IT News
เบื้องหลังการทำงานของทีม Google Maps ในการทำแผนที่โลก กว่าจะออกมาได้แบบนี้ เขาทำกันอย่างไร
ปฏิเสธไม่ได้ว่าทุกคนในโลกส่วนใหญ่ต่างก็ต้องใช้งาน Google Maps ในการค้นหาสถานที่หรือนำทางไปยังจุดหมายต่างๆ ทำให้การเดินทางสะดวกและได้เห็นจุดหมายก่อนที่จะได้ถึง
หลายคนอาจสงสัยว่าทีมงานของ Google Maps พวกเขาทำงานกันอย่างไรจนเกิดเป็นแผนที่ที่สร้างความสะดวกสบายใหักับผู้ใช้งานได้ขนาดนี้ ซึ่งทาง Google Blog Thailand ก็ได้เปิดเผยเบื้องหลังการทำงานนี้ให้ทุกคนได้ทราบกัน ไปดูกันเลย
โลกเป็นสถานที่ที่สวยงาม แต่ในขณะเดียวกันก็มีความยุ่งเหยิงและมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา มีการสร้างถนนและอาคารต่างๆ เพิ่มขึ้น และมีการเปิดตัวธุรกิจใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง บทบาทของทีม Google Maps คือการสร้างแบบจำลองที่ถูกต้องและสะท้อนให้เห็นถึงโลกที่มีการพัฒนาตลอดเวลา และผู้คนมักถามเราว่าเรามีวิธีทำแผนที่อย่างไร ซึ่งคำตอบคือ เรามีการทำงานหลากหลายขั้นตอน และการผสมผสานที่ลงตัวของสมาชิกในทีม เทคนิค และเทคโนโลยี
ต่อไปนี้เราจะนำเสนอบทความเกี่ยวกับเบื้องหลังการทำแผนที่ของเราเป็นระยะๆ โดยจะเจาะลึกลงไปในแต่ละองค์ประกอบที่เราใช้เพื่อช่วยให้ผู้คนมากกว่าหนึ่งพันล้านคนใช้ในการเดินทาง สำรวจ และทำสิ่งต่างๆ สำหรับวันนี้เราจะเริ่มด้วยภาพรวมของพื้นฐานในการทำ Google Maps เป็นอันดับแรก
ทุกอย่างเริ่มต้นด้วยภาพ
Street View และภาพถ่ายจากดาวเทียมเป็นส่วนสำคัญในการระบุสถานที่ต่างๆ ในโลกมาโดยตลอด โดยแสดงให้เราเห็นถึงถนน อาคารสิ่งปลูกสร้าง ที่อยู่ และธุรกิจที่ตั้งอยู่ในแต่ละภูมิภาค นอกเหนือจากรายละเอียดที่สำคัญอื่นๆ เช่น การจำกัดความเร็วในเขตเมืองต่างๆ หรือชื่อธุรกิจ ในปี พ.ศ. 2550 Google ได้เปิดตัว Street View เพื่อช่วยให้ผู้คนสำรวจสถานที่ต่างๆ ทั่วโลกในโลกเสมือนจริง ตั้งแต่ส่วนลึกของทวีปแอนตาร์กติกาไปจนถึงยอดเขาคิลิมันจาโร ในช่วง 12 ปีที่ผ่านมา รถ Street View และ เครื่องมือเก็บภาพที่เรียกว่า Street View Trekker ได้รวบรวมภาพมากกว่า 170 พันล้านภาพจาก 87 ประเทศทั่วโลก ต้องขอบคุณ Street View Trekker รุ่นใหม่ล่าสุดที่ได้รับการติดตั้งเซ็นเซอร์ความละเอียดสูงและมีรูรับแสงที่กว้างขึ้น ซึ่งทำให้ภาพที่ถ่ายมามีคุณภาพที่ดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
การใส่ข้อมูล
ข้อมูลที่เชื่อถือได้ทำให้แผนที่มีชีวิต ข้อมูลของเรามาจากแหล่งบุคคลที่สามมากกว่า 1,000 รายจากทั่วทุกมุมโลก แหล่งข้อมูลบางราย เช่น สำนักงานสำรวจทางธรณีวิทยาของสหรัฐ (USGS) และสถาบันสถิติและภูมิศาสตร์แห่งชาติของเม็กซิโก (INEGI) ให้ข้อมูลเกี่ยวกับทั้งประเทศ ในขณะที่รายอื่นๆ ให้ข้อมูลเฉพาะสำหรับภูมิภาคเล็กๆ เช่น ข้อมูลจากเทศบาลท้องถิ่น องค์กรพัฒนาเอกชน หรือผู้พัฒนาที่อยู่อาศัย เป็นต้น ทั้งนี้ ทีมงานของเราได้ตรวจสอบทุกแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้อย่างละเอียดเพื่อให้แน่ใจว่าเรามีข้อมูลที่ถูกต้องและเป็นปัจจุบันมากที่สุด และเมื่อเร็วๆ นี้เราได้แนะนำเครื่องมือใหม่ที่ทำให้รัฐบาลท้องถิ่นสามารถอัปโหลดข้อมูลเกี่ยวกับถนนและที่อยู่ใหม่ๆ ในพื้นที่ของพวกเขาใน Google Maps ได้โดยตรงและง่ายขึ้น
สัมผัสแห่งมนุษย์
ข้อมูลและภาพเป็นองค์ประกอบสำคัญของการสร้างแผนที่ แต่เป็นสิ่งที่คงที่และในบางครั้งก็ก้าวไม่ทันกับความเปลี่ยนแปลงของโลกที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว จึงนำเราไปสู่ส่วนที่สาม นั่นก็คือ ผู้คนที่ช่วยรวบรวมทุกอย่างเข้าด้วยกัน เรามีทีมงานด้านข้อมูลอยู่ทั่วโลก พวกเขามีบทบาทในการทำแผนที่ทุกด้าน ตั้งแต่การรวบรวมภาพ Street View และการตรวจสอบแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้ ไปจนถึงการแก้ไขแผนที่ที่ไม่ถูกต้อง และฝึกฝนโมเดลแมชชีน เลิร์นนิง (ซึ่งจะพูดถึงรายละเอียดต่อจากส่วนนี้)
นอกจากนี้เรายังมีชุมชน Local Guides และผู้ใช้ Google Maps ที่ช่วยเหลือเราในการแก้ไขแผนที่ผ่านการส่งความคิดเห็นใน Google Maps จากนั้นทีมงานของเราจะตรวจสอบข้อมูลและทำการเผยแพร่หากมีความมั่นใจในระดับสูงว่าข้อมูลที่ได้รับตรงกับถนน ธุรกิจ และที่อยู่ในโลกแห่งความเป็นจริง
ลดเวลาการทำงานด้วย แมชชีน เลิร์นนิง
ภาพถ่าย ข้อมูลที่เชื่อถือได้ และการให้ข้อมูลโดยมนุษย์ทำให้เรามาถึงจุดนี้ได้ แต่เราต้องการทำให้แผนที่ของเรามีประโยชน์มากขึ้นกับผู้คนจำนวนมากขึ้นได้เร็วขึ้นกว่าเดิม เพื่อเพิ่มความเร็วในการทำแผนที่ของเราเราได้หันไปใช้ประโยชน์จากแมชชีน เลิร์นนิง โดยแมชชีน เลิร์นนิงทำให้ทีมของเราสามารถสร้างแผนที่ได้โดยอัตโนมัติ ในขณะที่ยังคงมีความแม่นยำในระดับสูง
มาดูกันว่าเราทำแผนที่โครงร่างสิ่งปลูกสร้างดังในตัวอย่างได้อย่างไร ก่อนหน้านี้อัลกอริทึมที่พยายามคาดเดาว่าส่วนหนึ่งของรูปภาพเป็นสิ่งปลูกสร้างหรือไม่ส่งผลให้เกิดสิ่งที่เราเรียกว่า “สิ่งปลูกสร้างที่คลุมเครือ” ซึ่งเป็นรูปสัณฐานที่ไม่เหมือนสิ่งปลูกสร้างจริงเมื่อถูกนำไปใส่ในแผนที่ และนี่คือปัญหา เนื่องจากสิ่งปลูกสร้างเป็นมากกว่าสิ่งปลูกสร้าง โดยเป็นสถานที่สำคัญและเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ผู้คนรู้ว่าพวกเขาอยู่ที่ไหนเมื่อดูแผนที่ ในการแก้ไขปัญหานี้เราได้ร่วมมือกับทีมงานด้านข้อมูลของเราเพื่อติดตามโครงร่างสิ่งปลูกสร้างทั่วไปด้วยตนเอง จากนั้นใช้ข้อมูลนี้เพื่อพัฒนาอัลกอริทึมของแมชชีน เลิร์นนิง เพื่อให้ระบุว่าภาพใดสอดคล้องกับขอบและรูปร่างของสิ่งปลูกสร้าง เทคนิคนี้พิสูจน์แล้วว่ามีประสิทธิภาพ โดยภายในเวลาเพียง 1 ปี เราสามารถทำแผนที่สิ่งปลูกสร้างได้มากเท่ากับที่เราทำใน 10 ปีที่ผ่านมา
เรามุ่งมั่นพัฒนา Google Maps อย่างไม่หยุดยั้ง
Google Maps มีความสำคัญต่อการเติบโตของชุมชนต่างๆ โดยช่วยเชื่อมต่อผู้คนเข้าด้วยกัน ช่วยให้เศรษฐกิจเติบโตขึ้นเมื่อผู้คนค้นพบธุรกิจและร้านอาหารใหม่ๆ และช่วยให้ผู้คนทำสิ่งต่างๆ ให้เสร็จลุล่วง แม้ว่าเราจะพัฒนามาไกลด้วยแผนที่ที่ครอบคลุมกว่า 220 ประเทศและดินแดนต่างๆ ทั่วโลก เรารู้ดีว่างานของเราไม่ได้หยุดอยู่เพียงเท่านี้ แต่ละภูมิภาคมีความต้องการที่แตกต่างกันและมีความท้าทายในการทำแผนที่ที่ต่างกันออกไป ในบทความถัดไปเราจะพูดถึง “ภาพ” ซึ่งเป็นหนึ่งในองค์ประกอบที่สำคัญของการทำแผนที่ โดยจะเจาะลึกว่าภาพช่วยให้เราเอาชนะความท้าทายเหล่านี้ได้อย่างไร
ที่มา : Google Blog Thailand