Smart Review
รีวิว ASUS Vivobook 13 Slate OLED แล็ปท็อปที่เหนือกว่าด้วยดีไซน์ 2-in-1 รองรับ ASUS Pen 2.0 สร้างสรรค์ได้มากกว่าที่เป็น
รีวิว ASUS Vivobook 13 Slate OLED (T3304G) แล็ปท็อปที่มาพร้อมดีไซน์ที่เหนือกว่าแบบ 2-in-1 ให้เราออกแบบความคิดสร้างสรรค์และการใช้งานได้อย่างอิสระตามต้องการและไม่เหมือนใคร สามารถใส่คีย์บอร์ดเพื่อใช้เป็นแล็ปท็อปเต็มรูปแบบหรือถอดออกเพื่อพกพาได้อย่างสะดวกพร้อมใช้การสัมผัสหรือปากกา Stylus บนหน้าจอคล้ายกับแท็บเล็ตก็ยังได้ ซึ่งฟีเจอร์ต่างๆ ของในแล็ปท็อปรุ่นนี้มีให้ใช้งานกันเพียบ วันนี้ทีมงาน iPhone-Droid.net จะจัดรีวิวการใช้งานให้ชมกันแบบเต็มอิ่มแน่นอนครับ
สรุปสเปค ASUS Vivobook 13 Slate OLED (T3304G)
- ขนาด : 30.99 x 19.00 x 0.89 ซม.
- น้ำหนัก : 0.82 กิโลกรัม
- หน้าจอแสดงผลแบบสัมผัสชนิด OLED ขนาด 13.3 นิ้ว ความละเอียด FHD (1920 x 1080 พิกเซล) อัตราส่วน 16:9, เวลาตอบสนอง (Response Time) 0.2ms, Refresh Rate 60Hz, 100% DCI-P3, ค่า Contrast Ration 1,000,000:1, VESA CERTIFIED Display HDR True Black 500, แสดงผลสี 1.07 พันล้านสี และความสว่างสูงสุด 550 นิต
- CPU : Intel Core i3-N300 จำนวน 8 คอร์, 8 เธรด ความเร็วพื้นฐาน 0.8GHz (แคช 6MB, สูงสุด 3.8GHz)
- GPU (ออนบอดร์ด) : Intel UHD Graphics
- RAM : 8GB LPDDR5 ความเร็ว 4800MHz
- ความจุ : 256GB UFS 2.1
- ระบบปฏิบัติการ : Windows 11 Home
- พอร์ต
- 2 x USB 3.2 รุ่น 2 Type-C รองรับการแสดงผล/การป้อนไฟ
- 1x 3.5mm Combo Audio Jack
- Micro SD Card Reader
- กล้องหน้า 1080p FHD รองรับสแกนหน้า Windows Hello
- กล้องหลังความละเอียด 13 ล้านพิกเซล
- รอบรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi 6E (802.11ax) (Dual band) 2*2 และ Bluetooth 5.2 Wireless Card
- แบตเตอรี่ : 50WHrs
อุปกรณ์ภายในกล่อง
- ตัวเครื่อง ASUS Vivobook 13 Slate OLED (T3304G)
- อะแดปเตอร์ 65W AC
- ปลอกหุ้มเครื่อง (Sleeve)
- ขาตั้ง
- ที่วางสไตลัส
- ปากกา ASUS Pen 2.0
- สายชาร์จปากกา ASUS Pen 2.0 (หัวแบบ B)
- หัวปากกาสำหรับเปลี่ยน 3 หัว (2H/H/HB)
ดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์พกพาสะดวกแบบ 2-in-1
สำหรับดีไซน์ของ ASUS Vivobook 13 Slate OLED ออกแบบมาให้เราใช้งานได้ 2 แบบตามความต้องการของเราเลยครับ จะเป็นแบบคล้ายแท็บเล็ตในตัวหรือใช้เป็นแบบแล็ปท็อปเต็มรูปแบบได้เช่นกันครับ ซึ่งหากเราดูที่ตัวเครื่องแบบเพียวๆ จะมีความเบาเพียง 800 กรัม และบางอยู่ที่ 0.89 ซม. เท่านั้นครับ สามารถพกพาใส่กระเป๋าได้อย่างสะดวก
โดยฝาหลังจะมีสีเดียวคือสีดำ 0°Black เป็นแบบผิวด้านที่เก็บความมันของนิ้วมือได้บ้าง แต่เรื่องรอยขีดข่วนนี่ป้องกันได้ดีเลยทีเดียวครับ
ในกล่องจะมีของเสริมให้ Vivobook 13 Slate OLED คือกรอบด้านหลังที่สามารถใช้งานเป็นขาตั้งที่ปรับได้หลากหลายองศาตามความต้องการครับ
ซึ่งที่ขอบเราจะเห็นว่ามีปลายผ้าอยู่ ซึ่งเอาไว้ใส่กับปากกา ASUS Pen 2.0 เวลาพกออกไปข้างนอกครับ
ส่วนเสริมอีกชิ้นจะเป็นคีย์บอร์ดที่แยกออกมาให้เราได้ใช้งานเป็นแล็ปท็อปครับ สามารถแนบติดกับตัวเครื่องได้ผ่านแม่เหล็กที่อยู่ทางด้านล่าง ติดได้แน่นหนามากๆ แม้จะเขย่าก็ไม่หลุดแน่นอน ทั้งยังปิดเพื่อเป็นการป้องกันหน้าจอได้ด้วยเช่นกัน
แข็งแรงตามมาตรฐานการทหารของสหรัฐฯ
Vivobook 13 Slate OLED ยังคงมีความแข็งแกร่งได้ตามมาตรฐานของสหรัฐฯ Military-grade toughness 810H ซึ่งจะเป็นมาตรฐานเดียวกับแล็ปท็อปของ ASUS ตามปกติเลย โดยในรุ่นนี้มีการทดสอบอย่างเข้มข้นถึง 12 วิธี และ 26 ขั้นตอน ทำให้เราใช้งานได้นานและแข็งแรงมั่นใจครับ
หน้าจอ OLED แบบสัมผัสได้ พร้อมสร้างสรรค์ผลได้ผ่าน ASUS Pen 2.0
Vivobook 13 Slate OLED มาพร้อมกับหน้าจอแสดงผลแบบสัมผัสได้ ใช้พาเนลระดับท็อปอย่าง OLED ขนาดที่พอเหมาะมือมากๆ ที่ 13.3 นิ้ว มีความละเอียด Full HD (1920 x 1080 พิกเซล) ซึ่งเป็นอัตราส่วน 16:9 ที่เป็นสัดส่วนที่เหมาะมากกับการใช้งานด้านเอกสารหรือการทำงานตกแต่งภาพหรือวิดีรโอต่างๆ เพราะต้องการมุมมองที่กว้างและชัดเจนครับ
ในเรื่องของการสัมผัสด้านนิ้วมือตามปกติจะมีค่าตอบสนอง (Response Time) ที่ 0.2 มิลลิวินาทีเท่านั้น พร้อมด้วยค่า Refresh Rate 60Hz และหน้าจอยังเคลือบด้วยกระจก Corning Gorilla Glass NBT ที่ทนทานต่อรอยขีดข่วนเวลาเราใช้งานด้วยนิ้วมือหรือปากกา
และแน่นอนว่า Vivobook 13 Slate OLED เป็นแล็อปท็อปเพื่อความคิดสร้างสรรค์ก็ต้องได้หน้าจอที่สีสันตรงตามจินตนาการครับ โดยจัดหนักทั้งค่าขอบเขตสี 100% DCI-P3, Contrast Ration 1,000,000:1 คู่กับแสดงผลสี 1.07 พันล้านสี แถมยังผ่านการตรวจสอบจาก PANTONE ที่จะได้สีที่ตรงอย่างมืออาชีพแน่นอน และยังรองรับ VESA DisplayHDR True Black 500 ที่จะได้สีดำสนิทจริงๆ เพื่อให้เนื้อหาที่แสดงผลสมจริงมากที่สุดครับ
เริ่มสร้างสรรค์ด้วยปากกา ASUS Pen 2.0
ในกล่องของ Vivobook 13 Slate OLED ยังมาพร้อมกับปากกา ASUS Pen 2.0 ที่เปลี่ยนการสัมผัสปกติให้เราได้สร้างผลงานได้มากขึ้นด้วยการขีดเขียน หรือจดงานต่างๆ ได้ตามความต้องการเลยครับ ซึ่งการเขียนจริงๆ ตอบสนองได้รวดเร็วและแทบจะเรียลไทม์เลยผ่านเทคโนโลยี Microsoft Pen Protocol (MPP) 2.0 ที่ให้ความหน่วงต่ำมากๆ
ทั้งนี้ ASUS Pen 2.0 ยังรองรับแรงกด 4,096 ระดับ ทำให้การเขียนแบบไล่ระดับความเข้มหรือความอ่อนของตัวอักษรเป็นไปได้อย่างใจนึก เช่น ถ้ากดหนักตัวอักษรจะเข้ม หรือถ้ากดเบาๆ ก็จะบาง เป็นต้น
ตัวปุ่มของ ASUS Pen 2.0 เราสามารถตั้งค่าเพื่อให้กดปุ่มด้านข้างเพื่อเปิดโปรแกรมได้การตั้งค่าที่เราตั้งไว้ เช่น OneNote จาก Microsoft เพื่อเปิดการจดได้อย่างรวดเร็ว เป็นต้น รวมถึงปุ่ม Shortcut ด้านบนก็สามารถกดเพื่อเปิดโปรแกรมต่างๆ หรือจะใช้เป็นการแคปหน้าจอได้เหมือนกันตามการตั้งค่าครับ
หากแบตฯ ใกล้หมด จะสามารถดึงตรงปลายขึ้นมา โดยที่พอร์ต USB-C จะซ่อนอยู่เพื่อให้เราได้ชาร์จได้ครับ
พอร์ตเชื่อมต่อมีให้ใช้งานกันพอสมควร
ด้านขนาดของตัวเครื่องจะมีพอร์ตมาให้ใช้งานกันแบบเกือบครบ มีพอร์ต USB 3.2 Gen 2 Type-C จำนวน 2 พอร์ต (ด้านซ้ายตัวเครื่อง 1 พอร์ต และด้านบนมุมซ้ายอีก 1 พอร์ต) โดยรองรับการใช้งานแบบ Power Delivery และ DisplayPort ด้วย โดยอีก 2 พอร์ตจะเป็น 3.5mm Combo Audio Jack และช่องใส่ Micro SD Card Reader
ส่วนปุ่มรอบตัวเครื่องจะมีปุ่ม Power ให้สำหรับเปิดเครื่องหรือล็อคเครื่องที่ด้านบนฝั่งมุมขวาครับ ส่วนด้านขวาตัวเครื่องจะมีปุ่มเพิ่มและลดเสียงมาให้
ส่วนลำโพงที่รองรับระบบเสียง Dolby Atmos จะอยู่ทางฝั่งซ้ายและขวาบริเวณด้านล่าง โดยจะมีฝั่งละ 2 ข้าง รวม 4 ตัวครับ
คีย์บอร์ดเอกลักษณ์ ASUS ErgoSense พิมพ์ได้สะดวกเหมือนแล็ปท็อป
คีย์บอร์ดของ Vivobook 13 Slate OLED ที่ให้มาจะเป็นคีย์บอร์ดที่เป็นเอกลักษณ์ของ ASUS อย่าง ErgoSense ที่อยู่ในแล็ปท็อปทุกรุ่นของ ASUS ครับ โดยมีระหว่างของแต่ละปุ่ม 1.4 มม. พร้อมระยะห่างระหว่างปุ่มแบบเต็มขนาดอยู่ที่ 19.05 มม. ซึ่งช่วยให้เราพิมพ์ได้อย่างสะดวกมากๆ เพราะตัวแห้นพิมพ์ไม่ชิดกันจนเกินไป และเสียงการพิมพ์ก็ไม่ได้ดังจนเกินไปด้วยครับ
ส่วนใครที่ใช้แบบไม่ได้เชื่อมต่อกับคีย์บอร์ด ก็ยังใช้พิมพ์ผ่านหน้าจอเหมือนกับแท็บเล็ตเครื่องหนึ่งตามปกติครับ
Touchpad ใช้งานได้ไหลลื่น
ขณะที่ Touchpad ก็มีขนาดที่ใหญ่เพียงพอต่อการใช้งาน มีความไหลลื่นในการใช้งาน สามารถกดใช้งานและตอบสนองได้รวดเร็วไม่ต่างกับการใช้เมาส์ปกติครับ
มาพร้อม Windows 11 Home ในตัว
Vivobook 13 Slate OLED แกะกล่องมาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Window 11 Home เวอร์ชัน 22H2 ซึ่งเป็นเวอร์ชันที่มีความเสถียร ไหลลื่น และฟังก์ชันในการใช้งานต่างๆ ก็สะดวกมากขึ้นครับ
ทั้งนี้ด้วยความที่เป็นการดีไซน์แบบ 2-in-1 เวลาเราเปิดหน้าต่างโปรแกรมขึ้นมาก Taskbar ที่อยู่ด้านล่างก็จะซ่อนตัวลงไปครับ หากเราจะใช้งานก็เพียงปัดขึ้นมาเพื่อแสดงแบบง่ายๆ เลย
CPU Intel Core i3-N300 ภายใต้รหัส Alder Lake-N
หน่วยประมวลผลที่ใช้ในการขับเคลื่อนด้วยแล็ปท็อปรุ่นนี้จะเป็น Intel Core i3-N300 ซึ่งอยู่ในรหัส Alder Lake-N หรืออยู่ใน Gen 12 นั่นเองครับ โดย CPU รุ่นนี้มีทั้งหมด 8 คอร์ และ 8 เธรด มีความเร็ว Clock พื้นฐาน 0.8GHz (หรือ 800MHz) แคช 6MB และความเร็ว Clock สูงสุดจะบูสได้ถึง 3.8GHz ครับ
ทั้งนี้ Vivobook 13 Slate OLED (T3304G) ยังมี RAM มาให้ 8GB แบบ LPDDR5 ความเร็ว 4800MHz ซึ่งเป็น RAM ที่มีความเร็วในการใช้งาน เปิดโปรแกรมต่างๆ ได้อย่างไหลลื่น และใช้งานได้พร้อมกันหลายโปรแรมพร้อมกันครับ ส่วนความจุที่ให้มาเป็นอยู่ที่ 256GB แบบ UFS 2.1
ผลการทดสอบประสิทธิภาพผ่านโปรแกรมต่างๆ
- CINEBENCH R23 : Single Core 846 / Multi Core 4,247
- CPU-Z : Single Thread 429.1 / Multi Thread 2298.8
- Geekbench 6 : Single Core 1,289 / Multi Core 4,346
- PCMark 10 Express : 3,893
- PCMark 10 Extened : 3,136
- PCMark 10 : 3,861
ระบบเสียง Dolby Atmos จัดเต็มลำโพง 4 ตัวดังกระหึ่ม
ในเรื่องความบันเทิง Vivobook 13 Slate OLED (T3304G) ก็ไม่ทิ้งเช่นกัน ด้วยการมาพร้อมลำโพงสเตอริโอถึง 4 ตัว ระบบเสียง Dolby Atmos เวลาใช้ในการดูวิดีโอหรือภาพยนตร์ผ่านสตรีมมิ่งต่างๆ เสียงจะกระหึ่มและสมจริงมากๆ ตามมาตรฐาน Dolby Atmos ครับ ทั้งยังมีเทคโนโลยี Smart Amp เพื่อให้เพิ่มเสียงได้มากขึ้นสูงถึง 5.25 เท่า และได้เสียงที่คมชัดมากยิ่งขึ้นกว่าเดิมด้วย
มาพร้อมกล้องอินฟราเรด (IR) และความคมชัดแบบ Full HD
แน่นอนว่า Vivobook 13 Slate OLED (T3304G) เป็นแล็ปท็อปเพื่อการทำงานโดยเฉพาะ ที่กล้องหน้าหรือ Webcam ก็มาพร้อมกับความละเอียด Full HD 1080p ซึ่งภาพเวลาวิดีโอคอลตอนประชุมงานจะคมชัดมาก และจะช่วยกำจัด Noise ลงไปได้เวลาอยู่ในที่แสงน้อยครับ
ทั้งนี้ กล้องหน้ายังมาพร้อมระบบอินฟราเรดเพื่อรองรับฟีเจอร์ Windows Hello เพื่อใช้ในการสแกนใบหน้าเพื่อเข้าใช้งานตั้งแต่เปิดเครื่อง รวมไปถึงการล็อคอินต่างๆ ที่ไม่ต้องพิมพ์รหัสผ่านใหม่ตลอดเวลา
ขณะที่กล้องหลังจะมีความละเอียด 13 ล้านพิกเซล สามารถใช้งานถ่ายภาพหรือวิดีโอคอลเมื่อต้องการใช้งานได้เช่นกัน
แบตเตอรี่ใช้งานได้นานสุด 10 ชั่วโมง พร้อมรองรับชาร์จเร็ว
สำหรับแบตเตอรี่ที่ให้มาใน Vivobook 13 Slate OLED จะอยู่ที่ 50WHrs ซึ่งหากใช้งานทั่วไป โปรแกรมเอกสาร จะใช้งานได้สูงสุดถึง 10 ชั่วโมง ซึ่งเพียงพอต่อการทำงานแบบ 1 วันแน่นอนครับ
และเวลาที่จะชาร์จก็ยังรองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็วแบบ 65W ชาร์จได้สูงสุด 60% ในเวลาเพียง 39 นาทีเท่านั้นครับ หรือหากใครที่แบตเตอรี่สำรอง (Power Bank) ที่มีกำลังไฟสูงๆ ก็ยังใช้แทนอะแดปเตอร์เพื่อชาร์จได้เหมือนกัน
สรุปการใช้งาน ASUS Vivobook 13 Slate OLED
จากการที่ได้ลองใช้งาน ASUS Vivobook 13 Slate OLED ถือเป็นโน้ตบุ๊คที่ผสมแท็บเล็ตได้อย่างสมบูรณ์แบบมากๆ ช่วยให้การใช้งานในหลายโอกาสเป็นไปได้มากขึ้น ไม่ต้องพกแท็บเล็ตและโน้ตบุ๊คให้เป็น 2 ชิ้นแล้วครับ ขณะที่การใช้งาน ความเร็ว ความไหลลื่นของการทำงานก็อยู่ในระดับที่ดีมาก ใช้งานเอกสารหรือตกแต่งรูปภาพแบบพื้นฐานผ่าน Adobe ได้แบบไม่มีปัญหาอะไรครับ เพียงแค่อาจจะเล่นเกมหนักๆ ไม่ได้เท่านั้นเองครับ (เพราะมไม่มีการ์ดจอแยกมาให้) และที่ชอบมากๆ เลยคือการที่หน้าจอแสดงผลสามารถสัมผัสได้ ทำให้เราใช้การวาดเขียนเพื่อทำงานได้หลากหลายกว่าเดิมครับ
ราคาอย่างเป็นทางการ
ASUS Vivobook 13 Slate OLED (T3304GA-LQ346WS) สีดำ 0°Black วางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในราคาเพียง 26,990 บาท โดยมีการรับประกันตัวเครื่อง 2 ปีเต็มครอบคลุม 83 ประเทศทั่วโลก และการรับประกันอุบัติเหตุ (Perfect Warranty) 1 ปีแรก