ในที่สุด Apple1 มาพร้อมกับ AI แล้ว โดยใช้ชื่อ Apple Intelligence ระบบอัจฉริยะส่วนบุคคลแบบใหม่ที่ทำให้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นส่วนตัวที่สุดมีประโยชน์และน่าพึงพอใจยิ่งขึ้นกว่าเดมิมากๆ โดยฟีเจอร์และมีอะไรบ้าง มาดูกันครับ

Apple Intelligence ทำให้คอมพิวเตอร์เข้าใจภาษา รูปภาพ การกระทำ และบริบทส่วนบุคคล ซึ่งความเข้าใจภาษาธรรมชาติอย่างลึกซึ้ง ขับเคลื่อนเครื่องมือการเขียนใหม่ๆ เข้าถึงทั่วทั้งระบบ ช่วยให้เราสามารถเขียนใหม่หรือตรวจทานข้อความโดยอัตโนมัติในแอพเมล, โน้ต, Safari, Pages, Keynote และแอพของบริษัทอื่นฃ

ทั้งนี้ก็ยังมาพร้อมความสามารถในการแสดงภาพ ตั้งแต่รูปภาพ อีโมจิ ไปจนถึง GIF โดยตอนนี้สามารถสร้างภาพใหม่ได้แล้ว ปรับแต่งภาพการสนทนาเพื่ออวยพรวันเกิดเพื่อน สร้างภาพการสนทนาที่ล้อมรอบด้วยลูกโป่งและเค้ก เป็นต้น แถม Apple Intelligence ยังสามารถทำงานภายในแอพได้ด้วย เช่น “ดึงไฟล์ที่ Joz แชร์กับฉันเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว” หรือ “แสดงรูปถ่ายทั้งหมดของแม่ โอลิเวีย และฉัน” หรือ “เปิดพอดแคสต์ที่ภรรยาของฉันส่งมาให้ฉันเมื่อวันก่อน”

ความฉลาดนี้ของ Apple Intelligence มีพื้นฐานมาจากข้อมูลส่วนบุคคลของเราเอง โดยเข้าถึงข้อมูลจากแอพต่างๆ และสิ่งที่อยู่บนหน้าจอของเราทั้งหมด เช่น มีการจัดกำหนดการประชุมใหม่ในช่วงบ่าย และสงสัยว่าจะทำให้เราไม่สามารถไปงานแสดงของลูกสาวได้ตรงเวลาหรือไม่ ซึ่งความฉลาดจะเข้าใจได้ว่าลูกสาวของเราเป็นใคร รายละเอียดที่เธอส่งอีเมลเมื่อหลายวันก่อน ตารางการประชุมของฉัน และการจราจรระหว่างสำนักงานของฉันและโรงละคร ซึ่งทุกอย่างจะถูกคำนวณทั้งหมด

แม้ว่าจะใช้ข้อมูลของเราเยอะมากๆ แต่ความปลอดภัยก็ยังมีอยู่แน่นอน โดย iPhone ของเราได้ขยายไปสู่ระบบคลาวด์เพื่อปลดล็อกความชาญฉลาดมากขึ้น โดย “การประมวลผลคลาวด์ส่วนตัว” ช่วยให้ Apple Intelligence ยืดหยุ่นและปรับขนาดความสามารถในการคำนวณ และใช้โมเดลบนเซิร์ฟเวอร์ พร้อมปกป้องความเป็นส่วนตัวทีทำงานบนเซิร์ฟเวอร์ที่สร้างบน Apple Silicon ได้ด้วยทั้งหมด มอบความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของ iPhone ตั้งแต่ชิปซิลิคอนขึ้นไปด้วย

Siri ก็มาใหม่
Siri ได้รับดีไซน์ใหม่แล้ว มีการบูรณาการเข้ากับประสบการณ์อย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น รวมถึงความสามารถในการทำความเข้าใจที่สมบูรณ์ยิ่งขึ้น เสียงพูดที่เป็นธรรมชาติกว่าเดิม โดยช่วยให้เราสามารถแก้ไขแบบเรียลไทม์และรักษาบริบทการสนทนาได้

ฟีเจอร์ใหม่คือการที่เราสามารถพิมพ์ไปหา Siri ได้แล้ว โดยการแตกด้านล่าง 2 ครั้งบนหน้าจอเพื่อเปิดแป้นพิมพ์ขึ้นมาเพื่อคุยกับ Siri ครับ จากนั้น Siri จะเก็บข้อมูลเกี่ยวกับคุณสมบัติและการตั้งค่าเพื่อช่วยเราทำบางอย่างบน iPhone, iPad หรือ Mac ทั้งนี้เรายังสามาารถอธิบายคุณสมบัติแล้วเพื่อให้ Siri ค้นหาคุณสมบัตินั้นให้คุณได้ด้วย
นอกจากนี้ฟีเจอร์ใหม่ๆ ของ Siri จะเตรียมเปิดใช้งานในช่วงปีหน้าด้วยครับ รวมถึงความสามารถของ Siri ยังเตรียมใช้งานได้บน iPad และ Mac ด้วย ที่สำคัญ Siri สามารถระบุได้ว่าคำถามอาจเป็นประโยชน์สำหรับ ChatGPT ที่จะพิจารณาหรือไม่ และขออนุญาตจากเราเพื่อสร้างคำถามด้วยครับ

นอกจากนี้ Apple Intelligence ยังมาพร้อมฟีเจอร์ลบคนหรือแก้ไขภาพได้ด้วย รวมถึงแอพ Notes สามารถบันทึกและถอดเสียงได้ เมื่อการบันทึกของเราเสร็จสิ้น Apple Intelligence จะสร้างข้อมูลสรุปโดยอัตโนมัติ บันทึกเสียงและสรุปมาทางโทรศัพท์ด้วย

ฟีเจอร์ต่างๆ จะถูกใช้งานบน iOS 18, macOS Sequoia และ iPadOS 18 ใน่ชวงปลายปีนี้