Connect with us

Smart Review

รีวิว Samsung Galaxy Z Flip5 อัปเกรดครั้งใหม่ จอนอกที่ใช่กับบานพับที่ชอบ!

Published

on

รีวิว Galaxy Z Flip5 สมาร์ทโฟนจอพับรุ่นล่าสุดจาก Samsung รอบนี้ปรับดีไซน์ให้ถูกใจ น่าพับ/รัก ขึ้นอีกเยอะด้วยหน้าจอนอก Flex Window ขนาดใหญ่ถึง 3.4″ เปลี่ยนการใช้งานไปได้อย่างมหาศาล ถือเป็นการปรับโฉมครั้งใหม่ในรอบ 2 ปีนี้ที่ส่วนตัวเราว่าลงตัวและถูกทางอย่างมาก อีกทั้งสเปคภายในก็ได้รับการอัปเกรดจนเป็นมือถือจอพับที่แรงที่สุดในตลาดตอนนี้แล้วก็ว่าได้

หลังจากได้ลองใช้งานจริงกว่า 1 สัปดาห์ เราจะมารีวิวให้ชมกันเต็ม ๆ ว่ามีจุดที่เปลี่ยนมาแล้วชอบมาก ๆ หรือยังมีจุดไหนที่ควรปรับปรุงเพิ่มเติมในรุ่นถัดไปรึเปล่า พร้อมแล้วมาติดตามรีวิวฉบับเต็มของ Galaxy Z Flip5 กันเลยครับ!

สรุปสเปค Samsung Galaxy Z Flip5

  • หน้าจอนอก : Super AMOLED ขนาด 3.4″ ความละเอียด 720 x 748 พิกเซล
  • หน้าจอใน : Dynamic AMOLED 2X ขนาด 6.7” ความละเอียด FHD+ (2640 x 1080 พิกเซล)
  • Refresh rate : 60Hz (จอนอก) | 1 – 120Hz LTPO (หน้าจอหลัก)
  • CPU : Snapdragon 8 Gen 2 For Galaxy Octa-core 3.36GHz (4nm)
  • GPU : Adreno 740 719MHz
  • RAM : 8GB
  • ROM : 256GB/512GB
  • แบตเตอรี่ : 3700mAh
  • ระบบชาร์จ : 25W Super Fast Charge
  • กล้องหลัง : 2 ตัว
    • 12MP กล้องหลัก f/1.8, Dual Pixel AF, OIS
    • 12MP กล้อง Ultra Wide f/2.2 มุมกว้าง 123°
  • กล้องหน้า : 10MP f/2.2
  • รองรับการเชื่อมต่อ : Wi-Fi 802.11a/b/g/n/ac/6e, Bluetooth 5.3, NFC และพอร์ต USB Type-C
  • กันน้ำ : มาตรฐาน IPX8
  • ระบบปฏิบัติการ : Android 13 (One UI 5.1.1)
  • สีสัน : Graphite, Lavender, Cream, Mint

ดีไซน์ Flex Window ใหม่ จอนอกใหญ่สะใจกว่าที่เคย!

ถ้าพูดถึงเรื่องดีไซน์ Galaxy Z Flip5 ก็คงต้องพูดถึงเรื่องหน้าจอนอกกันก่อนเลย เพราะรอบนี้เพิ่มขนาดใหญ่ขึ้นอย่างชัดเจน เป็นจุดแรกที่สะดุดตามาก ๆ รอบนี้ได้หน้าจอขนาดใหญ่มาถึง 3.4″ จากเดิม 1.9″ (Z Flip4) ใหญ่ขึ้นถึง 3.78 เท่า! เราจะเห็นเลยว่าเมื่อพับเข้าหากันที่ส่วนนี้จะมีหน้าจอเพียงพอให้ใช้งานไม่ต่างจากสมาร์ทโฟนเครื่องเล็กสักเครื่องเลยล่ะครับ

ตรงนี้ Samsung เลยตั้งชื่อให้ใหม่ว่า Flex Window ไม่ใช่แค่ Cover Screen ทั่วไปแล้วนะ แถมรูปทรงของหน้าจอที่แปลกตาคล้ายรูป Folder คว่ำลงก็ยังเป็นเอกลักษณ์สร้างความแตกต่างจากหน้าจอนอกแบบเดิม ๆ ของสมาร์ทโฟนจอพับได้อีกด้วย ซึ่งความดีงามของหน้าจอนอกที่ใหญ่ขึ้นขนาดนี้ก็ทำให้เราสามารถเลือกรูป Wallpaper หรือหน้า Lockscreen ได้หลากหลายกว่าเดิม ไม่ใช่แค่นาฬิกากับภาพเล็ก ๆ แล้ว

หรือจะเป็นการใช้งาน Widget อื่น ๆ กับเปิดแอปก็มีตัวเลือกมาให้เราใช้งานได้มากกว่าเดิม บวกกับพอแสดงผลได้เต็มตาแล้วเราก็จะแตะเลือกหรือสั่งงานบางอย่างได้จากหน้าจอนอกทันที ตรงนี้ขอติดไว้ก่อนจะอธิบายเต็ม ๆ ให้หัวข้อการใช้งานละกันเนาะ

บานพับแบบ​ Flex Hinge พับแนบสนิทแล้วนะ!

และอีกเรื่องที่เป็นไฮไลท์ของ Galaxy Z Flip5 ก็คงหนีไม่พ้นบานพับใหม่หรือ Flex Hinge ที่รอบนี้ Samsung เปลี่ยนมาใช้แบบหยดน้ำคู่ที่ทำให้เวลาเราพับเข้าหากันนั้นแนบสนิทแล้ว (ในที่สุด!) ไม่มีช่องว่างมาชวนกังวลว่าฝุ่นจะเข้าไหม อีกทั้งยังช่วยให้ตัวเครื่องบางลงไปอีกจาก 15.9 มม.เหลือแค่ 15.1 มม.เท่านั้นครับ

ส่วนเรื่องความแข็งแกร่ง บานพับแบบใหม่นี้ก็ยังยอดเยี่ยมเพราะบานพับแบบใหม่นี้มีโครงสร้างแบบรางคู่ซึ่งช่วยกระจายแรงกระทบจากภายนอกได้เป็นอย่างดี เวลาพับ-กางรอบนี้จะรู้สึกถึงความแน่นหนาที่มากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ไม่หลวมง่าย หายห่วงเรื่องความคงทนไปได้เลยจริง ๆ ครับ

หน้าจอด้านใน Dynamic AMOLED 2X สวย ลื่นไหล ถูกใจ

กางจอออกมาเราจะเจอกับหน้าจอหลัก Dynamic AMOLED 2X ขนาด 6.7″ ความละเอียด FHD+ (2640 x 1080 พิกเซล) ในอัตราส่วน 22:9 มี Refresh rate 120Hz เหมือนเดิม แต่เอาจริง ๆ ความสวยงามของหน้าจอที่ Samsung มอบให้ก็ยังสร้างความประทับใจให้เราได้เหมือนเดิม ทั้งสีสันและรายละเอียดแทบไม่ติดใจเลย เป็นจอระดับไฮเอนด์ที่ดีงามมาก ๆ แถมความสว่างสูงสุดของรุ่นนี้ก็ได้มามากถึง 1750nits ใช้งานกลางแจ้งได้สบายหายห่วงครับ

ส่วนเรื่องการตอบสนองที่หน้าจอรอบนี้ใช้จอ Ultra Thin Glass เหมือนเดิม แต่ Samsung ได้เพิ่มชั้นกระจกด้านล่างสุดเพื่อเสริมแกร่งในการตกกระแทกได้ดีขึ้นไปอีก พอรวมเข้ากับชั้นฟิล์มด้านบนที่มียืดหยุ่นเข้าไปก็รู้สึกได้ว่าตัวหน้าจอมีความทนทานขึ้นจริง ๆ ครับ

รอยพับที่ยังมีให้เห็น

เชื่อว่าจุดที่หลายคนอยากรู้อีกอย่างก็คือแล้วรอยพับตรงกลางหน้าจอยังมีอยู่ไหม ? เราก็ต้องตอบตรง ๆ เลยว่า “มีครับ” และเด่นชัดไม่ต่างจากรุ่นก่อนด้วย แม้จะเป็นกลไกบานพับแบบหยดน้ำใหม่แล้วก็ตาม ด้วยความแข็งแกร่งที่เพิ่มมากขึ้น ก็ต้องแลกมากับรอยพับล่ะเนาะ

ซึ่งในการใช้งานจริงเวลาเราลูบไปโดนตรงกลางก็จะรู้สึกได้ว่านี่คือรอยพับเนาะ ถึงแม้การใช้งานจริงเราจะไม่ได้ไปลูบโดนบ่อย ๆ แต่เวลาเห็นแล้วก็อาจจะขัดใจได้ ตรงนี้แก้ด้วยการใช้ Wallpaper สีสว่างไปก่อนเนาะ ยังเป็นจุดที่ต้องปรับปรุงกันต่อไปล่ะครับสำหรับเรื่องรอยพับ

กรอบเครื่อง Armor Aluminum และกระจกกันรอย Gorilla Glass Victus 2

ขอย้อนมาพูดเรื่องความทนทานของตัวเครื่องกันอีกสักนิด Galaxy Z Flip5 ใช้วัสดุระดับสูงตั้งแต่กรอบตัวเครื่องที่เป็น Armor Alumimum ผิวสัมผัสเป็นแบบมันวาวให้ความรู้สึกทั้งแข็งแกร่งและหรูหราเวลาจับถือได้เป็นอย่างดี

ส่วนฝาหลังรวมถึงหน้าจอด้านนอกก็อัปเกรดขึ้นมาเป็นกระจก Gorilla Glass Victus 2 แล้วทนทานต่อการตกกระแทกได้ดีกว่าเดิม ตรงนี้หายห่วงแล้วใช่ไหมล่ะครับ

หรือจะเป็นความสามารถกันน้ำรอบนี้ Galaxy Z Flip5 ก็ยังได้มาตรฐาน IPX8 มาให้เหมือนเดิมเป็นสมาร์ทโฟนจอพับไม่กี่รุ่นในตลาดที่กันน้ำได้อย่างจริงจัง เผลอทำเครื่องตกน้ำหรือน้ำกระเด็นใส่ก็ไม่ต้องกลัว แค่นำมาเช็ดทำความสะอาดสักหน่อยก็เรียบร้อย

ระบบรักษาความปลอดภัยครบทั้งสแกนนิ้วมือและสแกนใบหน้า

ในเรื่องระบบรักษาความปลอดภัย Galaxy Z Flip5 ก็มีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมืออยู่ที่ปุ่ม Power เหมือนเดิม ง่ายต่อการใช้งานทั้งตอนพับและกางจอ แค่วางนิ้วไว้ก็ปลดล็อคได้แล้ว หรือจะใช้งานสแกนใบหน้าก็ได้ทั้งกล้องหน้า (ตอนกางจอ) และกล้องหลัง (ตอนพับจอ) ก็ได้เช่นกัน

พอร์ตการเชื่อมต่อก็ยังอยู่ด้านล่างเหมือนเดิมเป็นพอร์ต USB-C พร้อมไมโครโฟน และลำโพงหลักของตัวเครื่องอยู่ตรงนี้ด้วย ซึ่งสามารถใช้งานคู่กับลำโพงสนทนาเป็นลำโพงคู่ Stereo ได้อีกด้วยนะ

โดยรวมในเรื่องดีไซน์ต้องบอกเลยว่า Galaxy Z Flip5 มีการปรับเปลี่ยนมาได้น่าสนใจมาก ทั้งหน้าจอด้านนอกที่ใหญ่ขึ้นจนมาเป็น Flex Window แล้ว ใช้งานได้ถูกใจมาก อีกทั้งยังมีการเสริมแกร่งในเรื่องบานพับ Flex Hinge ที่ทนทานและพับได้อย่างแนบสนิท ลงตัวขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แค่นี้ก็ชวนให้อยากได้มาก ๆ แล้วล่ะครับ

Flex Window จอนอกที่ใช้งานได้มากกว่า

มาต่อในเรื่องประสบการณ์การใช้งานกันเลยดีกว่า อย่างที่บอกว่ารอบนี้ Galaxy Z Flip5 นั้นเพิ่มขนาดหน้าจอนอกให้ใหญ่พร้อมตั้งชื่อใหม่ว่า Flex Window ซึ่งในการใช้งานจริงก็ควบคุมไม่ได้ยุ่งยาก ใช้งานคล้ายกับพวก SmartWatch ที่แบ่งหน้าไว้ชัดเจน อย่างหน้าแรกเป็นหน้าหลักที่มีภาพ Wallpaper พร้อมนาฬิกา, ลากจากมุมบนลงมาจะเป็นหน้า Toggle Switch ทางลัดเปิด-ปิดการทำงาน, เลื่อนขวาหน้าซ้ายสุดจะเป็นการแจ้งเตือน, และเลื่อนซ้ายจะมีหน้า Widget ที่เรียงกันมาเรื่อย ๆ เป็นต้น

รูปแบบ Wallpaper ในหน้า Flex Window นี้ก็มีค่าเริ่มต้นให้เลือกหลากหลาย ทั้งรูปแบบนาฬิกาล้วน ๆ พร้อมสีสันต่าง ๆ หรือจะเป็นประเภทที่มีข้อมูลอื่น ๆ รวมถึงทางลัดก็เลือกได้ การปรับแต่งจากหน้าจอนอกก็แตะค้างแล้วเลื่อนเลือกแบบที่ชอบได้เลย

หรือจะเป็น Wallpaper จากภาพถ่ายก็กดตั้งเพิ่มเติมได้จากในแอปการตั้งค่าหรือจาก Gallery โดยตรง ในนี้ก็จะมีตัวเลือกในการปรับแต่งอีกเพียบ ทั้งตำแหน่งนาฬิกา, ฟอนต์ของนาฬิกา, สีฟอนต์, หรือรูปแบบกรอบในภาพ เรียกว่าปรับแต่งได้ตามความชอบตัวเองเลยล่ะครับ

ใช้งานแอปอะไรได้บ้างนะ Flex Window เนี่ย!?

ส่วนคำถามที่หลายคนอยากรู้ก็คือแล้วจอนอกเนี่ยใช้งานแอปอะไรได้บ้างเหรอ !? คำตอบคือถ้าแบบทำได้เลยโดยไม่ต้องโหลดแอปมาปรับแต่ง Samsung บอกเราว่าใช้ได้ 11 แอปครับ ซึ่งในนี้ก็จะมีแอปหลัก ๆ ทั้ง ข้อความ, Line, YouTube, Google Maps หรือ Netflix แต่เราต้องไปเปิดการตั้งค่าก่อนที่…

เข้าแอป Settings > Advanced Features > Labs > Apps allowed on cover screen

ซึ่งแอปในนี้ก็ออกแบบมาเฉพาะคือเราสามารถใช้งานได้แบบครบฟีเจอร์ฟังค์ชั่น อย่างดูวิดีโอผ่าน YouTube แบบเต็มจอ, ส่งข้อความ, แชท Line ก็สามารถตอบด้วยคีย์บอร์ดด้านนอกได้ทั้งหมด ถือว่าจัดการซอฟต์แวร์มาดีเลย แถมยังมีฟีเจอร์ Continuity ด้วยคือใช้จอนอกแล้วกางต่อก็ใช้ต่อได้ทันทีครับ

ใช้งานได้ทุกแอปผ่านแอป Good Lock

แอปที่รองรับตอนนี้มีอยู่ 11 แอปก็จริง แต่จริง ๆ แล้วเราสามารถเพิ่มให้ทุกแอปใช้ผ่านหน้าจอนอกได้หมดด้วยผ่านแอป Good Lock (ของ Samsung) ซึ่งให้เราโหลด Plug In ชื่อ MultiStar เพิ่มอีกตัว ในนี้จะมีความสามารถให้เราเลือกแอปไปแสดงที่หน้าจอนอกได้เลย

ทีนี้เราจะเล่น X (Twitter), เข้าเว็บไซต์, หรือกระทั่งเล่นเกมจริง ๆ ก็ได้เช่นเดียวกัน ตัวระบบจะจำลองให้แอปรันบนอัตราส่วนเกือบ ๆ จตุรัสของจอนอกได้เลย แต่แน่นอนว่าแอปที่รันผ่าน Good Lock นั้นไม่ได้ปรับแต่งมาโดยเฉพาะ บางแอปก็เหมือนเป็นการบังคับซะมากกว่า อย่าง IG Story ถ้าดูผ่านจอนอกนี้ก็จะแสดงผลผิดเพี้ยนไปก็มีครับ

แต่ใน Good Lock นี้ก็ยังมีเกมที่ปรับแต่งมาเฉพาะหน้าจอนอกให้เล่นด้วย (พัฒนาโดย Gamesnacks) ก็เป็นเกม Casual เล่นได้เพลิน ๆ ครับ เท่าที่ลองเล่นก็ถือว่าออกแบบมาดีทีเดียวล่ะ

โดยรวมสำหรับหน้าจอนอก Flex Window นี้ก็ช่วยให้ Galaxy Z Flip5 นั้นใช้งานได้มากขึ้นจริง ทั้งการแสดงผล Wallpaper ที่ใหญ่ขึ้น ปรับแต่งได้มากกว่า การใช้งานบาง Widget ที่ทำได้เลยแบบไม่ต้องกางจอออกมา แต่ถ้ามองความตั้งใจของ Samsung จริง ๆ เราคิดว่าเขาตั้งใจให้เป็นอีกส่วนของการใช้งาน ไม่ได้ตั้งใจพยายามให้มาแทนที่หน้าจอได้ทั้งหมด จึงจำกัดแอปอยู่แค่บางส่วน ซึ่งเราว่าสมเหตุสมผลแล้วครับ

หน้าจอหลักที่ยาวกว่าจอทั่วไป

พูดถึงหน้าจอนอกไปแล้วมาพูดถึงจอหลักด้านในกันต่อ Galaxy Z Flip5 มาพร้อมจอขนาด 6.7″ พร้อมอัตราส่วน 22:9 ที่เหมือนกับรุ่นก่อน ใครที่มาจากรุ่นก่อนตรงนี้ก็ข้ามไปได้เลย ประสบการณ์ไม่ต่างกันมาก แต่ถ้ามาจากทรงปกติที่มักจะเป็น 19.5:9 หรือ 20:9 ก็จะรู้สึกได้ถึงความสูงที่มากกว่านิดหน่อยครับ

ความยาวที่มากขึ้นนี้อาจจะต้องปรับตัวในการใช้งานการพิมพ์คีย์บอร์ดเล็กน้อย แต่ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ในการปรับตัวครับ เรายังคงพิมพ์ได้อย่างสะดวกเพราะด้วยความกว้างซ้าย-ขวาของจอที่อยู่ในระดับที่พอดิบพอดีในการใช้งาน ทำให้เรายังคงใช้งานได้อย่างถนัดจะพิมพ์ 2 มือก็ไม่ล้นจนเกินไป หรือจะพิมพ์มือเดียวก็ง่ายไม่ต้องเอื้อมนิ้วไปไกล

แบ่งหน้าจอ 2 แอปพอดีมากจริง ๆ

ทีเด็ดของหน้าจอที่ยาวขนาดนี้ก็คือเราสามารถใช้งานฟีเจอร์ Multi Window ได้ง่ายขึ้นมาก ด้วยความยาวที่เพิ่มขึ้นเวลาเราแบ่งหน้าจอใช้งาน 2 แอปพร้อมกันก็จะแบ่งสัดส่วนได้ดีขึ้น น่าใช้งานมากขึ้นไปอีก อย่างเช่นเราแบ่งหน้าจอบนดูเว็บไซต์หาข้อมูลไปพร้อม ๆ กันกับเปิด YouTube ดูคลิปไปก็ทำได้

Flex mode กับความสามารถใหม่

แต่ความโดดเด่นของสมาร์ทโฟนจอพับของ Samsung ยังไม่หมดแค่จอยาวกว่าใช้งานได้มากกว่าอย่างเดียว เพราะ Flex mode ที่ถือเป็นไฮไลท์ Galaxy Z Flip5 ของเดิมที่เคยมีการแบ่งส่วนของแอป YouTube เป็นครึ่งบนคลิป-ครึ่งล่างคอนเมนต์มีอยู่ และรอบนี้ก็มีความสามารถใหม่อย่าง Flex mode panel ที่เพิ่มทางเลือกส่วนล่างของหน้าจอให้เป็นแผงควบคุมได้อีกด้วย

Flex Camera ใช้งานกับแอปกล้องได้อย่างยอดเยี่ยม

และปิดท้ายที่การใช้งานร่วมกับกล้องหรือ Flex Camera ตรงนี้ Galaxy Z Flip5 ก็ทำได้ดีเหมือนเคยจะพับจอแบ่งสัดส่วนแล้วใช้งานมุมมองที่แตกต่างกัน หรือจะตั้งใช้งาน Hands Free โดยไม่ต้องพึ่งขาตั้งกล้องก็ได้เช่นกัน สะดวกขึ้นมากสำหรับสายเซลฟี่เองอะเนาะ

หรือจะพับเป็นแนวนอนแล้วถือถ่ายเป็นกล้องวิดีโอเท่ ๆ พร้อมให้แบบเห็นหน้าตัวเองก็ได้เช่นกันครับ

กล้องหลังคู่ชุดเดิม กับโทนที่ยอดเยี่ยมสไตล์ Samsung

ไหน ๆ ก็พูดถึงเรื่องกล้องแล้ว มาทำความรู้จักกล้องของ Galaxy Z Flip5 พร้อมชมตัวอย่างภาพถ่ายกันเลยดีกว่า สำหรับสเปคกล้องต้องบอกเลยว่ายังไม่ได้อัปเกรดแบบก้าวกระโดดนัก ยังได้กล้องคู่ 12MP มาเหมือนเดิมแบ่งเป็น

  • 12MP กล้องหลัก f/1.8, Dual Pixel AF, OIS
  • 12MP กล้อง Ultra Wide f/2.2 มุมกว้าง 123°

เอาดี ๆ กล้องทั้ง 2 ตัวนี้ก็คือตัวเดียวกับที่ใช้บน Galaxy Z Flip4 หรือ Z Flip3 สองรุ่นก่อนนู่นแหละครับ แต่สเปคที่ให้มาก็ยังเพียงพอต่อการใช้งานทั่วไปในทุกวันนี้ได้สบาย

และแน่นอนว่าในยุคที่การถ่ายภาพไม่ได้พึ่งแค่ฮาร์ดแวร์ ทาง Samsung ก็เคลมว่า Galaxy Z Flip5 ที่ได้ชิป ISP ตัวใหม่ที่อยู่บนชิปเซ็ตตัวล่าสุด พร้อมกับความสามารถ AI ที่เก่งขึ้นของฟีเจอร์ Scene Optimizer ผลลัพธ์ก็ย่อมดีขึ้นตามไปด้วย

และเท่าที่เราลองใช้งานจริง กล้องของ Z Flip5 ก็ยังคงทำให้เราประทับใจได้เหมือนเดิม คุณภาพของกล้องหลังทำได้ดีมากตามสไตล์ Samsung เลยครับ สีสันสดและเคลียร์เป็นธรรมชาติ อาหารสีสดดูน่ากิน ถ่ายวิวก็สวยได้กล้อง Ultra Wide ที่คุณภาพใกล้เคียงกับกล้องหลัก ถ่ายคนก็โอเค Skintone ทำได้ดีดูเนียนเป็นธรรมชาติมาก แม้ตัวเลขจากสเปคจะไม่เว่อวังนัก แต่ผลลัพธ์ออกมาแบบนี้ก็ถือว่าถูกใจเราจริง ๆ ครับ

กล้องหน้า 10MP เซลฟี่สวยเนียนเพียงพอ

หรือกล้องหน้า 10MP ก็ให้คุณภาพที่โอเคเลยครับ สีสันและความเนียนในสไตล์เกาหลีของ Samsung ให้ความสวยที่สาว ๆ ต้องถูกใจแน่นอนครับ

ใช้งานกับกล้องหน้าได้ยอดเยี่ยมยิ่งขึ้น

แต่ถ้าเซลฟี่ด้วยกล้องหน้าในหน้าจอยังไม่พอ ก็ใช้กล้องหลังคู่เซลฟี่ไปเลยสิครับ! ด้วยความที่จอใหญ่ขึ้นแบบนี้ เวลาเราจะเซลฟี่ด้วยกล้องหลักก็ทำให้เราเห็นตัวอย่างได้ชัดเจนขึ้นมาก แถมเรายังควบคุมตัวเลือกกล้องได้จากตรงน้ีเลยไม่ต้องกางออก ทั้งการปรับอัตราส่วนภาพที่ถ่าย, เลือกโหมด (Portrait, Photo, Video), ฟิลเตอร์, หรือจะสลับเลนส์ด้วยการใช้ 2 นิ้วขยายหรือย่อเข้าหากันก็ได้ด้วย

คุณภาพก็จัดเต็มสมกับใช้กล้องหลังจริง ๆ ช่วยเปลี่ยนการเซลฟี่แบบเดิม ๆ จากกล้องหน้าไปได้เลย ทั้งภาพที่สวยเคลียร์กว่าหรือมุมกว้างที่กว้างจริง ๆ จากกล้อง Ultra Wide ด้วยเนาะ

วิดีโอ 4K/60fps ทั้งกล้องหน้าและหลัง

ส่วนวิดีโอ Galaxy Z Flip5 ก็ไม่ทำให้ผิดหวังสามารถถ่ายวิดีโอความละเอียดสูงสุดถึง 4K/60fps ทั้งกล้องหน้า-หลังเลยทีเดียว ไม่ว่าจะใช้ตอนกางหน้าจอ-พับจอก็ได้สูงสุดเหมือนกันหมด ทำให้ทำงานได้อย่างไร้รอยต่อใครเป็นสาย Vlog หรือต้องการได้วิดีโอความละเอียดสูงก็ถูกใจเลยล่ะ แต่แอบมีจุดสังเกตอยู่นิดหน่อยคือถ้าเราเลือกความละเอียดแบบ 60fps จะถูกจำกัดไว้ที่กล้องหลักกับกล้องหน้าเท่านั้น กล้อง Ultra Wide ไม่สามารถถ่ายที่ 60fps ได้ครับ

โดยรวมแล้วในเรื่องกล้องของ Galaxy Z Flip5 ก็ยอดเยี่ยมสมกับเป็น Samsung ยังคงเก่งในเรื่องโทนภาพให้ออกมาสวยและถูกใจเราเหมือนเดิม คุณภาพถือว่าน่าประทับใจและไว้ใจได้ แม้กล้องจะเป็นชุดเดิมก็ตาม แต่ถ้าไม่ได้ไปดูตัวเลขสเปคแล้วลองใช้งานก็แทบไม่รู้เลยว่านี่กล้องตัวเก่าจากเมื่อ 2 ปีที่แล้ว พลังของชิป Snapdragon 8 Gen 2 For Galaxy ขับเคลื่อนได้อย่างน่าสนใจจริง ๆ

สมาร์ทโฟนจอพับที่แรงที่สุดด้วยชิป Snapdragon 8 Gen 2 For Galaxy

ปิดท้ายเรื่องประสิทธิภาพ Galaxy Z Flip5 มาพร้อมชิปเซ็ต Snapdragon 8 Gen 2 For Galaxy (ตัวเดียวกับบน Galaxy S23 Series) ซึ่งถือว่าเป็นชิปที่แรงที่สุดบนสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์ตอนนี้เลยก็ว่าได้ เท่ากับว่า Z Flip5 นี้เป็นสมาร์ทโฟนจอพับที่แรงที่สุดในตลาดตอนนี้เลยก็ว่าได้ครับ ส่วนความจุก็มีให้เลือก 2 ความจุคือ 8GB + 256GB และ 8GB + 512GB ครับผม

เราลองทดสอบคะแนนคร่าว ๆ จากแอป AnTuTu Benchmark คะแนนก็ออกมาสูงถึง 1209477 คะแนน

ส่วนคะแนนของ GeekBench 6 ก็ได้ Single-Core ไปที่ 2027 คะแนน และ Multi-Core 5302 คะแนน

เล่นเกมหายห่วงเลยแหละสเปคนี้

แน่นอนว่าสเปคที่ให้มาจัดเต็มพอที่จะใช้งานหนัก ๆ หรือเล่นเกมได้สบาย แต่ก็ขอลองเล่นให้รู้ว่ามันแตกต่างจากสมาร์ทโฟนทั่วไปยังไงบ้างเนาะ เกมที่เราใช้ทดสอบในรอบนี้คือ Asphalt 9, PUBG และ Devil May Cry ครับ

เล่น Asphalt 9 บน Galaxy Z Flip3 5G

เริ่มที่ Asphalt 9 ก็ยังปรับได้สุดทุกอย่างทั้ง กราฟิกระดับ High Quality คู่กับ 60fps เล่นได้อย่างลื่นไหลสุด ๆ การรองรับอัตราส่วนหน้าจอก็ยอดเยี่ยม เกมนี้เป็นหนึ่งในเกมที่รองรับหน้าจอได้เยอะที่สุดก็ว่าได้ครับ ไม่ว่าจะจอยาวจอเหลี่ยมยังไงเล่นได้หมด ในที่นี้เราหมายถึงบนหน้าจอนอกก็ลองมาแล้วว่าเล่นได้จริงนะเออ

เล่น PUBG บน Galaxy Z Flip5

ต่อกันที่เกม PUBG เราสามารถเลือกการตั้งค่ากราฟิกและเฟรมเรตได้สูงสุด 2 แบบคือ Ultra + Ultra และ HDR + Extreme ในที่นี้เราลองเล่นแบบ HDR + Extreme เพื่อเฟรมเรตที่สูงสุดแบบ 60fps ตัวเกมก็รันได้อย่างลื่นไหลเลยครับ การควบคุมก็ทำได้ดีเลยด้วย ยิ่งได้ลำโพงคู่ Stereo เสียงดี ๆ มาทำให้เราได้เปรียบขึ้นอีกหน่อยว่าไหมล่ะครับ

เล่น Devil May Cry: Peak of Combat บน Galaxy Z Flip5

ปิดท้ายที่เกมใหม่อย่าง Devil May Cry: Peak of Combat เกมนี้ให้เราได้ปรับระดับกราฟิกและเฟรมเรตแบบจัดเต็มดันทุกอย่างได้สูงสุดอีกทั้งเปิดเฟรมเรตแบบ 120fps ได้ด้วย พอเล่นจริงก็ลื่นไหลเลยครับ ภาพสวยจัด ลื่น ๆ อัตราส่วนหน้าจอที่ยาวกว่าปกติก็ไม่มีผลยังแสดงได้ครบทุกส่วน UI ในเกมก็ไม่ผิดเพี้ยนไปครับ

แบตเตอรี่ 3700mAh แต่ใช้งานได้อึดกว่าที่คาด

สุดท้ายกับเรื่องแบตเตอรี่แม้ความจุแบตเตอรี่ของ Galaxy Z Flip5 จะไม่ได้เพิ่มขึ้นจากรุ่นก่อนเลย ได้มา 3700mAh แต่จากการใช้งานจริง เรารู้สึกว่าแบตเตอรี่ใช้งานได้ดีมาก อยู่ในเกณฑ์มาตรฐานของสมาร์ทโฟนจอ 6.7″ เลย ใช้งานทั่วไปก็เอาอยู่ทั้งวันสบาย ตรงนี้คงต้องยกความดีความชอบให้ชิป Snapdragon 8 Gen 2 For Galaxy อีกนั่นแหละ ช่วยได้เยอะเลย

ส่วนชาร์จไวก็ได้ความเร็ว 25W มาเหมือนเดิม เรายังโอเคกับความเร็วนี้นะ คงเพราะแบตเตอรี่ให้ความจุมาไม่เยอะ ได้ชาร์จไวที่ 25W ก็เพียงพอแบบไม่ต้องรอนานแล้วล่ะครับ

ราคาเริ่มต้น 39,900 บาท มีให้เลือก 2 ความจุ

Galaxy Z Flip5 เปิดตัวมาด้วยกัน 2 ความจุคือ 8GB + 256GB และ 8GB + 512GB ตอนนี้ก็เปิดให้สั่งจองล่วงหน้าแล้ว มีโปรโมชั่นอัปความจุฟรีตั้งแต่วันนี้ – 10 สิงหาคมนี้เท่านั้น ส่วนราคาแต่ละรุ่นก็ตามนี้เลยครับ

  • รุ่น 8GB + 256GB ราคา 39,900 บาท
  • รุ่น 8GB + 512GB ราคา 45,900 บาท

สรุปแล้ว “นี่คือ Flip ที่ยกระดับการใช้งานทั้งจอนอกและจอหลักได้อย่างลงตัวที่สุด”

สรุปแล้ว Galaxy Z Flip5 ก็ถือเป็นการอัปเกรดครั้งใหญ่ของ Z Flip ที่ยกระดับการใช้งานได้ในทุกมิติตั้งแต่หน้าจอนอกไปจนถึงจอหลักด้านใน ด้วยจอ Flex Window ใหญ่ถึง 3.4″ ช่วยเปลี่ยนการใช้งานไปได้อย่างน่าประทับใจ ทำอะไรได้มากขึ้น แสดงผลได้เต็มตากว่าที่เคย หรือจะเป็นจอหลักก็มอบประสบการณ์ที่ครบถ้วนด้วยซอฟต์แวร์ที่ปรับแต่งมาอย่างพิถีพิถันครบทุกการทำงานที่สมาร์ทโฟนจอพับควรมี อีกทั้งสเปคก็อัปเกรดมาด้วยชิป Snapdragon 8 Gen 2 For Galaxy ความจุภายในใหม่ RAM LPDDR5X + Storage UFS 4.0 เร็วที่สุดในบรรดาจอพับตอนนี้แล้ว ทั้งหมดนี้ก็ช่วยสร้างประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมได้เป็นอย่างดีทั้งความแรงและการจัดการพลังงาน เรียกว่าเป็น Flip ที่สมบูรณ์น่าใช้ขึ้นมาอีกเยอะเลยจริง ๆ ครับ ส่วนจุดสังเกตที่เราเจอก็คงหนีไม่พ้นเรื่องรอยพับบนหน้าจอที่อาจจะยังไม่เรียบเนียนขึ้นมากนัก ถ้าปรับตรงนี้ได้อีกหน่อยคำว่า “สมบูรณ์แบบ” คงไม่ไกลแล้วจริง ๆ ครับ

Best Smartphone 12000 for 2025 Best Smartphone 12000 for 2025
Buying Guides11 ชั่วโมง ago

10 มือถือราคาไม่เกิน 12,000 บาท ตัวจบ ครบทุกฟีเจอร์ ใช้ยาว ปี 2025

กำลังมองหามือถือใหม่...

Android News1 วัน ago

OPPO จับมือ Maison Kitsuné สร้างสรรค์ประสบการณ์สุดเอ็กซ์คลูซีฟ กับ OPPO Find X8 Series

OPPO แบรนด์สมาร์ตโฟน...

IT News1 วัน ago

สรุปข่าวรอบสัปดาห์ระหว่างวันที่ 14 – 20 ธ.ค. 67

ข่าวเด่นช่วงระหว่างว...

IT News1 วัน ago

สรุป 6 จุดเด่นที่ทำให้คุณต้องเลือก HUAWEI MatePad 12 X นวัตกรรมแท็บเล็ตใช้งานได้ดั่งกับพีซี ที่มาพร้อมโปรเด็ดลดสูงสุดถึง 2,000 บาท กับ Shopee

HUAWEI MatePad 12 X ...

ข่าวประชาสัมพันธ์1 วัน ago

กรี๊ดสนั่น! ทรู เสิร์ฟความฟินขั้นสุดส่งท้ายปี ดึง “โฟร์ท ณัฐวรรธน์” สาดรอยยิ้ม และความสุขมาแจกแบบจัดเต็ม ในงาน “Truedtac5G ยิ้มทั่วไทย ยิ้มทั่วโซเชียล กับโฟ้ดๆ”

ทรู ขอส่งต่อพลังบวกแ...

IT News1 วัน ago

AIS ยึดหัวหาดทะเลอ่าวไทยครอบคลุม ลึก สูง กว้าง ไกล ยืนหนึ่งตัวจริงภาตตะวันออก

AIS ปักหมุดผู้น...

Android News1 วัน ago

ไม่ลือแล้ว ! OnePlus 13R ปรากฏบน Amazon ยืนยันใช้ขุมพลัง Snapdragon 8 Gen 3

แม้ว่าก่อนหน้านี้ On...

IT News1 วัน ago

อินฟินิกซ์จัดกิจกรรม PUBG MOBILE WATCH PARTY สุดมันส์ พร้อมให้เหล่าเกมเมอร์ได้สัมผัสกับ GT20 PRO 5G สมาร์ทโฟนเกมมิ่งระดับมืออาชีพ

อินฟินิกซ์ (Infinix)...

Copyright © 2012 iphone-droid.net.

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ ดูเพิ่มเติมที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และจัดการได้ที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึก