Apple News
เปิดตัว iPhone 13 Series กล้องจัดเต็ม ฟีเจอร์ขั้นเทพ พร้อมชิป A15 แรงสุดในโลกสมาร์ทโฟน !
สิ้นสุดการรอคอยแล้งสำหรับการเปิดตัว iPhone 13 Series ที่จัดมาให้ 4 รุ่นเหมือนเดิม ได้แก่ iPhone 13 mini, iPhone 13, iPhone 13 Pro และ iPhone 13 Pro Max โดยแต่ละรุ่นก็มีการเปลี่ยนแปลงด้านสเปคไปเยอะเลยทีเดียวครับ จะมีอะไรบ้างมาดูกันเลย !!
ดีไซน์
ดีไซน์ของ iPhone 13 ทั้ง 4 รุ่นจะเหมือนกับ iPhone 12 Series เกือบทั้งหมดครับ ตั้งแต่ขอบตัวเครื่องที่มีความแบนเรียบและขนาดหน้าจอเท่าเดิม แต่โมดูลกล้องหลังมีขนาดที่ใหญ่ขึ้น และรอยบากที่หน้าจอจะเล็กลงกว่าเดิม 20%
โดยกล้องหลังของ iPhone 13 mini และ iPhone 13 ที่มี 2 เลนส์ จะปรับตำแหน่งเป็นแบบแนวทแยงที่ดูมีความแปลกตาพอสมควร
ส่วนฝาหลังและหน้าจอของ iPhone 13 Series ก็จะเป็นวัสดุ Ceramic Shield ที่ให้ความแข็งแกร่งเหมือนเดิม (รุ่นธรรมดาจะมีแค่หน้าจอ) และระบุว่าแข็งแร่งกว่าคู่แข่งทั้งหมด และมีมาตรฐานกันน้ำที่ IP68 เหมือนเดิม (ความลึกไม่เกิน 6 เมตร ภายในระยะเวลาสูงสุด 30 นาที)
หน้าจอแสดงผล
สำหรับหน้าจอต้องพูดถึงเรื่องรอยากขนาดเล็กลงกันก่อนเลยครับ โดยใน iPhone 13 Series จะปรับตำแหน่งลำโพงสนทนาขึ้นไปไว้ด้านบน และขยับเทคโนโลยี Face ID และกล้องหน้าเข้ามาตรงกลาง ทำให้ใช้พื้นที่น้อยลงครับ ส่วนขนาดหน้าจอทั้ง 4 รุ่นจะเท่าเดิมทั้งหมด โดย iPhone 13 mini และ iPhone 13 จะมีความสว่างหน้าจอมากขึ้น 28% ใช้พาเนล Super Retina XDR พร้อมความสว่างสูงสุด 1,200 นิต (HDR)
iPhone 13 mini มีขนาด 5.4 นิ้ว ความละเอียด 2340 x 1080 พิกเซล, iPhone 13 / iPhone 13 Pro ขนาด 6.1 นิ้ว ความละเอียด 2532 x 1170 พิกเซล และ iPhone 13 Pro Max ขนาด 6.7 นิ้ว ความละเอียด 2778 x 1284 พิกเซล โดยความพิเศษของรุ่น Pro จะอยู่ที่การเข้ามาของเทคโนโลยี ProMotion รองรับ Refresh Rate 120Hz เป็นครั้งแรกของ iPhone ซึ่งจะได้พาเนลแบบ LTPO เข้ามาช่วยในเรื่องการประหยัดพลังงานที่สามารถปรับ Refresh Rate ได้ตั้งแต่ 10-120Hz ตามการใช้งาน
สเปคภายใน
iPhone 13 ทุกรุ่นมาพร้อมหน่วยประมวลผล A15 Bionic ที่มีขนาด 5nm มี CPU แบบ 6‑core ใหม่ ซึ่งมีคอร์ด้านประสิทธิภาพ 2 คอร์ และคอร์ด้านประหยัดพลังงาน 4 คอร์ ควบคู่กับ GPU แบบ 4‑core ใหม่ และ Neural Engine แบบ 16‑core ใหม่ ทั้งยังรองรับการใช้งาน 5G และ WiFi 6
ขณะที่เรื่องความจุก็มีการเปลี่ยนแปลงแล้วครับ โดย iPhone 13 mini และ iPhone 13 จะเริ่มต้นที่ 128GB แล้ว ซึ่งมีความจุ 256/512GB อีกด้วย ส่วนรุ่น Pro ทั้ง 2 รุ่นจะเริ่มที่ความจุ 128GB เช่นกัน และมีความจุ 256/512GB และความจุสูงสุดถึง 1TB เป็นครั้งแรก ทั้งนี้ แบตเตอรี่ของแต่ละรุ่นก็สามารถใช้งานได้นานขึ้นสูงสุดกว่า 20% และรองรับชาร์จเร็วสูงสุดเป็น 25W แล้ว
กล้อง
iPhone 13 mini และ iPhone 13 มาพร้อมกับกล้องหลัง 2 เลนส์แบ่งเป็นเลนส์หลักความละเอียด 12 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.6 รองรับ OIS และใส่กันสั่นแบบ Sensor-Shift ที่เคยใช้ใน iPhone 12 Pro Max มาให้ด้วย + เลนส์ Ultra-Wide มุมกว้าง 120 องศา ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4
ทั้ง 2 รุ่นนี้มีชิป ISP รุ่นใหม่เพื่อการถ่ายภาพในที่แสงน้อยได้ดีขึ้น และให้สีสันที่สดใสในที่แสงกลางวัน ทั้งยังมีฟีเจอร์การถ่ายวิดีโอ Cinematic Mode ทำให้ตัวบุคคลจะถูกปรับให้อยู่บริเวณกลางเฟรมโดยไม่ดูผิดปกติ ทั้งยังมีการเบลอฉากหน้า-หลังให้อย่างชาญฉลาด หรือสามารถล็อกโฟกัสได้ด้วยการกดค้างที่หน้าจอระหว่างถ่าย ทั้งยังรองรับการถ่าย Dolby Vision HDR
ขณะที่ iPhone 13 Pro และ iPhone 13 Pro Max มาพร้อมกล้องหลัง 3 เลนส์ แบ่งเป็นเลนส์หลักความละเอียด 12 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.5 + เลนส์ Ultra-Wide มุมกว้าง 120 องศา ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.8 เพื่อการถ่ายภาพกลางคืนที่ดีขึ้นและรองรับ Autofocus ด้วย ส่วนเลนส์ที่ 3 จะเป็นเลนส์ Telephoto ระยะ 77mm ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.8 โดยสามารถถ่ายสิ่งเล็กๆ ได้อย่างชัดเจนยิ่งขึ้น แถมใกล้มากสุดถึง 2 ซม.
ฟีเจอร์เด่นๆ ของกล้องหลังจะรองรับ Night Mode ทุกเลนส์แล้วครับ รวมถึงการถ่าย ProRes Video ได้ด้วย
โดยมีกล้องหน้า TrueDepth มีความละเอียด 12 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2 เหมือนกันทั้ง 4 รุ่น
ตัวเลือกสี
- iPhone 13 Mini / iPhnoe 13 มีให้เลือกทั้งหมด 5 สี ได้แก่ ดำ, Starlight, น้ำเงิน, ชมพู และแดง (PRODUCT) RED
- iPhone 13 Pro และ iPhone 13 Pro Max มีให้เลือกทั้งหมด 4 สี ได้แก่ น้ำเงิน Sierra Blue, ทอง, Graphite และเงิน
ราคาและวันวางจำหน่ายในไทย
- iPhone 13 mini ราคาเริ่มต้น 25,900 บาท (ตัวเลือกความจุ 128/256/512GB)
- iPhone 13 ราคาเริ่มต้น 29,900 บาท (ตัวเลือกความจุ 128/256/512GB)
- iPhone 13 Pro ราคาเริ่มต้น 38,900 บาท (ตัวเลือกความจุ 128/256/512GB และ 1TB)
- iPhone 13 Pro Max ราคาเริ่มต้น 42,900 บาท (ตัวเลือกความจุ 128/256/512GB และ 1TB)
iPhone 13 ทั้ง 4 รุ่นจะ เริ่มพรีออเดอร์วันที่ 1 ตุลาคมนี้ พร้อมจำหน่ายทางการวันที่ 8 ตุลาคมนี้
เรื่องอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
- สรุป 10 ฟีเจอร์ใหม่ iPad mini (รุ่นที่ 6) มีอะไรน่าสนใจบ้าง
- iOS 15, iPadOS 15, watchOS 8, และ tvOS 15 พร้อมปล่อยอัปเดททางการ 20 ก.ย. นี้
- สรุปราคาไทย iPhone 13 ทั้ง 4 รุ่นทุกความจุมาให้แล้วที่นี่ !
- iPad mini รุ่นที่ 6 เปิดตัวแล้ว แท็บเล็ตสุดบางเบา และสีสันใหม่
- เปิดตัว Apple Watch Series 7 ขอบจอบางลง ชาร์จไวขึ้น 33% และกันฝุ่น IP6X
- เปิดตัว iPad รุ่นที่ 9 ชิป A13 Bionic, รันบน iPadOS 15 เริ่มต้น 11,400 บาท