Smart Review
รีวิว ASUS ProArt StudioBook 16 OLED (Core i7 + RTX3060) แล็ปท็อปสายสตูดิโอที่ตอบโจทย์ในทุกด้านสำหรับการสร้างสรรค์
รีวิว ASUS ProArt StudioBook 16 OLED แล็ปท็อปสำหรับสายสตูดิโอรุ่นล่าสุดที่มาพร้อมหน้าจอ OLED ขนาด 16″ และฟีเจอร์ที่เพิ่มความสะดวกในการทำงานไปอีกขั้นด้วย ASUS Dial และที่ขาดไม่ได้คือสเปคที่ตอบโจทย์แบบสุด ๆ รุ่นที่เราได้มารีวิวเป็นโมเดล H7600HM ใช้ชิป Intel Core-i7-11800H + RTX3060 ด้วย เรียกว่าจัดเต็มแน่นอน
ใครที่กำลังต้องการอัปเกรดแล็ปท็อปประจำปลายปีสำหรับทำงานด้านคอนเทนต์แบบเต็มรูปแบบ ไม่ควรพลาดรุ่นนี้เลยครับ น่าสนใจแค่ไหน วันนี้ทีมงาน iphone-droid.net รีวิวให้ชมแบบเต็ม ๆ ครับ
สรุปสเปค ASUS ProArt StudioBook 16 OLED (H7600HM)
- ขนาดตัวเครื่อง: 36.20 x 26.40 x 2.14 ซม.
- น้ำหนัก: 2.4 กก.
- หน้าจอ: OLED HDR 16″ ความละเอียด 4K (3840 x 2400) พิกเซล อัตราส่วน 16:10, DCI-P3 100% PANTONE Validated
- หน่วยประมวลผล: Intel Core i7-11800H
- กราฟิก: Nvidia GeForce RTX3060
- RAM: 32GB (LPDDR4X)
- SSD: 1TB NVMe PCIe 3.0
- แบตเตอรี่: 90Wh
- กล้อง: Webcam 720P HD
- ระบบเสียง : Harman/Kardon
- พอร์ตการเชื่อมต่อ
- USB-A 3.2 Gen2 x 2
- USB-C 3.2 Gen2 x 1
- Thunderbolt 4 x 1 (รองรับการเชื่อมต่อข้อมูล, ชาร์จไฟ และ DisplayPort)
- HDMI 2.1 x 1
- พอร์ตหูฟังและไมโครโฟนขนาด 3.5 มม. แจ็ค 2-in-1 x 1
- SD Express 7.0 Card Reader x 1
- เซ็นเซอร์: เซ็นเซอร์วัดแสง, เซ็นเซอร์ลายนิ้วมือ
- การเชื่อมต่อ: Wi-Fi 6(802.11ax) + Bluetooth 5.2 (Dual band) 2 x 2
- ระบบปฏิบัติการ: Windows 10 Home
- สี: Star Black
ดีไซน์สำหรับงาน Studio
ขอเริ่มที่ดีไซน์กันก่อนเลยละกันครับ ASUS ProArt StudioBook 16 OLED นี้มาพร้อมกับดีไซน์ทรงพลังแบบเห็นแล้วก็รู้เลยว่ารุ่นนี้ออกแบบมาสำหรับงาน Studio คือไม่ได้เน้นไปที่ความบาง-เบาหรือกะทัดรัดมากนัก เพราะอัดสเปคมาให้แบบสุดจัดครับ ตัวเครื่องเลยมีความบึกบึนหน่อย ๆ มีความหนาประมาณ 2.14 ซม.ครับรุ่นนี้
สีสันก็เลือกใช้สี Star Black สีดำที่ให้ความรู้สึกถึงรุ่นโปรมีความคมเข้มและมืออาชีพ ผิวสัมผัสเป็นแบบด้านทั้งหมด ตอบโจทย์การใช้งานเป็นเวลานานไม่มันวาวจนเก็บคราบรอยนิ้วมือจนดูเลอะเทอะไปหมดครับ ที่ฝาหลังจะมีโลโก้ ProArt วางอยู่ตรงกลางแบบเรียบ ๆ
น้ำหนักของ ASUS ProArt StudioBook 16 OLED รุ่นนี้จะอยู่ที่ 2.4 กก. อย่างที่บอกไปตอนแรกว่ารุ่นนี้ออกแบบมาได้บึกบึนและไม่ได้เน้นไปที่ความบาง-เบามากนัก น้ำหนักอาจจะมากหน่อยเพราะเน้นการทำงานอยู่กับที่ซะส่วนใหญ่ แต่ก็ยังมีน้ำหนักที่สามารถพกพาไปทำงานนอกสถานที่ได้อยู่ครับ
หน้าจอ 4K OLED HDR ขนาด 16″
ด้วยตัวเครื่องที่ใหญ่ขนาดนี้หน้าจอก็ใหญ่ตามไปด้วย ASUS ProArt StudioBook 16 OLED รุ่นนี้ได้ขนาดหน้าจอใหญ่ถึง 16″ แสดงผลได้เต็มตาด้วยชนิดหน้าจอแบบ OLED ความละเอียดสูงถึง 4K รองรับการแสดงผลได้แบบ 10 Bit หรือ 1,000 ล้านสีอีกด้วย เรียกว่าเปิดเครื่องมาต้องตะลึงกับความอลังการของหน้าจอเลยจริง ๆ ครับ
ตัวหน้าจอ OLED นั้นสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับผู้ใช้งานที่ต้องการความสมจริงของหน้าจอและสีสันที่เที่ยงตรงเป็นอย่างมากเลยล่ะครับ ในเรื่องความตรงของสีรุ่นนี้ยังรองรับมาตรฐาน DCI-P3 100% มาตรฐาน sRGB 133% นอกจากนี้ตัวหน้าจอยังได้รับการการันตีจาก Pantone ระบบสีที่น่าเชื่อถือที่สุดในโลกอีกด้วย สายงานอย่าง ด้านแฟชั่น, กราฟิกดีไซน์, บรรจุภัณฑ์ หรือสถาปัตยกรรม ถูกใจแน่นอนครับ
หรือถ้าจะเอามาดูวิดีโอ ดูหนังบนความละเอียดสูง ๆ รุ่นนี้ก็ตอบโจทย์ไม่แพ้กัน เพราะ ASUS ProArt StudioBook 16 OLED ใช้อัตราส่วนแบบ 16:10 รองรับการแสดงผล HDR ที่ให้สีสันได้สมจริง สีดำเป็นดำจริง ๆ ความสว่างที่สูงสุดถึง 550 nits ใช้งานในสตูดิโอที่อาจมีแสงที่มากก็ไม่เป็นปัญหาครับ
กล้อง Webcam ที่ปลอดภัยกว่า
เหนือหน้าจอเราจะเห็นกล้อง Webcam ของรุ่นนี้ที่มีความละเอียด 720p HD พร้อมกับที่ปิดตัวกล่องแบบ Manual เลยด้วย ใครที่กลัวเรื่องความปลอดภัยก็สามารถเลื่อนปิดได้เลย ไม่ต้องกังวลอีกต่อไปครับ
คีย์บอร์ด Full-Sized พร้อม แป้นตัวเลข
มองลงมาที่ตัวแป้นคีย์บอร์ดกันต่อ ASUS ProArt StudioBook 16 OLED มาพร้อมคีย์บอร์ดแบบ Full-Sized พร้อมแป้นตัวเลขด้วยครับ เหมาะกับการทำงานอย่างมากจริง ๆ ครับ ตัวคีย์บอร์ดนั้นมีการเว้นช่องได้แบบพอดิบพอดี เพราะฉะนั้น เวลาพิมพ์งานก็จะทำได้คล่องตัวแถมตัวปุ่มก็ยังมีแรงดีดรับกับการพิมพ์ได้ดีมากด้วย
แม้ภายนอกจะดูเหมือนไม่มีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือมาให้แต่ที่ปุ่ม Power ของ ASUS ProArt StudioBook 16 OLED นั้นมีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือซ่อนอยู่ด้วยนะครับ เพื่อให้เราได้ใช้งานปลดล็อคตัวเครื่องได้อย่างสะดวก เปิดเครื่องมาแตะสแกนปุ๊บเข้าหน้าจอได้ทันที
ตัวปุ่มลูกศรหรือ Arrow Key เป็นแบบ Full-Sized เช่นเดียวกัน เหมาะมากสำหรับสายครีเอเตอร์ที่ต้องใช้การควบคุมตรงปุ่มนี้อยู่บ่อย ๆ ครับ ส่วนใหญ่แล็ปท็อปมักจะให้ปุ่มลูกศรแบบเล็กเวลาจะกดขยับนิด ขยับหน่อยมันก็อาจจะไม่สะดวกเท่าไหร่ แถมยังมีการทำลวดลายแบบ Carbon Fiber เพิ่มเข้าไปด้วย เท่ไม่หยอกเลยล่ะ
ASUS Dial ความพิเศษที่ช่วยให้ทำงานได้สะดวกขึ้นเยอะ
นอกจากปุ่มลูกศรที่เหมาะกับการทำงานแล้ว ASUS ProArt StudioBook 16 OLED ยังมีปุ่มพิเศษอย่าง ASUS Dial เข้ามาช่วยให้เราทำงานได้สะดวกยิ่งขึ้นอีกด้วย ตัว ASUS Dial นี้จะเป็นเหมือนวงแหวนควบคุมที่ให้เรา หมุน กดลงไปได้ ตามคำสั่งที่เราตั้งค่าไว้
แน่นอนว่าสายครีเอเตอร์ที่ต้องใช้งานโปรแกรมเฉพาะทาง อาทิ โปรแกรมแต่งรูปอย่าง Photoshop Lightroom หรือโปรแกรมตัดต่ออย่าง Premier Pro ต้องมีคีย์ลัดมากมายให้เลือกใช้ ถ้าเราตั้งค่าตัว ASUS Dial ให้เหมาะกับงานที่ทำก็จะช่วยเราได้อีกเยอะเลย เป็นสายวาดรูปเราตั้ง ASUS Dial ให้เป็นปุ่ม Brush ใน Photoshop เราก็ไม่จำเป็นต้องกดที่ปุ่ม B เหมือนเดิมจะปรับขนาดของแปรงก็ใช้การหมุนแทนที่การกด [ ] ได้ แค่นึกภาพตามก็เห็นถึงความสะดวกแล้วใช่ไหมล่ะครับแบบนี้
ซึ่งปุ่มนี้จะเข้ามาแทนที่ปุ่มลัดที่เราเคยใช้แบบเดิม ๆ บอกได้เลยว่าถ้าใช้งานจนชำนาญแล้วจะไม่อยากกลับไปใช้แล็ปท็อปรุ่นปกติอีกเลย เพราะมันสะดวกจริง ๆ ASUS Dial เนี่ย
TouchPad รองรับ Stylus ขีดเขียนได้จากตรงนี้เลย
ตัว TouchPad ของ ASUS ProArt StudioBook 16 OLED นั้นมีขนาดใหญ่ใช้งานได้ดีเลย แต่น่าเสียดายที่ไม่รองรับระบบ Force Touch หรือการกดด้วยน้ำหนักแทนการคลิก แต่ก็มีปุ่มกดขนาดใหญ่มาให้ทดแทนที่ด้านล่างครับ ซึ่งปุ่มกดที่ให้มามี 3 ปุ่มแยกเป็น คลิกซ้าย เม้าส์กลาง และคลิกขวาครบเลยด้วย
นอกจากนี้ตัว TouchPad นี้ยังรองรับการทำงานร่วมกับปากกา Stylus ด้วย ทำให้เวลาเราใช้งานไม่ว่าจะเป็นการวาด-เขียน หรือแต่งภาพก็ให้ความรู้สึกเหมือนเรามี Pad ขนาดใหญ่ติดมาที่ตัวเครื่องเลย สะดวกเพิ่มไปอีกหนึ่งครับแบบนี้
พอร์ตเชื่อมต่อครบ ไม่จำเป็นต้องพึ่ง Dongle
มาดูพอร์ตการเชื่อมต่อกันบ้าง ASUS ProArt StudioBook 16 OLED ให้มาครบเครื่องมาก ๆ เรียกว่าไม่ต้องพึ่ง Dongle หรืออะแดปเตอร์อีกต่อไปที่ฝั่งซ้ายมือจะแบ่งเป็น
- ช่อง Security lock
- พอร์ต USB-A 3.2 Gen 2
- ช่องชาร์จ DC
- พอร์ต HDMI 2.1
- พอร์ต Thunderbolt 4
- พอร์ต USB-C 3.2 Gen 2
ส่วนฝั่งขวามือก็ยังมีพอร์ตเพิ่มเติมอีกดังนี้ครับ
- พอร์ต LAN
- พอร์ต USB-A 3.2 Gen 2
- ช่องหูฟัง 3.5 มม.
- SD Express 7.0 Card Reader
เห็นแค่รายชื่อพอร์ตแบบนี้ก็คงรู้แล้วว่าครบจริง ๆ จะเชื่อมต่อเม้าส์, แฟลชไดร์ฟ, ต่อ LAN หรือเสียบการ์ดก็ไม่ต้องพึ่งอะแดปเตอร์เลย สะดวกมาก ๆ ครับ ถ่ายรูปมาใส่การ์ดทำงานได้ทันที ทำงานเสร็จใส่ External Harddisk ก็ได้อีก
ระบบเสียงชั้นยอดจาก Harman/Kardon
นอกจากหน้าจอจะคมชัดแบบสุด ๆ แล้ว เรื่องเสียงรุ่นนี้ก็ไม่น้อยหน้าเช่นกันเพราะ ASUS ProArt StudioBook 16 OLED มาพร้อมลำโพงจาก Harman/Kardon รองรับคุณภาพระดับ Hi-Res เสียงนี่กระหึ่มถูกใจแน่นอน ใช้ฟังเพลง ดูหนังหรือทำงานด้านเสียงก็คือดีมาก ๆ เลยล่ะครับ
ระบบระบายความร้อนที่ดี
พลิกกลับมาดูที่ด้านล่างตัวเครื่องจะมีช่องระบายอากาศ ซึ่งสอดแทรกลูกเล่นด้วยการใส่ชื่อแบรนด์ StudioBook ไว้ด้วย มั่นใจได้ว่าถ้าทำงานหนัก ๆ ก็จะไม่เก็บความร้อนแน่นอนครับรุ่นนี้
ความทนทานได้มาตรฐานระดับกองทัพ
ปิดท้ายที่เรื่องความทนทาน ASUS ProArt StudioBook 16 OLED ผ่านการทดสอบมากมายจนได้มาตรฐาน MIL-STD 810H หรือเรียกว่าระดับกองทัพเลยด้วย มั่นใจได้เลยไม่ว่าจะเป็นอุณหภูมิสูงหรือต่ำ, ความชื้น, การตกกระแทก รุ่นนี้ก็ทำได้ดีมากตามการทดสอบครับ
โดยรวมดีไซน์ของ ASUS ProArt StudioBook 16 OLED ก็ออกแบบมาได้สมกับการทำงานระดับสตูดิโอครับ ไม่ได้เน้นไปที่ความเบา-บางมากนัก เพราะเน้นการทำงานอยู่กับที่เป็นหลัก แต่หากอยากพกพาก็สามารถใส่กระเป๋าไปได้ด้วยเช่นกัน จุดเด่นที่แล็ปท็อปรุ่นนี้ทำได้เหนือคู่แข่งจริง ๆ คงเป็นเรื่องหน้าจอ 4K OLED ที่สวยคม สีสันตรงเอามาก ๆ และยังมีตัวคัย์บอร์ดกับพอร์ตการเชื่อมต่อที่ครบเหมือนเครื่องคอมตัวใหญ่ ๆ เลย และที่ขาดไม่ได้คือ ASUS Dial ที่เปลี่ยนวิธีการทำงานให้สะดวกขึ้นกว่าเดิมอีกมากเลยจริง ๆ
Windows 10 Home มาตั้งแต่แกะกล่อง พร้อมอัปเดต Windows 11 แน่นอน
มาต่อกันที่เรื่องซอฟต์แวร์ ASUS ProArt StudioBook 16 OLED มาพร้อม Windows 10 Home ตั้งแต่แกะกล่องเลย ไม่ต้องซื้อมาติดตั้งเพิ่ม พร้อมใช้งานได้ทันที และแน่นอนว่าเรายังสามารถอัปเดตเป็น Windows 11 ได้ด้วยในอนาคตครับ
ฟรีสมาชิก Adobe นาน 3 เดือน
นอกจาก Windows แท้แล้ว ASUS ProArt StudioBook 16 OLED ยังมีสมาชิก Adobe Creative Cloud แถมให้อีก 3 เดือนด้วย เหมาะสำหรับสายครีเอเตอร์ที่จำเป็นต้องใช้โปรแกรมของ Adobe อยู่แล้ว ให้มาครบแบบนี้ก็ประหยัดไปได้หลายพันบาทกันเลยทีเดียวครับ
**รับสิทธิ์ได้ที่โปรแกรม MyASUS**
มี Microsoft Office ก็มีด้วย
ไม่ใช่แค่โปรแกรมสายกราฟิกเท่านั้น ASUS ProArt StudioBook 16 OLED ยังมี Microsoft Office แถมมาให้ในเครื่องเลยด้วย สำหรับคนที่ต้องการใช้งาน Office ด้วยก็มีแถมมาให้เป็น Microsoft 365 ฟรี 1 เดือนและ Microsoft Office 2019 (Home & Student) ฟรีตลอดชีพอีกต่างหากครับ
MyASUS ผู้ช่วยสำหรับการทำงานที่ไร้รอยต่อมากขึ้น
ASUS ProArt StudioBook 16 OLED มาพร้อมโปรแกรมพิเศษ MyASUS และ ScreenXpert ที่ช่วยให้เราสามารถเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนทั้ง Android และ iOS เข้ากับโน้ตบุ๊คได้อย่างไร้รอยต่ออีกด้วย เรียกว่าเป็นตัวช่วยให้เราใช้งานอุปกรณ์หลาย ๆ ชิ้นได้คล่องตัวขึ้นไปอีกจริง ๆ ครับ
นอกจากนี้ยังมีโปรแกรม ProArt Community Hub ที่ให้เราได้จัดการระบบของตัวเครื่องเพิ่มเติม หรือตั้งค่าตัว ASUS Dial ได้ด้วย อย่างที่เราเคยบอกไปว่าตัวปุ่มเสริมนี้จะเข้ามาช่วยให้เราทำงานบนโปรแกรมเฉพาะทางได้สะดวกยิ่งขึ้น อยากใช้งานเครื่องมือไหนก็ปรับให้เข้ากับเราได้เลยที่โปรแกรมนี้ครับ
ประสิทธิภาพระดับสตูดิโอที่พกพาได้
ASUS ProArt StudioBook 16 OLED มาพร้อมสเปคที่ตอบโจทย์การใช้งานทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นสายออกแบบ สายตัดต่อ สายกราฟิก สายภาพยนตร์ หรือสถาปัตยกรรมที่ต้องการทั้งความเร็ว แรงในการประมวลผล หรือความเที่ยงตรงของสีสัน เพราะรุ่นนี้ใช้ชิปเซ็ต Intel Core i7-11800H การ์ดจอ NVIDIA GeForce RTX3060 มีแรมมาให้ 32GB และหน้าจอ 4K OLED ที่มีมาตรฐานจาก Pantone เองด้วยแล้ว ให้มาแบบนี้ในทรงแล็ปท็อปก็เหมือนเราได้เครื่องซูเปอร์คอมพิวเตอร์ที่พกพาได้เลยล่ะครับ
เท่าที่เราลองใช้งานจริงบอกเลยว่าประสิทธิภาพล้นเหลือมาก ๆ ไม่ว่าจะทำงานด้วยโปรแกรมอะไรก็รวดเร็วทันใจ จะเป็นการทำรูปด้วย Photoshop หรือ Lightroom ด้วยไฟล์ภาพขนาดใหญ่ก็ไม่เจออาการกระตุกหรือโหลดนาน ๆ ให้เสียอารมณ์เลย
เล่นเกมก็ได้เลยสเปคนี้
หรือถ้าอยากลองเล่นเกมแบบจริงจัง ด้วยสเปคระดับนี้ก็สบายมากครับ เท่าที่เราลองกับเกมกราฟิกสูง ๆ อย่าง Marvel Avengers ก็สามารถปรับได้ที่ระดับสูงสุดเลย เล่นได้อย่างลื่น ๆ หรือจะเป็นเกมออนไลน์อย่าง Overwatch ก็ปรับได้ที่ระดับ Ultra เช่นกันครับ แต่เท่าที่ลองในการเล่นเกมแบบจริงจังตัวพัดลมจะทำงานดังพอสมควรหากเล่นเกมกราฟิกจัดเต็มแบบนี้ครับ
ไมโครโฟน 4 ตัว พร้อม AI Noise Canceling
ASUS ProArt StudioBook 16 OLED มาพร้อมไมโครโฟนคุณภาพสูงและ AI Noise-Canceling ที่ช่วยจัดการเสียงรบกวนรอบข้างได้เป็นอย่างดี ในยุคที่หลายคนอาจต้องประชุมออนไลน์บนรุ่นนี้มีฟีเจอร์ ClearVoice Mic ที่ช่วยให้เสียงพูดของเราชัดใส ตอบโจทย์การทำงานในยุคนี้อย่างมากเลยครับ
รองรับกำลังไฟสูงสุด 240W
ปิดท้ายที่เรื่องแบตเตอรี่และระบบชาร์จ อย่างที่เห็นว่า ASUS ProArt StudioBook 16 OLED นั้นถูกออกแบบมาให้ใช้งานได้จัดเต็มที่สุด การทำงานจริงคงต้องเน้นอยู่กับที่เป็นหลักครับคือพกพาไปทำงานได้ พอถึงที่ก็กางทำงานพร้อมเสียบชาร์จไปในตัวเพื่อรีดประสิทธิภาพออกมาสูงสุด เพราะฉะนั้นการทำงานแบบไร้ที่ชาร์จก็ต้องบอกว่าอย่าคาดหวังว่าจะใช้งานได้นานเป็น 7 – 8 ชม. เหมือนพวกแล็ปท็อปเบา-บางล่ะครับ สัก 3 – 4 ชม.ก็หรูแล้วล่ะครับ
ส่วนกำลังไฟของ ASUS ProArt StudioBook 16 OLED รุ่นนี้ก็ให้ที่ชาร์จมาสูงถึง 240W กันเลย เพราะด้วยสเปคที่ให้มาระดับนี้ ก็ต้องขับกำลังไฟออกมาได้อย่างสุด ๆ ด้วย ซึ่งที่ชาร์จที่ให้มาก็มีขนาดใหญ่แบบจริงจังเลยล่ะครับ แต่ก็คงไม่ใช่ปัญหาในการใช้งานเท่าไหร่ เพราะอย่างที่บอกรุ่นนี้เน้นไปที่การทำงานแบบอยู่กับที่มากกว่าจะพกไปไหนมาไหนตลอดเนาะ
ราคา 74,990 บาท
สำหรับราคาค่าตัวของ ASUS ProArt StudioBook 16 OLED รุ่นที่เรารีวิวโมเดล H7600HM ใช้ชิป Intel Core-i7-11800H + RTX3060 นี้จะเปิดราคามาที่ 74,990 บาท เริ่มวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการแล้ววันนี้ที่ร้านค้าที่ร่วมรายการและช่องทางออนไลน์ทั้งหลายครับผม
สรุปแล้ว “นี่คือแล็ปท็อปสำหรับสายครีเอเตอร์ระดับโปรตัวจริง”
สรุปแล้ว รีวิว ASUS ProArt StudioBook 16 OLED ก็ถือเป็นแล็ปท็อประดับโปรที่เหมาะกับงานสตูดิโอแบบเต็มขั้น ด้วยสเปคที่ให้มาทั้งหน้าจอ 4K OLED ขนาด 16″ สีสันคมชัด ความเที่ยงตรงสูง ชิปเซ็ต Intel Core i7-11800H พร้อมแรม 32GB มีการ์ดจอแยกตัวแรงอย่าง RTX3060 อีก ทั้งหมดนี้ก็น่าจะตอบโจทย์การทำงานของสายครีเอเตอร์หรือคนที่ต้องการแล็ปท็อปประสิทธิภาพสูงไว้ทำงานในทุกด้านได้แล้ว แถมรุ่นนี้ยังมีฟีเจอร์เด่น ๆ อย่าง ASUS Dial ที่เข้ามาช่วยให้การทำงานกับโปรแกรมเฉพาะสะดวกมากขึ้นหรือจะเป็นตัว TouchPad ที่รองรับการทำงานร่วมกับปากกา Stylus อีกต่างหาก ใครที่กำลังมองหาแล็ปท็อประดับโปรตัวใหม่อยู่ หรือถึงรอบที่จะต้องอัปเกรดแล้ว รุ่นนี้ถือว่าเป็นตัวเลือกที่ไม่ควรมองข้ามเลยครับ เพราะรวมทุกอย่างที่คุณต้องการไว้หมดแล้ว!