IT News
ASUS เผยโฉมผลิตภัณฑ์ใหม่ปีนี้ ในคอนเซ็ปท์ Zenvolution ณ งาน Computex 2016
บริษัท เอซุสเทค ได้จัดงานเผยโฉมผลิตภัณฑ์ใหม่ในปีนี้อย่างเป็นทางการ ณ งานแสดงนวัตกรรมในด้านอุตสาหกรรมไอทีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียอย่างงาน Computex 2016 ซึ่งเอซุสมีคอนเซ็ปท์ของงานคือ Zenvolution โดยมีนายจอห์นนี่ ชิห์ ประธานกรรมการบริหารบริษัท เป็นผู้นำเสนอนวัตกรรมที่จะมาตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ยุคใหม่ของผู้ใช้งานได้อย่างลงตัว สำหรับผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการเปิดตัวในครั้งนี้ก็มีทั้งกลุ่มของสมาร์ทโฟน Zenfone 3 โน้ตบุ๊ก และหุ่นยนต์อัจฉริยะ Zenbo
ด้านของสมาร์ทโฟนอย่าง Zenfone 3 ได้รับการเปิดตัวพร้อมกันถึง 3 ซีรีส์ ได้แก่ Zenfone 3 Deluxe ที่เน้นด้านของประสิทธิภาพ ด้วยเทคโนโลยีกล้องถ่ายภาพอันเหนือชั้น มี Zenfone 3 ซึ่งเป็นสมาร์ทโฟนที่มีความครบครันทั้งด้านของรูปลักษณ์อันพรีเมียม ผสานกับประสิทธิภาพที่ยอดเยี่ยม รวมถึงยังมี Zenfone 3 Ultra สมาร์ทโฟนอันทรงพลังที่มาพร้อมจอแสดงผลขนาด 6.8 นิ้ว เพื่อตอบโจทย์ด้านความบันเทิงโดยเฉพาะ
ส่วนโน้ตบุ๊ก ได้มีการเปิดตัว ZenBook 3 ที่มีจุดเด่นในความบางเบา พร้อมดีไซน์เรียบหรูด้วยวัสดุอย่างอลูมิเนียมชั้นดี ควบคู่ไปกับ ASUS Transformer 3 และ Transformer 3 Pro ที่ได้รับการออกแบบมาโดยเน้นความบางเบาเป็นพิเศษ ทั้งยังสามารถปรับเปลี่ยนรูปลักษณ์ไปให้ตรงกับรูปแบบการใช้งานที่ต้องการได้อย่างง่ายดาย
ด้านของผลิตภัณฑ์ในกลุ่มเกมมิ่ง ROG ก็มีการเปิดตัวโน้ตบุ๊ก ASUS ROG GX800 ที่ได้รับการขนานนามว่าเป็นหนึ่งในโน้ตบุ๊กที่ประสิทธิภาพสูงสุดรุ่นหนึ่งของโลกในปัจจุบัน รวมถึงยังมีคอมพิวเตอร์เดสก์ท็อป ROG G31 Edition 10 ที่มีขนาดกะทัดรัด สานต่อความสำเร็จจาก ROG G20 เมื่อปีที่ผ่านมา พร้อมด้วยลวดลายพิเศษอันเป็นการฉลองครบ 10 ปีของผลิตภัณฑ์ในซีรีส์ ROG อีกด้วย
อีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ที่เป็นไฮไลท์ในงาน Zenvolution นี้คือหุ่นยนต์อัจฉริยะ ASUS Zenbo ซึ่งนายจอห์นนี่ ชิห์กล่าวไว้ว่า “ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา มนุษย์ได้ใฝ่ฝันถึงการมีผู้ช่วยอัจฉริยะ เข้าใจในความต้องการ และตอบสนองต่อสิ่งที่ผู้ใช้งานต้องการมาโดยตลอด ซึ่งสิ่งเหล่านี้ได้ถูกหลอมรวมกลายเป็นความมุ่งมั่นในการพัฒนาหุ่นยนต์อัจฉริยะ ที่จะสามารถรับใช้คุณได้ ในทุกๆ งานที่คุณต้องการ”
ในงานที่ผ่านมา นายเนวิน ชีนอย รองประธานบริหาร และผู้จัดการทั่วไปกลุ่มงานไคลเอ็นท์คอมพิวติ้งบริษัท อินเทล กล่าวว่า “ในอีก 30 ปีข้างหน้า อินเทลและเอซุสจะยังคงความร่วมมือในการสร้างสรรค์นวัตกรรมอันยอดเยี่ยมให้กับวงการคอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์ไอทีอย่างต่อเนื่อง อย่างในปีนี้ที่มีผลิตภัณฑ์อันเกิดจากความร่วมมือกันอย่าง ZenBook รุ่นใหม่ และอุปกรณ์ในกลุ่ม Transformer 3 ที่เลือกใช้ขุมพลัง Intel Core processor ซึ่งอินเทล และเอซุสจะไม่หยุดยั้งในการสร้างสรรค์นวัตกรรม เพื่อมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้กับผู้ใช้งานผลิตภัณฑ์ของเราอย่างแน่นอน”
ASUS Zenfone 3 Deluxe – สมาร์ทโฟนรุ่นแรกของโลก ที่มาพร้อมโครงสร้างแบบโลหะไร้เส้นเสาอากาศภายนอก
สมาร์ทโฟน ASUS Zenfone 3 Deluxe ได้รับการออกแบบให้เป็นสมาร์ทโฟนที่รวบรวมเทคโนโลยีชั้นยอดทั้งหมดเอาไว้ภายใน กับโครงสร้างแบบยูนิบอดี้โดยเลือกใช้อลูมิเนียมเป็นวัสดุหลัก อันมีจุดเด่นคือความบางเบา ควบคู่กับความแข็งแกร่ง พร้อมกับนวัตกรรมในด้านของการค้นคว้าวิจัย ทำให้ ASUS Zenfone 3 Deluxe มีขอบจอที่บางเพียง 4.2 มิลลิเมตร และฝาหลังที่ไร้เส้นเสาอากาศภายนอก ช่วยให้สามารถแสดงออกให้เห็นถึงความงดงาม และความพรีเมียมของผลิตภัณฑ์ได้อย่างไร้ขีดจำกัด
Zenfone 3 Deluxe เลือกใช้จอแสดงผลขนาด 5.7 นิ้ว ความละเอียดระดับ Full HD โดยเป็นพาเนลจอแบบ Super AMOLED สามารถแสดงสีสันได้ถึง 100% ตามมาตรฐาน NTSC ให้ภาพที่มีสีสันสดใส สวยงาม แม้ว่าจะใช้งานกลางแจ้งก็ตาม และด้วยขอบจอที่บาง ทำให้พื้นที่การแสดงผลทั้งหมดคิดเป็นกว่า 79% ของตัวเครื่อง ด้านของประสิทธิภาพ Zenfone 3 Deluxe มาพร้อมกับพลังประมวลผลจากชิปเซ็ต Qualcomm® Snapdragon™ 820 Series ชิปกราฟิก Adreno™ 530 พร้อมโมเด็มภายใน X12 LTE ทำงานร่วมกับหน่วยความจำแรม 6GB เพื่อให้ทุกการทำงานไหลลื่นดังใจ
Zenfone 3 Deluxe มาพร้อมกับเทคโนโลยีที่จะยกระดับกล้องถ่ายภาพในสมาร์ทโฟน กับเซ็นเซอร์รับภาพ Sony IMX318 ที่ให้ความละเอียดสูงสุดถึง 23 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f/2.0 มีโมดูลชดเชยการสั่นแบบ OIS 4 แกน ร่วมกับโมดูลกันสั่นแบบอิเล็กทรอนิกส์ (EIS) 3 แกน ให้ภาพที่ออกมาคมชัด สวยงามในทุกสภาพแสง
ทั้งยังเปิดตัวเทคโนโลยีการจับโฟกัสใหม่อย่าง ASUS TriTech อันเป็นการทำงานร่วมกันของ 3 เทคโนโลยี ได้แก่ เลเซอร์ออโต้โฟกัสที่ได้รับการพัฒนาเป็นรุ่นที่สอง, ระบบโฟกัสแบบ Phase Detection และการจับโฟกัสแบบต่อเนื่อง ทำให้สามารถโฟกัสและติดตามวัตถุได้ภายใน 0.03 วินาที อีกทั้งยังมาพร้อมเทคโนโลยี PixelMaster 3.0 เพื่อให้ Zenfone 3 Deluxe สามารถเก็บได้ทุกภาพความประทับใจ ในยามที่คุณต้องการ
ภายในของ ASUS Zenfone 3 Deluxe มีการติดตั้งเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมืออยู่ที่ด้านหลังเครื่อง ซึ่งเป็นตำแหน่งที่เหมาะสมที่สุดในการปลดล็อกหน้าจอของผู้ใช้งาน ทำให้สามารถเข้าใช้งานสมาร์ทโฟนของคุณได้อย่างรวดเร็ว และมีความปลอดภัยของข้อมูลระดับสูง รองรับเทคโนโลยี Quick Charge 3.0 ที่ทำให้การชาร์จแบตเตอรี่เป็นไปได้อย่างรวดเร็วผ่านทางพอร์ต USB Type-C
ด้านของความบันเทิง Zenfone 3 Deluxe มาพร้อมกับลำโพงภายในที่มีแม่เหล็กช่วยขับเสียงถึง 5 ชิ้น ทำงานร่วมกับชิป NXP Smart Amplifier ที่ช่วยให้เสียงมีพลัง ความคมชัดในทุกรายละเอียด ทั้งยังรองรับระบบเสียงระดับ Hi-Res Audio (HRA) ซึ่งให้คุณภาพเสียงที่เหนือกว่า CD ถึง 4 เท่า
Zenfone 3 – Agility, Beauty, and Clarity
Zenfone 3 สมาร์ทโฟนที่ได้รับรางวัลจากทั้ง Computex 2016 และ d&I Award ในด้านการออกแบบที่ให้รูปลักษณ์ของความพรีเมียม ควบคู่ไปความพร้อมในการมอบประสิทธิภาพที่สูงสู่มือคุณ ผ่านจอแสดงผลขนาด 5.5 นิ้ว Full HD ที่เลือกใช้พาเนล Super IPS+ คุณภาพสูง ซึ่งให้แสงสว่างสูงสุดถึง 500cd/m2 ทำให้ Zenfone 3 คือสมาร์ทโฟนที่เหมาะสำหรับการใช้เพื่อความบันเทิง ไม่ว่าจะจากแอพพลิเคชันต่างๆ วิดีโอโปรด หรือแม้กระทั่งการเล่นเกมความละเอียดสูงก็ทำได้เป็นอย่างดีผ่านหน้าจอที่มีอัตราส่วนคิดเป็น 77.3% ของเครื่อง ที่มีกระจกกันรอยคุณภาพสูงอย่าง 2.5D Corning® Gorilla® Glass ช่วยปกป้องการกระแทก ในขณะเดียวกันก็เพียบพร้อมด้วยความงามอย่างบริสุทธิ์ในทุกมุมมอง
ASUS Zenfone 3 มาพร้อมกับกล้องหลังความละเอียด 16 ล้านพิกเซล เทคโนโลยีออโต้โฟกัส ASUS TriTech ที่ใช้การผสมผสานการทำงานร่วมกันระหว่างระบบเลเซอร์โฟกัสแบบใหม่ ระบบโฟกัสแบบ Phase Detection และการจับโฟกัสแบบต่อเนื่อง ทำให้สามารถจับตำแหน่งได้ภายใน 0.03 วินาที ให้ภาพที่คมชัดในทุกสภาวะแสง
Zenfone 3 เป็นสมาร์โฟนรุ่นแรกของโลกที่มาพร้อมกับชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 625 octa-core processor อันเป็นชิปรุ่นแรกในซีรีส์ Snapdragon 600 ที่มาพร้อมสถาปัตยกรรมการผลิตแบบ FinFET 14nm ภายในบรรจุชิปโมเด็ม X9 LTE และชิปสำหรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi 802.11ac MU-MIMO เอาไว้อย่างครบครัน แรม 4GB ให้ประสิทธิภาพการทำงานในระดับคอมพิวเตอร์พีซี และที่เหนือกว่าคือมาพร้อมความแรงและการจัดการพลังงานอันยอดเยี่ยมกว่าที่ผ่านมา นอกจากนี้ Zenfone 3 ยังติดตั้งเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ด้านหลัง ทำให้ผู้ใช้งานสามารถปลดล็อกหน้าจอเพื่อใช้งานได้อย่างง่ายดายและรวดเร็วภายในเสี้ยววินาที
Zenfone 3 Ultra – Unleashed, Unlimited, and Unrivaled
Zenfone 3 Ultra ได้รับรางวัลการันตีอย่าง Best Choice Golden Award จากเวทีที่รวบรวมผลิตภัณฑ์ชั้นยอดไว้มากมายอย่าง Computex 2016 ด้วยการออกแบบมาสำหรับผู้รักความบันเทิง กับจอแสดงผลขนาด 6.8 นิ้ว Full HD ที่สามารถแสดงสีสันได้ถึง 95% ตามมาตรฐาน NTSC ให้ภาพที่งดงามในทุกมุมมอง ทำงานร่วมกับเทคโนโลยี ASUS Tru2Life+ Video ซึ่งนับเป็นครั้งแรกของโลกที่นำชิปประมวลผลภาพระดับ 4K UHD TV คุณภาพสูงมาเพิ่มคุณภาพการแสดงผลให้เหนือชั้นกว่าที่เคยมีมา
ด้านของเสียง Zenfone 3 Ultra มาพร้อมกับลำโพงคู่ ซึ่งภายในที่มีแม่เหล็กช่วยขับเสียงถึง 5 ชิ้น ทำงานร่วมกับชิป NXP Smart Amplifier ที่ช่วยให้เสียงมีพลัง ความคมชัดในทุกรายละเอียด รองรับระบบเสียงระดับ Hi-Res Audio (HRA) ซึ่งให้คุณภาพเสียงที่เหนือกว่า CD ถึง 4 เท่า ทั้งยังเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นแรกของโลกที่รองรับการจำลองเสียง 7.1 ทิศทางผ่านเทคโนโลยี DTS Headphone:X
เช่นเดียวกับทั้งสองรุ่นที่ผ่านมา Zenfone 3 Ultra ได้รับการออกแบบในทรงยูนิบอดี้ ขึ้นรูปด้วยอลูมิเนียมโดยไม่มีเส้นรับสัญญาณด้านหลัง พร้อมขอบจอที่บางเฉียบ ทำให้มีพื้นที่ของหน้าจอคิดอัตราส่วนเป็น 79% ของตัวเครื่อง ภายใน Zenfone 3 Ultra เลือกใช้กล้องหลังความละเอียด 23 ล้านพิกเซล เทคโนโลยีการโฟกัสภาพ ASUS TriTech ขับเคลื่อนด้วยขุมพลัง Qualcomm Snapdragon 652 octa-core processor ชิปกราฟิก Adreno 510 แรมสูงสุด 4GB มีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือด้านหลังเครื่อง ทำให้เป็นสมาร์ทโฟนประสิทธิภาพสูงที่มีความครบครันที่สดรุ่นหนึ่งในปัจจุบัน
Zenfone 3 Ultra มาพร้อมแบตเตอรี่ความจุสูงถึง 4600 mAh รองรับการชาร์จเร็วด้วยเทคโนลยี Quick Charge 3.0 ทั้งยังสามารถใช้เป็นแบตเตอรี่สำรองเพื่อชาร์จไฟให้กับอุปกรณ์อื่นด้วยกระแสไฟที่จ่ายออกได้สูงสุดถึง 1.5A อีกด้วย
ZenBook 3 – โน้ตบุ๊กที่ยอดเยี่ยมที่สุด กับประสิทธิภาพระดับท็อปในรูปโฉมเพรียวบาง
สำหรับโน้ตบุ๊กซีรีส์ที่ยอดเยี่ยมที่สุดอย่าง ZenBook ก็ได้รับการต่อยอดให้เหนือขึ้นมาอีกระดับ ด้วยตัวเครื่องบางสุดเพียง 11.9 มิลลิเมตร เบาสุดแค่ 910 กรัม อันเป็นการทะลุขีดจำกัดในด้านการออกแบบของ ZenBook 3 กับการเลือกใช้วัสดุเป็นอลูมิเนียมอัลลอยเกรดระดับเดียวกับที่ใช้ในอากาศยาน ซึ่งมีความแข็งแกร่งกว่าอลูมิเนียมอัลลอยที่ใช้ในโน้ตบุ๊กทั่วไปถึง 50% ทั้งยังมีน้ำหนักที่เบาเป็นพิเศษ ผสานกับลวดลายการออกแบบอันเป็นแบบฉบับของ ZenBook ด้วยสีที่มีให้เลือกถึง 3 แบบ ได้แก่สีน้ำเงิน Royal Blue, สีชมพู Rose Gold และสีเงิน Quartz Grey โดยมีการเพิ่มสีสันให้กับรายละเอียดรอบนอกเครื่อง เพื่อให้ ZenBook 3 มีความโดดเด่นขึ้นมาอีกขั้น
ZenBook 3 มาพร้อมตัวเลือกของประสิทธิภาพระดับสูงสุดอย่าง Intel® Core™ i7 processor แรม 16GB ความเร็ว 2133MHz หน่วยความจำ SSD แบบ PCIe® Gen 3 x4 มากสุด 1TB ช่องเชื่อมต่อ USB Type-C ลำโพงและระบบเสียงอันทรงพลังจาก Harman Kardon ด้านของการแสดงผล ZenBook 3 เลือกใช้จอแสดงผลขนาด 12.5 นิ้ว แบบ edge-to-edge ทำให้ขอบจอมีความบางสุด คิดอัตราส่วนแล้วเป็น 82% ของพื้นที่กรอบหน้าจอทั้งหมด ให้สีสันภาพครอบคลุมกว่า 72% ตามมาตรฐาน NTSC เสริมความแข็งแกร่งด้วยด้วยกระจกหน้าจอ Corning Gorilla Glass 4
อีกหนึ่งเทคโนโลยีที่เข้ามาเสริมให้การทำงานเป็นไปได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ก็คือเทคโนโลยีการออกแบบระบบระบายความร้อน ที่ทำให้สามารถออกแบบพัดลมระบายความร้อนซึ่งมีความบางเพียง 3 มิลลิเมตรภายในตัวเครื่องได้ ส่งผลให้การระบายความร้อนภายในเป็นไปได้อย่างยอดเยี่ยม ควบคู่ไปกับความบางเบาขีดสุดของ ASUS ZenBook 3
ZenBook 3 ทำให้การทำงานของคุณเป็นไปได้อย่างราบรื่น ด้วยคีย์บอร์ดแบบฟูลไซส์ที่มีขนาดปุ่มกดถึง 19.8 มิลลิเมตร พร้อมไฟ backlit ภายใน ระยะการกดปุ่มเพียง 0.8 มิลลิเมตร ตอบสนองการพิมพ์ได้เป็นอย่างดี พื้นผิวทัชแพดเคลือบด้วยกระจก ให้ความลื่นไหลและความแม่นยำในการทำงาน ทั้งยังมีระบบป้องกันการสั่งงานผิดพลาดจากการวางฝ่ามือบนทัชแพดขณะพิมพ์คีย์บอร์ด รองรับการสั่งงานด้วยการวาดนิ้ว Smart Gesture อีกทั้งมีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่รองรับการล็อกอินเข้าใช้งานอย่าง Windows Hello ซึ่งช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการใช้งานเครื่อง ร่วมกับการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลของคุณ โดยไม่ต้องกรอกรหัสผ่านใดๆ
อีกสิ่งที่มีความโดดเด่นของ ZenBook 3 ก็คือ แบตเตอรี่ที่ใช้งานได้นานสุด 9 ชั่วโมง และใช้เวลาชาร์จจาก 0% เป็น 60% เพียงแค่ 49 นาทีเท่านั้น ทำให้คุณสามารถใช้งาน ZenBook 3 ได้โดยไม่ต้องกังวลปัญหาด้านแบตเตอรี่ระหว่างวันอีกต่อไป
ASUS Transformer 3 Pro – พีซีที่ครบครัน และเอนกประสงค์ที่สุดในปัจจุบัน
ASUS Transformer 3 Pro คือคอมพิวเตอร์พีซีแบบ 2-in-1 ที่มีความสมดุลกันระหว่างประสิทธิภาพระดับสูง กับความสามารถในการพกพาเพื่อใช้ในการทำงาน หรือแม้กระทั่งเพื่อความบันเทิง ให้ผิวสัมผัสอันยอดเยี่ยมจากอลูมินัม ส่งผลให้ ASUS Transformer 3 Pro มีความบางเพียง 8.35 มิลลิเมตร ขอบเครื่องมีการตัดขอบในแบบไดมอนด์คัตที่ให้ความหรูหราและพรีเมียม โดยมีให้เลือกด้วยกันสองเฉดสี ได้แก่สีทอง Icicle Gold และสีเงิน Glacier Gray
ขาตั้งของ ASUS Transformer Pro 3 ถูกออกแบบด้วยโลหะคุณภาพสูง และให้อิสระแก่ผู้ใช้งานในการปรับองศาได้ตามที่ต้องการ โดยมีมุมกว้างสุดถึง 170° ทำงานร่วมกับคีย์บอร์ด ASUS Transformer Cover Keyboard ที่มีระยะการกดปุ่มอยู่ที่ 1.4 มิลลิเมตร ซึ่งใกล้เคียงกับคีย์บอร์ดโน้ตบุ๊กโดยทั่วไป ทั้งยังมีไฟ backlit ภายใน เพื่อให้สามารถใช้งานได้อย่างสะดวกในทุกสถานที่
ASUS Transformer Pro 3 มาพร้อมจอแสดงผลขนาด 12.6 นิ้ว ความละเอียดสูงถึง 2880 x 1920 (275ppi) เพื่อภาพที่คมชัด ด้านของสีสันก็สามารถให้สีได้ถึง 121% ตามมาตรฐาน sRGB ช่วยให้ภาพที่ออกมามีความสดใส เต็มอิ่มในทุกเฉดสี ลำโพงคู่หน้า ได้รับการพัฒนาขึ้นโดยเกิดจากความร่วมมือกันระหว่างเอซุสและ Harman Kardon จึงทำให้เสียงที่ออกมามีคุณภาพที่ยอดเยี่ยม ครบถ้วนในทุกรายละเอียด ช่วยเสริมประสบการณ์ด้านความบันเทิงของคุณได้อย่างเต็มที่
ด้านประสิทธิภาพ ASUS Transformer Pro 3 เลือกใช้ขุมพลัง Intel Core i7 processor โดยมีตัวเลือกหน่วยความแบบ SSD แบบ PCIe x4 สูงสุด 1TB และแรมความเร็ว 2133MHz ความจุสูงสุด 16GB เพื่อตอบทุกโจทย์การทำงานของคุณ รองรับการเชื่อมต่อเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดอย่าง USB Type-C รองรับ USB 3.1 Gen 2 ที่มีความเร็วสูงสุด 10Gbps และ Thunderbolt™ 3 ซึ่งมีความเร็วสูงสุด 40Gbps และรองรับการเชื่อมต่อมอนิเตอร์ระดับ 4K UHD ถึงสองจอพร้อมกัน รวมถึงยังมีช่อง USB 3.0 และ HDMI เพื่อการใช้งานที่ครบครัน กล้องหลังความละเอียด 13 ล้านพิกเซล กล้องหน้ารองรับการล็อกอินผ่านฟีเจอร์ Windows Hello
ASUS Transformer 3 Pro รองรับอุปกรณ์เพิ่มเติมที่ช่วยเสริมประสิทธิภาพการทำงาน ช่วยยกระดับประสบการณ์การใช้งานและความสะดวกสบายให้กับคุณ ได้แก่
- ปากกา ASUS Pen ที่ทำให้การเขียน การวาดทำได้อย่างลงตัว ด้วยความสามารถในการรับระดับแรงกดได้ถึง 1,024 ระดับ ให้ความรู้สึกในการใช้งานดุจปากกาจริง โดยที่ผู้ใช้งานสามารถถ่ายภาพที่ต้องการด้วยกล้องหลังความละเอียดสูง และจดบันทึกลงในภาพได้ทันที
- แท่น ASUS Universal Dock ทำหน้าเป็นฮับที่ช่วยเพิ่มรูปแบบการเชื่อมต่อ ประกอบด้วย USB 3.1 Type-C, USB 3.0, HDMI, VGA, ช่องแลน RJ45 และช่องอ่านการ์ด SD แบบ 3-in-1
- ASUS Audio Pod ที่ภายในมีลำโพงถึง 4 ตัว เมื่อใช้งานร่วมกับ ASUS Transformer Pro 3 จะทำให้สามารถมอบประสบการณ์จำลองเสียงรอบทิศทาง 360° แบบ 5.1 ทิศทาง พร้อมพลังเบสที่เต็มอิ่มให้กับคุณ
- ROG XG Station 2 ทำให้ ASUS Transformer Pro 3 ใช้งานร่วมกับการ์ดกราฟิกแยกประสิทธิภาพสูงระดับเดสก์ท็อปได้ รองรับการใช้งานร่วมกับเกมแบบ VR
ASUS Transformer 3 – นิยามใหม่แห่งพีซีแบบพกพา
ASUS Transformer 3 คือพีซีแบบ 2-in-1 ที่มีความบางเบาชั้นยอด สะดวกสบายกับทุกรูปแบบการใช้งาน แข็งแกร่งแต่บางเบาด้วยการเลือกใช้อลูมิเนียม ทำให้ ASUS Transformer 3 มีน้ำหนักเพียง 695 กรัม และบางสุดเพียงแค่ 6.9 มิลลิเมตร พร้อมตัวเครื่องที่มีขนาดเล็กกว่ากระดาษขนาด A4 โดยที่ได้รับการออกแบบให้มีรูปลักษณ์ที่หรูหรา พรีเมียม มีมีให้เลือกด้วยกันสองเฉดสี ได้แก่สีทอง Icicle Gold กับสีเงิน Glacier Gray และได้รับการสร้างสรรค์มาให้ใช้งานคู่กับ ASUS Transformer Sleeve Keyboard ที่มีระยะการกดปุ่มเพียงแค่ 1.4 มิลลิเมตร สามารถปรับรูปแบบการเอียงได้ 2 แบบ พร้อมทั้งทัชแพดที่เคลือบผิวนอกด้วยกระจก ทำให้ทุกการทำงานเป็นไปได้อย่างราบรื่น รวดเร็ว และแม่นยำ
จอแสดงผลของ ASUS Transformer 3 มีขนาด 12.6 นิ้ว คิดเป็นอัตราส่วนกว่า 80% ของด้านหน้าตัวเครื่อง ความละเอียด 2880 x 1920 (275ppi) ให้ภาพที่คมชัดในทุกรายละเอียด มีความสว่างสูงสุดถึง 450cd/m2 ด้านของสีสันก็สามารถให้สีได้ถึง 121% ตามมาตรฐาน sRGB ช่วยให้ภาพที่ออกมามีความสดใส เต็มอิ่มในทุกเฉดสี ทำงานร่วมกับเทคโนโลยี ASUS Tru2Life Video ที่มีกระบวนการในการเพิ่มคุณภาพการแสดงผลในทุกๆ พิกเซลก่อนออกสู่สายตาคุณ ทำให้ภาพที่ออกมามีความโดดเด่น และแตกต่างไปจากจอคอมพิวเตอร์พกพาโดยทั่วไป ไม่ว่าจะกับภาพนิ่ง หรือวิดีโอก็มีความสมจริงในทุกองค์ประกอบและเฉดสี
ASUS Transformer 3 มาพร้อมลำโพงภายในจาก Harman Kardon ถึง 4 จุด โดยมีชุดขับเสียงคุณภาพสูงเพื่อให้เสียงที่ออกมามีรายละเอียดที่ยอดเยี่ยม เต็มพลัง นอกจากนี้ ASUS Transformer 3 ยังสามารถปรับทิศทางของเสียงที่ออกมาให้เป็นไปตามรูปแบบการวางเครื่องได้อีกด้วย เพื่อให้ผู้ใช้งานได้รับประสบการณ์ด้านความบันเทิงได้อย่างเต็มประสิทธิภาพที่สุด
ภายในของ ASUS Transformer 3 มาพร้อมตัวเลือกขุมพลังสูงสุดอย่าง 7th Gen Intel Core processors ทำงานร่วมกับแรมสูงสุด 8GB และหน่วยความจำ SSD สูงสุด 512GB ที่ทำให้คุณทำงานได้อย่างไหลลื่น รองรับช่องเชื่อมต่อ USB Type-C (USB 3.1 Gen 2) ความเร็วสูงสุด 10Gbps และ Thunderbolt™ 3 ที่มีความเร็วสูงสุดถึง 40Gbps รองรับการเชื่อมต่อมอนิเตอร์ระดับ 4K UHD ถึงสองจอพร้อมกัน
นอกจากนี้ ASUS Transformer 3 ยังติดตั้งเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ พร้อมรองรับการล็อกอินเข้าใช้งานด้วยฟีเจอร์ Windows Hello ผ่านกล้องหน้า เพื่อการเข้าใช้งานได้อย่างรวดเร็ว ทั้งยังช่วยรักษาความปลอดภัยได้เป็นอย่างดี โดยไม่จำเป็นต้องกรอกรหัสผ่านใดๆ
ASUS Transformer 3 รองรับการใช้งานร่วมกับอุปกรณ์เสริมต่างๆ เช่น ปากกา ASUS Pen, แท่นรอง ASUS Universal Dock, ลำโพง Audio Pod, แท่น ROG XG Station 2 ที่ช่วยยกระดับประสิทธิภาพในการเล่นเกมได้เป็นเท่าตัว
ASUS Transformer Mini
ASUS Transformer Mini คือคอมพิวเตอร์พีซีแบบ 2-in-1 ที่เบาที่สุดของโลกในปัจจุบัน ด้วยการเลือกใช้แมกนีเซียม-อลูมินัมอัลลอยระดับพรีเมียม ทำให้ ASUS Transformer Mini มีน้ำหนักเมื่อรวมกับคีย์บอร์ดแล้วอยู่ที่ 790 กรัม สำหรับเฉพาะเครื่องแท็บเล็ตเองมีน้ำหนักแค่ 530 กรัม บางสุดเพียง 8.2 มิลลิเมตร โดย ASUS Transformer Mini มาพร้อมหน้าจอขนาด 10.1 นิ้ว ความสว่างสูงสุด 400cd/m2 ทำงานร่วมกับเทคโนโลยี ASUS TruVivid ช่วยให้ภาพที่แสดงมีสีสันสดใส เต็มอิ่ม และใช้งานได้ในทุกสถานที่ ทั้งยังมีเทคโนโลยี ASUS Tru2Life Video ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการแสดงผลให้กับทุกพิกเซล ช่วยให้ภาพมีความสมจริงยิ่งขึ้น
ASUS Transformer Mini มีการออกแบบให้มีขาตั้งแบบบานพับซึ่งสามารถทำให้คุณปรับมุมจอเอนลงได้สูงสุดถึง 170° ทำให้สามารถใช้งานได้ในทุกสถานที่ตามที่คุณต้องการ ปุ่มคีย์บอร์ดถูกออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์ มีระยะการกดปุ่มเพียง 1.5 มิลลิเมตร ให้การตอบสนองได้อย่างยอดเยี่ยม รองรับการใช้งานการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลด้วยการสแกนลายนิ้วมือ ครบครันการเชื่อมต่อทั้ง USB, Wi-Fi 802.11ac และแบตเตอรี่สามารถใช้งานได้นานสุดถึง 11 ชั่วโมง
ASUS Transformer Mini มีให้เลือกหลากหลายสีสัน ทั้งตัวเครื่องและคีย์บอร์ด ทำให้คุณสามารถจับคู่ได้อย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นเครื่องสีเงิน Quartz Gray หรือสีขาว Pearl White ส่วนคีย์บอร์ดก็ตัวอย่างเช่นสีเขียวมิ้นท์ สีทอง Icicle Gold เป็นต้น
ROG GX800: โน้ตบุ๊กเกมมิ่งที่ทรงประสิทธิภาพที่สุดของโลก
ASUS ROG GX800 เป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการต่อยอดจาก ROG GX700 โน้ตบุ๊กเกมมิ่งที่มาพร้อมระบบระบายความร้อนด้วยน้ำเป็นรุ่นแรกของโลก ทำให้กลายเป็นหนึ่งโน้ตบุ๊กที่ทรงพลังที่สุดรุ่นหนึ่งในปัจจุบัน
ROG GX800 เลือกใช้พลังการประมวลผลขั้นสูงจากทั้งชิปประมวลผล Intel K-Series และกราฟิกชิป NVIDIA SLI GPU ที่ให้ประสิทธิภาพในระดับคอมพิวเตอร์เดสก์ท็อป จุดเด่นคือการมาพร้อมกับแท่นระบายความร้อนด้วยน้ำ เพื่อช่วยระบายความร้อนภายในอันเกิดจากการโอเวอร์คล็อกชิปประมวลผล, ชิปกราฟิก และหน่วยความจำแรม
ROG GX800 มาพร้อมกับคีย์บอร์ดแบบกลไก (Mechanical) ที่มีชื่อว่า MechTAG อันมีชื่อเต็มคือ Mechanical Tactile Advanced Gaming กับคุณสมบัติเด่นในด้านการตอบสนองของปุ่มกดในสไตล์อันเป็นที่โปรดปรานของเหล่าเกมเมอร์ มีไฟ LED ใต้ปุ่มในรูปแบบของไฟ RGB ซึ่งสามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบการแสดงสีสันได้อิสระ นอกจากนี้ยังคงมาพร้อมความสามารถในการกดได้หลายปุ่มพร้อมกัน (Anti-Ghosting) อันเป็นหนึ่งในฟีเจอร์ที่ตอบโจทย์ความต้องการของเกมเมอร์ได้เป็นอย่างดี
ROG G31 Edition 10: เกมมิ่งเดสก์ท็อปขนาดกะทัดรัดที่แรงที่สุดของโลก
ASUS ROG G31 Edition 10 คือเกมมิ่งเดสก์ท็อปขนาดกะทัดรัดที่ได้รับการต่อยอดมาจาก ROG G20 โดยมีขนาดเพียง 20 ลิตร แต่ภายในบรรจุด้วยขีดสุดแห่งเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ ไม่ว่าจะเป็นชิปประมวลผลประสิทธิภาพสูง ชิปกราฟิกระดับสูงสุดอย่าง NVIDIA GeForce GTX 1080 ที่รองรับการทำงานร่วมกันแบบ SLI สองทิศทาง ทำให้การเล่นเกมความละเอียดระดับ 4K UHD เป็นไปได้อย่างไหลลื่น ส่วนด้านของเสียง ก็จัดเต็มด้วยชุด DAC และแอมป์ขยายเสียงจาก ESS® ช่วยให้เสียงออกมาได้อย่างเต็มพลัง คมชัดในระดับ Hi-Fi
ซึ่งทั้งหมดนี้ รวมอยู่ภายใน ROG G31 Edition 10 กับเคสที่เลือกใช้ลวดลายในสไตล์มายันผสานความดุดันในแบบฉบับ ROG ด้านระบบระบายความร้อน เอซุสเลือกใช้เทคโนโลยี 3D Vapor Chamber Thermal ร่วมกับพัดลมคู่ที่ซ่อนอยู่ภายใน ทำให้สามารถระบายความร้อนออกมาได้อย่างรวดเร็ว
ASUS Zenbo – ผู้ช่วยอัจฉริยะข้างกายคุณ
ASUS Zenbo ได้รับการวิจัยและพัฒนาขึ้นมาเพื่อให้เป็นหุ่นยนต์ประจำบ้านคุณ กับความสามารถในหลากหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นการให้ความช่วยเหลือ เพื่อทำให้ชีวิตของคุณสะดวกยิ่งขึ้น ให้ความบันเทิง รวมถึงการสร้างความผูกพันระหว่างครอบครัวของคุณกับไลฟ์สไตล์ในแบบดิจิตอลได้อย่างลงตัว ผ่านทักษะรอบด้าน ตัวอย่างเช่นการเคลื่อนที่ได้อย่างอิสระและความสามารถในการรับคำสั่งเสียง ทำให้ Zenbo จะกลายเป็นเป็นหนึ่งสมาชิกในบ้าน และทำให้คุณเพลิดเพลินไปกับการใช้งานอย่างรวดเร็วและง่ายดาย
ตัวอย่างความสามารถของ ASUS Zenbo ก็คือการเป็นหนึ่งในผู้ช่วยดูแลผู้สูงอายุภายในบ้าน ทั้งในด้านของความปลอดภัย และการเป็นเพื่อนที่ช่วยให้ท่านผ่อนคลายด้วยการเชื่อมต่อกับโลกดิจิตอล ตัวอย่างเช่น การช่วยแจ้งเตือนให้ทานยาเมื่อถึงเวลาที่กำหนด การให้คำแนะนำด้านการดูแลสุขภาพ เป็นต้น รวมถึงยังช่วยตรวจจับอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นกับสมาชิกในบ้าน เช่น การพลัดตกจากที่สูง ซึ่งถ้าหากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น Zenbo ก็จะติดต่อไปยังสมาชิกในบ้านท่านอื่นๆ และอนุญาตให้ทำการควบคุม Zenbo ไปหาผู้ประสบอุบัติเหตุ แล้วเปิดกล้องหน้าเพื่อตรวจสอบอาการได้อย่างรวดเร็ว
Zenbo พร้อมจะเป็นหนึ่งในผู้ช่วยเชื่อมโยงคุณเข้ากับโลกดิจิตอล ด้วยการเข้าถึงสื่อออนไลน์ และโลกอินเตอร์เน็ตได้อย่างง่ายดาย ไม่ว่าจะเป็นการสนทนาผ่านระบบวิดีโอคอล อ่านข้อมูลความเคลื่อนไหวจากในโซเชียลมีเดีย สั่งซื้อสินค้าจากเว็บไซต์ รวมไปจนถึงการรับชมภาพยนตร์และรายการทีวีแบบสตรีมมิ่ง ซึ่งทั้งหมดนี้ สามารถสั่งงาน Zenbo ได้ด้วยเสียงพูดของคุณ
สำหรับการใช้งาน Zenbo ร่วมกับบุตรหลานในครอบครัวก็เป็นไปได้อย่างสนุกสนาน ด้วยความสามารถในการตอบสนองการสั่งงานได้อย่างยอดเยี่ยม ผ่านทางจอแสดงผลและระบบเสียงสเตอริโอคุณภาพสูงภายในตัว ทำให้ Zenbo สามารถเล่นเพลงโปรดไปพร้อมกับการเต้นประกอบจังหวะไปได้ในเวลาเดียวกัน ทั้งยังช่วยเพิ่มพัฒนาการให้กับบุตรหลานของคุณได้ด้วยกิจกรรม เกมต่างๆ ให้ได้ฝึกทักษะที่จำเป็นต่อการเรียนรู้ของเด็ก รวมไปถึงสามารถเล่านิทานให้ฟัง ร่วมกับการฉายภาพประกอบนิทาน ควบคู่ไปกับการปรับความสว่างไฟในห้องเพื่อทำให้นิทานมีความน่าสนใจมากยิ่งขึ้น
ด้านการใช้งานทั่วไป Zenbo สามารถเชื่อมต่อและควบคุมอุปกรณ์ต่างๆ ในบ้านที่อยู่ในรูปแบบของสมาร์ทโฮมได้ ยกตัวอย่างเช่นควบคุมการเปิดปิดไฟส่องสว่าง ปรับเปลี่ยนช่องรายการโทรทัศน์ ปรับอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศ เรียกดูภาพจากกล้องวงจรปิดหน้าบ้านแล้วสั่งเปิดประตูด้วยเสียง ช่วยอ่านขั้นตอนการทำอาหาร รวมไปถึงช่วยเป็นช่างภาพในการเก็บภาพความประทับใจของทุกคนในครอบครัว ซึ่งฟังก์ชันทั้งหมดนี้จะเข้ามาทำให้การทำงาน การพักผ่อนในบ้านของคุณแตกต่างไปจากที่เคย
Zenbo รองรับการทำงานร่วมกับแอพพลิเคชันที่ช่วยเสริมความสามารถได้อย่างหลากหลาย ด้วยชุดพัฒนา Zenbo Developer Program ที่ภายในมี Zenbo SDK สำหรับให้นักพัฒนาได้ทำการสร้างสรรค์แอพพลิเคชันจากไอเดียของตนเอง ออกมาสู่การใช้งานจริงร่วมกับ Zenbo อันจะเป็นการเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับแพลตฟอร์มทางด้านการพัฒนาหุ่นยนต์ และส่งผลไปถึงการเข้ามาทำให้ชีวิตประจำวันของมนุษย์เป็นไปได้อย่างเรียบง่าย และสะดวกสบายมากยิ่งขึ้นในอนาคต สำหรับข้อมูลเกี่ยวกับ Zenbo และ Zenbo Developer Program สามารถเยี่ยมชมได้ที่ zenbo.asus.com