อมตะจึงมีความตั้งใจที่จะพัฒนาอมตะซิตี้ ชลบุรี ไปสู่มาตรฐานสากล และก้าวสู่การเป็น Smart City อย่างสมบูรณ์แบบ พร้อมทั้งเป็นต้นแบบให้กับนิคมอุตสาหกรรมอื่นๆ เพื่อดึงดูดนักลงทุนจากทั่วโลกให้สนใจมาสร้างฐานการผลิตในพื้นที่ EEC วันนี้ เราจึงมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ขยายความร่วมมือกับเอไอเอส นำเทคโนโลยีอัจฉริยะ 5G และนวัตกรรมใหม่ๆ มาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต และความสามารถในการแข่งขันให้โรงงานอุตสาหกรรม เพื่อลดต้นทุนการผลิต ลดการใช้พลังงาน เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับประเทศไทยก้าวทันประเทศชั้นนำอย่าง จีน เกาหลีใต้ หรือญี่ปุ่น ที่ได้นำ 5G มาเพิ่มมูลค่าไปแล้ว”
สำหรับ บริษัท อมตะ เน็ทเวอร์ค จัดตั้งขึ้นด้วยทุนจดทะเบียน 1 ล้านหุ้น เป็นเงิน 100 ล้านบาท โดย บริษัท แอดวานซ์ บรอดแบนด์ เน็ทเวอร์ค จำกัด (ABN) ถือหุ้น 60% คิดเป็นเงินลงทุนรวม 60 ล้านบาท และ บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) (AMATA) ถือหุ้น 40% คิดเป็นเงินลงทุนรวม 40 ล้านบาท