Featured
รีวิว DJI OSMO Mobile อุปกรณ์กันสั่นสำหรับถ่ายวิดีโอด้วยสมาร์ทโฟน พร้อมระบบ ActiveTrack ติดตามวัตถุ
DJI OSMO Mobile เป็นอุปกรณ์กันสั่นสำหรับการถ่ายวิดีโอด้วยสมาร์ทโฟน พร้อมระบบติดตามวัตถุอย่างชาญฉลาดที่เรียกว่า ActiveTrack ซึ่งอุปกรณ์ชิ้นใหม่นี้ถูกออกแบบมาให้ใช้งานได้อย่างคล่องตัวร่วมกับสมาร์ทโฟนทุกรุ่นทั้ง iOS และ Android
สรุปสเปค OSMO Mobile
- ขนาดด้ามจับ 61.8×48.2×161.5 มม.
- ขนาด Gimbal 125.06×109.15×90.98 มม.
- ช่วงการสั่นสะเทือน ± 0.03 องศา
- เชื่อมต่อผ่าน Bluetooth 4.0 LE
- สำหรับน้ำหนักของของตัวของ OSMO Mobile รวมทั้งด้ามจับ แบตเตอรี่ และ Gimbal อยู่ที่ประมาณ 500 กรัม ซึ่งก็ไม่ได้หนักมากจนเกินไปสำหรับการใช้งานเมื่อถือในมือเดียว
- แบตเตอรี่ของ OSMO Mobile มีขนาด 980 mAh สามารถใช้งานได้ต่อเนื่องนานสูงสุด 4.5 ชั่วโมงต่อการชาร์จเต็ม และใช้เวลาในการชาร์จเต็มประมาณ 1 ชั่วโมง
เริ่มกันที่อุปกรณ์ที่มีมาในกล่องขาย ได้แก่ ตัว DJI OSMO Mobile, แบตเตอรี่, สายเคเบิลสำหรับชาร์จไฟ, สายคล้อง และกระเป๋าสำหรับพกพา
สำหรับการชาร์จไฟแบตเตอรี่สามารถเสียบเข้ากับช่องชาร์จที่ตัว DJI OSMO Mobile ได้เลย ไม่ต้องแกะถอดแบตเตอรี่ออกมาก็ได้ ซึ่งตรงนี้ก็ช่วยเพิ่มความสะดวกให้กับผู้ใช้งานที่อาจจะใช้งานไปด้วยและก็ชาร์จไฟไปพร้อม ๆ กันได้ด้วย เพราะจริง ๆ แล้วหากใช้ถ่ายวิดีโอนอกสถานที่ก็สามารถชาร์จไฟจากตัว Power Bank ได้
สำหรับการวางสมาร์ทโฟนให้เข้าล็อคกับที่วางบนตัว DJI OSMO Mobile ทำได้โดยการหมุนปรับตัวล็อคด้านหลัง (Holder Lock Knob) เพื่อยึดให้แน่นพอดีกับตัวสมาร์ทโฟน และไม่ต้องกังวลว่าตัวล็อคจะทำให้สมาร์ทโฟนเกิดรอย เพราะบริเวณตัวล็อคเป็นยางนิ่ม และสามารถวางสมาร์ทโฟนขณะใส่เคสอยู่ก็ได้
นอกจากนี้แล้วก็สามารถหมุนที่ตัว Balance Adjustment Knob เพื่อปรับขยายความกว้างของตัวแกนล็อคได้ เพื่อให้การวางสมาร์ทโฟนอยู่ในตำแหน่งที่สมดุล
เมื่อวางสมาร์ทโฟนเข้ากับตัวล็อคของ DJI OSMO Mobile เรียบร้อยแล้ว ให้ทำการหมุนคว่ำหน้าจอสมาร์ทโฟนลง แล้วกดปุ่มเปิดการทำงานของเจ้าตัว DJI OSMO Mobile เพื่อปรับตำแหน่งการใช้งานให้อยู่ในจุดที่สมดุลแบบอัตโนมัติ
DJI OSMO Mobile ทำงานร่วมกับสมาร์ทโฟนทุกรุ่นที่มีขนาดหน้าจอไม่เกิน 5.5 นิ้วทั้งระบบปฏิบัติการ iOS และ Android โดยเชื่อมต่อผ่าน Bluetooth และแอพพลิเคชั่น DJI GO ซึ่งดาวน์โหลดฟรีบน App Store และ Play Store
หลังจากติดตั้งแอพพลิเคชั่น DJI GO บนสมาร์ทโฟนเรียบร้อยแล้ว ให้เข้าในตัวแอพพลิเคชั่น DJI GO แล้วเลื่อนหน้าจอไปยังอุปกรณ์ที่ต้องการเชื่อมต่อ นั่นก็คือ OSMO Mobile จากนั้นก็กดเชื่อมต่อตามคำแนะนำบนหน้าจอได้เลย
ในหน้าจอหลักของตัวแอพพลิเคชั่น DJI GO ก็คือแอพกล้องถ่ายรูปดี ๆ นี่เอง ที่ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถปรับค่ากล้องต่าง ๆ ได้
โหมดการถ่ายวิดีโอที่มีมาให้ ได้แก่ โหมดมาตรฐานสำหรับการถ่ายวิดีโอทั่วไป, Slow Motion, Timelapse และ M-Timelapse หรือ Motion-Timelapse ซึ่งเป็นการถ่ายวิดีโอแบบเร่งความเร็วที่สามารถขยับแพนกล้องไปมาได้
สำหรับคุณภาพของวิดีโอที่ถ่ายออกมาจะขึ้นอยู่กับกล้องของตัวสมาร์ทโฟนเป็นหลัก เนื่องจากเป็นการใช้กล้องสมาร์ทโฟนในการบันทึกวิดีโอทั้งหมด โดยมีตัว OSMO Mobile ที่จะเข้ามาช่วยเสริมความเสถียรและป้องกันการสั่นไหวของวิดีโอ
โหมดการถ่ายภาพที่เลือกใช้งาน ได้แก่ โหมดถ่ายภาพเดี่ยวสำหรับถ่ายภาพทั่วไป และ Long Exposure ซึ่งใช้สำหรับการถ่ายภาพโดยการเปิดชัตเตอร์สปีดนาน ๆ เพื่อให้เห็นสิ่งที่ที่เคลื่อนไหวนั้น เช่น การถ่ายภาพแสงไฟท้ายรถ, การถ่ายภาพวิถีของดวงดาว เป็นต้น
OSMO Mobile สามารถถ่ายทอดสดวิดีโอหรือ Live ไปยัง WeiBo, YouTube และ RTMP (Real Time Messaging Protocol)
สำหรับการถ่ายทอดสดไปยัง Facebook ก็สามารถทำได้ปกติ แล้วใช้ตัว OSMO Mobile เข้ามาช่วยป้องกันการสั่นไหวของวิดีโอ โดยจะมีการอัปเดทซอฟแวร์ให้สามารถถ่ายทอดสดไปยัง Facebook ได้เลยในเร็ว ๆ นี้
ตัว OSMO Mobile ไม่ได้มีเพียงซอฟต์แวร์กล้อง แต่ยังมาพร้อมปุ่มควบคุมการทำงานด้วย ได้แก่
- Joystick : ปุ่มที่เห็นใหญ่ ๆ จะเป็นปุ่มเพื่อหมุนมุมกล้อง สามารถกดเลื่อนได้ 4 ทิศทาง ได้แก่ ขึ้น, ลง, ซ้าย และขวา
- Record Button : ปุ่มสีดำมีจุดแดงตรงกลาง เป็นปุ่มสำหรับกดบันทึกวิดีโอ
- Shutter Button : ปุ่มสีดำใหญ่ขึ้นมาหน่อย จะเป็นปุ่มสำหรับกดชัตเตอร์ถ่ายรูป
ด้านข้างขวาจะมีปุ่ม Power สำหรับปิด-เปิดการใช้งานตัว OSMO Mobile
ด้านข้างซ้ายจะมี Rosette Protection Cap เมื่อหมุนเปิดออกมาจะเอาไว้ใช้ร่วมกับอุปกรณ์เสริมต่าง ๆ
บริเวณด้านหลังด้านจับจะมีปุ่ม Trigger ที่ใช้งานได้ 3 ฟังก์ชั่น ได้แก่
- การกดปุ่มค้างเพื่อล็อกเป้าวัตถุ
- กดปุ่ม 2 ครั้งติดกัน เพื่อเคลื่อนกล้องกลับมาที่ตำแหน่งตั้งต้น
- กดปุ่ม 3 ครั้งติดกัน เพื่อสลับระหว่างกล้องหน้าและกล้องหลัง
มาถึงฟีเจอร์เด็ดของรุ่นนี้ก็คือ ActiveTrack ที่สามารถสั่งให้ตัวกล้องติดตามถ่ายวัตถุที่เคลื่อนไหวได้ทั้งกล้องหน้าและกล้องหลังแบบอัตโนมัติ ซึ่งฟีเจอร์นี้จะช่วยให้สามารถ Live สด ๆ ได้ด้วยตัวเองโดยไม่จำเป็นต้องมีคนมาคอยช่วยขยับกล้อง
การใช้งาน ActiveTrack ทำได้ง่าย ๆ โดยการลากตำแหน่งที่ต้องการล็อคเป้า จากนั้นกล้องก็จะติดตามวัตถุนั้นไปตลอดการบันทึกวิดีโอ ไม่ว่าวัตถุจะเคลื่อนที่ไปทิศทางใดก็ตาม กล้องก็จะหมุนตัวเองตามไปด้วย
ตัวอย่างวิดีโอ
สรุปจุดเด่นของ OSMO Mobile
- เป็นอุปกรณ์กันสั่นสำหรับการถ่ายวิดีโอที่ออกแบบมาให้ใช้งานร่วมกับสมาร์ทโฟนทุกรุ่นที่มีหน้าจอไม่เกิน 5.5 นิ้ว และการใช้งานไม่ยุ่งยาก เพียงมีสมาร์ทโฟนกับติดตั้งแอพพลิเคชั่น แล้วเชื่อมต่อผ่าน Bluetooth เท่านั้น
- ActiveTrack เป็นฟีเจอร์ที่เรียกได้ว่าเจ๋งมาก ๆ สำหรับการล็อคเป้าแล้วติดตามวัตถุที่กำลังเคลื่อนที่ เหมาะกับการล็อคหน้าคนแล้วให้กล้องติดตามไปเองโดยไม่ต้องมีคนคอยช่วยขยับหมุนกล้องให้ยุ่งยากและทำให้ไม่หลุดเฟรม เรียกได้ว่าอยู่คนเดียวก็ถ่ายทำวิดีโอทุกอย่างเองได้
- วิดีโอที่บันทึกออกมามีความสมูทมากกว่าการใช้มือเปล่าถือสมาร์ทโฟน
- แอพพลิเคชั่นออกมาแบบให้ใช้งานง่ายเหมือนแอพกล้องทั่วไป พร้อมโหมดถ่ายวิดีโอแบบ Slow Motion และ Timelapse อีกทั้งยังรองรับการ Live สด ๆ ด้วย
- ที่ด้ามจับของตัว OSMO Mobile มีปุ่มสำหรับสั่งงานครบ ไม่ว่าจะเป็นปุ่มหมุนกล้องไปตามทิศทางต่าง ๆ, ปุ่มสำหรับถ่ายวิดีโอ, ปุ่มถ่ายภาพ และปุ่มสลับกล้องหน้า-หลัง
DJI OSMO Mobile มีกำหนดการวางจำหน่ายในเดือนกันยายน ราคาอยู่ที่ 12,700 บาท สินค้ารับประกันนาน 1 ปี โดยมีช่างผู้เชี่ยวชาญที่รับการฝึกอบรมและได้ใบ Certificate จาก DJI เป็นผู้ให้บริการโดยตรง สามารถติดต่อสอบถามหรือทดลองใช้งานได้ที่ร้าน DJI by Phantom Thailand ชั้น 2 สยามดิสคัฟเวอรี ทุกวัน หรือโทร 062-594- 6441 และทางไลน์ @phantomthailand
ทั้งนี้จะมีกิจกรรมเปิดตัว DJI OSMO Mobile ในวันนี้ (11 กันยายน 2559) เวลา 13.30 น. ณ DJI by Phantom Thailand ชั้น 2 สยามดิสคัฟเวอรี่ (ใกล้ทางเชื่อมจากสยามเซ็นเตอร์
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.phantomthailand.com