ข่าวประชาสัมพันธ์
เดลล์ อีเอ็มซี จับมือ วีเอสที อีซีเอส (ประเทศไทย) รุกขยายธุรกิจ IoT เจาะตลาดทั้งในประเทศไทย และภูมิภาคอินโดจีน
เดลล์ อีเอ็มซี และบริษัทวีเอสที อีซีเอส (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศความร่วมมือเป็นพันธมิตร เพื่อเสริมความแข็งแกร่งในด้านความสามารถของทั้งสองบริษัทในการให้บริการโซลูชันโครงสร้างพื้นฐานทางด้านไอทีแบบครบวงจร เพื่อช่วยให้ลูกค้าสามารถระบุถึงเทคโนโลยีที่เหมาะสมและถูกต้องเพื่อเสริมความก้าวหน้าให้กับแนวคิดริเริ่มของบริษัททางด้าน IoT ความร่วมมือนี้ช่วยส่งเสริมความแข็งแกร่งของทั้งสองบริษัท ทั้งในส่วนของสายผลิตภัณฑ์ด้านอินฟราสตรัคเจอร์ที่ครบวงจร พร้อมทั้งความสามารถทางด้านระบบ IoT และระบบ embedded ที่ครอบคลุม ตั้งแต่อุปกรณ์ปลายทาง (Edge) ไปสู่ส่วนกลางที่เป็นดาต้าเซ็นเตอร์ (Core)และต่อไปยังคลาวด์ (cloud) พร้อมกับโซลูชันซอฟต์แวร์จากเครือข่ายบริษัทผู้พัฒนาซอฟต์แวร์อิสระ (ISVs) ของวีเอสที อีซีเอส (ประเทศไทย) เพื่อช่วยพัฒนา IoTโซลูชันนำเสนอโซลูชันได้ตามความต้องการเฉพาะด้านของผู้ประกอบการในแต่ละอุตสาหกรรม
ทั้งสองบริษัทจะทำงานร่วมกันเพื่อสนับสนุนโครงการ IoT ในประเทศไทย กัมพูชา ลาวและเมียนมาร์ นำเสนอโซลูชันและบริการด้านไอทีแบบครบวงจรให้กับลูกค้าในอุตสาหกรรมหลัก ได้แก่ อุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซ การผลิต การดูแลสุขภาพ การเกษตร และโครงการเมืองปลอดภัย (Safe City)
“โอกาสของธุรกิจ IoT ในประเทศไทยและอินโดจีนมีมหาศาล ทั้งโอกาสทางด้านการตลาดและในด้านการช่วยให้ลูกค้าสามารถปฎิรูปองค์กรในการดำเนินงาน”นายอโณทัย เวทยากร รองประธานบริหาร เดลล์ อีเอ็มซี ภูมิภาคอินโดจีน กล่าว “เพื่อช่วยให้องค์กรธุรกิจได้รับประโยชน์จาก IoT ได้อย่างเต็มที่ เราจึงร่วมมือกับวีเอสที อีซีเอส (ประเทศไทย) เพื่อช่วยให้ลูกค้าในอุตสาหกรรมสามารถใช้งานโซลูชัน IoT แบบครบวงจรได้ง่ายขึ้น ตั้งแต่อุปกรณ์ปลายทาง ไปจนถึงดาต้าเซ็นเตอร์ และคลาวด์ รวมทั้งประสบความสำเร็จในการก้าวสู่อนาคตดิจิทัลด้วย IoT”
ไอดีซีคาดว่าภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (ไม่รวมประเทศญี่ปุ่น) จะอยู่ในระดับแนวหน้าของ IoT ในตลาดซึ่งได้รับการประมาณการว่าจะมีการใช้จ่ายทั่วโลกถึง 1.4 ล้านล้านดอลลาร์ภายในปี 2564 ไอดี กล่าวว่าภูมิภาคนี้มีเส้นทางการพัฒนาด้าน IoT ที่ก้าวหน้ามากและจะกลายเป็นผู้นำด้านการลงทุนใน IoT ด้วยการใช้จ่ายที่คาดว่าจะสูงถึง 4.55 แสนล้านดอลลาร์ในปี 2564 ซึ่งเห็นได้ชัดเจนทั่วทุกตลาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดญี่ปุ่น จีน อินเดีย เกาหลี ออสเตรเลีย สิงคโปร์และไทย
เดลล์ อีเอ็มซีตระหนักในศักยภาพการเติบโตของตลาด IoT ในประเทศไทย และบริษัทประสบความสำเร็จในการทำงานร่วมกับลูกค้าเพื่อนำร่องโครงการริเริ่มIoT โครงการแสนสุข สมาร์ทซิตี้ (Saensuk Smart City) เป็นตัวอย่างการนำไปใช้งานของภาครัฐที่เดลล์ อีเอ็มซีช่วยผลักดันให้เกิดขึ้น โครงการนี้เป็นการใช้ระบบการติดตามตรวจสอบด้านการสาธารณสุขที่ชาญฉลาด โดยมีเป้าหมายเพื่อปรับปรุงคุณภาพในการดูแลสุขภาพประชากรสูงวัยในพื้นที่
“เรามุ่งมั่นที่จะช่วยลูกค้าสร้างโซลูชัน IoT ที่เหมาะสมเพื่อตอบสนองความต้องการทางธุรกิจที่มีลักษณะเฉพาะ” เออร์วิน เมเยอร์, ผู้จัดการทั่วไป ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและเอเชียใต้, เดลล์ อีเอ็มซี โออีเอ็มแอนด์ โซลูชัน IoT กล่าว “เราพร้อมให้ผลิตภัณฑ์และบริการทางด้าน IoT ที่ครอบคลุมที่สุดสำหรับอุตสาหกรรม โดยเรามีโซลูชันที่พร้อมตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในกว่า 40 อุตสาหกรรม ในกว่า 180 ประเทศทั่วโลก ทำให้เราเป็นพันธมิตรในอุดมคติที่สามารถจัดหาระบบโครงสร้างพื้นฐานตามความต้องการขององค์กรธุรกิจเพื่อให้ลูกค้าสามารถบรรลุถึงเป้าหมายได้ตามวิสัยทัศน์ที่วางไว้ โดยทั้งหมดมาจากเราเป็นหนึ่งเดียว เรามีความเชี่ยวชาญที่จะช่วยให้องค์กรธุรกิจสามารถออกแบบ ทดสอบ วางระบบเพื่อการใช้งาน และสนับสนุนแอปพลิเคชัน IoT เชิงพาณิชย์และเชิงอุตสาหกรรม”
นายสมศักดิ์ เพ็ชรทวีพรเดช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทวีเอสที อีซีเอส (ประเทศไทย) กล่าวว่า “ เรามีความยินดีอย่างยิ่งที่จะก้าวไปข้างหน้าเพื่อเปิดทางให้มีผู้จำหน่ายซอฟต์แวร์อิสระ (ISV) ที่มีเทคโนโลยี IoT บทบาทหลักของเราในฐานะผู้จัดจำหน่ายที่ช่วยเพิ่มมูลค่า (Value-Added Distributor) คือการสร้าง ขยาย และถ่ายทอดความรู้ไปยังคู่ค้าผ่านการสัมมนาและการฝึกอบรมด้านเทคโนโลยีใหม่ ๆ จากผู้ขายผลิตภัณฑ์ ขณะนี้มีการจัดตั้ง ISV ถึง 40 รายและแบ่งตามประเภทอุตสาหกรรม ได้แก่ อุตสาหกรรมการผลิต บ้านและสำนักงานอัจฉริยะ พลังงาน และน้ำมันและก๊าซ เมืองปลอดภัยและการดูแลสุขภาพ
“เราเชื่อมั่นในเดลล์ อีเอ็มซี และเชื่อมั่นในผลิตภัณฑ์ เทคโนโลยีและโครงสร้างพื้นฐานของเดลล์ อีเอ็มซี รวมกับประสบการณ์กว่า 30 ปีของเราในตลาดไอที เรามั่นใจว่าเครือข่ายพันธมิตรและลูกค้าของเราจะมีการตอบรับที่ดีกับความร่วมมือของเรากับเดลล์ อีเอ็มซีในครั้งนี้ เรามีทีมงาน IoT ผู้ทุ่มเท ซึ่งมีความพร้อมที่จะเข้าสู่ตลาดผ่านช่องทางการจัดจำหน่ายทางธุรกิจกว่า 5,000 ช่องทางทั่วประเทศไทย นอกจากนี้ เรายังคาดการณ์ถึงโอกาสทางธุรกิจในกัมพูชา ลาวและเมียนมาร์อีกด้วย” นายสมศักดิ์ กล่าวสรุป