Android News
พรีวิวแรกสัมผัส Galaxy Z Fold4 | Z Flip4 อัปเกรดใหม่ น่าใช้ขึ้นอีก!!
Galaxy Z Fold4 และ Galaxy Z Flip4 เปิดตัวอย่างเป็นทางการเรียบร้อย เครื่องก็เดินทางมาถึงประเทศไทยเช่นกัน แน่นอนว่ามาเปิดตัวแบบนี้เราก็ไม่พลาดที่จะเก็บความรู้สึกแรกสัมผัสมาพรีวิวให้ชมกันอีกเช่นเคย รอบนี้มีการปรับแก้ในหลายจุดให้ลงตัวขึ้นไปอีก และสีใหม่ที่สวยงามอลังการสมการรอคอยจริง ๆ
เอ้า! อย่าเสียเวลาอยู่ตรงเกริ่นนำนี้อยู่เลย ไปชมพรีวิว Galaxy Z Fold4 | Z Flip4 พร้อม ๆ กันเลยดีกว่าครับ!
Galaxy Z Fold4
มา 2 รุ่นแบบนี้เราขอแยกทำความรู้จักกันเป็นรุ่น ๆ ดีกว่าเนาะ เพื่อความไม่สับสน เริ่มที่ Galaxy Z Fold4 ก่อนเลย มองภายนอกเราอาจจะคิดว่าไม่มีอะไรแตกต่างจากรุ่นก่อนมากนัก (ซึ่ง…ก็จริง 55) แต่เมื่อได้สัมผัสจะรู้สึกถึงความลงตัวที่มีมากขึ้นอย่างสัมผัสได้เลยล่ะครับ
อย่างแรกก็คือเมื่อถือใช้งานแบบพับหน้าจอ จอด้านหน้าปรับอัตราส่วนใหม่เป็น 23.1:9 แล้ว (จากเดิม 24.5:9) แม้ตามสเปคจะมีขนาด 6.2″ เท่าเดิม แต่ด้วยความที่อัตราส่วนเปลี่ยนไป หน้าจอขยายออกไปด้านข้างมากขึ้น จึงให้ความรู้สึกที่กว้างกว่าอีกหน่อย แม้จะไม่ได้เป็นอัตราส่วนมาตรฐาน (21:9 หรือ 20:9) แต่ก็ดีกว่าแบบเดิมเยอะครับ
ส่วนหน้าจอด้านในเมื่อกางออกก็เปลี่ยนอัตราส่วนไปอีกนิดหน่อยด้วย (เนื่องจากจอด้านนอกกว้างขึ้น) เป็น 21.6:18 (จากเดิม 22.5:18) ทำให้เครื่องโดยรวมเมื่อกางออกกว้างออกข้างเล็กน้อยและเตี้ยลงนิดหน่อย ซึ่งเราว่ามันลงตัวขึ้นนะ
หน้าจอทั้ง 2 ของ Galaxy Z Fold4 นั้นใช้จอ Dynamic AMOLED 2X เหมือนกันมี Refresh rate สูง 120Hz เหมือนกันด้วย เวลาใช้งานสลับไป-มาจึงมีความ Seamless มาก คือลื่นไหลต่อเนื่องทั้งจอนอก-จอหลักเลย
ตัวกระจกหน้าจอของ Galaxy Z Fold4 ก็จะใช้เป็น Ultra Thin Glass เวอร์ชั่น 2.0 รุ่นใหม่ที่ทาง Samsung เคลมว่าทนทานต่อรอยขีดข่วนมากขึ้น และก็ยังติดฟิล์มกันรอยมาให้เหมือนเดิม 1 ชั้นซึ่งความรู้สึกเวลาสัมผัสก็จะเป็นเหมือนฟิล์ม TPU ที่จะมีความนุ่มไม่แข็งเหมือนกระจกสมาร์ทโฟนทั่วไป
ส่วนเรื่องรอยบนหน้าจอ ทาง Samsung ก็ใส่ใจในเรื่องนี้มากขึ้น รอยพับตรงกลางเครื่องดูจางลง แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ายังรู้สึกได้เมื่อเอานิ้วรูดผ่านหรือมองในมุมที่แสงกระทบจริง ๆ ครับ ตรงนี้ก็คงเป็นข้อจำกัดของฮาร์ดแวร์ด้วย แต่ใครที่ใช้ Z Fold3 มาก่อน พอเจอรอยที่บางลงแบบนี้ก็คงปลื้มไม่น้อยล่ะครับ
อีกอย่างที่อัปเกรดขึ้นมาก็คือกล้องใต้หน้าจอที่อัปเกรดความละเอียดขึ้นมาอีกหน่อย เรียกว่าเนียนตาขึ้น แต่เราก็ยังเห็นเม็ดพิกเซลได้อยู่ ยิ่งบนหน้าจอสีขาวก็คือค่อนข้างชัด แต่ในการใช้งานโดยรวมก็กลมกลืนไปกับคอนเทนต์หรือหน้าแอปที่เปิด ดีกว่าแบบเจาะรูที่ต้องเห็นแน่ ๆ หน่อยล่ะ
S Pen ยังรองรับอยู่เหมือนเดิม ใครที่มี S Pen Fold Edition เดิมอยู่แล้วก็มาขีดเขียนได้เลยไม่ต้องซื้อใหม่ แต่ถ้ายังไม่มีรอบนี้ Samsung ก็ออก S Pen ในสีใหม่ที่ตรงกับสีเครื่องมาขายแยกด้วย อันนี้แอบชอบ S Pen สีครีมเป็นพิเศษเลย สีสะอาดตามาก
บานพับของ Galaxy Z Fold4 ก็มีการปรับใหม่ ยกระดับความแข็งแกร่งด้วยกรอบโลหะที่เพิ่มความแข็งแกร่งมากขึ้น ลดน้ำหนักลงได้อีกหน่อยจากรุ่นก่อน 271 กรัม เหลือ 263 กรัม แต่สิ่งที่เห็นได้ชัดเลยก็คงเป็นการใช้พื้นที่ของบานพับที่ลดลงพอควร สังเกตจากตอนพับตัวบานพับจะไม่ยื่นขึ้นมาเท่ารุ่นก่อนแล้วครับ ทำได้บางดีทีเดียว
ความสามารถในการกันน้ำของ Galaxy Z Fold4 ก็ยังติดมาให้เหมือนเดิมด้วยมาตรฐาน IPX8 ทำให้มั่นใจได้ว่าการทำงานหากมือเปียกหรือโดยละอองน้ำเครื่องก็ยังจะไม่เสียไปง่าย ๆ แน่นอน ถือว่าเป็นนวัตกรรมของสมาร์ทโฟนจอพับจริง ๆ ครับ
พลิกกลับมาดูที่ด้านหลัง เรายังเห็นดีไซน์กล้องที่เรียงกับลงมาในแนวตั้งอยู่ในกรอบเลนส์วงรีเหมือนกับรุ่นก่อนเป๊ะ แต่ด้วยความกว้างของตัวเครื่องที่มากขึ้นบวกกับบานพับที่ไม่ยื่นออกมาจนดูหนา ก็แอบให้ความรู้สึกถึงการอัปเกรดที่เพิ่มขึ้นอยู่หน่อย ๆ
แต่สิ่งที่เราปลื้มมาก ๆ ในรอบนี้คงเป็นสีสันของตัวเครื่องที่ Samsung เพิ่มสีใหม่อย่างสี Graygreen ที่เป็นโทนเทามาดนักธุรกิจหนุ่มสุดเพอร์เฟ็กและสี Beige โทนทองครีม ๆ ที่หรูหราเหมือนเครื่องประดับของสาว ๆ 2 สีนี้ให้อารมณ์ตัวเครื่องที่แตกต่างไปจากสีเงินและสีเขียวของรุ่นก่อนพอสมควรเลยทีเดียว ซึ่งเราว่าสี Beige คงจะโดนใจหลาย ๆ คนแน่นอน ดูสวยดูแพงมากจริง ๆ ครับ
ตัวกล้องรอบนี้ดูผ่าน ๆ ก็เหมือนจะเป็นชุดเดิม แต่จริง ๆ แล้วภายในมีการอัปเกรดใหม่ยกชุด กล้องหลักเป็นความละเอียด 50MP f/1.8 พร้อม OIS + กล้อง Ultra Wide 12MP f/2.2 + กล้อง Tele 3X 10MP f/2.4 พร้อม OIS อีก เอ…หลายคนกำลังคิดอยู่ว่าทำไมสเปคกล้องมันคุ้น ๆ ใช่ไหมล่ะครับ ใช่แล้วครับ! กล้องชุดนี้คือกล้องของ Galaxy S22 และ S22+ นั่นเอง เรียกว่าอัปเกรดกล้องขึ้นมาเป็นระดับเดียวกับ S Series แล้วนะปีนี้
ในเรื่องซอฟต์แวร์ภายในเป็นสิ่งที่เราชอบมาก ๆ เพราะรอบนี้ไม่ใช่แค่อัปเดตสเปคขึ้นมาเท่านั้น Samsung ยังร่วมพัฒนาซอฟต์แวร์กับ Google ใช้ Android 12L ที่ครอบทับด้วย One UI 4.1.1 ปรับแต่งมาสำหรับสมาร์ทโฟนจอพับที่มีหน้าจอขนาดใหญ่เมื่อกางออกโดยเฉพาะเลยด้วย ในเรื่องการทำงานต่อเนื่องระหว่างจอนอกและจอใน ทำได้ดีเหมือนเคย
แต่จุดที่รอบนี้ปรับมาให้เหมาะกับสาย Productivity มากขึ้นก็คือการเพิ่ม Taskbar เข้ามาเมื่อเปิดใช้งานแอปนั่นเองครับ อย่างเช่นเมื่อเราเปิดแอปใดแอปหนึ่งขึ้นมาแถบ Navigation Bar ด้านล่างก็จะโชว์ไอคอนแอปที่ใช้ประจำขึ้นมาทันที คล้ายกับบน Windows ที่เราสามารถปักหมุดแอปไว้ด้านล่างได้ ทำให้เราใช้งานได้คล่องตัวมากขึ้น ไม่ต้องออกหน้าโฮมเพื่อไปเปิดแอปอื่นต่อ เลือกไปจาก Taskbar ด้านล่างได้ทันที
หรือจะเลือกแอปจาก Taskbar ขึ้นมาแบ่งหน้าจอบนหน้าหลักก็ง่าย ๆ แค่แตะค้างแล้วลากขึ้นมาเลย ซึ่งเราสามารถแบ่งหน้าจอได้สูงสุดถึง 3 แอปเลยด้วย นี่เรียกว่าน้อง ๆ แท็บเล็ตแล้วล่ะครับ
สำหรับสเปคของ Galaxy Z Fold4 ก็อัปเกรดขึ้นมาจากรุ่นก่อนมาใช้ชิปเรือธง Snapdragon 8+ Gen 1 ขนาด 4nm แล้ว มี RAM เท่าเดิมคือ 12GB แต่ความจุมีให้เลือกมากขึ้นสูงสุดเป็น 1TB แล้วบนรุ่นนี้ ส่วนแบตเตอรี่ยังแอบเสียดายที่ให้มา 4400mAh เท่าเดิมและชาร์จไว 25W Super Fast Charging คงต้องรอดูตอนใช้งานจริงอีกทีว่าอึดขึ้นไหมเนาะ
สรุปสเปค Galaxy Z Fold4
- หน้าจอนอก : Dynamic AMOLED 2X ขนาด 6.2” ความละเอียด HD+ (2316 x 904 พิกเซล) อัตราส่วน 23.1:9
- หน้าจอใน : Dynamic AMOLED 2X ขนาด 7.6” ความละเอียด QWGA+ (2176 x 1812 พิกเซล) อัตราส่วน 21.6:18
- Refresh rate: 120Hz
- CPU : Snapdragon 8+ Gen 1 (4nm)
- RAM : 12GB
- ROM : 256GB/512GB/1TB
- แบตเตอรี่ : 4400mAh
- ระบบชาร์จ : 25W Super Fast Charge
- กล้องหลัง : 3 ตัว
- 50MP กล้องหลัก f/1.8, Dual Pixel AF พร้อม OIS
- 12MP กล้อง Ultra Wide f/2.2 มุมกว้าง 123°
- 10MP กล้อง Tele f/2.4 Optical Zoom 3x พร้อม OIS
- กล้องหน้า (หน้าจอนอก) : 10MP f/2.2
- กล้องหน้า (หน้าจอใน) : กล้องใต้หน้าจอ 4MP f/1.8
- รองรับการเชื่อมต่อ : Wi-Fi 802.11a/b/g/n/ac/6e, Bluetooth 5.2, NFC และพอร์ต USB Type-C
- รองรับปากกา Stylus : S Pen
- กันน้ำ : มาตรฐาน IPX8
- ระบบปฏิบัติการ : Android 12L (One UI 4.1.1)
- สีสัน : Phantom Black, Graygreen, Beige
Galaxy Z Flip4
มาต่อกันที่ Galaxy Z Flip4 อีกหนึ่งสมาร์ทโฟนจอพับของ Samsung รอบนี้ก็ยังใช้ดีไซน์ที่คล้ายเดิมมาก ๆ เป็นรูปทรงตลับแป้งที่เมื่อพับเก็บจะมีขนาดที่พกพาได้ง่ายมาก มองภายนอกก็แทบไม่ต่างอีกนั่นแหละ แต่เมื่อสัมผัสก็รู้สึกได้เช่นกัน เพราะวัสดุและดีไซน์มีการปรับเปลี่ยนไปเล็กน้อยแต่ลงตัวขึ้นไปอีก
กระจกตัวเครื่องยังเป็นแบบ Two-Tone คือมีแถบสีดำพาดบริเวณกล้องและหน้าจอด้านนอก แต่กระจกที่เป็นสีเครื่องรอบนี้เปลี่ยนมาใช้แบบด้านแทนแล้วทำให้สัมผัสได้เนียนมือกว่าเดิม และไม่เก็บคราบรอยนิ้วมือเท่าไหร่ด้วยครับ
กรอบเครื่องก็ปรับให้ Flat ขึ้นชัดเจน ไม่โค้งเว้าเหมือนรุ่นก่อนแล้ว ทำให้เวลาถือแล้วมีความเต็มมือมากขึ้นด้วยครับ
ตัวบานพับของ Galaxy Z Flip4 ก็จะมีขนาดที่เล็กลงเช่นเดียวกับ Z Fold4 จึงทำให้รู้สึกว่าตัวเครื่องดูชิดขอบมากขึ้นไปอีกนิดด้วย ส่วนความคงทนของหน้าจอบนบานพับนี้ Samsung ยังเคลมว่าพับ-กางรวมกันได้มากกว่า 200,000 ครั้งเหมือนเดิม ซึ่งถือว่าทนทานดีมาก ๆ
หน้าจอด้านนอกหรือ Cover Screen รอบนี้ยังมีขนาดเท่าเดิมคือ 1.9″ แต่ Samsung เพิ่มความสามารถในการใช้งานแอปมากขึ้นไปอีก เช่น โทรศัพท์, ตอบกลับข้อความ, ควบคุมอุปกรณ์ IoT, ดูสภาพอากาศ, เปิด-ปิด Toggle หรือใช้งานเป็น ViewFinder สำหรับถ่ายรูปก็ยังได้ด้วยครับ
และรอบนี้การใช้กล้องหลังเป็นการเซลฟี่ก็เพิ่มตัวเลือกขึ้นมาอีกหน่อยคือเราสามารถใช้งานโหมด Portrait ได้แล้ว รวมถึงดูอัตราส่วนเต็มของภาพถ่ายได้ด้วยโดยการแตะที่หน้าจอ 3 ครั้ง ภาพที่ Preview ก็จะไม่ใช่การครอปตามสัดส่วนหน้าจออีกต่อไป ช่วยให้คนที่ชอบเซลฟี่หรือถ่ายคลิปเห็นรายละเอียดที่ครบถ้วนขึ้นจริง ๆ ตรงนี้เราชอบ
ไหน ๆ พูดถึงเรื่องกล้องแล้ว อัปเดตสเปคกล้องของ Galaxy Z Flip4 เพิ่มอีกสักหน่อยดีกว่า แม้ตามสเปคจะให้ความละเอียด 12MP + 12MP มาเหมือนเดิม แต่ถ้าดูกันจริง ๆ กล้องหลักของรุ่นนี้มีการอัปเกรดให้ดีขึ้น Samsung เคลมว่าสามารถเก็บแสงได้มากกว่าเดิมและถ่ายกลางคืนดีขึ้นอีกด้วย
คุยเรื่องภายนอกไปเยอะละ ได้เวลากางหน้าจอออกมาดูเต็ม ๆ สักที Galaxy Z Flip4 มาพร้อมหน้าจอหลัก Dynamic AMOLED 2X ขนาด 6.7″ ความละเอียด FHD+ (2640 x 1080 พิกเซล) ในอัตราส่วน 22:9 เท่าเดิม ในเรื่องการแสดงผลก็ยังสวยงาม แต่ความทนทานของกระจกเพิ่มขึ้นด้วย Ultra Thin Glass 2.0
ส่วนรอยพับตรงกลางจอ อันนี้บอกตรง ๆ ก็ยังมีให้เห็นแหละครับ ไม่ได้เนียนตาไปแบบไม่มีรอยเลย ความลื่นไหลได้ Refresh rate 120Hz มาเหมือนเดิม แต่รอบนี้อัปเกรดเป็นจอ LTPO แล้วคือสามารถปรับขึ้น-ลงจาก 1Hz – 120Hz ได้ด้วย น่าจะช่วยให้เรื่องแบตเตอรี่ดีขึ้นอีกแหละเนาะ
Flex mode ความเก่งกาจของซอฟต์แวร์ที่ยังคงถูกใจ บน Galaxy Z Flip4 ด้วยความที่มีหน้าจอพับได้ในแนวตั้งแบบนี้การจะแบ่งส่วนให้พื้นที่ด้านบนเป็นการแสดงผลและพื้นที่ด้านล่างวางนานเป็นตัวควบคุมก็ทำได้สบาย ๆ รอบนี้ Flex mode เก่งขึ้น รองรับแอปต่าง ๆ มากขึ้น ไม่ใช่แค่การดูหนัง ดู YouTube เหมือนรุ่นก่อน ๆ แล้ว
สำหรับสีสันในรอบนี้ปรับให้ซอฟต์ลงมีให้เลือก 4 สีหลักคือ สีม่วง Bora Purple, สีดำ Graphite, สีทอง Pink Gold และสีฟ้า Blue ทั้งหมดเป็นผิวแบบด้านทั้งหมด นอกจากนี้ Samsung ยังมีตัวเลือกให้ปรับแต่งสีเองได้ตามใจด้วย Bespoke Edition ที่เราสามารถปรับแต่งได้มากถึง 75 รูปแบบอีกด้วย
สเปคภายในทีอัปเกรดจัดเต็มด้วยชิป Snapdragon 8+ Gen 1 ตัวท็อป มาพร้อม RAM 8GB และความจุที่มีให้เลือกมากขึ้นสูงสุดเป็น 512GB แล้ว แต่จุดที่เพิ่มขึ้นและถูกใจแฟน ๆ ที่สุดคงหนีไม่พ้นแบตเตอรี่ รอบนี้เขยิบขึ้นจาก 3300mAh เป็น 3700mAh แล้ว น่าจะตอบโจทย์สายคอนเทนต์ที่ต้องใช้งานแบบหนัก ๆ พอดูเลย
สรุปสเปค Samsung Galaxy Z Flip4
- หน้าจอนอก : Super AMOLED ขนาด 1.9” ความละเอียด 260 x 512 พิกเซล
- หน้าจอใน : Dynamic AMOLED 2X ขนาด 6.7” ความละเอียด FHD+ (2640 x 1080 พิกเซล)
- Refresh rate : 120Hz
- CPU : Snapdragon 8+ Gen 1 (4nm)
- RAM : 8GB
- ROM : 128GB/256GB/512GB
- แบตเตอรี่ : 3700mAh
- ระบบชาร์จ : 25W Super Fast Charge
- กล้องหลัง : 2 ตัว
- 12MP กล้องหลัก f/1.8, Dual Pixel AF, OIS
- 12MP กล้อง Ultra Wide f/2.2 มุมกว้าง 123°
- กล้องหน้า : 10MP f/2.4
- รองรับการเชื่อมต่อ : Wi-Fi 802.11a/b/g/n/ac/6, Bluetooth 5.1, NFC และพอร์ต USB Type-C
- กันน้ำ : มาตรฐาน IPX8
- ระบบปฏิบัติการ : Android 12 (One UI 4.1.1)
- สีสัน : Bora Purple, Graphite, Pink Gold, Blue
โดยรวมก็ถือว่าเป็นสองสมาร์ทโฟนจอพับที่ปรับปรุงในจุดที่หลายคนติให้ดีขึ้นและลงตัวน่าใช้กว่าเดิมมาก ๆ สำหรับ Galaxy Z Fold4 และ Z Flip4 ในรอบนี้ แม้ดีไซน์จะไม่หวือหวาขึ้นมาก แต่เชื่อเถอะว่าถ้าได้ลองสัมผัสและจะรักหมดใจแน่นอนครับ ทั้งหมดนี้เป็นเพียงพรีวิวแรกสัมผัสจากงานเปิดตัวเท่านั้นเนาะ สำหรับการใช้งานจริงจะดีขึ้นแค่ไหน ควรค่าแค่การเสียเงินรึเปล่า ไว้ได้เครื่องมาแล้วจะรีวิวให้ชมกันอีกทีครับ ส่วนรายละเอียดราคาและโปรโมชั่นการจองเรารวมไว้ให้หมดแล้วที่ด้านล่างนี้เลยครับ..
ราคา Galaxy Z Fold4
- รุ่น RAM 12GB + ROM 256GB : 59,900 บาท
- รุ่น RAM 12GB + ROM 512GB : 65,900 บาท
- รุ่น RAM 12GB + ROM 1TB : 75,900 บาท
ราคา Galaxy Z Flip4
- รุ่น RAM 8GB + ROM 128GB : 35,900 บาท
- รุ่น RAM 8GB + ROM 256GB : 38,900 บาท
- รุ่น RAM 8GB + ROM 512GB : 44,900 บาท