Smart Review
รีวิว Baseus Bowie H1i | Baseus Bass 15 Clip สองหูฟังดีไซน์สวย ทันสมัย ฟีเจอร์ครบ ในราคาเป็นกันเอง!
รีวิววันนี้มีหูฟัง 2 รุ่นจากแบรนด์ Baseus ครับ คือ Baseus Bowie H1i และ Baseus Bass 15 Clip เป็นหูฟัง 2 สไตล์ที่เราว่าเหมาะกับหลาย ๆ คนเพราะด้วยคุณภาพที่ยอดเยี่ยม ใช้งานได้คล่องตัวกับราคาที่ไม่สูงจนเกินไป (กระซิบเลยว่าราคา 1,000 – 2,000 นิด ๆ เท่านั้น) ตามสโลแกนของแบรนด์นี้เลยที่ว่า “ใช้งานง่าย มั่นใจได้ ใส่ใจคุณ”
เอาล่ะ ใครกำลังมองหาหูฟังราคาไม่แรง แต่ใช้งานได้จริงอยู่ ติดตามรีวิวของ Baseus Bowie H1i และ Baseus Bass 15 Clip กันเลยดีกว่า!
รีวิว Baseus Bowie H1i
งั้นขอเริ่มที่ Baseus Bowie H1i รุ่นครอบหู (Over-Ear) กันก่อนเลยดีกว่า ตัวกล่องจะมีขนาดใหญ่ที่ด้านหน้ามีภาพประกอบของตัวหูฟังและสีสันชัดเจน ซึ่งสีที่เราได้มาเป็นสีขาว แต่จะขาวจริงไหมเดี๋ยวไปดูกันอีกทีเนาะ
อุปกรณ์ภายในกล่องก็จะให้มา 5 อย่างประกอบด้วย
- หูฟัง Baseus Howie H1i
- สายแจ็ค 3.5 มม.
- สายชาร์จ USB-A to C
- เอกสารคู่มือ
สติกเกอร์ Baseus
ดีไซน์ Baseus Bowie H1i
มามะ…มายลโฉมตัวจริง Beseus Bowie H1i กันเลย รุ่นนี้มาพร้อมกับดีไซน์ที่สวย ทันสมัย เข้ากับกลุ่มวัยรุ่นได้ดี สีที่เราได้มาเป็นสีขาว ซึ่งสีจริง ๆ จะออกไปทางครีมหรือเบจซะมากกว่า มีความอ่อนนุ่มละมุนดีไม่น้อยครับ ตัววัสดุจะเป็นพลาสติกผิวด้านซะส่วนใหญ่ครับ
แต่จะมีส่วนหลักของหูฟังตรงนี้จะเป็นผิวมันวาวนิดหน่อย เพิ่มความสวยงามเมื่ออยู่ร่วมกับผิวด้าน ๆ รวม ๆ ได้อีกเยอะเลยทีเดียวครับ
ที่หูแต่ละข้างจะมีปุ่มควบคุมมาให้เราได้กดสั่งงานได้ด้วย แบ่งเป็นฝั่งขวามีปุ่มเพิ่ม-ลดเสียง, ปุ่มเล่น-หยุดเล่นเพลงและพอร์ตการเชื่อมต่อแบบ 3.5 มม.กับพอร์ตชาร์จ USB-C ครับผม
ส่วนฝั่งซ้ายมือก็จะมีปุ่มเลื่อนสำหรับเปิด-ปิดระบบตัดเสียงรบกวน ANC (Active Noise Cancellation)
ตัว Earcups ก็จะใช้วัสดุเป็นหนังที่มีความนุ่มกำลังดี ใช้สีที่น้ำตาลอ่อนที่เข้มขึ้นจากสีครีมของตัวเครื่องขึ้นอีกหน่อย ทำให้ตัดกันลงตัวเลยล่ะครับ
ที่ก้าน Headband จะมีโลโก้ Baseus ด้านล่างจะมีวัสดุเป็นหนังไว้รองศีรษะของเราเวลาสวมใส่ด้วย รองรับได้ดีไม่รู้สึกถึงความแข็งจนเกินไป
ตัวก้าน Headband สามารถขยายขนาดได้อีก รวมถึงพับเพื่อพกพาได้ด้วยเช่นกัน ตัวบานพับและแกะในการยืด-หดก็แข็งแรงดี ไม่ก๊อกแก๊งนะอันนี้
ด้านน้ำหนักจะอยู่ที่ราว ๆ 230 กรัมเท่านั้น ห้อยคอติดตัวไป หรือจะใส่ติดหูไว้ตลอดก็ไม่รู้สึกหนักจนเป็นภาระเลยล่ะครับ
โดยรวมเรื่องดีไซน์ของ Baseus Bowie H1i ก็ถือว่าทำได้ดีครับ ทั้งวัสดุที่ใช้เรียบง่ายแต่ลงตัว ทันสมัย น้ำหนักเบา สีสันก็ละมุนและเข้ากับกลุ่มวัยรุ่นได้เป็นอย่างดี นอกจากสีขาว (ครีม) นี้แล้ว ยังมีสีเขียวพาสเทลกับสีดำให้เลือกอีกด้วยครับ
การเชื่อมต่อและฟีเจอร์การใช้งาน
ในเรื่องการเชื่อมต่อ Baseus Bowie H1i สามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ได้ทั้งแบบไร้สายและเสียบสาย ซึ่งแบบมีสายเสียบสายแจ็ค 3.5 มม.ได้ปกติ (มีแถมในกล่อง) แบบไร้สายก็ผ่าน Bluetooth ครับ และทาง Baseus เขาก็มีแอปรองรับให้ปรับแต่งตั้งค่าเพิ่มเติมด้วย มีให้ใช้งานทั้ง iOS และ Android ครับ สามารถค้นหาได้เลย หรือจะสแกนที่ข้างกล่องก็ได้นะ
โดยในแอปนี้จะมีบอกสถานะแบตเตอรี่ของตัวหูฟังเมื่อเชื่อมต่อ มีรูปแบบการตั้งค่าเพิ่มเติมให้เลือกจากในแอป อาทิ โหมด Spatial Acoustics
การปรับ EQ mode ที่มีให้เลือกมากถึง 12 แบบ และการตั้งค่าปุ่มลัดที่ตัวหูฟัง ว่าอยากให้สั่งงานเป็นอะไร นอกจากค่าเริ่มต้นที่ตั้งค่ามาให้แล้วนั่นเองครับ
คุณภาพเสียงและประสบการณ์การใช้งาน
เห็นการควบคุมกับดีไซน์ไปแล้ว ต่อไปเรามาลองฟังจริง ๆ จัง ๆ เลยดีกว่า ในเรื่องคุณภาพเสียงของ Baseus Bowie H1i ถือว่าทำได้ดีเลยครับ เพราะมีไดรเวอร์ขนาดใหญ่ 40มม. ให้เสียงที่แน่นกำลังดีครับ แถมความดีงามคือมี Spatial Acoustics หรือโหมดเสียงมาให้เลือกปรับเข้ากับคอนเทนต์ที่จะดูด้วยนะ
และนอกจากนี้ Baseus Bowie H1i ยังรองรับระบบเสียง Hi-Res Audio ทั้งแบบไร้สายและมีสายด้วย ทำให้เราได้ยินเสียงที่คมชัดเหมือนต้นฉบับเข้าไปอีก
การควบคุมของ Baseus Bowie H1i ก็สามารถทำได้ผ่านตัวหูฟังเลย เพราะมีปุ่มให้สั่งงานอย่างที่บอกไปเนาะ จะเลื่อนเพลง เล่น-หยุดเพลง หรือสลับโหมดพิเศษต่าง ๆ
รวมถึงการเปิด-ปิดโหมดตัดเสียงรบกวนด้วยครับ ไหน ๆ ก็พูดถึงเรื่องนี้แล้ว เราขอพูดถึงโหมด ANC เลยละกัน Baseus Bowie H1i นั้นมาพร้อมระบบตัดเสียงรบกวนที่ดีเยี่ยม สามารถลดเสียงรบกวนได้มากถึง 38dB ช่วยให้เราได้ยินคอนเทนต์ได้อย่างคมชัด แม้จะอยู่ในที่ที่มีเสียงรอบข้างดัง ๆ ก็ตาม
สำหรับสายเกมที่อยากเอา Baseus Bowie H1i นี้มาเล่นเกมด้วย อันนี้ไม่ต้องห่วงเลยครับ เพราะเขามีโหมด Ultra-Low Latency มาให้ด้วย (เปิดได้จากแอปหรือสั่งงานผ่านปุ่มลัดที่หูฟัง) เมื่อเปิดใช้งานแล้ว จะทำให้ค่าดีเลย์เหลือแค่ 0.038s เท่านั้น เรียกว่าทันกับภาพเลยล่ะครับ เท่าที่ลองมา เล่นเกมยิง ๆ ที่เสียงมีความไวสูงก็บอกเลยว่าทันครับ ดีเลย์น้อยมาก เล่นเกมฟินเลยล่ะแบบนี้
เชื่อมต่อได้ 2 อุปกรณ์พร้อมกันด้วยนะ ใครที่มีหลายอุปกรณ์ก็สบายใจได้อีกแหละครับ เราสามารถเชื่อมต่อ Baseus Bowie H1i นี้กับอุปกรณ์ 2 ตัวพร้อมกันได้เลย และด้วยเทคโนโลยี Baseus Smart-Connect ก็ฉลาดพอให้สลับอุปกรณ์ได้อัตโนมัติด้วย ยกตัวอย่างเราดูคอนเทนต์บนคอมแล้วมีสายเรียกเข้าบนมือถือ (ที่เชื่อมกับหูฟังไว้) เมื่อเรากดรับสาย เสียงที่เคยเล่นคอนเทนต์บนคอมจะสลับมาเป็นสายโทรเข้าทันที
ปิดท้ายที่เรื่องแบตเตอรี่เนาะ Baseus Bowie H1i นั้นเคลมว่าสามารถใช้งานได้ต่อเนื่องนานถึง 100 ชม.กันเลยล่ะครับ ถือว่าทนมาก ๆ สายเดินทางหรือใครที่อยากใช้งานแบบต่อเนื่องโดยที่ไม่ต้องกังวลว่าต้องชาร์จบ่อย ๆ ถูกใจแน่นอน!
สรุป Baseus Bowie H1i
สรุปแล้ว Baseus Bowie H1i ก็เป็นหูฟังคุณภาพเยี่ยม ฟีเจอร์ครบ ที่ตอบโจทย์การใช้งานในชีวิตประจำวันจริง ๆ ครับ เพราะทั้งดีไซน์ที่สวย ทันสมัย น้ำหนัก ถูกใจวัยรุ่น ดูเข้ากันได้กับหลาย ๆ สถานการณ์ มีคุณภาพเสียงที่ดีด้วยไดรเวอร์ขนาด 40มม. รองรับ Hi-Res Audio มีระบบตัดเสียงรบกวน ANC มีโหมด Ultra-Low Latency เล่นเกมได้ แบตเตอรี่อึดใช้งานได้สูงสุดถึง 100 ชม.อีก ทั้งหมดนี้รวมอยู่ในหูฟังรุ่นนี้ที่มีราคาเพียง 2,199 บาท คุ้มยิ่งกว่าคุ้มแล้วจริง ๆ ครับ!
รีวิว Baseus Bass 15 Clip
มาต่อกันอีกรุ่นกับ Baseus Bass 15 Clip รุ่นนี้จะเป็นหูฟัง TWS ขนาดกะทัดรัดแบบ Open Ear ที่มีจุดเด่นด้านดีไซน์และความสะดวกสบายครับ ที่หน้ากล่องอวดดีไซน์หูฟังไว้ชัดเจนแบบนี้เลย
ส่วนอุปกรณ์ที่ให้มาในกล่องจะมี 4 อย่างดังนี้ครับ
- หูฟังพร้อมเคสชาร์จ Baseus Bass 15 Clip
- สายชาร์จ USB-A to C
- เอกสารคู่มือและใบรับประกัน
- สติกเกอร์ Baseus
ดีไซน์ Baseus Bass 15 Clip
เอาล่ะ มาชมดีไซน์ของ Baseus Bass 15 Clip รุ่นนี้กันเลยครับ ตัวเคสจะมาในทรงวงรีที่มีตัดเหลี่ยมบน-ล่างไว้เพื่อให้วางตั้งได้ วัสดุของเคสจะเป็นพลาสติกแบบด้านทำให้เราหยิบถือได้เป็นอย่างดี ไม่ต้องกลัวเรื่องเลอะคราบรอยนิ้วมือแบบผิวสัมผัสมันวาวเนาะ
ด้านบนของเคสชาร์จจะมีโลโก้ Baseus ที่เราว่าวางตำแหน่งได้ดี ไม่ดูยัดเยียดจนเกินไป
ส่วนด้านหลังจะมีพอร์ตชาร์จแบบ USB-C ครับ ซึ่งตรงนี้มีแฝงกิมมิคเป็นสีเหลืองที่เป็นสีของแบรนด์ Baseus ไว้ด้วยนะ
เมื่อเราเปิดเคสชาร์จขึ้นมาจะเห็นวง ๆ 2 วงของหูฟัง Over ear รูปทรง “หนีบ” ตามชื่อรุ่นที่มี “Clip” ตามท้ายนั่นเองครับ
ซึ่งตัวหูฟังทรงนี้ออกแบบมาเพื่อให้เราสวมใส่ได้สบาย เพราะจะไม่ได้ยัดเข้าไปในหูแบบหูฟัง EarBuds หรือ In-Ear เพียงแค่คล้องไปที่ใบหูก็พอครับ
ที่ตัวหูฟังจะมีส่วนที่เป็นลำโพงซึ่งเป็นฝั่งเดียวกับที่มีไฟสถานะอยู่นั่นเองครับ ส่วนอีกฝั่งจะมีตัวอักษร L กับ R เพื่อบ่งบอกข้างของหูฟัง
วิธีการใส่ Baseus Bass 15 Clip นี้ก็ให้เราเอาด้านลำโพงเข้าหูและให้ฝั่งที่ระบุตัวอักษร L R อยู่หลังหูครับ อาจจะปรับองศาเมื่อหนิบเข้ากับใบหูนิดหน่อย เพื่อให้มั่นคงและมอบเสียงที่ชัดเจนเนาะ
ด้านน้ำหนักของหูฟังทำได้ดีเลยครับเบาแค่ข้างละ 4.6 กรัม พอเป็นดีไซน์แบบนี้ที่ไม่ทำให้อึดอัด เราว่าสามารใส่ติดหูได้ตลอดทั้งวันแบบไม่รำคาญเลยล่ะ แถมตัวหูฟังยังมีมาตรฐานทนละอองน้ำ IPX4 อีกด้วย ใส่นาน ๆ เหงื่อออกมาก็ไม่ต้องกังวลนะจ๊ะ
โดยรวมในเรื่องดีไซน์ของ Baseus Bass 15 Clip ก็ถือว่าออกแบบมาได้ดีเลย เป็นหูฟังดีไซน์ Open Ear แบบหนีบที่เบาและเหมาะกับคนที่ไม่ชอบยัดอะไรเข้าไปในหู แถมสวมใส่สบาย ใส่นาน ๆ ไม่เจ็บหู ดูดีทั้งแนว Sport และแฟชั่นเลยล่ะ
การเชื่อมต่อและประสบการณ์การใช้งาน
ด้านการเชื่อมต่อก็เหมือนหูฟัง TWS ทั่วไปครับ แค่เปิดฝาเคส หยิบหูฟังออกมาก็พร้อมจับคู่ผ่านการตั้งค่า Bluetooth ได้เลย แถม Baseus Bass 15 Clip นี้ยังรองรับ Bluetooth 5.4 ตัวใหม่ด้วยนะ เสถียรและประหยัดพลังงาน
ในเรื่องคุณภาพเสียงของ Baseus Bass 15 Clip ได้ไดรเวอร์ขนาด 10มม.ถือว่าให้เสียงกลาง มีเบสบ้างเล็กน้อย ด้วยความที่เป็นทรงหูฟังแบบ Open Ear ก็อาจจะไม่ได้เสียงที่แน่นเต็มหูไปซะทั้งหมด เพราะอย่างที่บอกว่าข้อดีคือความสวมใส่สบายแบบไม่อึดอัดนี่เนาะ
แต่ถึงแม้ว่าจะเน้นสวมใส่สบาย แต่ในเรื่องความปลอดภัยก็ไม่ต้องกังวลว่าเสียงคอนเทนต์หรือสายสนทนาจะดังลั่นไปถึงคนรอบข้าง เพราะรุ่นนี้มีเทคโนโลยี Baseus Directional Acoustic ที่ส่งเสียงตรงเข้ากับหูของผู้ใส่ ไม่ดังออกไปกวนใจคนอื่นแน่นอน
ด้านการสนทนาก็จะมีระบบตัดเสียงรบกวนขณะโทรหรือ Dual-Mic ENC ที่ใช้ความสามารถของไมโครโฟนคู่ตัดเสียงรบกวนได้สูงสุด 3dB ให้เราได้สนทนากันอย่างคมชัดยิ่งขึ้นนั่นเองครับ
ปิดท้ายที่เรื่องแบตเตอรี่ Baseus Bass 15 Clip ก็สามารถใช้งานได้ยาวนานสูงสุด 30 ชม.เมื่อรวมกับเคสชาร์จ โดยตัวหูฟังเองสามารถใช้งานได้นานถึง 7 ชม.ต่อการชาร์จเต็ม 1 ครั้ง และตัวเคสก็ยังมีแบตเตอรี่มากพอคอยเต็มให้หูฟังอีกหลายรอบด้วยแหนะ
สรุป Baseus Bass 15 Clip
สรุปแล้ว Baseus Bass 15 Clip ก็เป็นอีกตัวเลือกหูฟังที่เหมาะกับสายใช้งานตลอดเวลาที่ต้องการความเบาและสบายหูเมื่อสวมใส่ เพราะด้วยดีไซน์แบบ Open Ear ที่ไม่ได้ยัดเข้าไปที่ตัวหูจริง ๆ แค่หนีบไว้ที่บริเวณใบหูเท่านั้น มีน้ำหนักที่เบาแค่ 4.6 กรัมต่อข้าง ด้านฟีเจอร์อื่น ๆ ก็มีมาเพียงพอต่อการใช้งาน คุณภาพการฟังเพลง กับสนทนาก็สมราคาด้วย อ๊ะ…เพราะรุ่นนี้เปิดราคามาเพียง 1,699 บาทเท่านั้นครับ!
ก็ถือว่าเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับคนที่กำลังมองหาหูฟังราคาเบา ๆ ไว้ใช้งานแบบคุ้มค่าเนาะ จริง ๆ แล้ว Baseus ยังมีหูฟังรวมถึงอุปกรณ์เสริมอีกมากมายวางจำหน่ายในบ้านเรา ตอนนี้ก็ทำตลาดในประเทศไทยเต็มตัวแล้วด้วย สินค้ามีรับประกันมาตรฐาน 12 เดือนและสูงสุด 24 เดือน เคลมง่าย เสียเปลี่ยนใหม่ ไม่ต้องซ่อมกันเลยล่ะครับ!
โดยสินค้าของ Baseus ตอนนี้ก็สามารถหาซื้อได้แล้วที่ช่องทางออนไลน์ผ่าน AIS Shop, dtac Shop, True Shop, Banana, BeBePhone, Jaymart, Power Mall, TG, Better Up, โคราชนวกิจคอมมูนิเคชั่น, JOE PHONE 555, Stamp และช่องทางออนไลน์กับ Lazada, Shopee, TikTok Shop ด้วย