ข่าวประชาสัมพันธ์
ทำงานอย่างสนุกตัวปลิว.. ธุรกิจแล่นฉิวบนโลกออนไลน์ ทั้งที่บ้าน และ Co-Working Space
คุณเคยเบื่อไหม.. ที่จะต้องทำอะไรซ้ำๆในทุกวัน ตื่นนอนตอนเช้า นั่งรถหลายต่อ เพื่อเข้างานให้ทันเวลา นั่งประจำที่โต๊ะตัวเดิม กดๆ พิมพ์ๆ บนแป้นสีดำจนหมดเวลางาน แล้วก็ฝ่ารถติดเพื่อกลับบ้าน เพียงเท่านี้ก็แทบทำให้คุณหมดไฟในการทำงาน คุณรู้มั้ยว่าปัจจุบันเทรนด์การทำงานบนโต๊ะทำงานตัวเดิม บรรยากาศเดิมๆ กับอุปกรณ์การทำงานแบบเดิมที่ต้องลากสาย LAN สายโทรศัพท์ที่ยุ่งเหยิงในสถานที่ทำงานกำลังหมดไป?
ดูเหมือนจะมีคนบางกลุ่มเห็นช่องทางจากเทรนด์นี้ทำธุรกิจขายพื้นที่ พร้อมกับการให้บริการอินเทอร์เน็ต หรือเรียกว่า “Co-Working Space” เพื่อให้การทำงานเป็นไปอย่างมีชีวิตชีวา พบปะพูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับเพื่อนใหม่ๆ ขยายกรอบความคิดให้กว้างขึ้น เติมความต้องการที่สถานที่อย่าง ‘บ้าน’ และ ‘ออฟฟิศ’ ทั่วไปไม่สามารถให้ได้ ซึ่งเชื่อว่าจะสามารถตอบโจทย์ความต้องการทำงานของคนรุ่นใหม่ที่ “ไม่จำเป็นต้องทำงานยึดติดกับสถานที่” ได้ตรงจุดยิ่งขึ้น Co-Working Space เกิดมาเพื่อผลักดันไลฟ์สไตล์แบบ Mobility Work ให้ชัดเจนยิ่งขึ้น ในปัจจุบันกว่า 63% ของสถาบันธุรกิจขนาดใหญ่ต่างมองรูปแบบการทำงานลักษณะนี้เป็นโอกาสการทำเงินและการแข่งขันในตลาด และกว่า 71% ของนักธุรกิจเชื่อมั่นว่าควรให้ความสำคัญกับรูปแบบการทำงานเช่นนี้ (Business Plus, 2015) แต่คำถามสำคัญที่จะเกิดตามมาคือ จะทำอย่างไรให้การทำงานออนไลน์เป็นไปอย่างต่อเนื่อง และครอบคลุมทุกจุดการทำงาน เข้าถึงโลกโซเชียลออนได้อย่างไม่มีข้อจำกัด
ในเมื่อมีความต้องการการทำงานแบบ Mobility เพิ่มมากขึ้น ศักยภาพการให้บริการเพื่อการทำงานอย่างต่อเนื่อง และไม่สะดุดย่อมต้องเติบโตไปตามความต้องการ รูปแบบการใช้งานของอินเทอร์เน็ตสำหรับบ้านเรือนในปัจจุบันพัฒนาจากโฮมเน็ตเวิร์คสู่ระบบเน็ตเวิร์คแบบไร้สาย หรือที่เรียกว่าไวไฟ (Wi-Fi) 802.11 ส่วนสำคัญอยู่ที่ ไวร์เลส เราเตอร์ หรืออุปกรณ์ All-in-One เป็นอุปกรณ์ใช้เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต และแชร์การใช้งานผ่านสายแลนและไวร์เลสไปยังเครื่องคอมพิวเตอร์ แล็ปท็อป หรือสมาร์ทโฟน ปัจจุบันพัฒนาการของเทคโนโลยี Wireless LAN ได้พัฒนามาจนถึงความเร็วระดับกิกะบิต (1300Mbps) 802.11AC ซึ่งรองรับระบบงานได้อย่างหลากหลาย ด้วยความเร็วที่เพิ่มขึ้นส่งผลให้อุปกรณ์ไวร์เลส เราเตอร์ รองรับจำนวนอุปกรณ์ที่เข้ามาเชื่อมต่อได้มากขึ้นด้วย
แต่การกระจายสัญญาณของไวร์เลส เราเตอร์ในบ้านหลังใหญ่หรือในอาคารที่มีหลายชั้น อาจจะมีจุดบอดสัญญาณ (dead spot) เกิดขั้น หรือบางพื้นที่รับสัญญาณได้น้อยทำให้สัญญาณเน็ตมีโอกาสหน่วง และสัญญาณเน็ตไม่เสถียร เพื่อทำให้สัญญาณเน็ตใช้งานได้อย่างต่อเนื่องและมีเสถียรภาพแล้ว “ตัวกระจายสัญญาณ” หรือ “Range Extender” ดูจะเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ตอบโจทย์ได้อย่างดี โดยหลักก็คือการช่วยกระจายสัญญาณในพื้นที่ภายในบ้านหรือตัวอาคาร ด้วยการรับสัญญาณเน็ตจากไวร์เลส เราเตอร์ แล้วขยายสัญญาณส่งต่อออกไป เราต้องการขยายสัญญาณตรงจุดไหน ก็เพียงแค่เสียบ “ตัวกระจายสัญญาณ” กับปลั๊กตรงจุดนั้น ยิ่งกับพื้นที่เปิดโล่ง ประสิทธิภาพการกระจายสัญญาณจะยิ่งแรงขึ้น มอบประสบการณ์ออนไลน์อย่างต่อเนื่อง ทดแทนการโดนลดทอนสัญญาณที่ไม่อาจเลี่ยงได้ไปอีกระดับหนึ่ง ทำให้เราสามารถทำงานได้อย่างผ่อนคลายจากเทอเรสในสวนหน้าบ้าน หรือในสวนหย่อมของ Co-Working Space ที่ใดที่หนึ่ง ประชุมทางไกลผ่านวิดีโอคอลจากรูฟท็อปบนดาดฟ้า คอนเฟอเรนซ์คอลบนชิงช้าในสวนหลังบ้าน หรือผ่านบาร์เบียร์ใน Co-working Space อย่างไม่ติดขัด รองรับทุกดีไวซ์ได้อย่างสบาย ไม่สะดุด โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งเราเตอร์หลายตัว และการติดตั้งที่ยุ่งยากซ้ำซ้อน
หนุ่มสาว Gen Y กำลังปฏิวัติรูปแบบการทำงานแบบใหม่ สร้าง “ปรากฏการณ์การทำงานบนพื้นที่ใหม่ใจกลางกรุงที่แตกต่าง” ให้ธุรกิจไม่จำเป็นต้องจบบนออฟฟิศตึกสูงเท่านั้น แต่การพัฒนาธุรกิจนี้ให้เข้าตากลุ่มผู้บริโภคคงจะเติบโตและไปต่อไม่ได้ หากขาดการเชื่อมต่อบนโลกไร้สายที่มีประสิทธิภาพและต่อเนื่องตลอดการใช้งาน