รีวิว Fitbit Luxe อุปกรณ์ติดตามการออกกำลังกายและสุขภาพ ขนาดเล็ก ดีไซน์พรีเมี่ยม เพียง 4,990 บาท

รีวิว Fitbit Luxe นาฬิกาสำหรับคนรักสุขภาพพร้อมดีไซน์ที่ดูหรูหราและดูเสมือนเครื่องประดับไปในตัว ทั้งยังมีฟีเจอร์เพื่อรองรับการใช้งานในชีวิตประจำวันเพียบ ซึ่งแต่ละอย่างจะเป็นอย่างไร มาดูกับรีวิวจากทีมงาน iphone-droid.net กันเลยครับ

สรุปสเปค Fitbit Luxe

• ขนาดตัวเครื่อง : 36.3 x 17.6 x 10 มม.
• หน้าจอแสดงผล AMOLED ขนาด 0.76 นิ้ว ความละเอียด 206 x 124 พิกเซล, 326 PPI
• ระบบเซ็นเซอร์
  • ระบบเซ็นเซอร์ตรวจวัดการเร่งความเร็ว 3-axis acceleration Sensor
  • ระบบเซ็นเซอร์ตรวจวัดอัตราการเต้นของหัวใจ
  • ระบบวัดค่าออกซิเจนในเลือด
  • มอเตอร์สั่น
• ระบบการเชื่อมต่อ Bluetooth LE
• แบตเตอรี่ชนิด Lithium-polymer ใช้งานได้นานสูงสุด 5 วัน

แกะกล่อง Fitbit Luxe

สำหรับอุปกรณ์ในกล่องของ Fitbit Luxe จะมีเพียงตัวเรือนพร้อมสายขนาด S, แท่นชาร์จ หัว USB Type-A และสายรัดขนาด L มาให้สำหรับผู้ชายที่มีข้อมือใหญ่ครับ

ดีไซน์สุดพรีเมี่ยม

ในเรื่องของดีไซน์ของ Fitbit Luxe บอกเลยว่าทำออกมาได้ดูพรีเมี่ยมากๆ ด้วยวัสดุของตัวเรือนแบบ Stainless Steel มีความเงางาม และป้องกันร้อยขีดข่วนหรือรอยนิ้วมือได้ดีเลยทีเดียวครับ

ส่วนขนาดตัวเรือนก็มาแบบกะทัดรัดเพื่อเน้นการใช้งานทั่วไป ใส่ได้สบายมากและไม่รู้สุกจนเกินไป

ส่วนตัวสายจะมีหลักๆ 2 ขนาดที่แถมมาให้ในกล่องเป็นไซส์ S และ L ครับ ซึ่งใส่ได้ขนาดมือผู้ชายได้สบายๆ

โดยวิธีการเปลี่ยนก็ให้ดันตัวล็อคที่อยู่หลังตัวเรือนออกมา สายก็จะหลุดออกมาให้ทันทีครับ และเวลาใส่ก็ให้ได้ยินเสียงตัวล็อคอีกหนึ่งรอบ

หน้าจอแสดงผลของ Fitbit Luxe มาเป็นแบบ AMOLED ที่สีสันคมชัดมาก และแม้ว่าขนาดจออาจจะเล็กแต่ความคมชัดของหน้าจอที่มี 326 PPI ทำให้เราไม่ต้องเพ่งมองใกล้ๆ ด้วย

รวมไปถึงความไหลลื่นของหน้าจอก็ตอบสนองได้ไวสุดๆ ครับ

สำหรับดีไซน์ตัวเรือน จะไม่มีปุ่มอะไรรอบข้างเลยครับ จะมีเพียงด้านหลังที่มีเซ็นเซอร์ต่างๆ อยู่ตรงกลาง และแม่เหล็กสำหรับชาร์จเท่านั้น

นอกจากนี้ ยังดีไซน์มาให้ป้องกันกันน้ำได้ลึกสุดถึง 50 เมตร ดังนั้นใครที่ใช้งานเพื่อว่ายน้ำหรือใช้ตอนอาบน้ำก็ทำได้สบายๆ หายห่วง

วิธีเชื่อมต่อ

เมื่อทำการชาร์จตัวเรือนก็จะเป็นการเปิดเครื่องทันทีครับ และถ้ามีสมาร์ทโฟน Android 8.0 หรือสูงกว่าอยู่ใกล้ๆ ก็จะปรากฏแถบขึ้นมาให้เชื่อมต่อกันที เพราะมี Google Fast Pair มาให้ในตัว ซึ่งต้องดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่น Fitbit มาไว้ก่อนครับ ส่วนใครที่ใช้ iOS ก็สามารถเชื่อมต่อได้เช่นกัน แต่ต้องใช้ iOS 13.3 ขึ้นไปเท่านั้น

หน้าปัดมีให้เลือกเพียบ

เมื่อเชื่อมต่อเสร็จแล้ว เราก็สามารถปรับแต่ง Fitbit Luxe ได้ตามใจชอบเลยครับ เริ่มตั้งแต่หน้าปัดที่มีให้เลือกหลาย 10 แบบ ส่วนใหญ่จะเป็นแบบนาฬิหาดิลิทัลครับ และแต่ละหน้าปัดก็สามารถปรับแต่งได้ว่าจะแสดงผลข้อมูลอะไรบ้าง

ฟีเจอร์ด้านสุขภาพ

สำหรับฟีเจอร์ด้านสุขภาพก็จัดมาให้ครบเลยทีเดียวครับ ซึ่งสามารถตรวจสอบได้ที่แอป Fitbit ซึ่งจะมีตั้งแต่การวัดอัตราการเต้นของหัวใจที่วัดตลอด 24 ชั่วโมง

ซึ่งภายในแอปเราสามารถตั้งค่าได้ว่าจะให้แจ้งเตือนความผิดปกติเมื่อหัวใจเต้นเร็วเกินไปที่กี่ bpm และต่ำไปที่กี่ bpm ครับ

ตรวจวัดคุณภาพการนอน

การตรวจวัดคุณภาพการนอนก็มีมาให้เช่นกัน โดยในตัวเรือจะบอกระยะของการนอนทั้งหมด ส่วนในแอปพลิเคชั่นจะมีการบอกรายละเอียดช่วงระยะของการนอนได้ 4 ระยะ ได้แก่ REM (หลับฝัน), หลับตื้น, หลับลึก และตื่น ซึ่งจะมีคะแนนรวมของคุณภาพการนอนให้เราได้รู้สุขภาพตัวเองด้วยครับ

ทั้งนี้ ระหว่างการนอนจะมีการตรวจจับอัตราการหายใจ (Breathing Rate: BR) ให้ด้วยว่าใน 1 นาทีเราหายใจทั้งหมดกี่รอบและสม่ำเสมอหรือไม่, Heart Rate Variability หรือความแปรผันของหัวใจ และอัตราการเต้นของหัวใจขณะพัก (RHR)

รวมถึงยังมีการวัดอุณหภูมิผิวหนังว่าระหว่างการนอนอยู่ที่กี่องศาอีกด้วย แต่ต้องใช้นานเป็นเวลา 3 คืนครับ

ฟีเจอร์สุขภาพอื่นๆ

วัดความเครียด

สำหรับใครที่ซื้อ Fitbit Luxe จะได้รับสิทธิ Fitbit Premium นานถึง 6 เดือน เพื่อใช้งานการวิเคราะห์ความเครียดและมีรายละเอียดที่บอกมากขึ้นด้วยครับ โดยการวิเคราะห์นี้จะต้องใส่ Fitbit Luxe ไปเรื่อยๆ เพื่อให้ค่าต่างๆ ทำการประมวลผลครับ

เตรียมอัปเดทการวัดค่าออกซิเจนในเลือด (SpO2) เร็วๆ นี้

จริงๆ Fitbit Luxe สามารถวัดค่า SpO2 ได้เช่นกันครับ แต่ต้องรออัปเดทเฟิร์มแวร์เร็วๆ นี้

โหมดออกกำลังกายหลักๆ ถึง 6 กีฬา

ใครที่เป้นสายออกำลังกาย สามารถเลือกโหมดชนิดกีฬาได้ 6 ชนิด ได้แก่ เดิน, วิ่ง, ปั่นจักรยาน, ว่ายน้ำ, ฟิตเนส และวิ่งบนลู่วิ่ง เมื่อเราเลือกกีฬาได้แล้วก็จะมีการบอกอัตราการเต้นของหัวใจ, แคลเลอรี่ที่เผาผลาญได้ และสามารถตั้งเป้ามหายได้เช่นกันครับ

เมื่อเราออกกำลังกายเสร็จแล้วก็จะมีการสรุปเวลา, และข้อมูลต่างๆ ข้างต้นที่ตรวจจับมาให้เราอีกครั้งหนึ่ง

ตรวจจับการออกกำลังกายตลอดวัน

ส่วนใครที่ไม่ได้ออกกำลังกายจริงจัง Fitbit Luxe จะมีการตรวจจับก้าวเดิน, ระยะทางการเดิน และแคลเลอรี่ที่เผาผลาญได้โดยอัตโนมัติอยู่แล้วครับ

แจ้งเตือนข้อความและการโทรได้

หากสมาร์ทโฟนที่เราเชื่อมต่อไว้อยู่ในระยะใกล้ๆ ไม่เกิน 30 เมตร ก็จะมีการแจ้งเตือนการโทร, ข้อความ หรือแอปพลิเคชั่นที่สำคัญๆ ขึ้นมาใน Fitbit Luxe ได้ครับ เพื่อให้เราไม่ต้องเปิดดูบนสมาร์ทโฟนให้เสียเวลา แต่สมาร์ทโฟนของเราต้องเป็นโหมดสั่นหรือเปิดเสียงเอาไว้ครับ

แบตเตอรี่ใช้ได้นานถึง 5 วัน

แม้ว่าจะจิ๋ว แต่เรื่องแบตเตอรี่นี่อึดมากๆ ครับ โดยชาร์จเต็ม 1 ครั้ง สามารถใช้งานทั่วไปได้นานสูงสุดถึง 5 วันเลยทีเดียว แต่หากใครเน้นออกกำลังกายหน่อยก็อาจจะได้ใช้ประมาณ 2 วันต่อการชาร์จ 1 ครั้งครับ

สรุปการใช้งาน

สำหรับ รีวิว Fitbit Luxe หลังจากได้ใช้งานมาประมาณ 2 วัน เรื่องที่สะดุดตาเป็นอย่างแรกเลยคือดีไซน์ที่ดูพรีเมี่ยมจริงๆ ครับ ด้วยความเงาของ Stainless Steel ที่มีความเงางามมากๆ ส่วนหน้าจอที่อาจจะดูขนาดเล็กแต่พอใช้งานจริงๆ ก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่เลย เพราะความละเอียดที่ให้มานั้นคมชัดดีมาก แถมสีสันก็ดูสดใสอีกด้วย ส่วนฟีเจอร์ต่างๆ ก็จัดว่าครบถ้วนเลยทีเดียว โดยสรุปแล้วจะเหมาะกับคนที่ชอบใส่ทั้งแบบให้ดูแฟชั่นเล็กๆ และเน้นสุขภาพด้วยนั่นเองครับ

ราคาและวันวางจำหน่าย

Fitbit Luxe สนนราคาในประเทศไทยอยู่ที่ 4,990 บาท โดยเริ่มวางจำหน่ายแล้วเรียบร้อยครับ โดยสามารถสั่งซื้อได้ที่ www.fitbit.com หรือตัวแทนจำหน่ายบน Shopee และ Lazada