ข่าวประชาสัมพันธ์
บรอดแบนด์ 5G ระบบ Fixed Wireless Access และ MiFi คืออะไร โดยมาร์ติน หลิน รองผู้จัดการทั่วไปหน่วยธุรกิจการสื่อสารไร้สายที่ 2 แห่ง MediaTek
เปิดตัว MediaTek T750 กลุ่มผลิตภัณฑ์บรอดแบนด์ 5G รุ่นใหม่ โดยแพลตฟอร์ม 5G ตัวนี้ออกแบบมาเพื่อใช้กับอุปกรณ์ CPE (Consumer Premise Equipment) ซึ่งสามารถส่งสัญญานแบบ Fixed Wireless Access (FWA) ในเกตเวย์หรือเราเตอร์ รวมถึงยังส่งสัญญานไปยังอุปกรณ์ Mobile Hotspot (MiFi) ได้อีกด้วย
แพลตฟอร์ม T750 สามารถรับการเชื่อมต่อข้อมูล 5G ระดับมัลติกิ้กกะบิทและแปลงสัญญานไปยัง Wi-Fi 6 ในท้องถิ่น อีกทั้งยังส่งสัญญานการเชื่อมต่อ Ethernet ได้เร็วถึง 2.5Gbps ไปได้สองช่องทางเพื่อการใช้งานที่บ้านหรือสำนักงาน
ในปัจจุบันอุปกรณ์สมาร์ทโฮมมีการเติบโตอย่างรวดเร็ว อีกทั้งขณะนี้ มีกลุ่มคนจำนวนมากกำลังทำงานจากที่บ้าน เรียนออนไลน์ และใช้บริการต่าง ๆ เช่น การให้บริการด้านสุขภาพทางไกล (Tele-health) และการประชุมออนไลน์ ต่างต้องการการเชื่อมต่อบรอดแบนด์ที่ฉับไวทั่วถึง มากกว่านั้นการเปิดตัวและการให้บริการ 5G ที่ครอบคลุมกำลังเพิ่มจำนวนมากขึ้นอย่างรวดเร็ว ในขณะเดียวกันอัตราเร็วการเติบโตของ 5G ก็ยังพุ่งทะยานเร็วกว่าสายไฟเบอร์และการให้บริการแบบมีสายระดับมัลติกิ้กกะบิทอื่น ๆ อีกด้วย ด้วยเหตุนี้ ระบบ 5G FWA จึงเป็นตัวเลือกที่น่าดึงดูดสำหรับหลาย ๆ คนนับตั้งแต่วันนี้และเรื่อยต่อไปในอีกทศวรรษหน้า
บริษัทวิเคราะห์ IDC คาดการณ์ว่า ตลาดเราเตอร์และเกตเวย์ 5G และที่ใช้การเชื่อมต่อแบบ LTE ทั่วโลกจะโตจากประมาณ 979 ล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 2562 ไปถึงแค่ต่ำกว่า 3 พันล้านเหรียญสหรัฐในปี 2567 ส่วนบริษัทวิจัย Counterpoint Research คาดว่าระบบ 5G Fixed Wireless Access จะเติบโตด้วยการมีผู้สมัครรับบริการจากจำนวน 10.3 ล้านคนในปี 2563 ไปถึงมากกว่า 450 ล้านคนในปี 2573
ระบบ 5G MiFi
ในขณะที่ระบบ 5G Mobile Hotspots (MiFi) สามารถพกพาใส่กระเป๋าไปได้โดยเป็นอุปกรณ์ที่ใช้พลังงานจากแบตเตอร์รีซึ่งผู้ใช้คนหนึ่งหรือมากกว่านั้นสามารถเข้าถึงอินเตอร์เน็ตที่มีความเร็วสูงมากด้วยวิธีการเปลี่ยนจากระบบบรอดแบนด์ 5G ไปสู่ระบบ Wi-Fi ในท้องถิ่น ด้วยเหตุนี้ ระบบเหล่านี้จึงมีประโยชน์ เพราะคุณสามารถพกพาออกไปที่ไหนก็ได้ เช่น การไปเที่ยวพักผ่อนของครอบครัว ใช้กับกลุ่มทัวร์ ใช้ปล่อยสัญญานอินเตอร์เน็ตภายในยานพาหนะ หรือจะนำไปใช้ทำงานที่ต่างประเทศก็ได้
MediaTek T750
แม้ว่าจะมีความแตกต่างระหว่างระบบ FWA และ MiFi อย่างเห็นได้ชัด MediaTek T750 ก็ยังเป็นแพลตฟอร์มที่มีขนาดกระทัดรัดมากและยังมีความอเนกประสงค์สูง ซึ่งสามารถใช้แพลตฟอร์มนี้ได้กับทั้งสองระบบ โดยวัตถุประสงค์ในการสร้างแพลตฟอร์มนี้ขึ้นมาก็เพื่อใช้กับข้อมูล อีกทั้งชิป 7nm ประหยัดพลังงานมากเพราะใช้เทคโนโลยี 5G UltraSave ของ MediaTek ซึ่งสามารถทำงานได้ทั้งวันจากพลังงานแบตเตอรี ดังนั้นคุณจะเห็นถึงความแตกต่างได้ทันทีเพราะเทคโนโลยีนี้พัฒนาล้ำหน้าเกินกว่าที่อุปกรณ์รุ่นก่อน ๆ จะสามารถทำได้
แพลตฟอร์ม MediaTek T750 เป็นชิปเซ็ตที่ครบครันซึ่งได้รวมระบบ SoC แบบ 7nm ที่มี 5G รุ่น MT6890 อีกทั้งตัวรับส่งสัญญาน (Transceiver) แบบ 12nm รุ่น MT6190 พร้อมด้วยระบบ ET GNSS และ PMICs เข้าไว้ด้วยกัน
โดยแพลตฟอร์ม MediaTek T750 (ระบบ SoC แบบ 7nm ที่มี 5G รุ่น MT6890) ยังมีคุณสมบัติเด่นดังต่อไปนี้
• Quad-core Arm Cortex-A55 ความถี่ 2GHz ทรงพลัง
• หน่วยความจำรุ่น LPDDR4X ความเร็วแรงขีดสุดที่อัตราเร็ว 4266Mbps
• ความเร็วดาวน์โหลดสูงถึง 4.7Gbps และอัปโหลด 2.3Gbps
• รองรับระบบโครงข่าย 5G Sub-6GHz แบบ Standalone และ Non-Standalone (SA/NSA) มากกว่านั้นยังรองรับมัลติโหมดตั้งแต่ 2G ถึง 5G แบบครอบคลุม
• การรวมคลื่นความถี่ (Carrier Aggregation) 2CC 5G (FR1) ทั้งโหมด FDD และ TDD
• รองรับการรวมคลื่นความถี่ (Carrier Aggregation) 4G LTE ได้ถึง 5CC
• หน่วยประมวลผลกราฟฟิกแบบฝังในอุปกรณ์และไดรเวอร์การแสดงผลเพื่อการแสดงผลความละเอียด HD ได้สูงถึง 720p
• อินเตอร์เฟส PCIe ทั้งสี่ตัวที่ทำให้สามารถเลือกใช้โมดุล Wi-Fi และบลูทูธได้ ซึ่งนั่นรวมถึงการรองรับ MediaTek MT7915 Wi-Fi 6 / บลูทูธ 5.x ได้
• อินเตอร์เฟส SGMII ความเร็ว 2.5Gbps ทั้งสองตัวที่เอื้อให้เกิดการใช้รูปแบบ LAN หลากหลาย
• อินเตอร์เฟส PCM สำหรับสายโทรศัพท์บ้านภายนอก
เขียนโดย คุณมาร์ติน หลิน รองผู้จัดการทั่วไปหน่วยธุรกิจการสื่อสารไร้สายที่ 2 แห่ง MediaTek