Galaxy S25 Series เรือธงรุ่นล่าสุดของ Samsung เปิดตัวอย่างเป็นทางการเรียบร้อย และเหมือนเคยรอบนี้ทีมงาน iphone-droid.net ก็มีโอกาสลองสัมผัสเครื่องจริง พร้อมทำบทความแรกสัมผัสหลังลองใช้จริงราว 2 ชม.มาฝากด้วยเนาะ (ชมคลิป)
รอบนี้เราได้ลอง Galaxy S25 Ultra เป็นหลัก งั้นขอโฟกัสที่รุ่นพี่ใหญ่ของซีรีส์ไปเลยละกันเนอะ อย่ารอช้าไปเริ่มกันเลยไหมล่ะ!
ดีไซน์ Galaxy S25 Ultra
ด้านดีไซน์ Galaxy S25 Ultra ในปีนี้มีการปรับโฉมครั้งใหญ่เลยทีเดียว สลัดคราบสมาร์ทโฟนเครื่องเหลี่ยมทุกมุมของรุ่นก่อน ๆ ออกไปได้หมด กลับมาใช้ดีไซน์มุมโค้งแบบ Galaxy S จริง ๆ และปรับทุกอย่างให้แบนราบลงกว่าเดิมในทุกมิติอีกด้วย!
พอปรับมุมเครื่องทั้ง 4 ด้านให้โค้งขึ้นแบบนี้ มองเผิน ๆ ก็จะได้อารมณ์เหมือน Galaxy S รุ่น + เข้าไปอีก หรือถ้าอยู่รวม ๆ กัน 3 รุ่นก็มีความกลมกลืนกันชัดเจนมากขึ้น ไม่มีรุ่นที่โดดกว่าแบบปีก่อน ๆ แล้ว ซึ่งเราคิดว่าเป็นข้อดีนะ ดูเป็นพี่น้องที่รักกันดีอะ
ดีไซน์ฝาหลังยังคงมาในแบบเดียวกับรุ่นก่อน ๆ คือเรียงกล้องหลัง 3 ตัวหลักลงมาในแนวตั้ง และอีก 2 วงเล็กอยู่ถัดออกไป แต่อย่างที่บอกว่าพอกรอบเครื่องมีมุมโค้งมากขึ้นและฝาหลังแบนลงกว่าเดิม เลยให้ความรู้สึกเวลาจับถือที่ดีขึ้นไปอีกหน่อยครับ
โมดูลกล้องมองเผิน ๆ ก็เหมือนจะคล้ายเดิม แต่รอบนี้ Samsung มีการเพิ่มวงแหวนกรอบเลนส์ขึ้นมาใหม่ เพื่อป้องกันตัวหน้าเลนส์จริง ๆ อีกชั้น ทำให้เสริมความทรงพลังของกล้องขึ้นได้ดี และไม่จำเป็นต้องใส่ที่ติดเลนส์กล้องเลยด้วยนะ
พลิกมาดูที่หน้าจอ Galaxy S25 Ultra ก็ปรับมาใช้หน้าจอแบบแบน 2D 100% เลย ไม่มีมุมใด ๆ โค้งแล้ว (ตอน S24 Ultra ยังแอบมีมุมกระจกโค้งนิดนึง) ขนาดหน้าจอรอบนี้จะได้ใหญ่ขึ้นกว่าเดิมเป็น 6.9″ เป็นจอ Dynamic AMOLED 2X ความละเอียด 2K+ และมีความสว่างสูงสุด 2600nits เท่าเดิม
แต่ถึงแม้สเปคหน้าจอจะเท่าเดิม แต่รอบนี้ Samsung ปรับขอบหน้าจอสีดำให้บางเฉียบลงไปอีกมาก บวกกับขนาดที่ใหญ่ขึ้นอีกหน่อย (0.1″) ก็ทำให้เวลาเราใช้งานจริงแล้วรู้สึกถึงความเต็มตาที่มากขึ้นไปอีก
แถมความดีงามมาก ๆ ของหน้าจอลดแสงสะท้อนก็ยังคงอยู่ด้วย ใช้งานกลางแจ้งหรือที่มีแสงเยอะ ๆ ได้สบายตา รอบนี้ Samsung บอกว่าใช้กระจก Gorilla Glass Armor เวอร์ชั่นที่ 2 ด้วย เสริมความแข็งแกร่งและทนทานเข้าไปอีกแหนะ
ด้านการจับถือต้องชมเลยว่าพอปรับมาเป็นมุมโค้งก็ให้การจับถือที่สบายมือขึ้นมาก สังเกตได้จากหลาย ๆ ภาพด้านบน เราจับเครื่องได้เต็มมือกว่าเดิม เอาขอบไปชิดที่อุ้งมือเลย เพราะไม่มีมุมเครื่องที่แหลมมาทิ่มมือแล้วไงล่ะ
กรอบเครื่องก็มีการปรับให้แบนราบลงอย่างที่บอกครับ จะเห็นว่าแบนเหมือนรุ่น + แล้วนะ และวัสดุก็ยังเป็นไทเทเนียมอยู่ด้วย แต่ส่วนตัวคิดว่าความพรีเมี่ยมที่เห็นด้วยตาแอบลดลงจากรุ่นก่อน แต่พอได้ลองจับถือจริง ๆ ก็รู้สึกว่าแบบใหม่นี้ก็แอบดีขึ้นจับได้พอดีมือ มีที่ให้วางนิ้วชัด ๆ ไปเลย
ด้านบน-ล่างก็จะดูกลมกลืนกับรอบ ๆ ตัวเครื่องไปด้วยเลย รายละเอียดของตำแหน่งก็ยังเหมือนเดิม ด้านบนมีไมโครโฟนตัดเสียงรบกวน ด้านล่างมีพอร์ตการเชื่อมต่อ USB-C ลำโพงหลักของตัวเครื่อง และช่องเก็บ S Pen เนาะ
ไหน ๆ ก็แวะมาที่จุด S Pen แล้ว ก็ขอพูดถึงปากกามหัศจรรย์นี้หน่อยละกัน ว่ารอบนี้ดีไซน์ยังเหมือนเดิม ดมกลิ่นได้เหมือนเดิม มีตัวด้ามหลัก ๆ เป็น 2 สีคือสีฟ้าและสีเทาเท่านั้น และจุดที่เคยลือมาก่อนหน้านี้ว่าจะตัดฟีเจอร์ Bluetooth ออก ก็…จริงตามนั้นครับ รอบนี้ไม่มีลูกเล่นการสั่งงานเป็นรีโมทชัตเตอร์ หรือ Gesture หมุน ๆ อะไรอีกต่อไป น่าเสียดายจังเลยเนอะ
ด้านน้ำหนัก Galaxy S25 Ultra นั้นลดลงกว่ารุ่นก่อนถึง 15 กรัม เหลือเพียง 218 กรัม หยิบจับแล้วก็แอบรู้สึกเหมือนกันว่าน่าถือใช้งานมากขึ้น ใช้งานนาน ๆ น่าจะดีขึ้นอีกพอสมควรเลยนะ
รวม ๆ แล้วถือว่าเป็นดีไซน์ที่มีการปรับแบบครั้งใหญ่ของ Galaxy S Ultra เลย ทั้งการลดความโค้งของกรอบเครื่องลง ลดมุมเครื่องที่เหลี่ยมหายไปหมดแล้ว ทำให้การจับถือนั้นรู้สึกถึงความแปลกใหม่พอสมควร แม้ภายนอกเราดูแล้วจะรู้สึกว่านี่ก็ไม่ต่างจากเดิมมากหนิ แต่ถ้าได้ลองหยิบขึ้นมาบนมือแล้วจะรู้ทันทีว่านี่ของใหม่น่ะนะ
สีสัน Galaxy S25 Ultra
สำหรับสีสันของ Galaxy S25 Ultra ยังคงมีให้เลือก 4 สีหลักเหมือนเดิม เน้นโทนเรียบหรูไม่ฉูดฉาด ประกอบด้วย
- Titanium Silverblue
- Titanium Black
- Titanium Gray
- Titanium Whitesilver
ซึ่งสีไฮไลท์ในรอบนี้ก็คือสีฟ้าใหม่ที่มีความสดใสขึ้นมาอีกนิด จะเป็นโทนฟ้าอ่อน ๆ ถ้าไม่กระทบกับแสง แต่ถ้าโดนแสงบาง ๆ ก็จะเหลือบเป็นโทนเงินสวย ๆ ได้อยู่
ส่วนอีก 3 สีจะเป็นโทนเรียบ ๆ เลย มีสีขาว Titanium Whitesilver ขาวกรอบเงิน, สีดำ Titanium Black ดำกรอบเทา และ Titanium Gray สีเทาไทเทเนียมครับ
ซอฟต์แวร์ Galaxy S25 Ultra
ด้านซอฟต์แวร์ Galaxy S25 Ultra ใช้ One UI 7 บนพื้นฐาน Android 15 ซึ่งถือเป็นเวอร์ชั่นล่าสุดที่เริ่มใช้บนรุ่นนี้เป็นรุ่นแรกเลย มีการปรับเปลี่ยนรูปลักษณ์ไปใหม่หมด ทั้งไอคอนที่สีสันฉูดฉาดมากขึ้น แยกหน้าการแจ้งเตือนและทางลัดออกจากกันแล้ว
ความลื่นไหลต้องบอกเลยว่าเวอร์ชั่นนี้ทำได้ดีมาก ทั้งการเข้า-ออกแอป รวมถึงอนิเมชั่นต่าง ๆ ไม่มีจังหวะที่รู้สึกสะดุดเลย แถมการตอบรับต่าง ๆ ของระบบก็คือเรียกว่าขั้นสุดของ One UI แล้ว แม้จะมีเวลาลองไม่นาน แต่ทุกครั้งที่เลื่อนใช้งานนั้นจะรู้สึกประทับใจในความลื่นไหลนี้จริง ๆ ครับ
มีฟีเจอร์อย่าง Now Bar เข้ามาในหน้าจอล็อก เพื่อเข้าถึงการแจ้งเตือนได้อย่างรวดเร็ว เปลี่ยนรูปแบบการใช้งานแบบเดิม ๆ ไปได้พอสมควรเลยล่ะ
และที่ขาดไม่ได้เลยกับซอฟต์แวร์ของ Galaxy S25 Ultra ก็คือ Galaxy AI นั่นแหละครับ รอบนี้ยังคงความสามารถรอบด้านทั้งการแปลภาษา, การตกแต่งภาพ, หรือผู้ช่วยต่าง ๆ ได้อย่างดี แถมเก่งกาจขึ้นกว่าเดิมด้วย
แต่ไฮไลท์หลักจริง ๆ คงหนีไม่พ้นผู้ช่วย Galaxy AI ที่ทำงานร่วมกับ Gemini Live เราสามารถเรียกสั่งงานได้ทันทีเพียงแค่กดปุ่ม Power ค้างไว้ จากนั้นอยากรู้อะไร เปิดเพลงที่ชอบเพลงไหน หรืออยากให้จัดการอะไรเกี่ยวกับตัวเครื่อง ก็ทำได้หมด และที่สำคัญรองรับภาษาไทยครบถ้วน พูดไทยกับ Galaxy S25 Ultra ได้เลยด้วย เยี่ยมมาก!
กล้อง Galaxy S25 Ultra
มาต่อที่เรื่องกล้อง Galaxy S25 Ultra ยังคงชูจุดเด่นเรื่องกล้องหลัง 4 ตัวครบระยะเหมือนเดิม มีสเปคคร่าว ๆ ดังนี้
- 200MP กล้องหลัก f/1.7 OIS
- 50MP กล้อง Ultra Wide มุมกว้าง 120º f/1.9
- 10MP กล้อง Tele 3x f/2.4 OIS
- 50MP กล้อง Periscope 5x f/3.4 OIS
- 12MP กล้องหน้า f/2.2
หลัก ๆ คือมีการอัปเกรดกล้อง Ultra Wide ใหม่เป็น 50MP พร้อมรูรับแสง f/1.9 ช่วยให้เก็บภาพมุมกว้างได้คมชัดยิ่งขึ้น รวมถึงระยะ Macro ก็จะสวยงามขึ้นไปอีกด้วย ซึ่งตรงนี้ Samsung บอกว่าเพราะจากการสำรวจกล้อง Ultra Wide ถือเป็นกล้องที่คนใช้งานมากอันดับต้น ๆ การที่อัปเกรดกล้องตัวนี้ขึ้นมาก็เพื่อเก็บรายละเอียดได้ดีกว่าเดิมนั่นเอง
ส่วนเรื่องการซูม Galaxy S25 Ultra ยังคงซูมได้สูงสุดที่ 100x เหมือนเดิม แต่รอบนี้มีการจัดการประมวลผลด้วย Galaxy AI ที่ดีขึ้น คมชัดกว่าเดิม เราลองเก็บตัวอย่างภาพถ่ายคร่าว ๆ มาดูได้ที่ด้านล่างนี้เลยครับ
หรือจะเป็นโหมด Portrait ก็ปรับโทนให้สวยขึ้น อาจจะไม่ได้สีสดใสเท่าตอน S22 Ultra หรือ S23 Ultra แต่ก็ไม่ติดเหลืองเท่าตอน S24 Ultra แล้ว จะออกอมชมพู เป็นโทนตรงกลางที่เราว่าลงตัวขึ้น และน่าจะถูกใจสาว ๆ มากกว่าเดิมแน่ครับ
ด้านวิดีโอ Galaxy S25 Ultra ก็มีการอัปเกรดในเรื่องของคุณภาพให้ดีขึ้น ปรับเรื่องการสลับเลนส์ให้สมูธกว่าเดิม อีกทั้งยังมาพร้อมการบันทึกวิดีโอที่ระดับ 10-bit HDR มาเป็นค่าเริ่มต้นเลยด้วย หมายความว่าคลิปที่ถ่ายจะสีสวยขึ้น เต็มอิ่มกว่าเดิมนั่นเอง
ด้านฟีเจอร์ Galaxy AI ก็มี Audio Eraser ที่เราสามารถนำมาปรับแก้ทีหลัง อยากจะลดเสียงเพลงในวิดีโอ ตัดเสียงรบกวนที่ติดมาในคลิป หรือเร่งเสียงพูดให้ดังชัดเจนก็ได้เลย ตรงนี้เราว่ามีประโยชน์กับสาย Vlog ที่ถ่ายจบในเครื่องได้ทันที ไม่ต้องไปปรับแต่งเรื่องเสียงแยกในแอปอื่นแล้วล่ะ
หรือสายเซลฟี่ก็จะมีฟีเจอร์ Best Face ที่เข้ามาช่วยเสริมการปรับภาพใบหน้าให้เป๊ะทุกคน ซึ่งฟีเจอร์นี้จะต้องเปิดใช้งาน Motion Photo เพื่อให้กล้องเก็บภาพใบหน้ามาก่อนนั่นเอง ความเจ๋งก็คือเราไม่จำเป็นต้องถ่ายหลายรูปก็ได้ เพราะเราเลือกจากภาพเคลื่อนไหวได้เลย
สเปค Galaxy S25 Ultra
มาปิดท้ายกับเรื่องสเปค Galaxy S25 Ultra อัปเกรดชิปเซ็ตใหม่เป็น Snapdragon 8 Elite “for Galaxy” ที่แรงขึ้นในทุกด้าน Samsung เคลมว่าได้ CPU เร็วขึ้น 37% GPU แรงขึ้น 30% และ NPU (AI) เก่งขึ้นอีก 40% เมื่อเทียบกับ S24 Ultra เลยนะ
แต่เท่านั้นยังไม่พอเพราะแรงขึ้นการจัดการความร้อนก็ดีขึ้นด้วย Galaxy S25 Ultra มีการขยายพื้นที่ของ Vapor Chamber ให้ใหญ่ขึ้นกว่าเดิมถึง 1.4 เท่า! ช่วยลดความร้อนสะสมเมื่อใช้งานต่อเนื่องได้ดีขึ้นมากไปอีก
ส่วนเรื่องความจุแอบน่าเสียดายนิดหน่อย เพราะ Galaxy S25 Ultra ยังมี RAM มาให้ 12GB เท่าเดิม พร้อมความจุให้เลือก 3 ขนาด 256GB/512GB/1TB เหมือนเดิม รวมถึงเรื่องแบตเตอรี่และระบบชาร์จที่ได้มา 5000mAh คู่กับชาร์จ 45W ครับ
สรุปสเปค Galaxy S25 Ultra
- หน้าจอ : Dynamic AMOLED 2X ขนาด 6.9″
- ความละเอียดหน้าจอ : WQHD+ (3120 x 1440 พิกเซล) รองรับ HDR10+, ความสว่างสูงสุด 2600nits
- Refresh rate : 1Hz – 120Hz (LTPO)
- ชิปเซ็ต : Snapdragon 8 Elite For Galaxy (4nm)
- RAM : 12GB
- ความจุ : 256GB/512GB/1TB
- แบตเตอรี่ : 5000mAh
- ระบบชาร์จไว : 45W
- กล้องหน้า : 12MP f/2.2
- กล้องหลัง : 4 ตัว
- 200MP กล้องหลัก f/1.7 พร้อม OIS และ Dual Pixel
- 50MP กล้อง Ultra Wide มุมกว้าง 120º f/1.9
- 10MP กล้อง Tele f/2.4, Optical Zoom 3x, OIS
- 50MP กล้อง Periscope f/3.4, Optical Zoom 10x, OIS
- กันน้ำ-กันฝุ่นมาตรฐาน : IP68
- ระบบปฏิบัติการ : Android 15 (One UI 7)
ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพียงพรีวิวแรกสัมผัสของ Galaxy S25 Ultra หลังจากลองสัมผัสมาประมาณ 2 ชม.เท่านั้น ยังมีอีกหลายเรื่องที่ต้องทดสอบ ทั้งประสิทธิภาพจริง, แบตเตอรี่ หรือกล้องในหลายสถานการณ์ หรือความสามารถของ Galaxy AI ในชีวิตประจำวัน แต่จากที่ลองคร่าว ๆ นี้ก็บอกได้เลยว่า ปีนี้ทำถึงมาก อย่างที่เห็นสเปคนั้นไม่ได้อัปเกรดขึ้นแบบผิดหูผิดตา ยังมีหลายอย่างที่เท่า ๆ กับรุ่นก่อนอยู่ แต่ความเก่งกาจของ Galaxy AI ใหม่นั้น น่าจะสร้างความแตกต่างให้กับการใช้งานได้อีกเยอะ ไว้ได้เครื่องมาทดสอบแบบเต็ม ๆ แล้วจะมารีวิวแบบเต็ม ๆ ให้ติดตามกันอีกทีละกันเนอะ แล้วพบกันใหม่เร็ว ๆ นี้ครับ!
ราคาเปิดตัว Galaxy S25 Series
อ๊ะ…ก่อนจะจบไปขอฝากราคาของ Galaxy S25 Series ทั้ง 3 รุ่นไว้หน่อยละกัน เปิดให้สั่งจองแล้ววันนี้แหละ
Galaxy S25
- ความจุ 12GB + 256GB ราคา 29,900 บาท
- ความจุ 12GB + 512GB ราคา 34,900 บาท
Galaxy S25+
- ความจุ 12GB + 256GB ราคา 36,900 บาท
- ความจุ 12GB + 512GB ราคา 41,900 บาท
Galaxy S25 Ultra
- ความจุ 12GB + 256GB ราคา 46,900 บาท
- ความจุ 12GB + 512GB ราคา 52,900 บาท
- ความจุ 12GB + 1TB ราคา 62,900 บาท