ข่าวประชาสัมพันธ์
Apple Fitness+ จะเปิดให้บริการใหม่ในวันที่ 27 ก.ย. นี้ และจะเปิดให้บริการในอีก 15 ประเทศในปลายปีนี้
Apple ประกาศว่า Apple Fitness+℠ ซึ่งเป็นบริการด้านฟิตเนสบริการแรกที่สร้างขึ้นโดยอิงกับ Apple Watch ทั้งหมดจะเปิดตัวการทำสมาธิแบบมีคำแนะนำแนวทาง วิธีง่ายๆ ในการฝึกสมาธิทุกที่ทุกเวลาและพิลาทิสซึ่งเป็นการออกกำลังกายแบบแรงกระแทกต่ำที่ช่วยเสริมสมรรถภาพของร่างกายในวันที่ 27 กันยายน นอกจากนี้ Fitness+ จะเปิดตัวโปรแกรมใหม่ในชื่อว่า “การออกกำลังกายเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับฤดูหนาว (Workouts to Get Ready for Snow Season)” ซึ่งนำโดย Ted Ligety เจ้าของเหรียญทองโอลิมปิก 2 สมัยและนักเล่นสกีแชมป์โลก 5 สมัยพร้อมด้วย Anja Garcia ผู้ฝึกสอนของ Fitness+ โปรแกรมที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากกีฬาฤดูหนาวนี้จะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่ง ความสมดุล และความอดทนเพื่อให้ผู้ใช้ได้สนุกกับการเล่นสกีบนทางลาดมากขึ้นตั้งแต่ต้นจนจบ
ในปลายปีนี้ Fitness+ จะเปิดตัวการออกกำลังกายแบบกลุ่มด้วย SharePlay™ ซึ่งผู้ใช้สามารถออกกำลังกายกับเพื่อนได้มากถึง 32 คนในคราวเดียวเพื่อสร้างแรงจูงใจให้กันและกัน และภายในปีนี้ Fitness+ จะขยายการให้บริการไปยัง 15 ประเทศใหม่ ได้แก่ ออสเตรีย บราซิล โคลอมเบีย ฝรั่งเศส เยอรมนี อินโดนีเซีย อิตาลี มาเลเซีย เม็กซิโก โปรตุเกส รัสเซีย ซาอุดีอาระเบีย สเปน สวิตเซอร์แลนด์ และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ Fitness+ จะมีให้บริการเป็นภาษาอังกฤษพร้อมคำบรรยายใน 6 ภาษา เพื่อให้ผู้คนทั่วโลกสามารถสัมผัสประสบการณ์การออกกำลังกายที่นำโดยทีมผู้ฝึกสอนที่หลากหลายและครอบคลุมได้มากกว่าที่เคย พร้อมด้วยแนวทางที่เหมาะสำหรับทุกคนและทุกระดับความแข็งแรงของร่างกาย
“ไม่ว่าคุณจะเพิ่งเริ่มต้น กำลังอยากลองอะไรใหม่ๆ หรือกำลังเปลี่ยนวิธีฝึกสมาธิและร่างกาย ทีมผู้ฝึกสอนชั้นยอดของ Fitness+ ก็พร้อมต้อนรับและช่วยเหลือผู้ใช้ทุกคนให้ได้ใช้ชีวิตในรูปแบบที่ดีต่อสุขภาพโดยไม่แบ่งแยกว่าคุณจะอยู่ ณ จุดไหนในเส้นทางการออกกำลังกาย” Jay Blahnik ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายเทคโนโลยีฟิตเนสของ Apple กล่าว “เรารู้สึกตื่นเต้นที่จะแนะนำให้คุณรู้จักกับการออกกำลังกายใหม่ๆ ซึ่งจะมอบตัวเลือกเพิ่มเติมให้แก่ผู้ใช้ Fitness+ ได้รักษาร่างกายให้แข็งแรงและมีแรงผลักดันอยู่เสมอ ส่วนประสบการณ์การทำสมาธิแบบมีคำแนะนำแนวทางก็ถูกสร้างมาให้ทุกคนเข้าถึงได้ และเข้ากับชีวิตประจำวันด้วยเช่นเดียวกัน วิธีออกกำลังกายใหม่ๆ ทั้งแบบกลุ่มและแบบเดี่ยวที่กำลังจะเปิดให้บริการเพิ่มในหลายประเทศปลายปีนี้ ทำให้เราตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่งที่จะต้อนรับผู้คนให้มาสัมผัสประสบการณ์การใช้งาน Fitness+ มากขึ้น”
การฝึกสมาธิแบบมีคำแนะนำแนวทาง
การฝึกสมาธิสามารถช่วยให้ผู้ใช้ลดความเครียดที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน พัฒนาความรู้เท่าทันตัวเอง และสร้างความแข็งแกร่งในการเผชิญอุปสรรคในชีวิต คุณสมบัตินี้พัฒนาต่อยอดมาจาก Mindful Cooldowns อันโด่งดังในแอป Fitness+ โดยการฝึกสมาธิแบบมีคำแนะนำแนวทางจะช่วยให้ผู้ใช้ได้สร้างนิสัยการฝึกสมาธิเป็นประจำอีกทั้งยังพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่โดยรวม ผู้ใช้จะสามารถเลือกธีมการฝึกสมาธิแบบมีคำแนะนำแนวทางได้ 9 แบบคือ จุดมุ่งหมาย ความเห็นอกเห็นใจ ความขอบคุณ ความรับรู้ ความคิดสร้างสรรค์ สติปัญญา ความสงบ การจดจ่อ และความแข็งแกร่งของจิตใจ โดยจะมีวิดีโอที่น่าสนใจให้รับชมพร้อมคำแนะนำจากผู้ฝึกสอนของ Fitness+ การฝึกฝนแต่ละครั้งจะใช้เวลา 5, 10 หรือ 20 นาที
และนอกเหนือจากวิดีโอคุณภาพสูงที่มีให้รับชมบน iPhone, iPad และ Apple TV แล้ว จะมีการอัปโหลดคำแนะนำการทำสมาธิทุกสัปดาห์ในรูปแบบเสียงในแอปทำสมาธิโฉมใหม่บน Apple Watch เพื่อให้ผู้ใช้สามารถฝึกสมาธิแบบมีคำแนะนำแนวทางได้ทุกที่ทุกเวลาเมื่อสะดวก แอปหายใจจะกลายเป็นแอปทำสมาธิใน watchOS 8 โดยมาพร้อมกับประสบการณ์การหายใจที่ปรับปรุงใหม่และเซสชั่นใหม่ในชื่อว่า Reflect และการฝึกสมาธิแบบมีคำแนะนำแนวทางจาก Fitness+ ผู้ใช้สามารถเล่นเสียงคำแนะนำการฝึกสมาธิใน Fitness+ ได้โดยตรงจาก Apple Watch เมื่อจับคู่กับ AirPods หรือหูฟังบลูทูธอื่นๆ สำหรับผู้ใช้ที่ต้องการฝึกสมาธิขณะเคลื่อนไหว ก็สามารถติดตามกิจกรรมด้วยแอปออกกำลังกายบน Apple Watch ขณะที่กำลังฝึกสมาธิ ซึ่งช่วยให้สามารถทำสมาธิขณะเดิน ปีนเขา หรือยืดเส้นยืดสายได้
การฝึกสมาธิแบบมีคำแนะนำแนวทางจะนำโดยผู้ฝึกสอนโยคะและ Mindful Cooldown ที่ผู้ใช้ Fitness+ รู้จักและชื่นชอบอย่าง Dustin Brown, Gregg Cook, Jessica Skye และ Jonelle Lewis รวมถึงผู้ฝึกสอนใหม่ 2 รายที่เชี่ยวชาญด้านการทำสมาธิอย่าง Christian Howard และ JoAnna Hardy Christian และ JoAnna มีประสบการณ์สอนทำสมาธิทั้งแบบดั้งเดิมและแบบเชิงลึกให้กับผู้เรียนเป็นรายบุคคลและแบบกลุ่มรวมกันกว่า 40 ปี การทำสมาธิแบบมีคำแนะนำแนวทางจะมอบประสบการณ์หลากหลายรูปแบบด้วยสไตล์และวิธีการที่แตกต่างกันซึ่งเหมาะกับทุกคน ไม่ว่าจะเพิ่งเริ่มฝึกสมาธิครั้งแรกหรือมีประสบการณ์มากแล้วก็ตาม สำหรับผู้ที่เพิ่งเริ่มต้น เรามีโปรแกรมการฝึกสมาธิสำหรับผู้เริ่มต้น (Meditation for Beginners) ที่จะช่วยให้ผู้ใช้เข้าใจหลักการพื้นฐานก่อนที่จะเข้าสู่เซสชั่นในสตูดิโอ
พิลาทิส
การออกกำลังกายที่ช่วยเสริมสร้างสมรรถภาพร่างกาย อย่างการออกกำลังกายที่ฝึกฝนกล้ามเนื้อ การออกกำลังกายแกนกลางลำตัว และโยคะต่างเป็นการออกกำลังกายที่ได้รับความนิยมที่สุดใน Fitness+ และตอนนี้พิลาทิสได้ถูกเพิ่มลงไปใน Fitness+ ในประเภทการออกกำลังกายแบบแรงกระแทกต่ำ ทำให้ผู้ใช้มีตัวเลือกในการรักษาและเสริมสร้างความแข็งแกร่งและความยืดหยุ่นมากขึ้น การออกกำลังกายด้วยพิลาทิสบน Fitness+ ส่วนใหญ่สามารถทำได้โดยใช้แค่แผ่นรองออกกำลังกาย ส่วนบางรายอาจใช้ยางยืดออกกำลังกายร่วมด้วย การออกกำลังกายด้วยพิลาทิสทุกแบบจะมีความยาว 10, 20 และ 30 นาที
พิลาทิสจะนำโดยผู้ฝึกสอนของ Fitness+ ใหม่ 2 คนคือ Marimba Gold-Watts และ Darryl Whiting Marimba เป็นผู้ฝึกสอนพิลาทิสเจ้าของรางวัล เธอเริ่มสายอาชีพจากการเป็นนักเต้นมืออาชีพ ส่วน Darryl เป็นอดีตนักกีฬามืออาชีพที่นำแนวทางการฝึกฝนของนักกีฬามาใช้ในการออกกำลังกายด้วยพิลาทิส ผู้ฝึกสอนทั้งสองได้นำการฝึกพิลาทิสหลากหลายรูปแบบมาให้ผู้ใช้ Fitness+ ได้ฝึกกัน ซึ่งจะทำให้พิลาทิสเป็นเรื่องง่ายสำหรับใครก็ตามที่ได้ลองฝึก สำหรับการออกกำลังกายในสตูดิโอจาก Fitness+ Marimba และ Darryl จะร่วมกับสมาชิกทีมผู้ฝึกสอนของ Fitness+ ในการสาธิตวิธีการแบบง่ายๆ สำหรับผู้เริ่มต้น ผู้ที่ต้องการแนวทางที่แตกต่างในการออกกำลังกายท่าต่างๆ หรือผู้ที่พร้อมลองท่าออกกำลังกายระดับสูงขึ้น
การออกกำลังกายเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับฤดูหนาว
นักเล่นสกีและนักเล่นสโนว์บอร์ดกว่า 100 ล้านคนทั่วโลกเดินทางไปยังลานสกีทุกปีเพื่อสนุกกับกิจกรรมกลางแจ้ง ออกกำลังกาย และใช้เวลาร่วมกับเพื่อนและครอบครัว Fitness+ พร้อมช่วยให้ผู้ใช้เตรียมตัวกลับไปทำกิจกรรมฤดูหนาวสุดโปรดด้วยการเปิดตัว “การออกกำลังกายเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับฤดูหนาว (Workouts to Get Ready for Snow Season)” ที่ได้ Ted Ligety เจ้าของเหรียญทองโอลิมปิก 2 สมัยและแชมป์โลก 5 สมัยมาเป็นผู้ฝึกสอน เขาได้รับการขนานนามว่าเป็นหนึ่งในนักเล่นสกีอัลไพน์ที่เก่งกาจที่สุดในโลก และ Anja Garcia ผู้ฝึกสอนของ Fitness+ ซึ่งเป็นนักเล่นสโนว์บอร์ดผู้มากประสบการณ์ การออกกำลังกายในสตูดิโอเหล่านี้เป็นวิธีที่สนุกในการเสริมสร้างความแข็งแกร่ง ความสมดุล และเพิ่มความอดทน ซึ่งล้วนเป็นปัจจัยสำคัญในการป้องกันการบาดเจ็บ ท่าทางการออกกำลังกายในโปรแกรมได้แรงบันดาลใจมาจากการออกกำลังกายที่ Ted ดัดแปลงจากแผนการฝึกฝนของเขาในฐานะนักกีฬาแถวหน้า ซึ่งรวมถึงการฝึกแบบ HIIT, การออกกำลังกายเพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่ง โยคะ และการออกกำลังกายแกนกลางลำตัว สำหรับการออกกำลังกายในสตูดิโอ Fitness+ นี้มีการดัดแปลงท่าต่างๆ เพื่อให้ผู้ใช้สามารถเพลิดเพลินกับการออกกำลังกายที่ตรงกับระดับความสามารถของตน
“ผมใช้เวลา 17 ปีที่ผ่านมาในการฝึกฝนเป็นนักกีฬามืออาชีพ และตอนนี้ผมก็คิดว่าการฝึกฝนต่อในรูปแบบที่เข้าถึงได้ง่ายและทำได้จริงมีความสำคัญกว่าที่เคย เพราะผมจะสามารถออกกำลังในลานสกีได้นานขึ้น ป้องกันการบาดเจ็บ และสนุกกับครอบครัว” Ligety กล่าว “ผมหวังว่าผู้ใช้จะชื่นชอบการออกกำลังกายที่ผมกับ Anja ร่วมกันออกแบบขึ้นมา ท่าออกกำลังกายบางอย่างได้รับแรงบันดาลใจมาจากการฝึกของผมในอดีต และบางท่าได้มาจากการใช้ชีวิตประจำวันในฐานะพ่อ ที่ต้องแบกสกีทั้งของลูกๆ และของผมเองจากลานจอดรถ โปรแกรมนี้เน้นเรื่องสุขภาพความแข็งแรงก็จริง แต่ก็เน้นเรื่องการนำความแข็งแรงมาสู่กิจกรรมต่างๆ ในชีวิตที่คุณชอบทำที่สุดเช่นเดียวกัน”
ก่อนหน้านี้ Fitness+ ได้แนะนำการออกกำลังกายที่ออกแบบมาเพื่อช่วยให้ผู้ใช้พิชิตเป้าหมายของตนให้สำเร็จในช่วงสำคัญของชีวิต เช่น การออกกำลังกายสำหรับสตรีมีครรภ์ (Workouts for Pregnancy) และการออกกำลังกายสำหรับผู้สูงวัย (Workouts for Older Adults) หรือช่วงเวลาเฉพาะเจาะจงในเส้นทางการออกกำลังกายอย่างการออกกำลังกายสำหรับผู้เริ่มต้น (Workouts for Beginners) โปรแกรมนี้ตั้งใจที่จะสอนหลักการพื้นฐานที่สำคัญในการมีคุณภาพชีวิตที่สุขภาพดีซึ่งมากกว่าแค่การออกกำลังเพียงครั้งเดียวให้กับผู้ใช้
Artist Spotlight และ Time to Walk
Fitness+ จะเพิ่มการออกกำลังกายใหม่ๆ ให้กับซีรีส์ยอดนิยมอย่าง Artist Spotlight โดยใช้เพลงของ Billie Eilish, Calvin Harris, Imagine Dragons และ Nicki Minaj ซีรีส์ Artist Spotlight นี้ประกอบไปด้วยเพลย์ลิสต์เพลงออกกำลังกายของศิลปินคนเดียว ทุกๆ วันจันทร์ต่อเนื่องกัน 4 สัปดาห์ การออกกำลังกายที่ใช้เพลงจากศิลปินเหล่านี้จะปรากฏในบริการในรูปแบบที่แตกต่างกันออกไป ประเภทการออกกำลังกายอย่างการปั่นจักรยาน, การพายเรือ, HIIT, การฝึกความแข็งแกร่ง, โยคะ, การเต้น และการออกกำลังบนลู่วิ่งโดยใช้เพลงในหลายหมวดหมู่เช่น Latest Hits, Chill Vibes, Everything Rock, Pure Dance, Upbeat Anthems และ Hip-Hop/R&B
ผู้สมัครรับ Apple Music และ Apple One™ ที่ได้แรงบันดาลใจจากการออกกำลังกายใน Fitness+ เหล่านี้จะได้เพลิดเพลินไปกับซีรีส์ Spotlight บน Fitness+ ที่รวมเอาเพลย์ลิสต์อันโดดเด่นจากศิลปิน Artist Spotlight แต่ละคน อีกทั้งยังมีเพลงสร้างกำลังใจให้รู้สึกกระตือรือร้นจากแคตตาล็อกทั้งหมด รวมถึงผลงานที่เกิดจากการร่วมมือกันและเพลงรีมิกซ์สร้างแรงผลักดันนอกเหนือจากการออกกำลังกาย Fitness+ อีกด้วย
ตลอดช่วงปลายปีนี้ Fitness+ จะเปิดตัว Time to Walk™ ตอนใหม่ๆ ซึ่งเป็นประสบการณ์ฟังเสียงบน Apple Watch ที่ออกแบบมากระตุ้นให้ผู้ใช้ Fitness+ ขยับร่างกายให้มากขึ้นด้วยการเดินให้บ่อยขึ้น Time to Walk นำโดยบุคคลที่มีประวัติน่าสนใจและทรงอิทธิพลที่สุดในโลก พวกเขาจะแชร์เรื่องราว รูปภาพ และเพลงกับผู้สมัครรับ Fitness+ รายการจะเพิ่มแขกรับเชิญรายใหม่ทุกสัปดาห์เมื่อซีรีส์ดำเนินเข้าสู่ซีซั่นที่สอง โดยมี Beba Rexha นักร้องและนักแต่งเพลง Camila Cabello นักร้องและนักแต่งเพลง Reba McEntire นักแสดงและนักร้องเพลงคันทรี Tarana Burke นักเคลื่อนไหวและผู้ก่อตั้งการเคลื่อนไหว Me Too, Carmelo Anthony นักบาสเก็ตบอลมืออาชีพและผู้เล่น NBA All-Star 10 สมัย และ Gabrielle Union นักเขียน
การออกกำลังกายแบบกลุ่มด้วย SharePlay
การออกกำลังกายกับเพื่อนๆ และครอบครัวเป็นวิธีที่ดีในการมีแรงบันดาลใจและความรับผิดชอบในการรักษาร่างกายให้ฟิตอยู่เสมอ ภายในปลายปีนี้ การออกกำลังกายแบบกลุ่มที่สนับสนุนโดย SharePlay จะพร้อมให้ใช้งานบน Fitness+ และจะรองรับการออกกำลังกายได้สูงสุด 32 คน ผู้ใช้จะสามารถเริ่มการออกกำลังกายแบบกลุ่มได้จากข้อความกลุ่มหรือการโทร FaceTime บน iPhone, iPad และ Apple TV ด้วย AirPlay โดยผู้ใช้จะต้องไปที่แอปฟิตเนส เลือกการออกกำลังกายหรือการฝึกสมาธิ จากนั้นก็จะเห็นเพื่อนและครอบครัวบนหน้าจอแล้วเริ่มต้นใช้งาน ระหว่างการออกกำลังกายแบบกลุ่ม ผู้ใช้จะเห็นเมตริกและความคืบหน้าขณะที่กำลังปิดวงแหวนกิจกรรม พร้อมๆ กับเห็นและได้ยินเสียงเพื่อนระหว่างออกกำลังกายด้วย การออกกำลังกายแบบกลุ่มจะทำให้ผู้ใช้ได้รับการแจ้งเตือนเมื่อมีใครนำหน้าไปในแถบการเผาผลาญหรือปิดวงแหวนกิจกรรมได้สำเร็จ เหล่าผู้ใช้จะได้รับการแจ้งเตือนเพื่อเฉลิมฉลองความสำเร็จร่วมกัน หรือข่มกันในหมู่ผองเพื่อน เพื่อกระตุ้นให้อีกคนออกกำลังกายต่อ
Apple Fitness+
Fitness+ เป็นบริการฟิตเนสบริการแรกที่อิงจาก Apple Watch โดยบริการได้นำการออกกำลังกายแบบในสตูดิโอและการฝึกสมาธิมายัง iPhone, iPad และ Apple TV นำโดยทีมที่หลากหลายและครอบคลุมผู้ฝึกสอนที่พร้อมต้อนรับทุกคน Fitness+ ได้ผสานรวมมาตรวัดการออกกำลังกายจาก Apple Watch อย่างชาญฉลาดเพื่อให้ผู้ใช้ได้รับประสบการณ์ในรูปแบบของตนเองอย่างเต็มที่ ซึ่งผู้ใช้จะสามารถทำให้สำเร็จเมื่อใดก็ได้ตามที่สะดวก และการออกกำลังกายจะประกอบไปด้วยเพลงที่สร้างแรงบันดาลใจจากศิลปินชั้นนำในยุคปัจจุบันเพื่อกระตุ้นผู้ใช้ตั้งแต่ต้นจนจบ
ไม่ว่าผู้ใช้จะอยู่ในช่วงใดของชีวิตหรืออยู่ในจุดใดของเส้นทางการออกกำลังกาย Fitness+ ก็มีโปรแกรมการออกกำลังกายเช่น การออกกำลังกายสำหรับสตรีมีครรภ์ การออกกำลังกายสำหรับผู้สูงอายุ การออกกำลังกายสำหรับผู้เริ่มต้น และการออกกำลังกายเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับฤดูหนาว ที่จะช่วยให้ผู้ใช้ได้ขยับอยู่เสมอพร้อมเตรียมตัวให้พวกเขามีคุณภาพชีวิตที่ดีต่อสุขภาพมากขึ้น นอกจากนี้ Fitness+ ยังมีการทำสมาธิสำหรับผู้เริ่มต้นเพื่อช่วยเหลือผู้ใช้ที่เพิ่งหัดทำสมาธิอีกด้วย เมื่อมี Fitness+ ผู้ใช้สามารถออกกำลังกายกลางแจ้งได้ด้วย Time to Walk ซึ่งเป็นประสบการณ์เสียงบน Apple Watch สำหรับ Fitness+ ที่ออกแบบเพื่อกระตุ้นให้ผู้ใช้ขยับร่างกายให้มากขึ้นด้วยการเดินให้บ่อยขึ้น โดยแต่ละตอนจะนำโดยบุคคลที่น่าสนใจและทรงอิทธิพลที่สุดในโลก พวกเขาจะมาแชร์เรื่องราว รูปภาพ และเพลงกับผู้สมัครรับ Fitness+
ความพร้อมในการให้บริการ
- ปัจจุบัน Fitness+ มีให้บริการในออสเตรเลีย, แคนาดา, ไอร์แลนด์, นิวซีแลนด์, สหราชอาณาจักร และสหรัฐอเมริกา และจะเปิดให้บริการภายในปีนี้ในออสเตรีย, บราซิล, โคลอมเบีย, ฝรั่งเศส, เยอรมนี, อินโดนีเซีย, อิตาลี, มาเลเซีย, เม็กซิโก, โปรตุเกส, รัสเซีย, ซาอุดีอาระเบีย, สเปน, สวิตเซอร์แลนด์ และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
- Fitness+ กำหนดให้ต้องมี Apple Watch Series 3 หรือใหม่กว่าที่มี watchOS 7.2 และจะสามารถใช้งานได้เมื่อจับคู่กับ iPhone 6s หรือใหม่กว่าที่มี iOS 14.3
- หากต้องการใช้คุณสมบัติใหม่ล่าสุด ให้ใช้ Fitness+ กับ Apple Watch Series 3 หรือใหม่กว่าที่มี watchOS 8 ที่จับคู่กับ iPhone 6s หรือใหม่กว่าที่มี iOS 15 หรือ iPad ที่มี iPadOS 15 หรือ Apple TV 4K หรือ Apple TV HD ที่มี tvOS 15
Apple ได้ปฏิวัติเทคโนโลยีส่วนบุคคลด้วยการแนะนำ Macintosh สู่ท้องตลาดตั้งแต่ปี 1984 ในวันนี้ Apple คือผู้นำระดับโลกด้านนวัตกรรมด้วย iPhone, iPad, Mac, Apple Watch และ Apple TV แพลตฟอร์มซอฟต์แวร์ทั้งห้าของ Apple ได้แก่ iOS, iPadOS, macOS, watchOS และ tvOS มาพร้อมประสบการณ์ใช้งานที่ดีเยี่ยมบนอุปกรณ์ Apple ทุกเครื่อง และเสริมสร้างการบริการที่ดีเยี่ยมแก่ผู้ใช้ รวมถึง App Store, Apple Music, Apple Pay และ iCloud พนักงานของ Apple กว่าแสนคนทุ่มเททั้งแรงกายแรงใจเพื่อสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุดในโลก และทำให้โลกใบนี้ดีกว่าที่เคยเป็นมา