Disney+ Hotstar ราคา ปี 2023 มีแพ็คเกจอะไรบ้าง และการคิดค่าบริการ

Disney+ Hotstar ราคา ปี 2023 ตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง รวมไปถึงมีแพ็คเกจอะไรบ้าง และการคิดค่าบริการในการสมัครสมาชิก วันนี้ทีมงาน iphone-droid.net จะพาไปอัปเดทข้อมูลใหม่ล่าสุด

Disney+ Hotstar คืออะไร

Disney+ Hotstar คือบริการสตรีมมิงภาพยนตร์และรายการทีวีที่เป็นศูนย์รวมความบันเทิงจาก Disney, Pixar, Marvel, Star Wars, National Geographic และ Star เรียกได้ว่าเป็นบริการที่ให้ผู้ใช้สามารถเพลิดเพลินไปกับรายการต่างๆ เช่น ภาพยนตร์ต้นฉบับ ซีรีส์ฉบับคนแสดงและแอนิเมชัน และสารคดีที่หลากหลาย รวมไปถึงภาพยนตร์แอนิเมชันที่ได้รับรางวัลอย่าง Encanto

คอนเทนท์ที่ได้รับความนิยม เช่น Loki S-2 ของ Marvel Studios, The Mandalorian และ Star Wars Visions Vol.2 จาก Lucasfilm และรายการทีวีเรียลลิตี้ The Kardashians นอกจากนั้นก็ยังมีรายการจาก STAR ซึ่งรวบรวมรายการจาก 20th Century Studios, Disney Television Studios, FX และ Searchlight Pictures เช่น American Born Chinese รวมถึงรายการต่างๆจากแถบเอเชีย เช่น SUGA: Road to D-DAY, j-hope IN THE BOX, Pandora: Beneath the Paradise, Call It Love, Gannibal, Yakuza Lover, The Files of Young Kindaichi และ Summer Time Rendering

---

Disney+ Hotstar ราคา ปี 2023 แพ็คเกจและการคิดค่าบริการ

ตั้งแต่วันที่ 29 มิถุนายน 2566 เป็นต้นไป Disney+ Hotstar จะมีแพ็กเกจหลัก 2 รายการ ได้แก่ แพ็กเกจมือถือ และ แพ็กเกจพรีเมียม ซึ่งทั้ง 2 แพ็กเกจนี้จะมาในรูปแบบรายเดือนและรายปี

• แพ็กเกจมือถือ: ราคา 99 บาทต่อเดือน
• แพ็กเกจมือถือ: ราคา 799 บาทต่อปี
• แพ็กเกจพรีเมียม: ราคา 289 บาทต่อเดือน
• แพ็กเกจพรีเมียม: ราคา 2,290 บาทต่อปี

ตั้งแต่วันที่ 29 มิถุนายน 2566 แพ็กเกจของสมาชิกปัจจุบันจะถูกเปลี่ยนชื่อเป็น พรีเมียมรายปี ที่ให้ฟีเจอร์ต่างๆ เช่น ดูพร้อมกันได้หลายจอ, สร้างโปรไฟล์ส่วนตัว, ดูผ่านทีวีซัมซุง สำหรับการต่ออายุสมาชิกในรอบบิลถัดไป ราคาแพ็กเกจจะอยู่ที่ 2,290 บาทต่อปี

หากทำการชำระค่าบริการสมาชิกผ่านบุคคลที่สาม การเรียกเก็บค่าบริการและการตั้งค่าบัญชี จะต้องดำเนินการผ่านช่องทางบุคคลที่สามเท่านั้น

	แพ็กเกจมือถือ	แพ็กเกจพรีเมียม
ค่าบริการราคารายเดือน*	99 บาท	289 บาท
ค่าบริการราคารายปี*	799 บาท	2,290 บาท
สามารถสตรีมได้ทุกเรื่อง	✓	✓
ดาวน์โหลดและดูแบบไม่ใช้อินเทอร์เน็ต(เฉพาะเนื้อหาบางเรื่องและดูบนมือถือเท่านั้น)	✓	✓
จำนวนโปรไฟล์ที่สร้างได้	สูงสุด 7 โปรไฟล์	สูงสุด 7 โปรไฟล์
จำนวนอุปกรณ์ที่สตรีมได้	1 หน้าจอ	4 หน้าจอ
สตรีมผ่าน Airplay หรือ การแคสต์	X	✓
ความคมชัดสูงสุด	สูงสุดระดับ HD (720p)	สูงสุด 4K Ultra HD (2160p)
คุณภาพเสียงสูงสุด	ระบบเสียงสเตอริโอ	Dolby 5.1, Dolby Atmos, Dolby Vision
อุปกรณ์ที่สามารถสตรีมได้	มือถือ และ แท็บเล็ต	มือถือ, แท็บเล็ต, แล็ปท็อป, ทีวี

เป็นอีกหนึ่งเรื่องสำคัญที่ผู้ใช้ควรทราบว่า Disney+ Hotstar นั้นรองรับการใช้งานบนอุปกรณ์ใดบ้าง เพื่อให้สามารถเลือกแพ็กเกจและใช้งานได้ตรงตามความต้องการ ดังนี้

แพ็กเกจมือถือ	แพ็กเกจพรีเมียม
รองรับบนโทรศัพท์มือถือและแท็บเล็ตเท่านั้น มือถือ Android 5.0 ขึ้นไป แท็บเล็ต Android 5.0 ขึ้นไป iOS 11.0 ขึ้นไป iPadOS 10.0 ขึ้นไป	รองรับบนโทรศัพท์มือถือและแท็บเล็ต มือถือ Android 5.0 ขึ้นไป แท็บเล็ต Android 5.0 ขึ้นไป iOS 11.0 ขึ้นไป iPadOS 10.0 ขึ้นไป เว็บบนมือถือ LG TV (web OS 4.0 หรือสูงกว่า ไม่รองรับ TV M3)
	เบราว์เซอร์บนคอมพิวเตอร์เดสก์ท็อปหรือแล็ปท็อป Chrome (เวอร์ชัน 75 ขึ้นไป) Safari (เวอร์ชัน 11 ขึ้นไป) Microsoft Edge (เวอร์ชัน 79 ขึ้นไป) Firefox
	อุปกรณ์เชื่อมต่อกับทีวี Android TV (OS 7.0 ขึ้นไป) Chromecast [Gen2 ขึ้นไป (Firmware 1.43 ขึ้นไป)] Apple tvOS 11 ขึ้นไป (Gen 4 ขึ้นไป) Samsung TV (รุ่นปี 2018 ระบบปฏิบัติการ Tizen) (ไม่รองรับเว็บเบราว์เซอร์บนทีวี)

จะเห็นว่าแพ็กเกจที่สามารถรับชมความละเอียดสูงสุด 4K Ultra HD ต้องเป็นสมาชิกแบบ แพ็กเกจ Disney+ Hotstar พรีเมียม เท่านั้น ซึ่งรองับการรับชมได้ทั้งบนมือถือ, แท็บเล็ต, แล็ปท็อป และทีวี

---

วิธีดาวน์โหลด เพื่อรับชมแบบออฟไลน์

ผู้ใช้สามารถดาวน์โหลดเนื้อหาส่วนใหญ่ลงบนอุปกรณ์มือถือและแท็บเล็ต iOS และ Android ได้ สามารถดูเนื้อหาที่ดาวน์โหลดได้โดยไม่ต้องเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต 

วิธีดาวน์โหลดบนแอป iOS

1. ไปที่ภาพยนตร์/ซีรีส์ที่ต้องการดาวน์โหลด
2. คลิกที่ตัวเลือก “ดาวน์โหลด” ใต้รูปขนาดย่อของภาพยนตร์/ซีรีส์ จากนั้นระบบจะเริ่มทำการดาวน์โหลด

สามารถตั้งค่าคุณภาพการดาวน์โหลดบนแอปพลิเคชัน iOS ได้ในครั้งเดียวโดยทำตามขั้นตอนดังนี้

1. คลิกที่เมนู 3 ขีดที่มุมซ้ายบนของแอปพลิเคชัน
2. คลิกที่ “การตั้งค่า”
3. คลิกที่ “คุณภาพการดาวน์โหลด” แล้วเลือกตัวเลือกใดตัวเลือกหนึ่งได้แก่ สูง กลาง ต่ำ

​เมื่อตั้งค่าสำเร็จ ระบบจะใช้ตัวเลือกนี้เป็นคุณภาพการดาวน์โหลดสำหรับทุกวิดีโอที่เลือกดาวน์โหลดในอนาคต

วิธีดาวน์โหลดบนแอป Android

1. ไปที่ภาพยนตร์/ซีรีส์ที่ต้องการดาวน์โหลด
2. คลิกที่ตัวเลือก “ดาวน์โหลด” ใต้รูปขนาดย่อของภาพยนตร์/ซีรีส์ จะเห็นตัวเลือกคุณภาพวิดีโอของการดาวน์โหลด
3. เลือกคุณภาพวิดีโอใดก็ได้ ได้แก่ สูง ต่ำ ปานกลาง จากนั้นระบบจะเริ่มทำการดาวน์โหลด

​หากเป็นผู้ใช้งานแอปในรูปแบบใหม่บนอุปกรณ์มือถือ โปรดทำตามขั้นตอนด้านล่างเพื่อดาวน์โหลดเนื้อหาในคุณภาพวิดีโอที่ต้องการและดูแบบไม่ใช้อินเทอร์เน็ต

1. ไปที่เนื้อหาที่ต้องการดาวน์โหลด
2. คลิก ’ลูกศร’ ซึ่งแสดงถึงตัวเลือกการดาวน์โหลดถัดจากรูปขนาดย่อของภาพยนตร์/ซีรีส์ จะเห็นตัวเลือกให้เลือกคุณภาพวิดีโอของการดาวน์โหลด
3. เลือก ‘คุณภาพวิดีโอ’ อย่างใดอย่างหนึ่ง – Full HD (1080p), HD (720p) หรือต่ำ (480p)

​เลือกตัวเลือก คุณภาพวิดีโอ อย่างใดอย่างหนึ่ง – HD 720p และ Low 480p (ผู้ใช้แพ็กเกจมือถือ) และตัวเลือก วิดีโอคุณภาพ FHD 1080p, HD 720p และ Low 480p สำหรับผู้ใช้แพ็กเกจพรีเมียม

​หากไม่เห็นตัวเลือก “ดาวน์โหลด” ข้างชื่อเรื่องที่ต้องการดาวน์โหลด แสดงว่าเรื่องนั้นยังไม่เปิดให้ทำการดาวน์โหลดได้ จำนวนภาพยนตร์/ซีรีส์ที่สามารถดาวน์โหลดได้และอุปกรณ์ที่สามารถใช้ดาวน์โหลดได้นั้นจะแตกต่างกันไปตามสิทธิ์ของภาพยนตร์/ซีรีส์แต่ละเรื่อง โดยจะเห็นข้อความแสดงข้อผิดพลาดเมื่อพยายามทำการดาวน์โหลดหากดาวน์โหลดเกินขีดจำกัด

---

วิธีเปลี่ยนแพ็คเกจ Disney+ Hotstar และการอัปเกรด

ผู้ใช้สามารถอัปเกรดจากแพ็กเกจมือถือรายเดือน แพ็กเกจมือถือรายปี แพ็กเกจพรีเมียมรายเดือน เป็นแพ็กเกจสมาชิกที่สูงขึ้นได้ โดยจะต้องชำระค่าบริการส่วนต่างระหว่างสองแพ็กเกจ

แพ็กเกจปัจจุบัน		อัปเกรดเป็น
	แพ็กเกจมือถือรายปี	แพ็กเกจพรีเมียมรายเดือน	แพ็กเกจพรีเมียมรายปี
แพ็กเกจมือถือรายเดือน	ได้	ได้	ได้
แพ็กเกจมือถือรายปี	ไม่ได้	ไม่ได้	ได้
แพ็กเกจพรีเมียมรายเดือน	ไม่ได้	ไม่ได้	ได้

วิธีอัปเกรดบนเดสก์ท็อปหรือเว็บเบราว์เซอร์

1. ลงชื่อเข้าใช้บัญชี Disney+ Hotstar ผ่านเดสก์ท็อปหรือเว็บเบราว์เซอร์
2. คลิกที่ ‘อัปเกรด’
3. จะเห็นส่วนต่างของจำนวนเงินที่จะต้องชำระสำหรับการอัปเกรด 
4. เลือกวิธีการชำระค่าบริการและทำตามขั้นตอนเพื่อชำระค่าบริการให้เสร็จสมบูรณ์

เมื่อชำระยอดส่วนต่างสำหรับการสมัครสมาชิกรายปีแล้ว แพ็กเกจใหม่จะเริ่มนับจาก วันที่เรียกเก็บเงินรายปีใหม่หรือวันที่ต่ออายุสมาชิกซึ่งจะอัปเดทให้สอดคล้องกับแพ็กเกจใหม่ของผู้ใช้งาน เช่น หากสมัครแพ็กเกจรายเดือนในวันที่ 1 มีนาคม 2566 และอัปเกรดเป็นแพ็กเกจรายปีในวันที่ 15 มีนาคม 2566 แพ็กเกจรายปีจะสิ้นสุดลงหรือต่ออายุในวันที่ 15 มีนาคม 2567

หากสมัครสมาชิกผ่าน Apple App Store จะต้องติดต่อฝ่ายบริการลูกค้าของ Apple โดยตรงเพื่ออัปเกรดแพ็กเกจของ

วิธีอัปเกรดบนแอป iOS

1. เปิดแอปฯ Disney+ Hotstar
2. คลิก ‘อัปเกรด’ 
3. ตรวจสอบส่วนต่างของจำนวนเงินที่จะต้องชำระเพิ่มสำหรับการอัปเกรด 
4. คลิก ‘ตกลงและดำเนินการต่อ’
5. หน้าชำระค่าบริการของ Apple App Store จะเปิดขึ้น ทำตามคำแนะนำและดำเนินการชำระค่าบริการให้เสร็จสิ้น

วิธีอัปเกรดบนแอป Android

1. เปิดแอปฯ Disney+ Hotstar
2. คลิก ‘อัปเกรด’
3. ตรวจสอบส่วนต่างของจำนวนเงินที่จะต้องชำระเพิ่มสำหรับการอัปเกรด
4. คลิก ‘ตกลงและดำเนินการต่อ’
5. หน้าชำระค่าบริการของ Google In-App Pay จะเปิดขึ้น ทำตามคำแนะนำและดำเนินการชำระค่าบริการให้เสร็จสิ้น

​สำหรับการอัปเกรดแพ็กเกจสมาชิกจะต้องชำระส่วนต่างเมื่ออัปเกรด และหลังจากนั้น วันที่ต่ออายุสมาชิกจะตรงกับวันที่อัปเกรด

​สำหรับการอัปเกรดผ่าน Apple App Store จะถูกเรียกเก็บเงินเต็มจำนวนเมื่อทำการชำระค่าบริการ และ Apple จะคืนเงินส่วนต่างให้โดยตรงตามกำหนดการคืนเงินของบริษัท หากชำระค่าบริการผ่าน Apple, Google หรือพันธมิตรอื่นๆ ขั้นตอนในการอัปเกรดอาจแตกต่างกันไป โปรดไปที่ศูนย์ช่วยเหลือของบริการชำระค่าบริการนั้นๆ หรือติดต่อบริการนั้นๆ เพื่อขอรับการสนับสนุนเพิ่มเติม

---

วิธีชำระค่าบริการ

สำหรับแพ็กเกจมือถือ และแพ็กเกจพรีเมียม สามารถชำระค่าบริการได้หลากหลายช่องทาง ดังนี้

• บัตรเครดิต: Visa, Mastercard, American Express
• บัตรเดบิต: Visa, Mastercard
• การเรียกเก็บเงินผ่านบิล: Apple App Store โดยตรง (ผ่านแอป iOS)
• ​การเรียกเก็บเงินผ่านบิล: Google In- App Store billing (สำหรับมือถือ Android เท่านั้น)

---

ทั้งหมดนี้ก็เป็นข้อมูล Disney+ Hotstar ราคา ปี 2023 แพ็คเกจ และการคิดค่าบริการ สำหรับใครที่ต้องการรับชมเนื้อหาที่หลากหลายทั้งซีรีส์และภาพยนตร์ ก็ลองเลือกแพ็คเกจที่ตอบโจทย์กันใช้งานกันดูนะครับ รายละเอียดเพิ่มเติมดูได้ที่นี่

อย่าลืมกดติดตามแฟนเพจ @iPhoneDroid.net และทวิตเตอร์ @iPhone_Droid จะได้ไม่พลาดข่าวสารดีๆ ด้วยนะครับ