Smart Review
รีวิว Apple Watch Series 7 จอภาพใหญ่ขึ้น และทนทานกว่าเดิม เครื่องศูนย์ไทย
รีวิว Apple Watch Series 7 สมาร์ทวอทช์รุ่นใหม่ล่าสุดจาก Apple ในปี 2021 มีหน้าจอที่ใหญ่ขึ้นด้วยขอบจอที่บางลง การทนฝุ่นระดับ IP6X ใหม่และการทนนํ้าระดับ WR50 ใช้งานได้เต็มที่มากขึ้น
หากพูดถึง Apple Watch เชื่อว่าหลายคนจะนึกถึงอุปกรณ์ที่เป็นคู่หูที่ขาดไปไม่ได้ในแต่ละวัน ช่วยให้ติดต่อสื่อสารทำได้ง่ายมากขึ้น สามารถรับสายตอบ กลับข้อความและค้นหาระบุตําแหน่งของที่หายได้อย่างสะดวกสบาย รวมไปถึงการแจ้งเตือนต่างๆ ที่ส่งมาจาก iPhone เพื่อให้ไม่พลาดเรื่องสำคัญ
นอกจากนี้แล้ว ยังเป็นอุปกรณ์ที่ช่วยกระตุ้นให้เราแอ็คทีฟและอยากออกกําลังกายมากขึ้นด้วย พร้อมฟีเจอร์ด้านสุขภาพและการใช้ชีวิตเช่น การวัดออกซิเจนในเลือด การติดตามการนอนหลับ และการตรวจจับการล้ม โดยในปีนี้ Apple Watch Series 7 จะมีความน่าสนใจอย่างไร ไปดูรีวิวกันเลยครับ
สรุปสเปค Apple Watch Series 7 รุ่น GPS + Cellular ตัวเรือนอะลูมิเนียม
- ตัวเรือน 41 มม. หรือ 45 มม.
- จอภาพ LTPO OLED Retina แบบติดตลอด ความสว่าง 1,000 นิต
- จอภาพกระจก Ion-X ตัวเรือนอะลูมิเนียม
- SiP รุ่น S7 พร้อมโปรเซสเซอร์แบบ Dual‑core 64 บิต, ชิประบบไร้สาย W3, ชิป U1 (อัลตร้าไวด์แบนด์)
- Digital Crown พร้อมการตอบสนองแบบสั่น
- เซ็นเซอร์วัดออกซิเจนในเลือด, เซ็นเซอร์วัดหัวใจแบบไฟฟ้า และเซ็นเซอร์วัดหัวใจแบบออปติคัลรุ่นที่ 3
- การแจ้งเตือนอัตราการเต้นของหัวใจเร็วและช้า
- การโทรฉุกเฉินทั่วโลก, SOS ฉุกเฉิน และการตรวจจับการล้ม
- ทนน้ำที่ระดับ 50 เมตร
- ทนฝุ่น (IP6X)
- ด้านหน้าแบบคริสตัลที่ทนการแตกร้าว
- รองรับการเชื่อมต่อ LTE (สำหรับรุ่น GPS + Cellular), Wi‑Fi และ Bluetooth 5.0
- GPS/GNSS, เข็มทิศ และมาตรวัดความสูงแบบทำงานตลอด
- ลำโพงดังขึ้น, ไมโครโฟนในตัว
- ความจุ 32GB
- ชาร์จได้เร็วขึ้น
แกะกล่อง ดีไซน์ตัวเครื่อง และหน้าจอแสดงผล
Apple Watch Series 7 ในรีวิวครั้งนี้เป็น GPS + Cellular ตัวเรือนอะลูมิเนียมสีเขียว มาพร้อมสาย Clover Sport Band สีเขียว มาในกล่องสีขาวเรียบๆ และด้านหลังกล่องจะมีรายละเอียดข้อมูลเบื้องต้นของรุ่นนี้
อุปกรณ์ที่มีมาให้ในกล่อง ได้แก่ ตัวเรือนอะลูมิเนียมสีเขียว, สายแบบ Clover Sport Band สีเขียว และสายชาร์จเร็วแบบแม่เหล็กเป็น USB‑C ความยาว 1 ม. ซึ่งในกล่องจะไม่มีอะแดปเตอร์จ่ายไฟให้ สามารถใช้กับอะแดปเตอร์ที่เรามีอยู่ได้หรือเลือกซื้อเพิ่มก็ได้เช่นกัน
Apple Watch Series 7 มาพร้อมกับจอภาพที่ได้รับการออกแบบใหม่ พื้นที่หน้าจอที่เพิ่มขึ้น ซึ่งหลายคนอาจคิดว่าเป็นการเพิ่มขนาดตัวเครื่องหรือไม่ แต่จริงๆ แล้วเป็นการดีไซน์ให้ขอบที่บางลงเพื่อเพิ่มพื้นที่จอภาพ โดยมีให้เลือก 2 ขนาดใหม่ คือ 41 มม. และ 45 มม. พร้อมกับ 10 สีสันที่แตกต่างกันในวัสดุ ไม่ว่าจะเป็นอะลูมิเนียมรีไซเคิล 100%, สแตนเลสสตีลขัดเงา และไทเทเนียมแบบปัดผิว
ด้านข้างมีปุ่ม Digital Crown (มีขั้วไฟฟ้าสำหรับใช้ในการวัด ECG) ซึ่งปุ่มนี้จะมีเส้นขอบวงกลมสีแดงเพื่อเป็นจุดสังเกตว่าเป็นรุ่น GPS + Celluar, ไมโครโฟน และปุ่มด้านข้าง
ขอบอีกด้านจะมีช่องลำโพง ซึ่งมีดีไซน์ใหม่เป็นช่องลำโพงแถบยาวเพียงช่องเดียว ต่างจากใน Series 6 ที่ช่องลำโพงเป็นแบบสั้น 2 ช่อง
ฝาหลังคริสตัลมาพร้อมเซ็นเซอร์ต่างๆ กลุ่มไฟ LED จํานวน 4 ดวง ทั้งสีเขียว สีแดงและอินฟราเรด รวมถึงโฟโต้ไดโอด 4 ตัว สำหรับตรวจวัดสัญญาณไฟฟ้าจากหัวใจเมื่อใช้กับแอปอัตราการเต้นของหัวใจหรือแอป ECG และต้องวางนิ้วบน Digital Crown เพื่อตรวจจับคลื่นไฟฟ้า
Apple Watch Series 7 เป็น Apple Watch รุ่นแรกที่ได้รับการรับรองมาตรฐานการทนฝุ่นระดับ IP6X ซึ่งเป็นระดับการป้องกันฝุ่นสูงสุด ทนต่อฝุ่นและอนุภาคต่างๆ รวมไปถึงได้รับมาตรฐาน WR50 สําหรับการทนนํ้าที่ระดับ 50 เมตร ใส่ลงสระว่ายนํ้า ทะเล หรือห้องอาบนํ้าได้
ด้านหน้าแบบคริสตัลที่ทนต่อการแตกร้าวได้ดีที่สุดของ Apple เนื่องด้วยขอบที่หนากว่าและรูปทรงที่แข็งแกร่งทนต่อการแตกร้าวได้ดียิ่งขึ้น
จอภาพในรุ่นนี้เป็นแบบ จอภาพ LTPO OLED Retina แบบติดตลอดที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมาของ Apple Watch ถ้าเทียบกับ Series 6 ก็จะมีพื้นที่จอภาพที่ใหญ่ขึ้นเกือบ 20% และพื้นที่หน้าจอมากกว่า Series 3 กว่า 50% และด้วยขอบจอที่มีความกว้างเพียง 1.7 มม. ทําให้หน้าจอโดดเด่นขึ้นกว่าเดิมมากขึ้น โดยที่ขนาดของตัวนาฬิกานั้นแทบไม่เปลี่ยนไปเลย
จอภาพใหม่มีความสว่างขึ้น ทำให้เวลาใช้งานอยู่ในร่มหรือในอาคารที่แสงไม่จ้า สามารถมองดูเวลาหน้าจอได้โดยไม่ต้องยกข้อมือขึ้นมาหรือแตะปลุกหน้าจอ สำหรับรุ่น 41 มม. หน้าจอมีความละเอียด 352 x 430 พิกเซล และรุ่น 45 มม. มีความละเอียด 396 x 484 พิกเซล
รูปทรงของ Apple Watch Series 7 ได้รับการปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้นด้วยขอบมุมที่มนและดูดียิ่งขึ้น โดยด้านหน้าเป็นแบบคริสตัลที่ช่วยหักเหแสงจากหน้าจอที่บริเวณขอบจอทําให้ได้เอฟเฟ็กต์ที่สวยงาม ขอบแบบหักเหแสงนี้ช่วยให้ดูกลมกลืนเป็นหนึ่งเดียวกับความโค้งของตัวเรือนอีกด้วย
ซอฟต์แวร์และฟังก์ชั่นการใช้งาน
watchOS จาก Apple เป็นระบบปฏิบัติการที่ออกแบบและเข้ากับการใช้งานนาฬิกาได้อย่างดีมาก โดยใน Apple Watch Series 7 มาพร้อม watchOS 8 ที่มีอินเทอร์เฟซผู้ใช้ที่ปรับแต่งมาเพื่อใช้ประโยชน์จากจอภาพ Retina ที่ใหญ่ขึ้นได้อย่างเต็มที่และเพิ่มความสมบูรณ์แบบให้กับมุมจอที่มีความโค้งมน
กลไกบนหน้าปัดนาฬิกาอ่านง่ายขึ้น ดูรูปภาพบนหน้าจอได้เต็มตา ดูแผนภูมิต่างๆในแอป เช่น กิจกรรมอัตราการเต้นของหัวใจ และหุ้นก็อ่านได้ง่ายขึ้นบนจอภาพที่ใหญ่ขึ้น
เวอร์ชั่นใหม่ได้รับการปรับปรุงและขยายปุ่มต่างๆใน UI ให้มีพื้นที่ในการแตะใหญ่ขึ้น ทําให้โต้ตอบกับอินเทอร์เฟซได้ง่ายและรวดเร็วยิ่งกว่าเดิม อย่างเช่นปุ่มรหัสผ่านที่ใหญ่ขึ้น เครื่องคิดเลข หรือปุ่มต่างๆ ในศูนย์ควบคุมก็ใหญ่กว่าเดิมอย่างชัดเจน
ครั้งแรกบนหน้าปัดนาฬิกา Apple Watch ที่เราสามารถใช้คีย์บอร์ด QWERTY ขนาดมาตรฐานในการแตะหรือเลื่อนจากตัวอักษรหนึ่งไปยังอีกตัวอักษรหนึ่งเพื่อเรียกใช้ QuickPath ได้ แต่ยังไม่รองรับคีย์บอร์ดภาษาไทย และตัวนาฬิกายังมีการเรียนรู้ของระบบในการคาดเดาคําที่กำลังพิมพ์เพื่อช่วยเพิ่มความถูกต้องแม่นยํา หรือจะใช้ฟีเจอร์ “การขีดเขียนข้อความ” เพื่อเขียนตัวอักษรบนหน้าจอและเขียนข้อความหรืออีเมลก็ทําได้
Apple Watch Series 7 มีหน้าปัดนาฬิกาใหม่ 2 แบบ คือ “กาลเวลา” และ “โมดูลาร์คู่” ซึ่งออกแบบมาโดยเฉพาะเพื่อใช้ประโยชน์จากจอภาพที่ใหญ่ขึ้นและขอบที่แคบลงพร้อมขอบแบบหักเหแสงได้ และยังมีหน้าปัดนาฬิกา “เวลาโลก” สําหรับ Apple Watch ทุกรุ่นที่ใช้ watchOS 8 อีกด้วย
Apple Watch Series 7 มาพร้อมกับเซ็นเซอร์วัดออกซิเจนในเลือดเช่นเดียวกับ Series 6, การแจ้งเตือนอัตราการเต้นของหัวใจที่เร็วหรือช้าผิดปกติ, การตรวจจับการล้ม, การติดตามรอบเดือน และการแจ้งเตือนเสียงรบกวน
มาตรวัดความสูงแบบทํางานตลอดใน Apple Watch Series 7 มีความสามารถในการติดตามและให้การประเมินระดับความสูงอย่างต่อเนื่องในแบบเรียลไทม์เพื่อให้ผู้ใช้ดูค่าต่างๆ ได้แม่นยํายิ่งขึ้นขณะเคลื่อนไหว ซึ่งฟีเจอร์นี้ก็น่าจะตอบโจทย์การใช้งานกิจกรรมกลางแจ้งหรือสายลุย เดินป่า ขึ้นเขา เล่นสกีผาดโผน ลงเนินหรือแค่เดินขึ้นลงบันไดก็สามารถเห็นการเปลี่ยนแปลงระดับความสูงแบบเรียลไทม์บนกลไกระดับความสูงบนหน้าปัดได้ทันที
ผู้ใช้งาน Apple Watch สามารถขอความช่วยเหลือได้เพียงแค่กดที่ปุ่มด้านข้างค้างไว้ ฟีเจอร์ SOS ฉุกเฉินจะโทรหาบริการฉุกเฉินในพื้นที่ แจ้งคนในรายชื่อติดต่อฉุกเฉิน ส่งตําแหน่งที่ตั้งปัจจุบัน และแสดงป้าย “ID ทางแพทย์” ของเราตามที่ตั้งค่าเอาไว้ ก็จะแสดงบนหน้าจอให้เจ้าหน้าที่ฉุกเฉินเห็นอีกด้วย
ตอนนี้มี App Store บน Apple Watch แล้ว สามารถค้นหาและติดตั้งแอปที่ต้องการได้ง่ายๆ ทันทีจากข้อมือ สามารถค้นหาโดยใช้การป้อนตามคําบอกหรือการเขียนด้วยนิ้วหรือแค่ถาม Siri ก็ทำได้
การเชื่อมต่อ ประสิทธิภาพ และแบตเตอรี่
Apple Watch Series 7 รุ่นที่ใช้ในรีวิวครั้งนี้เป็นรุ่น GPS + Cellular จะรองรับการเชื่อมต่อผ่าน Bluetooth 5.0, Wi-Fi 802.11b/g/n 2.4GHz และ 5GHz โดยยังมีรุ่น GPS วางจำหน่ายด้วย
ในรุ่นนี้ใช้ SiP S7 ประมวลผลได้รวดเร็วกว่า SiP รุ่น S5 ใน Apple Watch SE ถึง 20% ด้วยโปรเซสเซอร์แบบ Dual-core ประหยัดพลังงาน แต่สามารถเรียกใช้งานแอปต่างๆ สามารถทำได้อย่างรวดเร็ว
Apple Watch Series 7 ใช้ชิป U1 และสายอากาศอัลตร้าไวด์แบนด์ (UWB) ซึ่งเป็นโปรโตคอลการสื่อสารไร้สายระยะสั้นคล้ายกับ NFC ซึ่งช่วยให้รู้ตําแหน่งและทิศทางได้อย่างแม่นยํา โดยหากใครได้เคยลองใช้ AirTag จะพบกว่าการระบุตำแหน่งนั้นทำได้แม่นยำมากๆ
แบตเตอรี่ใช้งานได้นานทั้งวัน ในการใช้งานทั่วอยู่ได้นานขึ้น และชาร์จแบตเตอรี่ได้เร็วขึ้น 0% – 100% ในเวลาประมาณชั่วโมงกว่าๆ เท่านั้น
สรุปการใช้งาน รีวิว Apple Watch Series 7
รีวิว Apple Watch Series 7 ในครั้งนี้ ส่ิงแรกที่ประทับใจมากๆ เลยก็คือหน้าจอแสดงผลที่มีขนาดใหญ่ขึ้น ขอบจอบางลง หน้าจอสว่างกว่าเดิม ทำให้เห็นจอภาพได้โดดเด่นมากขึ้น สามารถใช้คีย์บอร์ดและแตะสั่งงานต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว รวมไปถึงด้านหน้าแบบคริสตัลที่ทนการแตกร้าวได้ดีที่สุด และชาร์จเร็วขึ้นด้วย
สำหรับผู้ใช้งาน Apple Watch Series 6 อาจจะแตกต่างกันไม่มากนักในเรื่องของฟีเจอร์การใช้งาน แต่สำหรับผู้ใช้งานในรุ่นเก่ากว่าอย่าง Series 3 ก็ค่อนข้างแตกต่างในฟีเจอร์การใช้งานที่ชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นแอปออกซิเจนในเลือด การโทรฉุกเฉินทั่วโลก การตรวจจับการล้ม เข็มทิศ การตั้งค่าครอบครัว เป็นต้น
ราคาของ Apple Watch Series 7 เริ่มต้นที่ 13,900 บาท รายละเอียดเพิ่มเติม www.apple.com/th/