Apple ประกาศเปิดตัว iPad Air อย่างเป็นทางการเมื่อค่ำคืนที่ผ่านมาตามเวลาประเทศไทย มีขนาดตัวเครื่อง 240 x 169.5 x 7.5 มม. น้ำหนักรุ่น Wi-Fi อยู่ที่ 469 กรัม และรุ่น Cellular หนัก 478 กรัม หน้าจอแสดงผล Retina ขนาด 9.7 นิ้ว LED-backlit Multi-Touch เทคโนโลยี IPS ความละเอียด 2048 x 1536 พิกเซล (264 ppi)
ด้วยการออกแบบที่เรียกว่า bezels ทำให้ iPad Air มีขนาดเล็กลง 43% และบางเพียง 7.5 มม. บางลง 20% เมื่อเทียบกับ iPad 4 โดยมีหน่วยประมวลผลแบบ Dual-core ความเร็ว 1.3 GHz Cyclone (ARM v8-based) พร้อมชิป Apple A7 ตัวใหม่แบบ 64-bit การทำงานของ CPU เร็วขึ้น 8 เท่า และ GPU หรือหน่วยประมวลผลกราฟิก PowerVR G6430 (quad-core graphics) การทำงานของ GPU แรงขึ้น 72 เท่า ยังไม่หมดแค่นั้นมีการเพิ่มหน่วยประมวลผลร่วม M7 ที่จะเก็บข้อมูลการเคลื่อนไหวและทำงานร่วมกับแอปพลิเคชั่นประเภทนี้ด้วย อีกทั้งยังมี OpenGL|ES 3.0 (เช่นเดียวกับ Nexus 7) แะละม่มีปุ่มโฮมแบบ TouchID นะครับ
iPad Air มาพร้อมระบบปฏิบัติการ iOS 7 และแอปพลิเคชั่นระบบ ได้แก่ AirDrop, AirPlay, AirPrint, Control Center, Notification Center, Siri, Spotlight Search, iTunes Radio, Facebook Integration, Twitter Integration, iCloud, iCloud Keychain, Multitasking และ Passbook
แอพที่มาพร้อมต้วเครื่อง
แอพฟรีจาก Apple
iPad Air มีกล้องหลังความละเอียด 5 ล้านพิกเซล ระบบโฟกัสภาพอัตโนมัติ และกล้องหน้าความละเอียด 1.2 ล้านพิกเซล รองรับ FaceTime ผ่าน Wi-Fi และ Cellular โดยรุ่นรุ่น Cellular รองรับซิมการ์ดแบบนาโนซิม
iPad Air มีตัวเครื่อง สีเทาดำ (Space Gray) และสีขาวเงิน (Silver) รองรับการเชื่อมต่อผ่าน Wi-Fi, 3G, 4G LTE, พอร์ต Lightning โดยในรุ่น Wi-Fi จะไม่มี GPS นะครับ มีเฉพาะในรุ่น Cellular และแบตเตอรี่อยู่ได้นาน 10 ชั่วโมงในโหมดใช้งานปกติ
iPad Air พร้อมวางจำหน่าย 1 พฤศจิกายนนี้ พร้อมเคสหลากสีสันด้วย โดยมีราคาดังนี้
รุ่น Wi-Fi
- ความจุ 16GB ราคา $499
- ความจุ 32GB ราคา $599
- ความจุ 64GB ราคา $699
- ความจุ 128GB ราคา $799
รุ่น Wi-Fi + Cellular
- ความจุ 16GB ราคา $629
- ความจุ 32GB ราคา $729
- ความจุ 64GB ราคา $829
- ความจุ 128GB ราคา $929
ที่มา : Apple