Connect with us

Smart Review

รีวิว Galaxy Z Fold6 เรือธงจอพับ ที่ปีนี้น่าสนใจขึ้นในทุกมิติ!

Published

on

รีวิว Galaxy Z Fold6 สมาร์ทโฟนจอ “พับใหญ่” รุ่นล่าสุดของ Samsung ในปีนี้ รอบนี้อัปเกรดหลายจุดกว่าที่เคย ทั้งดีไซน์ทรงเหลี่ยมแนวใหม่, ขนาดตัวเครื่องที่เข้าใกล้สมาร์ทโฟนทั่วไปขึ้น, หน้าจอนอกที่ใช้งานได้ดีขึ้น, ชิปเซ็ต Snapdragon 8 Gen 3 For Galaxy และที่ขาดไม่ได้เลยคือ Galaxy AI ที่เก่งและฉลาดขึ้นกว่าเดิม เรียกว่าน่าสนใจขึ้นในทุกมิติจริง ๆ ล่ะครับ

และหลังจากที่เราถือใช้งานเป็นเครื่องหลักกว่า 1 สัปดาห์แล้ว วันนี้ก็พบกับ รีวิว Galaxy Z Fold6 ฉบับเต็มได้เลยครับ!

สรุปสเปค Samsung Galaxy Z Fold6

  • หน้าจอนอก : Dynamic AMOLED 2X ขนาด 6.2” ความละเอียด HD+ (2376 x 968 พิกเซล) อัตราส่วน 22.1:9
  • หน้าจอใน : Dynamic AMOLED 2X ขนาด 7.6” ความละเอียด QXGA+ (2160 x 1856 พิกเซล) อัตราส่วน 20.9:18
  • Refresh rate: 120Hz
  • CPU : Snapdragon 8 Gen 3 For Galaxy Octa-Core 3.4GHz (4nm)
  • RAM : 12GB
  • ROM : 256GB/512GB/1TB
  • แบตเตอรี่ : 4400mAh
  • ระบบชาร์จ : 25W Super Fast Charge
  • กล้องหลัง : 3 ตัว
    • 50MP กล้องหลัก f/1.8, Dual Pixel AF, OIS
    • 12MP กล้อง Ultra Wide f/2.2 มุมกว้าง 123°
    • 10MP กล้อง Tele 3x f/2.4, OIS
  • กล้องหน้า (หน้าจอนอก) : 10MP f/2.2
  • กล้องหน้า (หน้าจอใน) : กล้องใต้หน้าจอ 4MP f/1.8
  • รองรับการเชื่อมต่อ : Wi-Fi 802.11a/b/g/n/ac/6e, Bluetooth 5.3, NFC และพอร์ต USB-C
  • รองรับปากกา Stylus : S Pen (Fold Edition)
  • กันน้ำ : มาตรฐาน IP48
  • ระบบปฏิบัติการ : Android 14 (One UI 6.1.1)
  • สีสัน : Silver Shadow, Navy, Pink

ดีไซน์กรอบเหลี่ยมดึงเอกลักษณ์มาจากรุ่น Ultra

เริ่มกันที่ดีไซน์ก่อนเลย รอบนี้ Galaxy Z Fold6 มีการปรับโฉมครั้งใหญ่ โดยเปลี่ยนมาใช้ดีไซน์แบบกรอบเหลี่ยมแล้ว หลังจากที่ใช้กรอบโค้งมนมากว่า 5 รุ่น มีการลดความโค้งมนลงในทุกมิติ ไม่ใช่แค่ขอบหรือมุมเครื่อง แต่หน้าจอและฝาหลังก็แบนราบเป็น 2D ไปเลยด้วยครับ

ซึ่งดีไซน์แบบนี้เราว่าดูดีขึ้น มีความทางการและสุขุมกว่า และล้อไปกับดีไซน์ของ Galaxy S รุ่น Ultra ที่มักจะเน้นไปที่ความเหลี่ยมมากกว่ารุ่น + หรือปกติ เสมือนนี่คือรุ่นท็อปสุดจาก Samsung แล้วนั่นเองครับ

แถมรอบนี้ Galaxy Z Fold6 ก็เปลี่ยนผิวสัมผัสของกรอบเครื่องให้เป็นแบบด้านทั้งหมดแล้วด้วย ทำให้โดยรวมดูมีความกลมกลืนกันไปทั้งหมด ไม่ใช่กรอบมันวาวและฝาหลังด้านแบบรุ่นก่อน ๆ แล้ว ส่วนตัวชอบแบบใหม่นี้มากกว่าเพราะถือใช้งานแบบไม่ใส่เคสก็สะดวก ไม่เก็บคราบรอยนิ้วมือให้ต้องมาคอยทำความสะอาดบ่อย ๆ น่ะนะ

Z Fold ที่บางและเบาที่สุด

แต่ไม่ใช่แค่เปลี่ยนดีไซน์ภายนอกเพียงอย่างเดียวครับ เพราะ Galaxy Z Fold6 นั้นลดความหนาและน้ำหนักของตัวเครื่องลงได้มาก กลายเป็น Z Fold ที่บางและเบาที่สุดรุ่นใหม่ไปเรียบร้อย ซึ่งทันทีที่เราหยิบเครื่องขึ้นมาก็รู้สึกถึงความ “เบา” ได้ในทันทีเลย เพราะตามตัวเลขนั้นรุ่นนี้เบาแค่ 239 กรัมเท่านั้น

ซึ่งน้ำหนักนี้ถ้าเทียบกับ Galaxy S24 Ultra (ใส่เคส) ที่เราถือเป็นประจำอยู่แล้วจะรู้ได้ทันทีเลยว่านี่คือน้ำหนักที่ใกล้เคียงกันมาก เอาจริง ๆ แอบตกใจเลยว่าปีนี้ Samsung อัปเกรดเรื่องน้ำหนักมาได้ดีขนาดนี้เชียว เป็นน้ำหนักที่ทำให้เราอยากพกพาไปไหนมาไหนกว่าเดิมจริง ๆ ครับ

ความบางตอนกางก็ทำได้ดีขึ้นเหลือแค่ 5.6 มม.เท่านั้น แต่เห็นตัวเลขที่น้อย ๆ แบบนี้บอกก่อนว่าสามารถถือได้อย่างถนัดมืออยู่นะ ด้วยความที่กรอบเครื่องเป็นแบบเหลี่ยมใหม่นี่แหละ บางแต่กระชับมือ

ส่วนความบางตอนพับจะอยู่ที่ 12.1 มม.แน่นอนว่าไม่ได้บางเฉียบใกล้เคียงกับสมาร์ทโฟนเรือธงทั่วไปหรอก แต่ก็เป็นความหนาที่รับได้ครับ

หน้าจอนอกทรงใหม่ กว้างขึ้น (อีกครั้ง)

ถ้าใครที่ติดตาม Galaxy Z Fold มาตลอด จะเห็นว่า Samsung พยายามปรับแก้ให้การใช้งานจอนอกสะดวกขึ้นในทุก ๆ รุ่น ซึ่งรอบนี้ก็เป็นอีกครั้งที่จอนอกนั้นกว้างออกข้างไปอีก จากเดิมที่ใช้อัตราส่วน 23.1:9 บน Z Fold5 ก็ขยายออกมาเป็น 22.1:9 แล้วครับ ทำให้เราใช้งานได้ใกล้เคียงสมาร์ทโฟนทั่วไปได้อีกนั่นเอง และขนาดหน้าจอก็ใหญ่ขึ้นเป็น 6.3″ (จากเดิม 6.2″) ด้วยนะ

แต่การขยายจอในครั้งไม่ได้ทำให้เครื่องใหญ่ขึ้นจนดูเทอะทะนะ เพราะ Samsung เลือกปรับทรงหน้าจอด้านนอกให้สมมาตรขึ้น เราจะเห็นว่าขอบจอสีดำนั้นเท่ากันในทุกมุมเลย และพอมาอยู่กับตัวบานพับที่เล็กลง ทำให้หน้าจอด้านนอกเวลาเราพับเข้าหากันนั้นดูสวยงามลงตัวขึ้นเยอะ ถ้าไม่สังเกตดี ๆ อาจจะคิดว่านี่คือสมาร์ทโฟนที่ทรงจอยาวเฉย ๆ ก็ได้นะเออ

หน้าจอหลักยังเป็นอัตราส่วนเอกลักษณ​์

แน่นอนว่าพอจอนอกกว้างขึ้น ก็ส่งผลมาถึงจอหลักด้านในนิดหน่อยด้วย แต่จุดที่ Samsung ยังคงเอกลักษณ์ได้ดีก็คือหน้าจอหลักยังไม่เป็นสี่เหลี่ยมจตุรัส ให้เราใช้งานได้ทั้งแบบแนวตั้งหรือแนวนอนได้อยู่ ซึ่งจะต่างจากสมาร์ทโฟนจอพับรุ่นอื่น ๆ ที่เน้นจอนอกที่ใหญ่ทำให้เวลากางออกสัดส่วนจอหลักจะกลายเป็นสี่เหลี่ยมจตุรัสไปนั่นเองครับ

ในเรื่องการแสดงผลทั้งจอนอกและจอในยังได้เทคโนโลยี Dynamic AMOLED 2X มาทั้งคู่ รองรับ Refresh rate แบบ LTPO ปรับขึ้น-ลงได้ตั้งแต่ 1-120Hz ได้กันด้วย ในเรื่องสีสันคงไม่ต้องพูดเยอะครับ สวยงามตามสไตล์ Samsung แหละ และรอบนี้ยังเพิ่มความสว่างสูงสุดได้ถึง 2600nits ทั้งจอนอกและจอหลักเลย ใช้งานกลางแจ้งได้สบายตาขึ้นนะ

กรอบเลนส์ที่อลังการขึ้น ปกป้องได้มั่นใจกว่าเดิม

ส่วนดีไซน์ด้านหลังของ Galaxy Z Fold6 ก็ยังวางกล้องหลัง 3 ตัวเรียงกันลงในแนวตั้งเหมือนเดิม แต่รอบนี้กรอบเลนส์ให้มาหนาถึงใจเลย โดยวงแหวนรอบ ๆ จะนูนขึ้นกว่าตัวเลนส์อีกหน่อย ช่วยปกป้องกระจกเลนส์ไม่ให้สัมผัสกับพื้นผิวโดยตรงเมื่อเราวางเครื่องแบบไม่ใส่เคสครับ ดู ๆ แล้วก็อลังการขึ้นอยู่เนอะ ว่าไหมล่ะ ?

แข็งแรงขึ้นในทุกมิติ

แม้ตัวเครื่องจะบางและเบาลง แต่ในเรื่องความแกร่ง Galaxy Z Fold6 ก็ทำได้ดีขึ้นด้วย เริ่มจาก FlexHinge หรือบานพับที่บางลงแต่ทนทานได้มากขึ้น Samsung ออกแบบมาให้ทนต่อเรื่องกดได้ดีกว่าเดิม เผื่อสถานการณ์จริงที่เราอาจจะกางหน้าจออยู่แล้วเผลอนั่งทับอะไรทำนองนั้นครับ

และอีกจุดที่เราชม Z Fold มาตลอดก็คือตัวบานพับนั้นให้อิสระผู้ใช้ได้มากจริง ๆ เพราะองศาที่กางได้ไม่ใช่แค่กางออก-พับเก็บเท่านั้น เราจะกางจนเกือบสุดไปเลยเพื่อดูคอนเทนต์ หรือจะหุบเข้ามาจนเกือบจะพับเพื่อถ่ายรูปมุมเสยก็ทำได้หมด บานพับแข็งแรงมาก ๆ ครับ

ความที่รอบนี้กรอบเครื่องเป็นแบบเหลี่ยมก็ถือว่าตัดสินใจได้ดีมากครับ เพราะนอกจากจะจับได้กระชับมือแล้ว เวลากางจอออกก็ง่ายขึ้นเพราะมีพื้นที่ให้วางนิ้วมากกว่าเดิม ไม่ลื่นหลุดมือเหมือนกรอบโค้ง ๆ แถมรอบนี้ความแน่นของแม่เหล็กก็ลดลงนิดหน่อย ทำให้เวลาถือกางง่ายขึ้น ไม่ต้องออกแรงเท่าเดิมแล้วครับ

และพอกรอบเป็นเหลี่ยมก็ทำให้เวลาเราพับเข้าหากันนั้นดูแนบสนิทกว่าตอนขอบโค้งอีกหน่อย แม้รุ่นก่อนจะบอกว่าพับได้แนบสนิทแล้วก็ตามเนาะ

นอกจากนี้ในเรื่องความทนทาน Galaxy Z Fold6 ก็ได้มาตรฐานกันน้ำและกันฝุ่นมาใหม่เป็น IP48 แล้วด้วยครับ ซึ่งทำให้เราสามารถใช้งานได้อย่างมั่นใจยิ่งขึ้น

โดยรวมในเรื่องดีไซน์ของ Galaxy Z Fold6 ก็เห็นได้ชัดเลยครับว่ามีการเปลี่ยนแปลงไปจากรุ่นก่อนแทบทั้งหมด ทรงเหลี่ยมขึ้น บางและเบาลง ผิวสัมผัสที่เป็นแบบด้านไปทั้งหมดแล้ว ดีไซน์นี้ทำให้เราประทับใจอยู่ไม่น้อยเลยล่ะครับ เหมือนแก้จุดที่ยังไม่ลงตัวให้เข้าที่ไปอีกขั้นหนึ่ง ใครที่ใช้ Z Fold รุ่นก่อน ๆ แล้วคิดว่าหนักไป หนาไป รอบนี้ Samsung เขาฟังฟีดแบคและปรับปรุงให้แล้วนะ

Galaxy AI กับความสามารถใหม่ที่ใช้ได้จริงยิ่งขึ้น!

มาต่อในเรื่องซอฟต์แวร์เลยดีกว่า ซึ่งรอบนี้ Galaxy Z Fold6 ได้ซอฟต์แวร์ภายในมาเป็น One UI 6.1.1 เวอร์ชั่นอัปเกรดที่มีการเพิ่มลูกเล่นใหม่ ๆ เข้ามาซึ่งที่เด่นที่สุดก็คงหนีไม่พ้นความสามารถของ Galaxy AI ชุดใหม่ที่ต่อยอดมาจากตอน S24 Series นั่นเองครับ ที่บอกว่าต่อยอดเพราะว่าอะไรที่เคยทำได้บน S24 Series รุ่นนี้ทำได้เหมือนกัน แต่เพิ่มของใหม่เข้ามาให้ใช้งานได้ดีขึ้นอีก

ซึ่งของใหม่ที่ว่านั้นจะแบ่งออกเป็น 4 หมวดหลัก ๆ คือ Call Assist, Chat Assist, Inter Preter และ Photo Assist นั่นเองครับ แต่ละอย่างมีอะไรบ้าง เรามาเจาะกันไปทีละฟีเจอร์เลยดีกว่าเนาะ

Call Assist

เริ่มที่ Call Assist กับ Live Translate ก่อนเลย รอบต้นปีฟีเจอร์นี้ดูเป็นหนึ่งในจุดขายหลักของ Galaxy AI เลยก็ว่าได้กับการแปลงภาษาระหว่างโทรคุยแบบเรียลไทม์ แต่แน่นอนว่าตอนนั้นยังจำกัดแค่ในแอปโทรศัพท์เท่านั้น รอบนี้ Samsung เลยเพิ่มทางเลือกในการแปลภาษาใหม่ให้เข้าถึงแอป 3rd Party อื่น ๆ อาทิ LINE, Messenger หรือ IG ได้แล้ว สะดวกขึ้นไปอีกขั้นใช่ไหมล่ะ

Chat Assist

ต่อกันที่ Chat Assist หรือฟีเจอร์สำหรับการแชท ตอนต้นปีเราจะเห็นเครื่องมือที่มาจัดการรูปแบบประโยคใหม่ให้ใช้งานจริงได้มากขึ้นกับ Writing Style ใช่ไหมครับ แต่รอบนี้ AI เรียนรู้มาเก่งขึ้น ช่วยสร้างประโยคจากคำไม่กี่คำได้เลย ฟีเจอร์นี้เรียกว่า Composer ที่เพิ่มเข้ามาใน Samsung Keyboard อีกหัวข้อ ซึ่งในนี้จะมีให้เลือกรูปแบบการสร้างประโยคหลัก ๆ อยู่ 4 รูปแบบคือ มาตรฐาน, อีเมล, โซเชี่ยลมีเดีย, คอมเมนต์ และเรายังสามารถเลือกรูปแบบของประโยคได้อีกว่าจะเป็น ทางการ, สบาย ๆ หรือสุภาพอีกต่างหาก ซึ่งในตัวอย่างนี้เราเลือกหมวด Social แบบสบาย ๆ สร้างประโยคจากคำว่า “กำลังจะไปเที่ยวญี่ปุ่น รอชมภาพสวย ๆ ได้เลยทุกคน” และนี่คือประโยคที่ได้..

Interpreter

แปลภาษาด้วยแอป Interpreter ที่รอบที่แล้วทำได้ดีเช่นกัน แต่ยังมีข้อจำกัดที่เราต้องยื่นไป-มาอาจจะไม่สะดวกเท่าไหร่ รอบนี้ด้วยความเป็นสมาร์ทโฟนจอพับ จึงใช้ความสามารถในการแปลแบบ 2 หน้าจอซะเลย ซึ่งทำได้ดีมากด้วย เพราะเราสามารถใช้จอด้านนอกแสดงข้อความที่แปลได้ทันที ทำให้ไม่ต้องยื่นเครื่องไป-มาแล้ว คุยกันต่อเนื่องตรงนั้นเลย

Photo Assist

การตกแต่งภาพรอบนี้มีลูกเล่นใหม่ใน Photo Assist ก็คือ Portrait Studio ที่จะช่วยให้เราเปลี่ยนภาพถ่ายมาเป็นภาพวาดได้ 4 รูปแบบได้แก่ Comic, 3D Cartoon, Watercolor หรือ Sketch ครับ ซึ่งแต่ละหมวดจะเจนภาพออกมาได้ทีละ 4 ภาพ ให้เราได้เลือกไปใช้งานได้ทั้งหมด ความดีงามคือเราสามารถใช้รูปภาพบุคคลใดมาทำก็ได้ ไม่จำเป็นต้องถ่ายใหม่จากเครื่องครับ ซึ่งภาพที่ได้ก็ถือว่าทำออกมาได้ดีเลย เก็บรายละเอียดของแบบได้ครบ ใช้เวลาไม่นานก็ได้ภาพแนวใหม่ ๆ มาเปลี่ยนโปรไฟล์ หรือภาพ Wallpaper ได้แล้ว อันนี้ชอบมากครับ!

Drawing Assist

แต่แค่เปลี่ยนเป็นภาพวาดคงไม่พอเพราะ ในแอป Gallery ยังมีฟีเจอร์ที่เรียกว่า Sketch to Image ให้เราได้วาดรูปลงไปในภาพ และ Galaxy AI จะเปลี่ยนเป็นภาพแบบสมจริงขึ้นมาให้เลย แถมความเก่งกาจก็คือเราไม่ต้องวาดสวยหรือจริงจังมากเลย แค่วาดพอให้ AI เดาได้ว่าจะสื่ออะไรก็พอ AI จะเปลี่ยนลายเส้นของเราเป็นสัตว์หรือสิ่งของได้เข้ากับภาพนั้นมาก ๆ ไม่ใช่แค่เอามาแปะแบบไม่คำนึงถึงสภาพแวดล้อม แต่นี่ทำได้เนียนมาก อีกอย่างคือสีปากกาที่เราใช้วาดก็จะส่งผลกับสีของวัตถุที่ AI สร้างด้วย อย่างในภาพเราวาดหมาด้วยสีเหลือง แก้วสีน้ำเงิน กับจานขนมด้วยสีส้ม ผลลัพธ์ที่ได้ก็ตามด้านล่างนี้เลยครับ

แต่แค่วาดในภาพจริงยังไม่พอ เพราะในแอป Samsung Notes ก็ยังมีตัวเลือกแปลงภาพจากลายเส้นของเราเป็นภาพแนวอื่น ๆ ด้วยฟีเจอร์ Sketch to Image เหมือนกัน ซึ่งเท่าที่เราลองก็ถือว่า AI นั้นเก่งมาก ๆ แปลเป็นภาพได้หลายรูปแบบ อาทิ Illustration, 3D Cartoon, Pop art หรือ Sketch ถ้ายิ่งวาดลงรายละเอียดมากเท่าไหร่ ภาพที่เจนออกมาก็จะยิ่งละเอียดตามไปด้วย

นี่ก็เป็นเพียงบางฟีเจอร์ของ Galaxy AI ที่ถูกเพิ่มเข้ามาในซอฟต์แวร์ One UI 6.1.1 ของ Galaxy Z Fold6 เท่านั้นเนาะ จริง ๆ ยังมีฟีเจอร์ที่ทำได้ยอดเยี่ยมตั้งแต่ Galaxy AI เวอร์ชั่นแรกให้ใช้งานครบเหมือนกัน จะเป็นการถอดเทปเสียงที่บันทึกไว้เป็นข้อความ, สรุปความจากหน้าเว็บ, เคลื่อนย้ายวัตถุในภาพ, ลบคนในภาพ, Circle to Search หรืออะไรที่เคยทำได้ บนรุ่นนี้ก็ยังทำได้อยู่ เพิ่มเติมคือฟีเจอร์ใหม่ ๆ ที่เสริมไปด้านบนอีก บอกแล้วว่าปีนี้ Samsung เน้นเรื่องซอฟต์แวร์อย่างมาก และใช้งานได้จริงทั้งหมดด้วย

ประสบการณ์การใช้งานที่ดีขึ้น

นอกจากความสามารถใหม่ ๆ ของ Galaxy AI แล้ว ความสามารถด้านซอฟต์แวร์ที่ Samsung เก่งมาตลอด ก็ยังติดมาบน One UI 6.1.1 ของ Galaxy Z Fold6 ครบ ช่วยเสริมประสบการณ์การใช้งานสมาร์ทโฟนจอพับได้เป็นอย่างดี อย่างเรื่องที่เราชอบมาก ๆ ก็คือการแบ่งส่วนของหน้าจอนอกและหน้าจอในต่างกันไปเลย ตัว UI จะมีการปรับแยกส่วนกันชัดเจน ทั้งการวางไอคอนแอป Widget หรือ Wallpaper ซึ่ง UI ด้านนอกก็จะเป็นแบบสมาร์ทโฟนทั่วไป ส่วนด้านในทั้งหน้า Setting หรือการใช้งานแอปอื่น ๆ ก็จะเป็นแบบแท็บเล็ตไปเลย เหมือนเรามีทั้งสมาร์ทโฟนจอเล็กและแท็บเล็ตอยู่ในร่างเดียวกันจริง ๆ ครับ

อย่าง UI ของแอปฮิต ๆ ก็จะมีการปรับสัดส่วนของปุ่มหรือไอคอนให้เข้ากับทรงของหน้าจอมากขึ้น ยกตัวอย่างในที่นี้ก็คือ Instagram ที่ปกติแล้วแถบเมนูจะอยู่ที่ด้านล่างและโชว์ฟีดกับ Stories ไว้หลัก ๆ พอเรามาเปิดบนหน้าจอหลักของ Galaxy Z Fold6 แถบเมนูจากด้านล่างจะถูกย้ายไปมุมซ้ายแทน และตรงกลางก็จะเป็นฟีดให้เราได้ไถต่อไปนั่นเองครับ

มี Taskbar ให้เข้าถึงแอปได้ทันที

ฟีเจอร์ Taskbar แถบแอปพลิเคชั่นด้านล่าง ก็ยังมีมาให้เราใช้งานบน One UI 6.1.1ทำให้เราได้เข้าถึงแอปได้แบบทันทีแบบไร้รอยต่อ เวลาจะใช้งานก็แตะเลือกได้ทันที สมมติเรากับหาแอปบน Play Store อยู่แต่ก็อยากหาข้อมูลเพิ่มเติมจากเว็บไซต์ก่อน ก็แตะเลือกที่ไอคอน Chrome ที่เราตั้งค่าไว้ที่แถบด้านล่างได้เลย ไม่ต้องกดออกไปหน้าโฮมก่อนแล้วค่อยเข้าอีกที หรือจะลากแอปจาก Taskbar มาแบ่งหน้าจอโดยไม่ต้องกดเลือก Multi-windows ก็ได้เช่นกัน

ใช้งานหลายแอปก็สะดวกขึ้น

อย่างที่บอกว่าตัว Taskbar ที่อยู่ด้านล่างนี้ช่วยให้เราเลือกแอปขึ้นมาใช้งานได้สะดวกขึ้นมาก นอกจากนี้ก็ยังมี Gesture อย่างการใช้ 2 นิ้วลากจากมุมจอเพื่อแบ่ง 2 แอปได้ด้วย ซึ่งรวม ๆ ความสามารถของทั้ง Taskbar กับ Gesture บวกกับหน้าจอขนาดใหญ่ของ Galaxy Z Fold6 ก็ชวนให้เราประทับใจอย่างมาก เพราะนี่คือความสามารถแบบ Multitask ที่หาได้ยาก ถ้าไม่ได้ใช้สมาร์ทโฟนจอพับแบบนี้ครับ

หน้าจอนอกก็พิมพ์ได้สะดวกขึ้นอีกนิดแล้วด้วยนะ

คงเป็นเรื่องที่ชมได้ทุกปี เพราะอย่างที่บอกว่า Galaxy Z Fold6 นั้นขยายพื้นที่หน้าจอนอกให้กว้างขึ้น (อีกแล้ว) จาก 23.1:9 มาเป็น 22.1:9 ทำให้เรามีพื้นที่ในการใช้งาน ยิ่งเวลาพิมพ์นั้นสะดวกขึ้นอีกในปีนี้ ตัวปุ่มไม่เล็กจนเกินไป แต่ถามว่าคล่องตัวเท่าอัตราส่วนมาตรฐานไหม อันนี้ก็บอกตรง ๆ ว่ายังห่างกันอยู่พอสมควร แต่ก็เป็นเรื่องน่ายินดีที่ปรับมาให้ล่ะเนาะ

ชิปเซ็ตที่ีอัปเกรดกับ Snapdragon 8 Gen 3 For Galaxy

มาต่อในเรื่องสเปคกันบ้าง Galaxy Z Fold6 มาพร้อมชิปเซ็ต Snapdragon 8 Gen 3 For Galaxy เร็ว แรงที่สุดในสมาร์ทโฟน Android ตอนนี้แล้ว แต่หลัก ๆ ก็เป็นจุดเดียวที่อัปเกรดขึ้นมาครับ เพราะนอกนั้นยังได้เท่ากับรุ่นก่อน ไม่ว่าจะเป็น RAM 12GB และความจุภายใน 3 ความจุให้เลือกเป็น 256GB/512GB หรือ 1TB เท่าเดิม

แต่ถามว่าเท่าเดิมน่ะพอไหม? เราก็ตอบตรงนี้เลยว่า ยังเหลือ ๆ ครับ เพราะทั้งการใช้งานที่เราลองมาจริง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการเข้าเว็บไซต์ เปิดหลายหน้าต่างพร้อมกัน หรือจะการประมวลผล Galaxy AI สเปคนี้ก็เร็วแรงหายห่วงจริง ๆ ครับ

แต่เพื่อให้เห็นภาพถึงความแรงเหลือ ๆ ที่ว่านี้สักหน่อย เราก็ทดสอบประสิทธิภาพผ่าน AnTuTu Benchmark มาให้เห็นตัวเลขคร่าว ๆ โดย Galaxy Z Fold6 ที่เราทดสอบนั้นได้คะแนนออกมาที่ 1380322 คะแนนเลยครับ

ส่วนทางฝั่ง Geekbench 6 ก็จะได้ Single-Core ที่ 2043 และ Multi-Core ที่ 6372 สูง ๆ เลยล่ะ

เล่นเกมกันหน่อยดีกว่า

ด้วยสเปคที่ให้มาขนาดนี้ เราขอเล่นเกมทดสอบประสิทธิภาพจริงกันสักหน่อย เกมที่เราใช้ทดสอบ Galaxy Z Fold6 จะมี 3 เกมใหญ่ ๆ ประกอบด้วย Genshin Impact, Asphalt 9 Legends Unite และ Call of Duty Warzone ครับ ในการทดสอบนี้เราจะเล่นในจอในเป็นหลัก เนื่องจากเป็นจอใหญ่ที่ควรใช้งานกันจริง ๆ น่ะเนาะ และผลก็ออกมาดังนี้ครับ

เล่น Genshin Impact บน Galaxy Z Fold6

เริ่มที่ Genshin Impact แน่นอนว่าสเปคระดับนี้เราสามารถเปิดกราฟิกได้ที่สูงสุดทั้งหมดอยู่แล้ว ซึ่งในการเล่นจริงก็ถือว่าทำได้ลื่นไหลมาก ๆ เฟรมเรตนิ่ง ๆ ไม่มีอาการกระตุกแบบหนัก ๆ ให้เห็นจนหงุดหงิดเลย ภาพกราฟิกก็สวยงามอลังการในหน้าจอหลัก ได้มุมมองที่กว้างไม่ต่างจากเล่นบนแท็บเล็ตเลยด้วยครับ

เล่น Asphalt 9 Legends Unite บน Galaxy Z Fold6

ต่อมาที่ Asphalt 9 Legends Unite เกมแข่งรถภาพสวยที่ตอนนี้อัปเดตมาใหม่เพิ่มลูกเล่นและเอฟเฟกต์เข้ามา แต่ด้วยสเปคระดับสูงขนาดนี้ ก็ยังปรับได้สุดทุกอย่างทั้ง กราฟิกระดับ High Quality คู่กับ 60fps เหมือนเดิมครับ ตัวเกมมีการเพิ่มเอฟเฟกต์ในฉากเพิ่มมากขึ้น แต่ Z Fold6 ก็เล่นได้อย่างลื่นไหลสุด ๆ อัตราส่วนหน้าจอที่ใหญ่กว่าสมาร์ทโฟนทั่วไปก็ไม่ใช่ปัญหาครับ แสดงผลได้ครบถ้วนเหมือนกัน

เล่น Call of Duty Warzone บน Galaxy Z Flip6

ปิดท้ายที่เกมยิงกราฟิกจัดเต็ม เกมเพลย์สุดอลังการกับ Warzone บน Galaxy Z Fold6 สามารถปรับระดับกราฟิกได้หลากหลาย ในการทดสอบนี้เราเลือกปรับสุดเลยคือ Visual Quality = Peak | fps แบบไม่จำกัด | Resolution = High แน่นอนว่าเล่นได้แบบลื่น ๆ ครับ ในกราฟิกสูงสุดเลย มุมมองก็กว้างยิ่งถ้าเล่นในโหมด Mobile Royale ที่ต้องอาศัยการมองเห็นของฉากกว้าง ๆ ก็แอบได้เปรียบกว่าคนอื่นอยู่นะ

ในเรื่องประสิทธิภาพ Galaxy Z Fold6 ก็ถือว่ายังทำได้ประทับใจเหมือนเดิมครับ ความแรงที่ส่งถึง ส่วนเรื่องอัตราส่วนหน้าจอที่อาจจะแตกต่างจากสมาร์ทโฟนทั่วไปสักหน่อย แต่ถ้าเรามองว่านี่คือแท็บเล็ตหน้าจอเล็ก ก็น่าจะพอเข้าใจได้ว่าจอจะไม่ยาวเท่าสมาร์ทโฟนอยู่แล้ว หรือถ้าเล่นเกมไม่ถนัดจริง ๆ ตัว One UI เองก็มีฟีเจอร์ปรับอัตราส่วนเพิ่มเติมเป็นรายแอปได้ด้วย หรือใครจะใช้ประโยชน์จากหน้าจอที่ใหญ่ เล่นเกมหลาย ๆ เกมพร้อมกันก็ได้อยู่ เพราะซอฟต์แวร์มีการปรับแต่งมาเพื่อ Multitask โดยเฉพาะอยู่แล้ว

กล้องที่ยังไม่ได้อัปเกรดใหม่อีกปี

มาต่อในเรื่องกล้อง รอบนี้ Galaxy Z Fold6 ครับ ปีนี้ Samsung ยังไม่ได้อัปเกรดกล้องอีกปี ยังคงใช้กล้องหลักชุดเดียวกับ Galaxy Z Fold5 (รวมถึง Z Fold4) อยู่ มีสเปคคร่าว ๆ ดังนี้ครับ

  • กล้องหลัง : 3 ตัว
    • 50MP กล้องหลัก f/1.8, Dual Pixel AF พร้อม OIS
    • 12MP กล้อง Ultra Wide f/2.2 มุมกว้าง 123°
    • 10MP กล้อง Tele f/2.4 Optical Zoom 3X พร้อม OIS
  • กล้องหน้า (หน้าจอนอก) : 10MP f/2.2
  • กล้องหน้า (หน้าจอใน) : กล้องใต้หน้าจอ 4MP f/1.8

แต่ถึงแม้จะบอกว่าฮาร์ดแวร์เป็นชุดเดิม แต่ซอฟต์แวร์ก็มีการปรับปรุงใหม่ด้วย อัลกอริธึม ProVisual Engine แบบเดียวกับ Galaxy S24 Series ซึ่งจะประมวลผลภาพแบบใหม่ ให้ภาพดูสวยงามเป็นธรรมชาติมากขึ้น เก็บรายละเอียดของภาพมาได้เยอะกว่าเดิม ไม่ได้เน้นความจัดจ้านหรือเร่งความคมชัดจนเวอร์เหมือนรุ่นก่อน ๆ แล้วด้วยครับ

ในเรื่องของโหมดการถ่ายภาพก็มีมาให้ครบตามมาตรฐานของสมาร์ทโฟน Samsung ในยุคใหม่ทั้ง Portrait, Portrait Video, Night mode, Pro, Dual Record หรือ Single Take เป็นต้น ซึ่งในการใช้งานร่วมกับ Flex mode ก็ทำได้ดีเหมือนเดิม จะใช้งานแนวนอนแบ่งส่วน หรือจะเป็นแนวตั้งก็แบ่งส่วนเป็น Capture View ฝั่งหนึ่งเป็นภาพที่ถ่ายไปก่อนหน้าและอีกฝั่งเป็น Viewfinder ได้เหมือนเคย

ส่วนคุณภาพที่ได้จากกล้องของ Galaxy Z Fold6 ก็ทำได้ดีขึ้นครับ ด้วยการประมวลผลแบบใหม่ จะได้ภาพที่มีความเรียล สมจริงกว่าเดิม สีสันตรงขึ้น ระยะกล้องที่ให้มาก็ถือว่าเพียงพอครับใช้ได้ตั้งแต่ Ultra Wide มุมกว้างมาก จนถึงซูมระยะ 3x – 5x ด้วย ProVisual Engine เหมือนจะจัดการเรื่องซูมได้ดีขึ้นอีกหน่อยด้วยนะ แต่แน่นอนว่าพอฮาร์ดแวร์เป็นชุดเดิม ในเรื่องของมิติภาพอาจจะไม่ได้หวือหวาแล้วในปี 2024 นี้ แต่รวม ๆ ถือว่ายังเป็นกล้องที่ใช้งานทั่วไปได้อย่างเพียงพอครับ

กล้องหน้าจอนอก 10MP เซลฟี่ดี

ที่กล้องหน้า Galaxy Z Fold6 ก็ยังได้ความละเอียด 10MP มาเท่าเดิม คุณภาพก็กลาง ๆ ครับ สีสันและความเนียนอยู่ระดับทั่วไป อัลกอริธึมใหม่เพิ่มความคมชัดอีกหน่อย ตรงนี้ไม่ได้หวือหวาอะไร แต่ก็ใช้งานได้ไม่ติดขัดครับ

กล้องหน้าใต้หน้าจอ 4MP ประมวลผลดีขึ้น (อีกหน่อย)

ส่วนกล้องหน้าในหน้าจอ Galaxy Z Fold6 ก็ยังใช้กล้องหน้าใต้หน้าจอความละเอียด 4MP เหมือนเดิม (ก็ตัวเดิมตั้งแต่ Z Fold3 เลยแหละ) คุณภาพก็พอใช้ได้เลย ไม่ได้คมชัดเพราะด้วยความละเอียดที่น้อยบวกกับเป็นกล้องแบบใต้หน้าจอด้วยแล้ว แต่หลังถ่ายซอฟต์แวร์จะประมวลผลเพิ่มทั้งความคมชัดและสีสันเข้ามาอีกหน่อย ตรงนี้คิดว่าดีขึ้นกว่าเดิมหน่อยครับ

ถ้าจะเซลฟี่ก็ใช้กล้องหลังได้เลยนะ

แต่เป็นสมาร์ทโฟนจอพับทั้งที ถ้าเซลฟี่ด้วยกล้องหน้าไม่ถูกใจ ก็ไม่เป็นไรเนาะ เพราะเราสามารถใช้กล้องหลังเซลฟี่ได้เลย ทีนี้จะใช้กล้อง Ultra Wide เซลฟี่มุมกว้าง เซลฟี่กลุ่มหลายคนก็สบาย หรือจะใช้กล้องหลักมาเป็นโหมด Portrait ให้ได้คุณภาพสูงสุดเลยก็ได้

วิดีโอได้ 8K/30fps นะสูงสุด

ส่วนเรื่องวิดีโอ Galaxy Z Fold6 ก็จัดเต็มมาเหมือนเดิม สามารถถ่ายได้ที่ความละเอียดสูงสุด 8K/30fps (เฉพาะกล้องหลัก) หรือจะเลือกแบบครอบคลุมทุกกล้องก็มี 4K/60fps อยู่ด้วย สาย Vlog ก็น่าจะถูกใจเพราะเราสามารถตั้งถ่ายได้เอง หรือจะใช้กล้องหลังถ่ายแบบชัด ๆ เลยก็ได้เหมือนกัน

โดยรวมในเรื่องกล้องของ Galaxy Z Fold6 ก็ถือว่าปรับปรุงขึ้นจากรุ่นก่อนในแง่ของ การประมวลผลด้วย ProVisual Engine ที่เก่งขึ้น เน้นความเป็นธรรมชาติกว่าที่แล้วมา แต่อาจจะไม่ได้ถูกใจสายถ่ายภาพที่ต้องการการอัปเกรดแบบเยอะ ๆ นัก เพราะฮาร์ดแวร์ยังเป็นชุดเดิม ที่อาจจะไม่ได้เวอร์วังมากแล้วในปี 2024 แบบนี้ครับ

แบตเตอรี่ใช้งานได้ดีแม้ความจุเท่าเดิม

ปิดท้ายด้วยเรื่องแบตเตอรี่อีกเช่นเคย Galaxy Z Fold6 มาพร้อมแบตเตอรี่ความจุ 4400mAh แม้ตามตัวเลขจะเท่าเดิม แต่ด้วยชิปเซ็ต Snapdragon 8 Gen 3 For Galaxy ที่ประหยัดพลังงานได้ดีขึ้น บวกกับซอฟต์แวร์ที่ลงตัวกว่าเดิม เท่าที่เราลองใช้งานแบบจริงจังตลอด 1 สัปดาห์ที่ผ่านมาเป็นเครื่องหลักก็ถือว่าใช้งานได้ใกล้เคียงกับ Galaxy S24 Ultra ที่เราใช้เป็นประจำเลย ถ้าใช้งานทั่วไปก็อยู่ได้รอดทั้งวันอยู่ น่าประทับใจไม่น้อยครับ

ระบบชาร์จยังได้ 25W Super Fast Charge เหมือนเดิม

ส่วนเรื่องระบบชาร์จ Galaxy Z Fold6 ยังมีระบบชาร์จไว 25W Super Fast Charge มาให้เท่าเดิม ซึ่งเราว่าความเร็วระดับนี้ก็ไม่ได้แย่อะไร ด้วยความที่แบตฯไม่ได้เยอะระดับ 5000mAh เท่านี้ก็เพียงพอต่อการชาร์จที่รวดเร็วแล้วล่ะครับ

ราคาเริ่มต้น 63,900 บาท มีให้เลือก 3 ความจุ

Galaxy Z Fold6 มีให้เลือก 3 สีคือ Silver Shadow, Pink และ Navy (สีที่รีวิว) พร้อมตัวเลือก 3 ความจุ 256GB/512GB และ 1TB มีราคาดังนี้

  • รุ่น 12GB+256GB ราคา 63,900 บาท
  • รุ่น 12GB+512GB ราคา 68,900 บาท
  • รุ่น 12GB+1TB ราคา 78,900 บาท

สรุปแล้ว “นี่คือเรือธงจอพับจาก Samsung ที่อัปเกรดให้ดีขึ้นในทุกมิติ และน่าใช้กว่าเดิมจริง ๆ”

สรุปแล้ว Galaxy Z Fold6 ก็ถือว่าเป็นสมาร์ทโฟนจอพับใหญ่ที่อัปเกรดมาได้น่าสนใจในทุกมิติ ทั้งดีไซน์ที่เปลี่ยนมาใช้กรอบเหลี่ยมดูพรีเมี่ยมขึ้น ตัวเครื่องที่ยังบางลง และเบาลงได้ใกล้เคียงกับเรือธงจอปกติเข้าไปอีกขั้นแล้ว ในด้านสเปคแม้จะไม่ได้หวือหวาขึ้นมาก เพราะถ้าเทียบจริง ๆ จะมีแค่ชิป Snapdragon 8 Gen 3 For Galaxy ที่เพิ่มขึ้นจากรุ่นก่อน นอกนั้น แบตเตอรี่ กล้อง หรือความจุ ก็ยังเป็นชุดเดิมทั้งหมด แต่ Samsung เก่งในเรื่องซอฟต์แวร์มาก จนสามารถเพิ่มประสบการณ์ให้ดีขึ้นอีกแม้จะยังเป็นฮาร์ดแวร์ชุดเดิมก็ตาม และที่ขาดไม่ได้เลยคือ Galaxy AI ที่พอได้ลองใช้จริงแล้วรับรู้ได้เลยว่านี่คือของใหม่อย่างไม่ต้องสงสัย เราว่าใครที่กำลังอยากลองสมาร์ทโฟนจอพับ อยากสัมผัสประสบการณ์ของมือถือและแท็บเล็ตในเครื่องเดียว ปีนี้ Z Fold6 จะให้ความลงตัวขึ้นจากรุ่นก่อน ๆ จนคุณจะไม่ผิดหวังแน่นอนครับ!

มีมือถือเครื่องใหม่แล้ว อย่าลืมนำมือถือเครื่องเก่ามาทิ้งให้ถูกที่เพื่อโลกที่ดีกว่าไปด้วยกันนะครับ
AIS ชวนทุกคนมาฝากทิ้ง E-Waste หรือมือถือเก่า ที่ AIS Shop และจุดรับทิ้งกว่า 2,500 จุดทั่วประเทศ เช็กจุดรับทิ้งได้ที่ https://sustainability.ais.co.th/th/sustainability-projects/ais-ewaste/collection-channels

Android News7 นาที ago

Redmi Note 14 5G Series ยืนยันเปิดตัวในอินเดียวันที่ 9 ธ.ค. มาพร้อมสโลแกน “Super Camera, Super AI”

Xiaomi ได้ประกาศวันเ...

Apple News39 นาที ago

ลือ ! Apple กำลังสร้าง ‘LLM Siri’ ในปี 2026 บน iOS 19

ตามรายงานของ Bloombe...

Android News15 ชั่วโมง ago

เช็คกัน !! OPPO เผยตารางอัปเดต ColorOS 15 บน Android 15 ทั่วโลก

ในวันนี้ OPPO ได้เปิ...

Apple News16 ชั่วโมง ago

อย่างสวย ! YouTuber โชว์ดีไซน์ iPhone 17 Air กล้องหลัง 1 เลนส์ พร้อมจอ Dynamic Island

เราได้ยินมาแค่ข่าวลื...

HUAWEI IdeaHub HUAWEI IdeaHub
IT News16 ชั่วโมง ago

หัวเว่ยเผยโฉม IdeaHub รุ่นเรือธงพร้อมอัดโปรเด็ดหนุนผู้นำจออัจฉริยะเพื่อออฟฟิศยุคใหม่

หัวเว่ยเปิดตัว IdeaH...

Smart Review19 ชั่วโมง ago

รีวิว ASUS Vivobook S 14 OLED (S5406) โน้ตบุ๊คดีไซน์มินิมอล l Intel Core Ultra 7 258V l ใช้นานสุด 27 ชม. และคีย์บอร์ดมีไฟ RGB !

รีวิว ASUS Vivobook ...

Android News20 ชั่วโมง ago

มาอีก ! หลุดสเปค vivo X200S จัดเต็มด้วยชิป Dimensity 9400 Plus และรองรับสแกนลายนิ้วมือแบบ Ultrasonic

เมื่อเดือนที่ผ่านมา ...

IT News21 ชั่วโมง ago

Facebook Messenger เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ ผสานรวมกับ Siri, ข้อความเสียงและวิดีโอ และอื่นๆ เพียบ

ในวันนี้ Meta ได้ทำก...

Copyright © 2012 iphone-droid.net.

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ ดูเพิ่มเติมที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และจัดการได้ที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึก