Android News
Samsung Galaxy S1 รุ่นแรก จนถึง Galaxy S23 รุ่นใหม่ สรุปฟีเจอร์น่าสนใจ
Samsung Galaxy S1 รุ่นแรก จนถึง Galaxy S23 ในปีนี้ วันนี้ทีมงาน iphone-droid.net จะพาทุกคนย้อนไปดูตำนาน สมาร์ทโฟน Galaxy รุ่นแรกจนถึงปัจจุบัน ไปดูกันว่าแต่ละรุ่นมีอะไรน่าสนใจบ้าง
รายชื่อรุ่น Galaxy S1 รุ่นแรก ถึง Galaxy S23 รุ่นใหม่
- Samsung Galaxy S1
- Samsung Galaxy S II
- Samsung Galaxy S III
- Samsung Galaxy S4
- Samsung Galaxy S5
- Samsung Galaxy S6 และ S6 edge
- Samsung Galaxy S7 และ S7 edge
- Samsung Galaxy S8 และ S8+
- Samsung Galaxy S9 และ S9+
- Samsung Galaxy S10e, S10, S10+ และ S10 5G
- Samsung Galaxy S20, S20+ และ S20 Ultra
- Samsung Galaxy S21, S21+ และ S21 Ultra
- Samsung Galaxy S22, S22+ และ S22 Ultra
- Samsung Galaxy S23, S23+ และ S23 Ultra
สำหรับแฟนๆ สมาร์ทโฟน Galaxy น่าจะกันได้ว่า Samsung ได้มีเปิดตัวรุ่นใหม่ทุกปี และมีการอัปเกรดสเปค เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง เรียกได้ว่าไม่หยุดพัฒนากันเลย ทำให้รุ่นใหม่ก็มักกจะมีอะไรให้ตื่นเต้นอยู่ตลอดเวลา
Samsung Galaxy S1
ในเดือนมีนาคม ปี 2010 นับเป็นจุดเริ่มต้นของสมาร์ทโฟน Galaxy S1 ซึ่งเจ้ารุ่นแรกนี้มาพร้อมระบบปฏิบัติการ Android 2.1 Eclair มีหน้าจอแสดงผลขนาด 4 นิ้ว และกล้องถ่ายรูป 5 ล้านพิกเซล เรียกได้ว่าในตอนนั้นเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นแรกที่จะมาทำตลาดท้าชนกับ iPhone จาก Apple เลยก็ว่าได้
Samsung Galaxy S II
ในเดือนเมษายน ปี 2011 สมาร์ทโฟนผู้มาสานต่อความเร็จต่อจากรุ่นแรก มาพร้อม Android 2.3 Gingerbread ซีพียูแบบ Dual-core และกล้องถ่ายรูป 8 ล้านพิกเซล นับเป็นสมาร์ทโฟนที่สเปคดี ดีไซน์สวย และขายดีมากในตอนนั้น
Samsung Galaxy S III
ในปี 2012 สมาร์ทโฟนหน้าจอสวยคมชัด Super AMOLED HD ก็มาอยู่บนสมาร์ทโฟนหน้าจอ 4.8 นิ้ว มาพร้อมผู้ช่วยส่วนตัวที่สั่งงานด้วยเสียง S Voice และรันระบบปฏิบัติการ Android 4.0 Ice Cream Sandwich ซีพียู Quad-core ซึ่งในรุ่นนี้ก็มีการปรับดีไซน์ใหม่ด้วย ให้มีขอบตัวเครื่องที่โค้งมน จับถนัดมือมากขึ้น
Samsung Galaxy S4
ในปี 2013 มีการปรับปรุงสเปคและฟีเจอร์ใหม่ที่อาจเรียกได้ว่ายิ่งใหญ่ก็ว่าได้ โดยรุ่นนี้มีหน้าจอขนาดใหญ่ถึง 5 นิ้ว ความคมชัดระดับ Full HD และเรียกเสียงฮือฮาได้ไม่น้อยด้วยฟีเจอร์ Dual Camera ที่ถ่ายรูปหรือวิดีโอจากกล้องหลังและกล้องหน้าได้พร้อมกัน อีกทั้งยังมีฟีเจอร์การควบคุมหน้าด้วยสายตาที่เรียกว่า Smart Pause / Smart Scrolling
Samsung Galaxy S5
ในปี 2014 เรียกเสียงฮือฮาได้กับแฟน ๆ ได้อีกครั้ง (แม้ในช่วงแรกจะมีเสียงบ่นไม่ชอบลายฝาหลังก็ตาม) เมื่อเจ้ารุ่นนี้มีคุณสมบัติกันฝุ่นกันน้ำได้ตามมาตรฐาน IP67 และมีเซ็นเซอร์สแกนนิ้วมือที่ปุ่มโฮม ส่วนด้านหลังก็มีเซ็นเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจด้วยปลายนิ้วมือ
Samsung Galaxy S6 และ S6 edge
ในปี 2015 การดีไซน์ของสมาร์ทโฟนในซีรีส์นี้ก็เปลี่ยนไป หันมาใช้กระจกทั้งตัวและกรอบเป็นโลหะ โดยความพิเศษของรุ่น S6 edge คือมีขอบจอโค้งทั้ง 2 ข้างเป็นรุ่นแรก และสเปคของทั้งคู่เรียกได้ว่าจัดเต็มมากๆ หน้าจอคมชัด 2K แต่ถูกตัดฟีเจอร์กันน้ำออกไป
Samsung Galaxy S7 และ S7 edge
ในปี 2016 สมาร์ทโฟนเรือธงในซีรีส์นี้ก็เริ่มเน้นไปที่ฟีเจอร์กล้องถ่ายรูปมากขึ้น ด้วยกล้อง f/1.7 ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง อีกทั้งยังนำฟีเจอร์กันน้ำได้กลับมาด้วย ซึ่งกันน้ำได้ดีขึ้นตามมาตรฐาน IP68 และรองรับ LTE Cat.9
Samsung Galaxy S8 และ S8+
สมาร์ทโฟนที่มีการขยายพื้นที่หน้าจอแสดงผลให้มีขนาดใหญ่ขึ้นที่เรียกว่า Infinity Display ในอัตราส่วน 18.5:9 โดยที่ขนาดตัวเครื่องไม่ใหญ่ตาม โดยรุ่น Galaxy S8 มีหน้าจอขนาด 5.8 นิ้ว และ Galaxy S8+ มีหน้าจอขนาด 6.2 นิ้ว ความละเอียดระดับ QHD+ หรือ 2K ซึ่งทั้งคู่มีขอบจอโค้งทั้ง 2 ข้าง และมุมขอบจอก็โค้งด้วยืในขณะที่ขอบตัวเครื่องก็มีความโค้งเว้าสมมาตรกัน ทำให้จับถนัดมือกว่าเดิม
นอกจากดีไซน์สุดล้ำแล้ว Samsung Galaxy S8 l S8+ ยังมีระบบเซ็นเซอร์สแกนม่านตา ซึ่งม่านตาของคนเราเป็นการยืนยันตัวตนที่ปลอดภัยที่สุด ไม่มีการเปลี่ยนแปลงตามอายุ และไม่สามารถลอกเลียนได้ ส่วนเลนส์กล้องหน้ามีความละเอียด 8 ล้านพิกเซล มีระบบออโต้โฟกัส จากเดิมในรุ่น Galaxy S7 จะมีความละเอียด 5 ล้านพิกเซล แบบฟิกโฟกัส
Samsung Galaxy S9 และ S9+
Galaxy S9 และ S9+ เปิดตัวในปี 2018 เรียกเสียงฮือฮาให้กับแฟนๆ ได้เป็นอย่างดี ด้วยการชูจุดเด่นหลานด้าน โดยเฉพาะในเรื่องของกล้องถ่ายรูปที่พัฒนาไปอีกขั้น สามารถสลับสลับรูรับแสง f/1.5 กับ f/2.4 ได้ และการบันทีกวิดีโอ Super Slow-mo ที่ความเร็ว 960fps
Galaxy S9 และ S9+ มีหน้าจอขนาด 5.8 นิ้ว และ 6.2 นิ้ว ตามลำดับ โดยมีดีไซน์แบบ Infinity Display ซึ่งหน้าจอจะมีแผ่นฟิล์มที่ทำให้แผงกระจกด้านหน้ามีความเป็นเนื้อเดียวกันมากขึ้น โดยฟีเจอร์ที่หลายคนรอคอยกันมานานในที่สุดก็มีอยู่ในรุ่นนี้แล้ว นั่นก็คือลำโพงสเตอริโอ และเทคโนโลยีเสียง Dolby Surround sound ซึ่งบริเวณขอบด้านล่างตัวเครื่องยังคงมีช่องหูฟังขนาด 3.5mm และแถมหูฟัง tuned by AKG
Samsung Galaxy S10e, S10, S10+ และ S10 5G
Galaxy S10 Series เปิดตัวในปี 2019 มีให้เลือก 3 ขนาดหน้าจอ ที่มีการดีไซน์แบบ Infinity-O Display เป็นการเจาะรูบนหน้าจอ AMOLED ซึ่งเป็นลิขสิทธิ์ของ Samsung ที่ยังคงให้สีสันของภาพสวยงามเหมือนเดิม ไม่เหมือนรุ่นอื่นๆ ที่เป็นการเจาะรูบนหน้าหน้าจอ LCD ที่สามารถทำได้ง่ายกว่า
- Galaxy S10+ ขนาดหน้าจอ 6.4 นิ้ว
- Galaxy S10 ขนาดหน้าจอ 6.1 นิ้ว
- Galaxy S10e ขนาดหน้าจอ 5.8 นิ้ว
โดยสเปคกล้องของ Galaxy S10+ และ S10 จะมีด้วยกัน 3 ตัวด้านหลัง Telephoto + Wide + Ultra Wide แถมเป็นเครื่องแรกของโลกที่รองรับมาตรฐานการถ่ายวิดีโอ HDR10+ ในขณะที่ S10e จะไม่มีกล้อง Telephoto แต่ว่าทั้ง 3 รุ่น จะมี Bright Night โหมดสำหรับถ่ายภาพกลางคืน
Samsung Galaxy S20, S20+ และ S20 Ultra
Galaxy S20 Series เปิดตัวในปี 2020 ทุกรุ่นมาพร้อมกับหน้าจอโค้งแบบ Infinity-O ชนิด Dynamic AMOLED รองรับ HDR10+ โดยตัวท็อปสุดอย่าง Galaxy S20 Ultra 5G จะมีความพิเศษอีกนิดหน่อยคือการฝังตัวอัปกษร Space Zoom 100x บริเวณโมดูลกล้องด้านหลังด้วย
Galaxy S20 Ultra 5G จะมี 4 กล้องหลัง กล้องหลักความละเอียด 108 ล้านพิกเซล + เลนส์ Telephoto ความละเอียด 48 ล้านพิกเซล + เลนส์ Ultra-Wide ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล + ToF โดยสามารถ Hybrid Optic Zoom ได้ 10 เท่า, Space Zoom ได้ 100 เท่า และถ่ายวิดีโอ 8K ได้
Samsung Galaxy S21, S21+ และ S21 Ultra
Galaxy S21 Series เปิดตัวในปี 2021 มาพร้อม Infinity-O ชนิด Dynamic AMOLED 2x รองรับ Refresh Rate 120Hz แบบปรับได้ โดย S21 และ S21+ จะเป็นจอแบนมีขนาดอยู่ที่ 6.2 นิ้ว และ 6.7 นิ้ว ตามลำดับ ขณะที่รุ่นพี่อย่าง Galaxy S21 Ultra จะเป็นจอโค้งมีขนาด 6.8 นิ้ว ทั้งยังรองรับปากกา S Pen อีกด้วย
ฟีเจอร์กล้องหลังของ Galaxy S21 Ultra นั้นคล้ายกับ S21 และ S21+ แต่จะรองรับการถ่าย 4K 60FPS ในทุกเลนส์, Space Zoom สูงสุด 100 เท่า ที่ได้รับการปรับปรุงคุณภาพด้านการซูมมาแล้ว รวมถึงการถ่ายภาพในระดับ HDR 10 Bit ได้
Samsung Galaxy S22, S22+ และ S22 Ultra
Galaxy S22 Series เปิดตัวในปี 2022 รุ่นท็อปสุดในตระกูลอย่าง Galaxy S22 Ultra ที่ใช้ดีไซน์ทรงเหลี่ยมคล้ายกับ Galaxy Note Series และโมดูลกล้องหลังก็หายไปเหลือแต่เพียงการใส่เลนส์เข้าไปในฝาหลัง ความพิเศษที่ไม่บอกไม่ได้เลยคือการมาพร้อมปากกา S Pen ที่ฝังอยู่ในตัวเครื่องฝั่งซ้ายด้วย
ทุกรุ่นมาจะมาพร้อม Snapdragon 8 Gen 1 หรือ Exynos 2200 ซึ่งจะขึ้นอยู่กับตลาดแต่ละประเทศ และรันระบบปฏิบัติการ Android 12 ครอบทับด้วย One UI 4 ในวันเปิดตัว โดยรองรับการอัปเกรดเป็น One UI 5
Samsung Galaxy S23, S23+ และ S23 Ultra
Galaxy S23 Series เปิดตัวในปี 2023 เริ่มกันด้วยรุ่นพี่ใหญ่อย่าง Galaxy S23 Ultra ดีไซน์ภาพรวมยังคล้ายกับ S22 Ultra แต่ตัวเครื่องจะมีความเหลี่ยมมากขึ้นเพื่อให้จับได้ถนัดมือกว่าเดิม รวมถึงหน้าจอก็ยังมีความโค้งลดลงเล็กน้อย น่าจะถูกใจคนที่ขอหน้าจอแบนๆ เพื่อจะได้เขียนด้วย S Pen ถนัดๆ
สำหรับ Galaxy S23 และ S23+ มีหน้จอขนาด 6.1 นิ้ว และ 6.6 นิ้ว ตามลำดับ ครอบทับด้วยกระจก Gorilla Glass Victus รุ่นที่ 2 สเปคภายในเหมือนกันทุกอย่าง โดยจะใช้เป็นชิปรุ่นใหม่อย่าง Snapdragon 8 Gen 2 For Galaxy เหมือนกันทุกรุ่น
เป็นอย่างไรกันบ้างสำหรับ Galaxy S1 รุ่นแรกมาจนถึง Galaxy S23 รุ่นล่าสุด และเราได้เห็นสมาร์ทโฟน Galaxy รุ่นใหม่ในปีนี้ ที่มีการอัปเกรดหลายด้านที่น่าสนใจมากๆ อย่าลืมกดติดตามแฟนเพจ @iPhoneDroid.net และทวิตเตอร์ @iPhone_Droid จะได้ไม่พลาดข่าวสารดีๆ ด้วยนะครับ