IT News
Facebook แนะการใช้อินเตอร์เน็ตที่ปลอดภัยเนื่องในวัน Safer Internet Day
เนื่องในโอกาสวันแห่งการใช้งานอินเตอร์เน็ตที่ปลอดภัยยิ่งขึ้น หรือ Safer Internet Day ซึ่งมีขึ้นเพื่อรณรงค์การใช้อินเทอร์เน็ตและเทคโนโลยีไร้สายอย่างปลอดภัย แอนธิโกเน่ เดวิส ประธานฝ่ายความปลอดภัยแห่ง Facebook ได้แนะนำเคล็ดลับที่ช่วยให้ประสบการณ์ใช้งานอินเตอร์เน็ตนั้นปลอดภัยยิ่งขึ้น และควบคุมความเป็นส่วนตัวบนโลกออนไลน์ได้ดียิ่งขึ้น โดยมีเคล็ดลับ 5 ข้อสำหรับผู้ปกครอง และเคล็ดลับ 3 ข้อสำหรับวัยรุ่น
เคล็ดลับสำหรับผู้ปกครอง เนื่องในวันแห่งการใช้งานอินเทอร์เน็ตที่ปลอดภัยยิ่งขึ้น
วันที่ 9 กุมภาพันธ์ ถือเป็นวันที่กว่า 100 ประเทศทั่วโลกร่วมกันฉลองวันแห่งการใช้งานอินเทอร์เน็ตที่ปลอดภัยยิ่งขึ้น (Safer Internet Day) โดย Facebook ได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ นโยบาย และโปรแกรมการศึกษาเพื่อช่วยให้ผู้คนมีประสบการณ์ใช้งานที่ปลอดภัย
การสนทนาเรื่องความปลอดภัยที่สำคัญที่สุดนั้นควรเกิดขึ้นระหว่างพ่อแม่หรือผู้ปกครองกับบุตรหลานของตน แม้ว่าเทคโนโลยีจะเปลี่ยนแปลงวิธีการติดต่อสื่อสารระหว่างผู้คน แต่สำหรับครอบครัวแล้ว พื้นฐานของการพูดคุยกับเด็กๆ ในเรื่องความปลอดภัยนั้นยังคงเหมือนเดิม
ด้วยเหตุนี้ ลองศึกษาถึงเคล็ดลับในการดูแลบุตรหลานของคุณ ขณะที่ใช้งานช่องทางออนไลน์กัน
1) ใช้วิธีที่ได้ผล
โดยทั่วไป คุณสามารถใช้วิธีดูแลบุตรหลานแบบเดียวกันทั้งในโลกออฟไลน์และออนไลน์ หากคุณคิดว่าพวกเขายอมทำตามข้อตกลงที่มีการตกลงกันไว้ก่อนมากกว่า ก็ให้ร่างสัญญาที่ทั้งสองฝ่ายลงนามได้ หรือไม่เช่นนั้น แค่บอกกฎทั่วไปให้บุตรหลานทราบก็อาจเพียงพอแล้ว ในกรณีนี้ คุณอาจตั้งกฎไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ เมื่อซื้ออุปกรณ์เคลื่อนที่ให้พวกเขาครั้งแรก
2) คำกล่าวที่ว่าบุตรหลานจะ “ทำตามสิ่งที่คุณทำ ไม่ใช่สิ่งที่คุณบอก” นั้นเป็นความจริงทั้งกับพฤติกรรมแบบออฟไลน์และออนไลน์
พยายามเป็นแบบอย่างที่ดี หากคุณจำกัดเวลาการใช้งานสื่อโซเชียลหรืออินเทอร์เน็ตกับบุตรหลาน (เช่น ห้ามส่งข้อความหลังสี่ทุ่ม) การที่คุณปฏิบัติตามข้อจำกัดนั้นด้วยจะสร้างความแตกต่างได้อย่างมาก หากต้องการให้พวกเขาใช้งานออนไลน์อย่างสุภาพ คุณควรส่งข้อความหาพวกเขาด้วยความสุภาพและให้เกียรติด้วยเช่นกัน
3) มีส่วนร่วมตั้งแต่ต้นและสร้างพื้นฐานในการพูดคุย
มีข้อมูลวิจัยที่สนับสนุนว่าผู้ปกครองควรมีส่วนร่วมกับบุตรหลานในโลกออนไลน์ตั้งแต่ช่วงแรกที่บุตรหลานเริ่มใช้สื่อ โซเชียล โดยเพิ่มพวกเขาเป็นเพื่อน ตั้งแต่ที่สมัครใช้ Facebook หรือติดตามพวกเขาในInstagram หากรอให้เวลาผ่านไป คุณอาจมีส่วนร่วมได้ยากขึ้น แม้จะไม่ใช่เรื่องใหม่แล้ว แต่โปรดทราบว่าหากคุณมีการอบรมและพูดคุยกับพวกเขาตั้งแต่เด็กอยู่เป็นประจำ ก็ควรอบรมพูดคุยเรื่องการใช้งานออนไลน์ตั้งแต่เนิ่นๆ ด้วยเช่นกัน และควรจะสอนพวกเขาเรื่องเทคโนโลยีพื้นฐานในภาพรวมก่อนที่จะใช้สื่อโซเชียลด้วย เพราะจะช่วยวางรากฐานในการพูดคุยในอนาคตได้
4) หาช่วงเวลาที่สำคัญ
การพูดคุยลักษณะนี้สามารถทำได้อย่างเหมาะสมในหลายโอกาส เช่น เมื่อบุตรหลานมีโทรศัพท์มือถือเครื่องแรก (เหมาะแก่การตั้งกฎทั่วไป) หรือเมื่อพวกเขามีอายุ 13 ปีและถึงวัยที่สามารถใช้ Facebook, Instagram หรือสื่อโซเชียลอื่นๆ ได้แล้ว หรือเมื่อพวกเขาสอบได้ใบขับขี่ (เหมาะแก่การอบรมเรื่องการไม่ส่งข้อความหรือแชทขณะขับขี่)
5) ขอให้บุตรหลานสอนคุณ
หากคุณไม่ได้ใช้ Instagram ในตอนนี้ หรืออยากลองใช้บริการสตรีมมิ่งเพลงออนไลน์ดูบ้าง ถ้าบุตรหลานคุ้นเคยกับบริการประเภทนี้อยู่แล้ว นี่คือตัวช่วยที่ดีเยี่ยมสำหรับคุณ การพูดคุยกันในเรื่องนี้อาจเป็นโอกาสที่ดีในการพูดคุยเรื่องความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวได้ เช่น คุณอาจถามพวกเขาเรื่องการตั้งค่าความเป็นส่วนตัวขณะตั้งบัญชีผู้ใช้ Facebook ของคุณเอง และอย่างที่ผู้ปกครองส่วนใหญ่ทราบดีอยู่แล้ว บุตรหลานของคุณคงดีใจที่ได้มีโอกาสสอนคุณใช้งาน
เคล็ดลับต่างๆ ที่ยกมานี้เป็นเพียงตัวอย่างเริ่มต้นเท่านั้นและอาจจะไม่ตรงกับครอบครัวของคุณเสียทีเดียว แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการเริ่มพูดคุยกันในครอบครัว
เคล็ดลับสำหรับวัยรุ่น เนื่องในวันแห่งการใช้งานอินเทอร์เน็ตที่ปลอดภัยยิ่งขึ้น
1) คิดก่อนโพสต์
เราอาจอยู่ในช่วงอารมณ์ที่อยากเขียนหรือทำอะไรที่ดูตลกขบขันในตอนนั้น แต่อย่าลืมว่าสิ่งที่เราแสดงออกไปอาจทำร้ายจิตใจคนอื่นอย่างมาก หรือกลับมาหลอกหลอนเราในภายหลังได้
เราได้จัดทำคำถามที่ช่วยเตือนสติคุณให้พิจารณาก่อนทำการโพสต์ เช่น ฉันอยากให้ทุกคนมองฉันในแง่นี้หรือเปล่า? จะมีใครนำสิ่งที่ฉันโพสต์มาทำร้ายฉันหรือทำลายชื่อเสียงของฉันหรือไม่? ถ้าคนอื่นเอาไปแชร์ต่อ ฉันจะ โมโหไหม? ถ้าฉันแชร์เรื่องนี้ออกไป สิ่งที่แย่ที่สุดที่อาจเกิดขึ้นจะมีอะไรบ้าง?
และอย่าลืมว่าข้อมูลทุกอย่างที่คุณโพสท์ ไม่ว่าจะเป็นความคิดเห็น บันทึก หรือวิดีโอ แชท อาจมีคนอื่นนำไปแชร์โดยที่เราไม่ได้ตั้งใจให้เป็นเช่นนั้น ถามตัวเองก่อนโพสต์ว่า ถ้ามีคนแชร์เนื้อหานี้ไปทั่วโรงเรียนหรือกับบริษัทที่จะจ้างงานฉันในอนาคต ฉันจะรับได้ไหม?
แน่นอนว่าเราทุกคนทำผิดพลาดได้ หากคิดว่าคุณไม่น่าพูดหรือกระทำอะไรบางอย่างลงไป ไม่เคยมีคำว่าสายที่จะกล่าวขอโทษ
2) รู้ก่อนว่าคุณกำลังสื่อสารกับใคร
ทุกครั้งที่คุณแชร์เนื้อหาใดๆ บน Facebook ไม่ว่าจะเป็นโพสต์ ภาพถ่าย หรือลิงก์ก็ตาม คุณสามารถเลือกได้ว่าจะให้ใครเห็นเนื้อหานั้นบ้าง และยังเลือกว่าจะรับใครเป็นเพื่อนบน Facebook ได้ด้วย ดังนั้น คุณควรรับคำขอเป็นเพื่อนจากบุคคลที่คุณรู้จักเท่านั้น หากคุณเคยได้รับข้อความหรือโพสต์ที่ทำร้ายจิตใจ หรือไม่เหมาะสมบนโปรไฟล์ คุณมีตัวเลือกในการดำเนินการหลายอย่าง คุณอาจเลือกไม่ใส่ใจ ขอให้บุคคลนั้นหยุดทำ เลิกเป็นเพื่อน หรือบล็อกบุคคลนั้น หรือบอกพ่อแม่ ครู ครูที่ปรึกษา หรือผู้ใหญ่ที่คุณไว้ใจได้ ขึ้นอยู่กับว่าเหตุการณ์นั้นรุนแรงแค่ไหน ทุกคนสมควรได้รับการปฏิบัติอย่างให้เกียรติ
3) ทำหน้าที่ที่ควรทำ
คุณสามารถรายงานเนื้อหาที่ไม่เหมาะสมใน Facebook ได้เสมอ ไม่ว่าจะเป็นหน้าโปรไฟล์ของคุณหรือหน้าโปรไฟล์ของคนอื่น ทุกๆ คนที่ใช้ Facebook ได้ตกลงปฏิบัติตามมาตรฐานชุมชน ซึ่งกำหนดไว้ว่ามีโพสท์ประเภทใดที่เรายอมรับและไม่ยอมรับบ้าง เช่น ถ้อยคำแสดงความเกลียดชัง ภาพความรุนแรงน่าหวาดเสียว และการกลั่นแกล้ง เนื้อหาเหล่านี้ไม่ได้รับอนุญาตให้โพสต์ใน Facebook และเราจะลบเนื้อหาประเภทนี้ออกเมื่อได้รับรายงานแจ้งเข้ามา นอกจากนี้คุณยังสามารถรายงานเพจ กลุ่ม งานกิจกรรม และโปรไฟล์ที่ปลอมหรือแอบอ้างบุคคลได้อีกด้วย (โปรดทราบว่าเราเก็บการรายงานเนื้อหาเป็นความลับ ดังนั้นจะไม่มีใครทราบว่าผู้ใดเป็นผู้รายงาน)
ข้อที่ยกมาข้างต้นนี้เป็นเพียงตัวอย่างเริ่มต้นเท่านั้น Facebook จะเป็นชุมชนที่น่าอยู่ ก็ต่อเมื่อมีกฎและแหล่งข้อมูลที่ช่วยให้ผู้ใช้ของเราปลอดภัย ดังนั้น เราจึงมุ่งมั่นทุ่มเทในการจัดหาเครื่องมือที่จำเป็นให้แก่ชุมชนFacebook เพื่อสร้างประสบการณ์การใช้งานที่ปลอดภัยและให้การสนับสนุนแก่สมาชิก นอกจากนี้ ชุมชนของเรายังขอให้สมาชิกในชุมชนช่วยกันดูแลและปฏิบัติตนด้วยความรับผิดชอบ สำหรับเดือนนี้ เราจึงขอให้ทุกคนลองคิดทบทวนว่าจะปฏิบัติอย่างไรเพื่อเป็นสมาชิกที่ดีขึ้นใน Facebook ต่อไปในอนาคต