Android News
รีวิว Galaxy Tab S7 FE กับการใช้งานจริง 1 เดือน แท็บเล็ตสุดคุ้มค่าที่ให้คุณมากกว่าแค่สเปคดี
อยู่กับเรามาราว ๆ เดือนกว่าได้แล้วสำหรับ Galaxy Tab S7 FE แท็บเล็ตไซส์ใหญ่ของ Samsung ที่หลังจากเราลองใช้งานมาเป็นประจำอย่างต่อเนื่อง วันนี้จะมาขอเล่าประสบการณ์การทำงานจริงของรุ่นนี้ให้ชมกันเพิ่มเติมว่ามีประโยชน์แค่ไหน แล้วถ้าใช้งานจริง ๆ แทนที่คอมพิวเตอร์ได้รึเปล่า พร้อมแล้วมาติดตามกันเลยครับ!
คล่องตัวทำงานได้ทุกที่
จุดเด่นของ Galaxy Tab S7 FE คือความคุ้มค่าและตอบโจทย์ในทุกสายงานครับ อย่างการใช้งานจริงของเรา แน่นอนว่าใช้ในการทำงานไม่ว่าจะเป็นด้านการเขียนบทความหรือค้นหาข้อมูลบนเว็บไซต์ก็สามารถใช้งานได้อย่างลงตัว การที่มีแท็บเล็ตหน้าจอใหญ่ที่พร้อมทำงานได้ตลอดเวลาถือเป็นเรื่องดีมาก ๆ
หน้าจอของ Galaxy Tab S7 FE ให้มาใหญ่ถึง 12.4″ เรียกว่าใหญ่น้อง ๆ แล็ปท็อปแล้วก็ว่าได้ แต่ด้วยความที่เป็นทรงแท็บเล็ตเราก็สามารถพกพาติดตัวไปได้ง่าย หยิบออกมาใช้งานได้ตลอดเวลา ต่างจากแล็ปท็อปหรือโน้ตบุ๊คที่อาจจะต้องมีโต๊ะนั่งพร้อมใช้งานกว่านี้
แถมขนาดและน้ำหนักก็ยังเบาพอที่เราจะถือใช้งานได้เป็นเวลานาน อยากจะแก้งานนิดหน่อยหรือเช็กความถูกต้องอีกครั้งก่อนส่งงานจริง ก็สามารถทำได้โดยถือไว้บนมือไม่ต้องมาหาที่วางหรือตั้งให้เป็นเรื่องเป็นราว เราว่าตรงนี้คือความคล่องตัวที่ Galaxy Tab S7 FE ทำได้ดีกว่าแล็ปท็อปจริง ๆ ครับ
หน้าจอใหญ่ใช้งานหลายแอปได้อย่างสะดวก
นอกจากความสะดวกในเรื่องการใช้งานได้ทันทีทันใดแล้ว ถ้าเราต้องนั่งทำงานแบบจริงจังขึ้นมา Galaxy Tab S7 FE ก็ยังรองรับการทำงานที่หลากหลายไม่แพ้แล็ปท็อป อย่างฟีเจอร์ Multi Windows หรือใช้งานหลายหน้าต่างบนหน้าจออันนี้สะดวกมาก อย่างที่บอกไปเราใช้งาน Tab S7 FE ในการทำงานเขียนบทความบนเว็บไซต์มาสักระยะ ก็ต้องมีการหาข้อมูลหรือแหล่งอ้างอิงไปพร้อม ๆ กัน การที่เราแบ่ง 2 หน้าจอไปพร้อม ๆ กัน แอปหนึ่งใช้อ่านข่าวอีกแอปใช้พิมพ์ข้อมูลลงเว็บ ก็สะดวกดีไม่น้อย ไม่ต้องมาคอยสลับแอปไป-มาตลอด งานก็เสร็จได้ไวขึ้น
หรือถ้าใครที่ยังติดการใช้งานรูปแบบ PC บน Galaxy Tab S7 FE ก็มี DeX mode มาให้ด้วย ตรงนี้จะเปลี่ยนหน้าจอแท็บเล็ต Android ให้หน้าตาคล้ายกับคอมพิวเตอร์ PC มากขึ้น การใช้งานรูปแบบนี้ก็จะช่วยให้เราทำงานคล่องตัวเข้าไปอีก แต่ละแอปจะลอยเป็นหน้าต่างให้เราลากไปมาหรือย่อ-ขยายได้มากกว่าเดิม
ซึ่งตรงนี้ถ้าเราใช้งานคู่กับ Keyboard Cover ด้วยแล้วยิ่งเข้ากันมาก เพราะเราจะสามารถทำงานหลาย ๆ อย่างได้เหมือนแล็ปท็อปจริง ๆ แถมเวลาพิมพ์งานก็ให้สัมผัสที่ใกล้กับคีย์บอร์ดจริง ๆ ด้วย จะใช้งานคู่กับเม้าส์แบบไร้สายไปด้วยก็ยิ่งดีเข้าไปใหญ่ครับ
มีปากกา S Pen มาให้ ไม่ต้องชาร์จ ไม่ต้องซื้อเพิ่ม
อีกเรื่องที่เราชอบบน Galaxy Tab S7 FE คือการใช้งานด้านจด ๆ เขียนเขียนเพราะรุ่นนี้มีปากกา S Pen มาให้เลยในกล่อง พร้อมใช้งานตั้งแต่แกะกล่อง ไม่ต้องไปหาซื้อเพิ่มให้เสียค่าใช้จ่ายครับ ส่วนเรื่องความสามารถของ S Pen ใครที่เคยใช้ Galaxy Note หรือ Tab รุ่นก่อน ๆ มาก็คงจะชื่นชอบในหัวปากกาที่แหลมเหมาะกับการขีดเขียน อีกทั้งยังช่วยให้ราใช้งานได้แบบไร้กังวล เพราะ S Pen ตัวนี้ไม่ต้องชาร์จแบตเลย สามารถใช้งานได้ตลอดวัน
ใช้งานจดโน้ตหรือวาดรูปประกอบการทำงานได้อย่างดี อย่างในที่นี้เราใช้ตัว Samsung Notes ที่ติดมากับเครื่องเพื่อสเก็ตซ์ภาพหรือร่างภาพไกด์ในการออกแบบภาพปกในรีวิวก็ทำได้เลย เรียกว่าสะดวกในการวางแผนทำงานได้ดีไม่น้อยเลย จากปกติที่เราอาจต้องร่างไว้ในกระดาษ การวาดมาเป็นไฟล์แบบนี้ก็พร้อมไปใช้งานต่อได้ง่ายกว่า
ในการจดบันทึกตัวแอป Samsung Notes ก็มีฟีเจอร์แปลงลายมือของเราเป็นตัวอักษรพิมพ์ได้ด้วย บางครั้งที่เราต้องการจดข้อมูลแบบประกอบการทำงานแบบเร็ว ๆ ก็ใช้ลายมือเราได้เลย แล้วค่อยมาแปลงเป็นตัวอักษรทีหลัง (Handwriting to Text)ที่สามารถใช้ได้ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ เพื่อเอาไปใช้ทำงานหรือส่งต่อก็ได้ แน่นอนว่าการจดด้วยลายมือจะเร็วกว่าการพิมพ์อยู่แล้วล่ะเนาะ
และทีเด็ดอีกอย่างก็คือตัว S Pen เองไม่จำเป็นต้องชาร์จหรือจับคู่ให้ยุ่งยาก หยิบออกมาจากกล่องก็พร้อมใช้งานได้ทันที ที่ตัวด้ามจะมีปุ่มกดให้ใช้งานด้วย เวลาจะเรียกคำสั่งลัดอย่าง Air Command ขึ้นมาก็เอา S Pen ไปจ่อแล้วกดเรียกใช้งานได้ทันที
ประชุมก็ยอดเยี่ยม
ในเรื่องการประชุมแบบออนไลน์ในยุคนี้ เชื่อว่าหลายคนคงต้องมีการประชุมออนไลน์หรือใช้งาน Video Call กันอยู่บ้าง เช่นเดียวกันในการใช้งานของเราก็มีเหมือนกัน ซึ่ง Galaxy Tab S7 FE นั้นตอบโจทย์ตรงนี้ด้วย เพราะกล้องหน้าความละเอียดระดับ 5MP มุมมองกว้างพอสมควร แถมทีเด็ดที่สุดก็คือไมโครโฟนที่ให้มามากถึง 3 ตัว ทำให้การ Video Call หรือคุยงานออนไลน์นั้นดีแบบไม่ต้องพึ่งหูฟัง เสียงจากลำโพงก็ดัง เสียงจากไมโครโฟนก็คมชัด หรือใครที่ต้องเรียนออนไลน์ ต้องมีการตอบโต้กับคุณครู ต้องมีการจดงานแบบทันทีตัว S Pen ที่ให้มาก็สามารถทำแบบนั้นไปพร้อมกันได้อีกต่างหาก
บันเทิงก็ครบครัน
ในเรื่องการทำงานจริง ๆ Galaxy Tab S7 FE ตอบโจทย์เราอย่างมากแล้วทั้งหน้าจอที่ใหญ่ยักษ์เพียงพอต่อการทำงาน และแน่นอนว่าก็เพียงพอต่อการใช้งานด้านความบันเทิงเช่นกัน เอามาดูหนังหรือซีรีส์นี่คือฟินมาก เพราะความใหญ่ที่เต็มตาระดับนี้ พกติดไปใช้งานนอกบ้าน ใช้เป็นเครื่องความบันเทิงเคลื่อนที่ได้เลย ในเรื่องความคมชัด สีสันถือว่าทำได้ดีมาก อันนี้เราขอชมเลย แม้ตามสเปคจะเป็นแค่ TFT แต่ถ้าดูหนังจริง ๆ ก็ไม่ได้มีปัญหาเลย ความคมชัดระดับ WQXGA ตอบโจทย์ตรงนี้มาก ๆ ด้วย
ลำโพงของ Galaxy S7 FE ก็ยังเป็นแบบ ลำโพงคู่แนวนอน ระบบเสียง Dolby Atmos เสียงเซอร์ราวด์ 3 มิติ และ AKG ประสบการณ์เสียงอันสมจริง เหมาะอย่างยิ่งในการใช้งานเป็นเครื่องบันเทิงพกพา จะเปิดเล่นเพลงแบบกระหึ่ม ๆ หรือดูหนังแบบไม่พึ่งหูฟังก็ยิ่งตอบโจทย์เข้าไปใหญ่
สะดวกขึ้นไปอีกเมื่อใช้งานกับ Galaxy Ecosystem
Galaxy Ecosystem ก็เป็นอีกจุดที่เราได้ใช้งานอยู่ด้วย พอมารวมตัวกันกับ Galaxy Tab S7 FE แล้วยิ่งเพิ่มความได้เปรียบเข้าไปอีกเยอะเลยครับ อย่างสมาร์ทโฟนเราใช้เป็น Galaxy S21 Ultra อยู่แล้ว จะใช้เชื่อมต่อส่งไฟล์หากันนี่ง่ายมาก อย่างเช่นในการทำงานเรามีภาพที่ต้องใช้เซฟไว้บนมือถือก่อนอยากจะใช้งานต่อบนแท็บเล็ตก็ส่งผ่าน Quick Share ได้เลย
ด้วยความเข้ากันดีมาก ๆ ของ Ecosystem เวลาอยากเชื่อมต่อ WiFi Hotspot จากสมาร์ทโฟน เพียงแค่เป็นบัญชีเดียวกัน เปิดเข้า WiFi ก็จะมีตัวเลือก Hotspot ของ S21 Ultra ขึ้นมาทันทีโดยที่เราไม่ต้องไปตั้งค่าเปิดใช้งานหรือใส่รหัสให้ยุ่งยาก ตรงนี้ชอบมาก
จะใช้งานกับหูฟัง ในที่นี้เราใช้ Galaxy Buds Live เวลาเชื่อมต่อหรือสลับใช้งานก็ง่าย เชื่อมต่อผ่านแท็บเล็ตเพื่อดูหนังอยู่ แล้วอยากสลับไปฟังเพลงบนสมาร์ทโฟน Galaxy S21 Ultra ที่เคยเชื่อมต่อกันแล้วก็กดเล่นได้เลย ไม่ต้องก็ยกเลิกเชื่อมต่อในเครื่องใดก่อนแล้วค่อยกลับมาเชื่อมต่ออีกเครื่องให้ยุ่งยาก
หรือจะเป็นการรับสายโดยตรงจากหน้าจอแท็บเล็ตที่เชื่อมต่อ Samsung Account เดียวกันกับสมาร์ทโฟนก็ทำได้ เมื่อมีสายเข้าแต่สมาร์ทโฟนอยู่ไกลตัว ใช้งานบนแท็บเล็ตอยู่ เราก็สามารถกดรับสายได้จากแท็บเล็ตทันที แหม่! ความ Galaxy Ecosystem นี่ถูกใจเราจริง ๆ ครับ
แบตเตอรี่อึดมาก พร้อมชาร์จไว 45W
ปิดท้ายด้วยเรื่องแบตเตอรี่ที่เราชอบมากบนรุ่นนี้เพราะ Galaxy Tab S7 FE ให้แบตเตอรี่มาถึง 10,090mAh ช่วยให้เราใช้งานได้ยาวนาน แม้จะเป็นการทำงานเองหรือจะเป็นการดูหนังฟังเพลงเพื่อความบันเทิงแบตเตอรี่ระดับนี้ก็ช่วยให้เราหมดห่วงไปเลย
อีกทั้ง Galaxy Tab S7 FE ยังมีระบบชาร์จไวที่สูงสุดถึง 45W ด้วย เมื่อชาร์จกับที่ชาร์จที่รองรับ PD มาตรฐาน 45W ก็จะขึ้นว่า Super Fast Charge 2.0 เลยครับ อันนี้จะเร็วมากนะ ประมาณ 90 นาทีก็ชาร์จเต็มแล้วครับ
สรุปการใช้งานกว่า 1 เดือนของ Galaxy Tab S7 FE
สรุปแล้วตลอดเวลากว่า 1 เดือนของ Galaxy Tab S7 FE ต้องบอกเลยว่าเป็นแท็บเล็ตไซส์ใหญ่ที่เราชอบมาก ๆ เป็นอีกรุ่นที่ไว้ใจในการใช้งานได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นการใช้ทำงานอย่างจริงจังที่ตอบโจทย์เราได้ดีในการแก้ไขงานได้แบบทันทีทันใด ยิ่งถ้ามี Keyboard Cover ยิ่งเข้าทางใช้แทนแล็ปท็อปได้ในบางสถานการณ์เลยทีเดียว ขนาดและน้ำหนักที่พกพาไปได้ง่ายแม้ขนาดหน้าจอจะใหญ่ถึงระดับ 12.4″ ก็ตาม หรือจะเป็นเรื่องเล่นก็ให้ได้จุใจจะดูหนัง เล่นเกมด้วยสเปคที่ให้มา ถือว่าเพียงพอแล้วครับ ทั้งหมดนี้ก็คือรีวิวสรุปการใช้งานของ Galaxy Tab S7 FE หลังจากใช้งานมากว่า 1 เดือน ใครที่กำลังมองหาแท็บเล็ตจอใหญ่ในราคาน่าคบหา เราแนะนำ Galaxy Tab S7 FE เป็นหนึ่งตัวเลือกเลยครับ รุ่นนี้ไว้ใจได้!
มีให้เลือก 2 รุ่นราคาไม่ถึง 20,000 บาท
Galaxy Tab S7 FE เปิดตัวมาด้วยกัน 2 รุ่นคือ Wi-Fi และ LTE (รุ่นที่เรารีวิว) โดยจะแบ่งสเปคแตกต่างกันนิดหน่อยคือรุ่น Wi-Fi จะใช้ชิปเซ็ต Snapdragon 778G ในขณะที่รุ่น LTE จะใช้ชิป Snapdragon 750G สนนราคาดังนี้
- Galaxy Tab S7 FE รุ่น Wi-Fi (Snapdragon 778G) ราคา 17,990 บาท
- Galaxy Tab S7 FE รุ่น LTE (Snapdragon 750G) ราคา 19,990 บาท