Apple News
Apple เดินหน้าสู่เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2030 เพิ่มพลังงานสะอาดอีก 9 กิกะวัตต์ และเพิ่มจำนวนซัพพลายเออร์ที่ให้คำมั่นว่าจะเปลี่ยนมาใช้พลังงานสะอาดอีก 2 เท่า
Apple เปิดตัว 10 โครงการริเริ่มใหม่เพื่อสนับสนุนชุมชนทั่วโลกก่อนถึงการประชุม COP26
คำมั่นใหม่ด้านพลังงานสะอาดจากซัพพลายเออร์ช่วยสนับสนุนเป้าหมายของ Apple ที่จะทำให้ซัพพลายเชนและผลิตภัณฑ์มีความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2030 Corning Incorporated ใช้พลังงานสะอาดจากแผงพลังงานแสงอาทิตย์ของ Duke Energy Sustainable Solutions ในเมือง Conetoe รัฐนอร์ทแคโรไลนา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในคำมั่นสัญญาของบริษัทที่จะใช้พลังงานสะอาด 100% เพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าให้กับการดำเนินงานทั้งหมดของ Apple
คูเปอร์ติโน รัฐแคลิฟอร์เนีย วันนี้ Apple ประกาศว่าบริษัทได้เพิ่มจำนวนซัพพลายเออร์ที่ให้คำมั่นว่าจะใช้พลังงานสะอาด 100% เป็น 2 เท่าในปีที่ผ่านมา เพื่อเร่งความคืบหน้าในเป้าหมายอันท้าทายของบริษัทที่จะทำให้ซัพพลายเชนและผลิตภัณฑ์มีความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2030 ทำให้มีซัพพลายเออร์ของ Apple รวมทั้งหมด 175 รายที่จะเปลี่ยนมาใช้พลังงานหมุนเวียน นอกจากนี้บริษัทและซัพพลายเออร์ยังจะนำพลังงานสะอาดมาใช้ทั่วโลกเพิ่มอีกมากกว่า 9 กิกะวัตต์ ซึ่งทั้งหมดนี้จะช่วยลดการปล่อย CO2e ได้มากกว่า 18 ล้านเมตริกตันต่อปี เทียบเท่ากับการนำรถยนต์ออกจากท้องถนน 4 ล้านคันในแต่ละปี
บริษัทได้เพิ่มโครงการใหม่อีก 10 โครงการสำหรับแผนงาน Power for Impact เพื่อนำโซลูชั่นด้านพลังงานสะอาดมาสู่ชุมชนทั่วโลก ซึ่งเป็นสิ่งที่ยังไม่มีใครเคยทำมาก่อน โดยที่โครงการเหล่านี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อเป็นแหล่งพลังงานหมุนเวียนให้กับชุมชนที่ขาดแคลนทรัพยากร และในขณะเดียวกันยังช่วยสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจและส่งผลดีทางสังคมด้วย
“ทุกบริษัทควรมีส่วนช่วยต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เราจึงร่วมมือกับซัพพลายเออร์และชุมชนในท้องถิ่นเพื่อแสดงให้เห็นว่านวัตกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมนั้นสามารถสร้างโอกาสและความเท่าเทียมได้มากแค่ไหน” Tim Cook ซึ่งเป็น CEO ของ Apple กล่าว “เรากำลังลงมือทำอย่างเร่งด่วน และเราลงมือทำร่วมกัน แต่เวลาเป็นทรัพยากรที่ใช้แล้วหมดไป เราจึงเร่งลงทุนในอนาคตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากกว่าและเท่าเทียมกันยิ่งขึ้น”
ถึงแม้ว่าการดำเนินงานทั่วโลกของ Apple จะเป็นกลางทางคาร์บอนแล้ว แต่ภายในปี 2030 อุปกรณ์ Apple ทั้งหมดที่จำหน่ายจะต้องมีผลกระทบต่อสภาพภูมิอากาศเป็นศูนย์ และนับตั้งแต่ประกาศเป้าหมายนี้ในปีที่ผ่านมา นอกจากบริษัทจะเพิ่มจำนวนซัพพลายเออร์ที่เปลี่ยนมาใช้พลังงานหมุนเวียนได้เป็นจำนวนมากแล้ว ยังเพิ่มปริมาณของวัสดุรีไซเคิลที่ใช้ในผลิตภัณฑ์ รวมถึงจัดตั้งโครงการใหม่ที่มุ่งเน้นเรื่องความเป็นธรรมด้านสิ่งแวดล้อมด้วย โดยรวม Apple สามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไปได้แล้วถึง 40% ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา
“ชุมชนที่ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศมากที่สุดกลับไม่มีปากมีเสียง ซึ่งเป็นปัญหาที่มีมาเนิ่นนาน และควรเกิดการเปลี่ยนแปลงได้แล้ว และเราก็ตั้งใจที่จะมีส่วนร่วมกับการเปลี่ยนแปลงนี้” Lisa Jackson ซึ่งเป็นรองประธานฝ่ายโครงการด้านสิ่งแวดล้อม นโยบาย และกิจกรรมทางสังคมของ Apple กล่าว “โครงการใหม่ที่เราร่วมกันทำจะช่วยชุมชนเหล่านี้โดยการริเริ่มโครงการพลังงานหมุนเวียนใหม่ๆ ในท้องถิ่นเพื่อสร้างโลกที่ดีต่อสุขภาพยิ่งขึ้นและเท่าเทียมกันมากขึ้น พร้อมกับยกระดับการต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศให้ก้าวหน้าไปอีกขั้น”
คาร์บอนฟุตพริ้นต์ของ Apple ลดลงถึง 40% ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากโครงการอย่าง Montague Wind Power Facility ในรัฐโอเรกอน ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการพลังงานหมุนเวียนที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่ Apple เคยทำมา
ทิศทางของซัพพลายเออร์
ในสหรัฐอเมริกา ซัพพลายเออร์ 19 รายที่เข้าร่วมโปรแกรม Supplier Clean Energy ของ Apple อย่าง Solvay กำลังขยายการใช้พลังงานหมุนเวียนในการดำเนินงานทุกส่วนที่เกี่ยวข้องกับ Apple ซึ่งหลายครั้งเกินขอบเขตของธุรกิจที่ทำกับ Apple ด้วยซ้ำ ส่วนในยุโรป มีซัพพลายเออร์เข้าร่วมโปรแกรมแล้ว 19 ราย และหนึ่งในนั้นคือ STMicroelectronics ซึ่งได้ริเริ่มโครงการเพิ่มอีก 9 โครงการเพื่อจัดหาพลังงานหมุนเวียนให้ครอบคลุมการดำเนินงานของบริษัทมากขึ้นนับตั้งแต่เข้าร่วมโปรแกรมของ Apple
ขณะที่ในประเทศจีนมีซัพพลายเออร์เข้าร่วมโปรแกรมแล้ว 50 ราย และหลายรายตั้งใจที่จะใช้โซลูชั่นภายในไซต์ของตนเองให้เกิดประโยชน์สูงสุด นอกจากนี้ในประเทศอินเดีย ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ก็มีซัพพลายเออร์เข้าร่วมโปรแกรม 31 ราย รวมถึง SK Hynix ซึ่งเป็นซัพพลายเออร์เกาหลีรายแรกๆ ที่เข้าร่วม
ไฟฟ้าที่ใช้ในศูนย์ข้อมูลของ Apple ในเมือง Viborg มาจากแผงพลังงานแสงอาทิตย์ที่ใหญ่ที่สุดในสแกนดิเนเวีย และยังเป็นโครงการพลังงานแสงอาทิตย์โครงการแรกของเดนมาร์กที่สร้างขึ้นโดยไม่ใช้เงินสนับสนุนจากภาครัฐด้วย
นอกจากนี้ Apple ยังสร้างเส้นทางใหม่ๆ สำหรับการใช้วัสดุรีไซเคิล พร้อมกับรักษามาตรฐานระดับสูงของบริษัทในการจัดหา และร่วมมือกับซัพพลายเออร์เพื่อมุ่งสู่ระบบเศรษฐกิจหมุนเวียนที่ช่วยอนุรักษ์ทรัพยากร และไม่จำเป็นต้องทำเหมืองแร่ที่มีคาร์บอนหนาแน่นอีกต่อไป ซึ่งในส่วนนี้รวมถึงแหล่งวัสดุรีไซเคิลหลายชนิดที่วันนี้เป็นส่วนหนึ่งในผลิตภัณฑ์ Apple ด้วย ไม่ว่าจะเป็นทอง โคบอลต์ อะลูมิเนียม หรือแร่โลหะหายาก ความก้าวหน้าทั้งหมดนี้ รวมถึงการเปลี่ยนมาใช้พลังงานหมุนเวียนของซัพพลายเออร์ ล้วนมีส่วนช่วยลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมที่เกิดจากผลิตภัณฑ์ของบริษัท ยิ่งกว่านั้นยังมีอีกหนึ่งความสำเร็จครั้งสำคัญในช่วงที่ผ่านมา นั่นคือการลดคาร์บอนฟุตพริ้นต์ของ iPhone 13 Pro ได้ถึง 11% และของ MacBook Pro รุ่น 16 นิ้ว ได้ถึง 8% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า
ความก้าวหน้าในด้านการใช้วัสดุรีไซเคิลช่วยลดความจำเป็นของการทำเหมืองแร่ที่มีคาร์บอนหนาแน่น รวมถึงผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมที่เกิดจากผลิตภัณฑ์ของ Apple และในขณะเดียวกันยังช่วยอนุรักษ์ทรัพยากรของโลกใบนี้ด้วย
การสนับสนุนชุมชน
นอกจากนี้ Apple ยังประกาศที่จะสนับสนุนโครงการใหม่ด้านพลังงานหมุนเวียนอีก 10 โครงการทั่วโลกผ่านทางโปรแกรม Power for Impact ของบริษัทดังนี้
ในสหรัฐอเมริกา Apple จะร่วมมือกับ Oceti Sakowin Power Authority ซึ่งก่อตั้งโดย 6 ชนเผ่า Sioux เพื่อร่วมกันพัฒนาแหล่งพลังงานหมุนเวียนของชนเผ่าโดยจะมีการสนับสนุนด้านการเงิน พัฒนา ก่อสร้าง และควบคุมการดำเนินงานของโรงงานผลิตและจ่ายกระแสไฟฟ้าสำหรับจำหน่ายในตลาดขายส่ง โครงการนี้เมื่อแล้วเสร็จจะนำไปสู่การพัฒนาด้านพลังงานลมขนาดใหญ่สำหรับภูมิภาค Midwest และสอดคล้องกับการที่องค์กรเข้าร่วม Impact Accelerator ของ Apple ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการเพื่อความเสมอภาคและความยุติธรรมทางเชื้อชาติหรือ Racial Equity and Justice Initiative
Apple ร่วมมือกับ Conservation International, INVEMAR Marine and Coastal Research Institute และ CVS (Corporación Autónoma Regional de los Valles del Sinú y del San George) เพื่อปกป้องและฟื้นฟูพื้นที่ป่าชายเลนกว่า 27,000 เอเคอร์ใน Córdoba ประเทศโคลอมเบีย โดยการยกระดับความสามารถในการฟื้นตัวให้กับชุมชนริมชายฝั่ง และเชิญชวนให้คนท้องถิ่นมีส่วนร่วมในการฟื้นฟูและรักษาความอุดมสมบูรณ์
ในประเทศแอฟริกาใต้ Apple อยู่ระหว่างการนำพลังงานหมุนเวียนมาสู่ครัวเรือนที่ก่อนหน้านี้ไม่มีไฟฟ้าใช้กว่า 35,000 ครัวเรือน และบริษัทยังช่วยลดค่าไฟฟ้าให้กับ Pioneer School for the Visually Impaired โดยการสนับสนุนเงินทุนเพื่อติดตั้งแผงพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคาด้วย ส่วนในประเทศไนจีเรีย Apple จะสนับสนุนการพัฒนาระบบพลังงานแสงอาทิตย์เพื่อใช้ในศูนย์การแพทย์หลักของรัฐ Ondo รวมถึงอีก 200 ครัวเรือนในภูมิภาครอบข้าง
ในฟิลิปปินส์ Apple จะช่วยสนับสนุนเงินทุนให้แก่สถาบันการศึกษาที่มอบทุนการศึกษาแก่เด็กนักเรียนยากไร้ที่มีผลการเรียนดี โดยการติดตั้งแผงพลังงานแสงอาทิตย์ชุดใหม่บนหลังคาเพื่อชดเชยค่าไฟฟ้า ส่วนในประเทศไทย Apple ก็มีส่วนในความร่วมมือเพื่อเพิ่มกำลังการผลิตพลังงานหมุนเวียนและแบตเตอรี่ที่ใช้เก็บพลังงานเพื่อให้สามารถเข้าถึงพลังงานไฟฟ้าได้อย่างต่อเนื่อง รวมถึงการนำพลังงานนั้นมาใช้แทนเชื้อเพลิงดีเซลที่ก่อให้เกิดมลภาวะในหมู่บ้านชาวประมงที่อยู่ห่างไกล ซึ่งมักต้องอาศัยตู้เย็นในการรักษาคุณภาพของผลิตภัณฑ์ปลา นอกจากนี้ Apple ยังร่วมสนับสนุนโครงการในเวียดนามเพื่อจัดหาพลังงานไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ให้แก่โรงเรียน 20 แห่งทั่วประเทศ และช่วยสอนเด็กหลายพันคนเกี่ยวกับการพัฒนาที่ยั่งยืนและ STEM
ในโคลอมเบีย Apple ช่วยนำระบบพลังงานแสงอาทิตย์มาติดตั้งใช้งานที่ Santa Ana Hospital Infantil ทำให้โรงพยาบาลสามารถนำเงินค่าไฟฟ้าที่ประหยัดได้นั้นไปซื้ออุปกรณ์การแพทย์และยาเพิ่มเติมได้ และยังมีการติดตั้งแผงพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคาของ Ciudad Don Bosco ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงหากำไรที่ให้บริการด้านการศึกษาและสังคมสงเคราะห์แก่เด็กยากไร้ เพื่อช่วยให้องค์กรดังกล่าวบรรลุเป้าหมายด้านการพัฒนาที่ยั่งยืนได้รวดเร็วยิ่งขึ้น
ในอิสราเอล Apple ให้การสนับสนุน Nitzana Educational Eco-Village ที่ดูแลเยาวชนในกลุ่มเสี่ยง โดยการติดตั้งระบบพลังงานแสงอาทิตย์เพื่อช่วยลดค่าไฟฟ้า และยังเป็นแหล่งรายได้ใหม่สำหรับองค์กรด้วย
Apple จะยังคงให้ความสำคัญกับชุมชนที่ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศมากที่สุดต่อไป พร้อมกับเดินหน้าสู่เป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อมของบริษัท ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโครงการด้านสิ่งแวดล้อมของบริษัทได้ที่ apple.com/th/environment ดูรายชื่อซัพพลายเออร์ทั้งหมดที่เข้าร่วมโปรแกรม Supplier Clean Energy ของ Apple ได้ที่ apple.com/environment/Apple_Supplier_Clean_Energy_Commitments_October-2021.pdf