Connect with us

ข่าวประชาสัมพันธ์

ดีแทค ร่วมกับ มูลนิธิแพธทูเฮลธ์ เปิดช่องทางให้คำปรึกษาออนไลน์ห้องแชท Stop bullying

Published

on

“ดีแทค” จับมือ “มูลนิธิแพธทูเฮลท์” (P2H) พัฒนาช่องทางให้คำปรึกษาออนไลน์ห้องแชท Stop bullyingไม่รังแกกัน งานวิจัยเผยเด็ก ม.ต้นเสี่ยงต่อการถูกกลั่นแกล้งทางโลกไซเบอร์มากที่สุด ชี้แนวโน้มและขนาดของปัญหาใหญ่เป็นอันดับต้นๆ ของโลก แนะเร่งให้ความรู้ ครอบครัวหมั่นเอาใจใส่

 

นางอรอุมา ฤกษ์พัฒนาพิพัฒน์ ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานสื่อสารองค์กรและการพัฒนาอย่างยั่งยืน บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ดีแทค กล่าวว่า ในฐานะผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต ดีแทคได้ตั้ง  4เป้าหมายหลักในการสร้างสภาพแวดล้อมทางอินเทอร์เน็ตที่ปลอดภัยต่อเด็กและเยาวชนไทย ได้แก่ 1. สร้างการรับรู้เกี่ยวกับปัญหาทางอินเทอร์เน็ตที่มีต่อเด็ก 2. ผสานเข้าไปกับผลิตภัณฑ์และบริการ 3. สร้างความร่วมมือทางอินเทอร์เน็ตเพื่อระบบนิเวศที่ดีขึ้น และ 4. ร่วมสร้างนโยบายและการกำกับที่ดีขึ้น

ซึ่งสอดคล้องกับร่างยุทธศาสตร์ 5 ประการในการส่งเสริมและปกป้องคุ้มครองเด็กและเยาวชนในการสื่อออนไลน์ของรัฐบาล ซึ่งได้รับทราบไปเมื่อวันที่ 6 มิถุนายน ที่ผ่านมา ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อให้สังคมไทยมีระบบและกลไกในการขับเคลื่อน ส่งเสริม และปกป้องคุ้มครองเด็กและเยาวชนให้รู้เท่าทันสื่อออนไลน์และใช้อย่างสร้างสรรค์ ซึ่งหนึ่งในยุทธศาสตร์คือ การจัดระบบปกป้องคุ้มครองและเยียวยาเด็กและเยาวชน เพื่อดูแลเกี่ยวกับการกลั่นแกล้งในโลกออนไลน์ (Cyberbullying) รวมทั้งควบคุมสื่อออนไลน์ที่ไม่เหมาะสมและเป็นอันตรายต่อเยาวชน ซึ่งมีแนวโน้มการบังคับใช้กฎหมาย ระเบียบที่เกี่ยวข้อง และมีบทลงโทษชัดเจน นับเป็นพัฒนาการอีกขั้นต่อการตระหนักถึงปัญหาที่เกี่ยวข้องกับเด็กและเยาวชนของไทย

“ความพยายามของดีแทคในการสร้างอินเทอร์เน็ตปลอดภัยเป็นหนึ่งในพันธสัญญาของดีแทค เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายในการลดความไม่เท่าเทียมกันในสังคม ตามกรอบการพัฒนาอย่างยั่งยืนของสหประชาชาติ (SDG10)” นางอรอุมา กล่าว

และในปีนี้ถือเป็นความก้าวหน้าอีกขั้นในการสานต่อพันธกิจด้านการต่อต้านการกลั่นแกล้งบนโลกออนไลน์ ดีแทคได้ร่วมมือกับมูลนิธิ Path2Health ในการพัฒนาระบบปรึกษาผ่านห้องแชท Stop Bullying โดยจะเปิดให้บริการในช่วงทดลองในวันที่ 16 มิถุนายนนี้  และคาดว่าจะเปิดให้บริการเต็มรูปแบบได้ในเดือนกุมภาพันธ์ 2561

 

นายธวัชชัย พาชื่น ผู้จัดการโครงการลดการรังแกกันผ่านทางแชท lovecarestation มูลนิธิ P2H กล่าวว่า โครงการStop Bullying: เลิฟแคร์ไม่รังแกกัน เป็นโครงการความร่วมมือระหว่างองค์การทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ(UNICEF) ดีแทคและมูลนิธิแพธทูเฮลธ์ เพื่อให้บริการปรึกษาผ่านห้องแชทออนไลน์ ในการลดการใช้ความรุนแรงและการรังแกกันในกลุ่มเยาวชน เพื่อช่วยเหลือเยาวชนที่กำลังเผชิญหรือได้รับผลกระทบจากการรังแกกันทั้งในโลกออนไลน์และออฟไลน์และที่เกิดขึ้นโดยตรงกับเยาวชนเองให้ได้รับข้อมูล แนวทางการจัดการและความช่วยเหลืออย่างเป็นมิตรจากเจ้าหน้าที่มูลนิธิ P2H ที่มีประสบการณ์ในการทำงานในเรื่องนี้

ทั้งนี้ ห้องแชทเลิฟแคร์ไม่รังแกกัน เป็นการต่อยอดจากโครงการไม่รังแกกัน โดยมีเป้าหมายเพื่อให้เด็กได้รับความคุ้มครองจากการรังแกกันในทุกรูปแบบ เพื่อทำให้โรงเรียนเป็นพื้นที่ปลอดภัยสำหรับเด็กทุกคน กล่าวคือ มาเรียนแล้วต้องมีความสุข รู้สึกอยากเรียน

 

สำหรับการใช้บริการเว็บไซต์ http://stopbullying.lovecarestation.com/ สามารถประเมินตัวเองได้ก่อนว่ารูปแบบไหนที่เข้าใจว่าถูกรังแก ไม่ว่าจะเป็นทางร่างกาย วาจาหรือออนไลน์ โดยมีทั้งข้อมูลและวิดีโอคลิปให้ศึกษา กระทู้ตั้งคำถามหรือแชร์ประสบการณ์ ตลอดจนการไลฟ์แชทในเรื่องการถูกกลั่นแกล้ง

“บางครั้งน้องๆ อาจจะต้องการเพียงแค่คนรับฟัง แต่หากต้องการความช่วยเหลือ เจ้าหน้าที่มูลนิธิฯ จะถามว่าเขาบอกใครแล้วหรือยัง  โดยจะช่วยประเมินสถานการณ์ในเบื้องต้น หรือหากอยากแชทกับเจ้าหน้าที่ก็สามารถอินบ็อกซ์มาคุยได้ จะมีเจ้าหน้าที่ประจำตั้งแต่เวลา 16.00-24.00 น. ซึ่งเราให้คำปรึกษาในเบื้องต้น หากเคลียร์ได้ก็จบ แต่หากเคลียร์ไม่ได้ อย่างเช่นเครียด อยากฆ่าตัวตาย หรือมีภาวะซึมเศร้า เราจะส่งต่อไปที่คลินิกวัยรุ่นของคณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี กับที่คอลเซ็นเตอร์ของสถาบันพัฒนาการเด็กราชนครินทร์ กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข” นายธวัชชัย กล่าว

 

ปัญหาขนาดใหญ่รั้งท็อปไฟว์ของโลก

ด้าน รศ.นพ.ชาญวิทย์ พรนภดล หัวหน้าสาขาวิชาจิตเวชเด็กและวัยรุ่น ภาควิชาจิตเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล เปิดเผยว่า จากผลการวิจัยขั้นต้น (preliminary) เรื่อง “ความชุกและปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการกลั่นแกล้งบนโลกไซเบอร์ ในระดับชั้น ม.1-3” โดยเป็นความร่วมมือในระดับนานาชาติ 14 ประเทศทั่วโลก ระบุว่า เด็กไทยเกือบ 80% มีประสบการณ์ถูกกลั่นแกล้งในชีวิตจริง โดย 66% ถูกแกล้งอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง และอีก 12% ที่ถูกแกล้งทุกวัน ขณะที่เด็กไทย 45% มีประสบการณ์เกี่ยวกับการกลั่นแกล้งทางโลกไซเบอร์อย่างน้อย 1 ครั้ง ซึ่งมากกว่าประเทศอย่างสหรัฐอเมริกา ยุโรป และญี่ปุ่นถึง 4 เท่า

โดยรูปแบบที่ถูกกระทำมากที่สุด คือ การโดนล้อเลียนและการถูกตั้งฉายาที่ 79.4% ตามด้วยถูกเพิกเฉย ไม่สนใจ 54.4%และคนอื่นไม่เคารพ 46.8% ตามด้วยการถูกปล่อยข่าวลือ การถูกนำรูปไปตัดต่อ ถูกข่มขู่ และการถูกทำให้หวาดกลัว ตามลำดับ ทั้งนี้ จากข้อมูลพบว่า คนที่เด็กจะไปปรึกษาด้วยมากที่สุดคือ เพื่อนถึง 89.2% ตามด้วยผู้ปกครอง 59% พี่น้อง 41.2%โดยครูเป็นลำดับสุดท้าย

นพ.ชาญวิทย์ กล่าวว่า จากข้อมูลข้างต้นสะท้อนได้ว่า “เพื่อน” เป็นกลุ่มที่มีอิทธิพลมากที่สุดต่อเด็กวัยรุ่นตอนต้น(early adolescence) อายุระหว่าง 13-15 ปี  โดยเฉพาะเด็กนักเรียนชั้น ม.ต้น ที่ต้องการการยอมรับจากกลุ่มเพื่อน (peer acceptance) และเริ่มออกห่างจากพ่อแม่ เมื่อเด็กถูกกลั่นแกล้งและไม่ได้รับการยอมรับจากเพื่อนฝูง เด็กจะมีอาการโดดเดี่ยว แยกตัวออกสังคม เริ่มไม่อยากไปโรงเรียน โดดเรียน หนีเรียน ขาดสมาธิ ผลการเรียนตกลง มีอาการซึมเศร้า ใช้สารเสพติด และอาจถึงขั้นทำร้ายตัวเองหรือฆ่าตัวตายได้ ดังเช่นที่เกิดขึ้นในสหรัฐอเมริกา ประเทศทางยุโรป และญี่ปุ่น ซึ่งมีอัตราการฆ่าตัวตายจากการกลั่นแกล้งทางโลกไซเบอร์เพิ่มขึ้น จนปัจจุบันมีการพัฒนาการถึงขั้นตราเป็นกฎหมาย

ทั้งนี้ เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นจากการกลั่นแกล้งทางโลกไซเบอร์ พ่อแม่ผู้ปกครองจึงควรให้การดูแลเอาใจใส่เด็กในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อเป็นพิเศษ โดยสังเกตจากอาการที่จะเกิดจากการถูกกลั่นแกล้ง เช่น อาการซึมเศร้า พูดน้อยลง แยกตัว เก็บตัว ผลการเรียนตก ไม่อยากไปโรงเรียน

“การถูกกลั่นแกล้งทางออนไลน์ร้ายแรงกว่าในรูปแบบในอดีตมาก เพราะ เมื่อเกิดขึ้นแล้วจะปรากฏอยู่นาน และสามารถแชร์การกลั่นแกล้งนี้ให้ขยายวงกว้างอย่างไรขีดจำกัดในเวลาอันรวดเร็ว” รศ.นพ.ชาญวิทย์ กล่าว

รศ.นพ.ชาญวิทย์ กล่าวเสริมว่า จากตัวเลขงานวิจัยพบว่า เด็กไทยยังไม่ตระหนักรู้ถึงพฤติกรรมเสี่ยงที่นำพาพวกเขาเข้าไปอยู่ในวงจรการการกลั่นแกล้งทางโลกไซเบอร์ โดยการตกเป็นเหยื่อและการเป็นผู้แกล้งเสียเอง ทั้งนี้ เป็นเพราะระดับความรุนแรงอาจยังไม่เท่าต่างประเทศที่ถึงขั้นฆ่าตัวตาย แต่กรณีเด็กไทยอาจเกิดอาการไม่สบายใจ เครียด วิตกกังวล ซึมเศร้า ไม่มาโรงเรียน แยกตัว เก็บตัว ซึ่งในผู้ใหญ่อาจไม่ได้มองว่าเป็นเรื่องสำคัญเท่าใดนัก

ทั้งนี้ เพื่อแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน สังคมควรตระหนักและสร้างวัฒนธรรมใหม่สังคมไทยให้เป็นสังคมที่ปราศจากการกลั่นแกล้งกัน ให้เกียรติและเคารพซึ่งกันและกัน นอกจากนี้ผู้ปกครองควรเสริมสร้างความรู้สึกมีคุณค่าในตัวเอง (self-esteem) ให้กับเด็ก ด้วยพลังแห่งความรัก ความอบอุ่นของครอบครัวนั้นเป็นปัจจัยสำคัญยิ่ง

Funtouch OS 15 All new features you need to know Funtouch OS 15 All new features you need to know
Android News13 ชั่วโมง ago

Funtouch OS 15 มีอะไรใหม่ ระบบปฏิบัติการอัปเกรดใหม่จาก vivo บน Android 15

ในยุคสมัยที่ผู้คนพึ่...

IT News1 วัน ago

AIS รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2567

AIS รายงานผลประกอบกา...

IT News1 วัน ago

สรุปข่าวรอบสัปดาห์ระหว่างวันที่ 26 ต.ค. – 1 พ.ย. 67

ข่าวเด่นช่วงระหว่างว...

HUAWEI MatePad Pro 12.2 Jubilee Diamond HUAWEI MatePad Pro 12.2 Jubilee Diamond
News1 วัน ago

กุญแจแห่งความสำเร็จ! เมื่อผู้บริหาร JUBILEE DIAMOND เลือก HUAWEI MatePad Pro 12.2 ตัวช่วยทำงานที่ครบครัน พร้อมมอบสิทธิพิเศษเครื่องประดับเพชรแท้ JUBILEE DIAMOND

ในโลกธุรกิจที่เปลี่ย...

News1 วัน ago

AIS eSports ปิดฉากทัวร์นาเมนต์อีสปอร์ต ระดับมัธยมศึกษาที่ใหญ่ที่สุดในไทย ปีที่ 4

AIS eSports ปิดฉากทั...

Infinix HOT 50 Pro+ Smartphone gaming Infinix HOT 50 Pro+ Smartphone gaming
Android News1 วัน ago

Infinix เปิดตัว HOT 50 Pro+ เกมมิ่งสมาร์ทโฟน 6,499 บาท

Infinix เปิดตัว HOT ...

Apple News1 วัน ago

ลือต่อ !! ชิปโมเด็ม 5G และ Wi-Fi บน iPhone รุ่นปี 2025 จะเป็นชิปแยก 2 ตัว

ไม่นานนี้มีข้อมูลจาก...

Samsung Galaxy Immersive Gardena Samsung Galaxy Immersive Gardena
News1 วัน ago

ครั้งแรก! ของการนำเสนอเทคโนโลยีล้ำสมัยจากซัมซุง SAMSUNG GALAXY IMMERSIVE GARDENA ในงานดอกไม้ประจำปี ที่เซ็นทรัลชิดลม วันนี้-15 พ.ย. 67

ซัมซุง ร่วมเฉลิมฉลอง...

Copyright © 2012 iphone-droid.net.

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ ดูเพิ่มเติมที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และจัดการได้ที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึก