วิธีเลือกซื้อ iPhone รุ่นไหนดี ใช้คุ้ม ใช้ยาว ปี 2025

วิธีเลือกซื้อ iPhone รุ่นไหนดี แต่ละรุ่นเหมาะกับใคร และคุ้มค่าที่สุดในปี 2025 เอาไว้ใช้งานกันยาวๆ หลายปี หากใครที่มีงบไม่จำกัดก็เลือกซื้อเครื่องใหม่ล่าสุดและมีพื้นที่จัดเก็บข้อมูลหรือความจุเครื่อง 256GB ขึ้นไป แต่การเลือกซื้อแบบนั้นอาจไม่คุ้มค่าที่สุดในการใช้งานตามไลฟ์สไตล์ของเรา วันนี้ทีมงาน iphone-droid.net จะมาช่วยให้ทุกคนตัดสินใจเลือกซื้อได้ง่ายมากขึ้น (ชมคลิป)

iPhone ในปัจจุบันที่วางจำหน่ายอย่างเป็นทางการจะมีด้วยกัน 5 กลุ่มหลักๆ ก็คือ

• iPhone 16 Pro และ iPhone 16 Pro Max
• iPhone 16 และ iPhone 16 Plus
• iPhone 15 และ iPhone 15 Plus
• iPhone 14 และ iPhone 14 Plus
• iPhone SE

แต่ก็จะมี iPhone 13 และ iPhone 15 Pro Max ที่ยังวางจำหน่ายตามร้านค้าตัวแทนและมีความน่าสนใจเหมือนกัน

วิธีการเลือกซื้อ iPhone รุ่นใหม่

1. กำหนดงบประมาณ: ก่อนอื่นเลย ต้องกำหนดงบประมาณที่พร้อมจะจ่ายสำหรับ iPhone สิ่งนี้จะช่วยให้ตัดตัวเลือกที่เกินงบออกไปได้ และอาจพิจารณา iPhone รุ่นก่อนหน้าที่ราคาถูกลง แต่ยังคงมีฟังก์ชันการทำงานที่เพียงพอต่อการใช้งาน หรือจะรอโปรโมชั่นพิเศษในช่วงเวลาต่างๆ ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง

2. ขนาดหน้าจอ: ขนาดหน้าจอเป็นเรื่องของความชอบส่วนตัว บางคนชอบหน้าจอใหญ่เพื่อความบันเทิง ส่วนบางคนชอบหน้าจอขนาดพอดีมือเพื่อพกพาได้สะดวก ซึ่ง iPhone มีหลายขนาดให้เลือก ตั้งแต่ขนาดกะทัดรัดไปจนถึงขนาดใหญ่ จึงสามารถเลือกให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของแต่ละคนได้

3. กล้อง: หากเป็นคนที่ชื่นชอบการถ่ายภาพ ควรให้ความสำคัญกับคุณภาพของกล้อง iPhone โดยเฉพาะเลนส์และเซ็นเซอร์ที่ใช้ รวมถึงฟีเจอร์ต่างๆ เช่น โหมดกลางคืน, โหมดภาพบุคคล, หรือการบันทึกวิดีโอ 4K ก็เป็นสิ่งที่ควรพิจารณา

4. ประสิทธิภาพ: ชิปเซ็ต A-series ของ Apple นั้นทรงพลังมาก ทำให้ iPhone สามารถใช้งานแอปพลิเคชันต่างๆ ได้อย่างลื่นไหล แต่ควรเลือกชิปเซ็ตที่เหมาะสมกับการใช้งาน และอย่างว่า RAM มีผลต่อการทำงานหลายอย่าง เช่น การเปิดแอปพลิเคชันพร้อมกัน หรือการเล่นเกม

5. แบตเตอรี่: อายุการใช้งานแบตเตอรี่เป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากใช้งาน iPhone ตลอดทั้งวัน และเทคโนโลยีชาร์จเร็วช่วยให้ชาร์จแบตเตอรี่ได้เร็วขึ้นด้วย

6. ฟีเจอร์พิเศษ: ไม่ว่าจะเป็น Face ID ระบบปลดล็อกด้วยใบหน้าที่ปลอดภัยและสะดวก หรือรองรับเทคโนโลยีเครือข่าย 5G สำหรับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตที่เร็วขึ้น และกันน้ำกันฝุ่นที่เหมาะสำหรับผู้ที่ใช้งาน iPhone ในสภาพแวดล้อมที่เปียกชื้น

7. ระบบปฏิบัติการ: iPhone ใช้ระบบปฏิบัติการ iOS ซึ่งเป็นระบบปฏิบัติการที่เสถียรและได้รับการอัปเดตอยู่ตลอดเวลา

8. ช่องทางการซื้อ: ซื้อจากร้านค้าอย่างเป็นทางการของ Apple เพื่อความมั่นใจในสินค้าและบริการ โดยมีตัวแทนจำหน่าย iPhone หลายรายที่ให้ราคาและโปรโมชั่นที่น่าสนใจ รวมถึงการซื้อผ่านช่องทางออนไลน์ เช่น เว็บไซต์ของ Apple หรือร้านค้าออนไลน์ต่างๆ อย่างเป็นทางการ

iPhone รุ่นไหนดี ปี 2025

iPhone 16 Pro และ iPhone 16 Pro Max ดีที่สุดทุกความต้องการ

• iPhone 16 Pro 128GB เริ่มต้นที่ 39,900 บาท (เช็กราคาล่าสุด)
• iPhone 16 Pro Max 256GB เริ่มต้นที่ 48,900 บาท (เช็กราคาล่าสุด)

แน่นอนว่า iPhone 16 Pro และ iPhone 16 Pro Max คือรุ่นที่ครบเครื่องที่สุดของ Apple และมีฟีเจอร์ใหม่ๆ เพียบ ไม่ว่าจะเป็นจอภาพ Super Retina XDR ขนาด 6.3 นิ้ว หรือ 6.9 นิ้ว พร้อม ProMotion, การแสดงผลแบบติดตลอด และ Dynamic Island ดีไซน์แบบไทเทเนียมที่แข็งแกร่งและเบา พร้อมด้วยตัวควบคุมกล้องด้านข้างเครื่อง กล้องหลัก 48MP ถ่ายวิดีโอ Dolby Vision ระดับ 4K ที่ 120 fps และไมโครโฟนคุณภาพระดับสตูดิโอ 4 ตัว มาพร้อมชิป A18 Pro สำหรับการเล่นเกมระดับ AAA รองรับ Apple Intelligence มีช่องต่อ USB-C พร้อม USB 3 ดังนั้นสองรุ่นนี้ก็เหมาะกับผู้ที่มีงบไม่จำกัด และต้องการเข้าถึงเทคโนโลยีใหม่ๆ บน iPhone

iPhone 16 และ iPhone 16 Plus รุ่นล่าสุดที่ถูกที่สุด

• iPhone 16 128GB เริ่มต้นที่ 29,900 บาท (เช็กราคาล่าสุด)
• iPhone 16 Plus 128GB เริ่มต้นที่ 34,900 บาท (เช็กราคาล่าสุด)

สองรุ่นนี้ถือว่าน่าใช้งานมากๆ และประหยัดได้เยอะเมื่อเทียบกับรุ่น Pro โดยมาพร้อมจอภาพ Super Retina XDR ขนาด 6.1 นิ้ว หรือ 6.7 นิ้ว และ Dynamic Island ดีไซน์แบบอะลูมิเนียมเกรดเดียวกับที่ใช้ในอุตสาหกรรมอวกาศ พร้อมด้วยตัวควบคุมกล้องด้านข้างเครื่อง มีกล้องหลัก 48MP ถ่ายวิดีโอ Dolby Vision สูงสุด 4K ที่ 60 fps มาพร้อมชิป A18 รองรับ Apple Intelligence มีช่องต่อ USB-C

สำหรับสองรุ่นนี้ก็จะเหมาะกับใครก็ตามที่ต้องการรุ่นใหม่ล่าสุด รองรับการอัปเดทฟีเจอร์ใหม่ๆ ในอนาคต แต่ไม่อยากจ่ายแพงมาก ถ้าดูที่ผ่านมา iPhone จะได้อัปเดท iOS เวอร์ชั่นหลักอย่างน้อยก็ประมาณ 5 ปี แม้จะไม่มีการการันตีแต่ก็มั่นใจได้ว่าใช้กันได้ยาวๆ ทำให้สองรุ่นนี้ตอบโจทย์การใช้งาน

iPhone 15 และ iPhone 15 Plus คุ้มค่าที่สุด

• iPhone 15 128GB เริ่มต้นที่ 26,900 บาท (เช็กราคาล่าสุด)
• iPhone 15 Plus 128GB เริ่มต้นที่ 29,900 บาท (เช็กราคาล่าสุด)

iPhone 15 และ iPhone 15 Plus ดีไซน์แบบกระจกแต่งสีและอะลูมิเนียมขนาด 6.1 นิ้ว หรือ 6.7 นิ้ว ที่มีด้านหน้าแบบ Ceramic Shield มี Dynamic Island จะเด้งการเตือนและกิจกรรมสดขึ้นมา ได้กล้องหลัก 48MP พร้อมเทเลโฟโต้ 2 เท่า พร้อมชิป A16 Bionic ยังทรงประสิทธิภาพอย่างยอดเยี่ยมเพื่อแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้ตลอดวัน เชื่อมต่อและชาร์จด้วย USB-C โดยPhone 15 เป็นรุ่นที่เหมาะมากสำหรับผู้ที่ต้องการย้ายจาก iPhone รุ่นเก่าอย่าง iPhone 13 หรือรุ่นเก่ากว่านั้น

แม้ว่าทั้งสองรุ่นใหม่จะไม่มีเลนส์เทเลโฟโต้ แต่ Apple ก็สามารถทำให้ใช้งานได้เสมือนมีกล้องซูมได้ด้วยฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ อันนี้ต้องขอบคุณเซ็นเซอร์ขนาดใหญ่ที่มีพิกเซลมากขึ้นของกล้องหลักนั่นเอง อีกทั้งยังปรับปรุงประสิทธิภาพในที่แสงน้อย และทำให้สามารถถ่ายซูม 2 เท่าได้ รวมไปถึงได้รับประโยชน์จาก Photonic Engine ที่ได้รับการปรับปรุงของ Apple ซึ่งให้ภาพที่สว่างยิ่งขึ้น

iPhone 14 และ iPhone 14 Plus คุ้มค่าในราคาที่ถูกกว่า

• iPhone 15 128GB เริ่มต้นที่ 22,900 บาท (เช็กราคาล่าสุด)
• iPhone 15 Plus 128GB เริ่มต้นที่ 26,900 บาท (เช็กราคาล่าสุด)

iPhone 14 และ iPhone 14 Plus มาพร้อมจอภาพ Super Retina XDR ขนาด 6.1 นิ้ว หรือ 6.7 นิ้ว ที่คมชัดและสว่างสดใส มีแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้ตลอดวัน โดยเล่นวิดีโอได้นานสูงสุด 20 ชั่วโมง รองรับฟีเจอร์การตรวจจับการชนกัน สามารถตรวจจับเหตุรถชนอย่างรุนแรง และจะโทรหา 191 มีกล้องหลักใหม่และการประมวลผลภาพที่ได้รับการปรับปรุงเพื่อภาพถ่ายในทุกสภาพแสง ได้ชิป A15 Bionic แบบเดียวกับที่อยู่ใน iPhone 13 Pro

วิธีเลือก iPhone ในเรื่องของขนาดคือความแตกต่างที่ใหญ่ที่สุดของ iPhone 14 กับ iPhone 14 Plus ดังนั้นสิ่งที่ต้องพิจารณาอย่างแรกเลยก็คือการเลือกว่าชอบ iPhone ขนาดใหญ่หรือเล็ก ในขณะที่สเปคต่างๆ แทบจะเหมือนกันทั้งหมด จึงทำให้ราคาก็มีผลต่อการตัดสินใจเลือกซื้อได้เหมือนกัน

สำหรับชิปเซ็ตทั้งคู่เลือกใช้ A15 Bionic ปี 2021 ทำให้หลายคนมองว่าเป็นรุ่นเก่า แต่สำหรับการใช้งานนั้นเพียงพอทุกการประมวลผล นอกจากนี้ ก็มีกรอบอะลูมิเนียมเช่นเดียวกับ iPhone รุ่นก่อนหน้า สามารถกันน้ำและกันฝุ่นตามมาตรฐาน IP68 และมีพอร์ต Lightning สำหรับชาร์จรุ่นสุดท้ายของ iPhone ที่ใช้พอร์ตนี้

iPhone SE 3 ดีที่สุดสำหรับเด็ก

• iPhone SE 3 64GB เริ่มต้นที่ 16,900 บาท (เช็กราคาล่าสุด)

iPhone SE รุ่นที่ 3 มาพร้อมจอภาพ Retina HD ขนาด 4.7 นิ้ว ได้ชิป A15 Bionic แบบเดียวกับที่อยู่ใน iPhone 13 รองรับ 5G เพื่อการดาวน์โหลดที่รวดเร็วและการสตรีมวิดีโอคุณภาพสูง มีปุ่มโฮมพร้อม Touch ID สำหรับสแกนลายนิ้วมือ แทนที่จะเป็น Face ID เพื่อลดความยากในการใช้งานสำหรับเด็กที่มีอายุน้อย เพราะ Apple เคยกล่าวว่า Face ID เหมาะสำหรับผู้ใช้งานที่มีอายุ 13 ปีขึ้นไปเท่านั้น

สำหรับเด็กแล้ว มือถือที่มีขนาดเล็กคือตัวเลือกที่ดีที่สุด รวมไปถึงราคาไม่แพงด้วย iPhone SE 3 รุ่นใหม่ล่าสุดจึงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ โดยมาพร้อมชิปประมวลผล A15 Bionic ประสิทธิภาพเร็วแรงใช้งานได้หลายปี เพราะอย่างที่ทราบกันว่า Apple สนับสนุนการอัปเดทซอฟต์แวร์ต่อเนื่องหลายปี

iPhone SE 3 มีขนาดที่เล็กพอดีมือและเด็กๆ ก็พกใส่กระเป๋าได้ง่าย อีกราคาเริ่มต้น 1 หมื่นกว่าบาทสำหรับอุปกรณ์ของ Apple ก็ทำให้ผู้ปกครองตัดสินใจได้ง่ายมากขึ้น แม้ว่าตัวเครื่องจะมีดีไซน์เก่าไม่ต่างไปจากรุ่นก่อนหน้า

iPhone 13 ดีที่สุดสำหรับคนเริ่มใช้ iPhone

• iPhone 13 128GB เริ่มต้นที่ 18,500 บาท (เช็กราคาล่าสุด)

iPhone 13 มาพร้อมระบบกล้องคู่ เพื่อการถ่ายภาพและวิดีโอในสภาวะแสงน้อยที่สวยงาม ได้ชิป A15 Bionic ใช้เทคโนโลยี 5 nm มีแผงหน้าจอเป็นชนิด OLED หรือที่เรียกว่าจอภาพ Super Retina XDR ให้สีสันที่สดใสสวยงาม แต่รอยบากที่เป็นพื้นที่ติดตั้งระบบกล้อง TrueDepth บริเวณเหนือหน้าจอของ วัสดุกระจกเป็น Ceramic Shield แข็งแกร่งพร้อมความสามารถในการทนน้ำที่ระดับ IP68

หากต้องการ iPhone ที่ยังไม่แน่ใจว่าต้องการเน้นอะไรเป็นพิเศษ iPhone 13 ก็จะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด ทั้งในแง่ของดีไซน์ ขนาดตัวเครื่อง ฟีเจอร์ต่างๆ ประสิทธิภาพตัวเครื่อง และราคา อีกทั้งกล้องหลังคู่ก็ได้รับการออกแบลใหม่ จัดวางเลนส์ในแนวทแยง

ปัจจุบัน iPhone 13 รองรับ iOS เวอร์ชันล่าสุด ทำให้มั่นใจได้ถึงความเข้ากันได้กับแอปและฟีเจอร์ล่าสุด แม้หลายคนอาจกังวลการอัปเดต iOS ในอนาคต แต่โดยทั่วไปแล้ว Apple จะรองรับอุปกรณ์ต่างๆ เป็นเวลาหลายปี ผู้ใช้สามารถคาดหวังว่าจะได้รับการอัปเดตซอฟต์แวร์อีกอย่างน้อยสองสามปี

iPhone 15 Pro Max ตัวท็อป ประหยัดได้เป็นหมื่น

• iPhone 15 Pro Max 256GB เริ่มต้นที่ 39,900 บาท (เช็กราคาล่าสุด)

เอาจริงๆ หลายคนน่าจะมีคำถามว่า iPhone 15 Pro Max กับ iPhone 16 Pro Max เลือกรุ่นไหนดี คือถ้าต้องการรุ่นที่ดีที่สุด และมีงบไม่จำกัด ต้องยอมรับว่า iPhone 16 Pro Max คือตัวเลือกที่ดีที่สุดในตอนนี้ เป็น iPhone ที่มีหน้าจอใหญ่ที่สุด 6.9 นิ้ว ProMotion 120Hz ส่วน iPhone 15 Pro Max จอก็ใหญ่ใกล้เคียงกัน 6.7 นิ้ว ProMotion 120Hz ใช้งานกันได้ลื่นๆ

iPhone 15 Pro Max มาพร้อมฟีเจอร์ระดับพรีเมียม จัดเต็มทุกด้านเหมือนกันเพราะเป็นรุ่นเรือธงตัวท็อปของปี 2023 ทั้งชิปเซ็ต A17 Pro กล้องเทเลโฟโต้ 12MP ที่ได้รับการปรับปรุงพร้อมการซูม 5 เท่า และกรอบไทเทเนียม มีปุ่ม Action ด้านข้าง มาแทนปุ่ม Mute แบบเดิม อันนี้เราสามารถตั้งค่าที่ต้องการได้ พอเรากดปุ่มแอ็คชั่นค้างไว้ก็จะเรียกใช้งานได้ทันที การเลือก iPhone 15 Pro Max จะเหมาะสำหรับใครก็ตามที่ต้องการรุ่นท็อปสุด จัดเต็มไม่แพ้รุ่นใหม่ และอยากประหยัดงบได้เกือบหมื่น

ยังไม่หมดแค่นั้น อย่าลืมว่า iPhone 15 Pro Max ตอนเปิดตัวคือ iOS 17 และเพิ่งได้อัปเดท iOS หลักเพียงเวอร์ชั่นเดียวคือ iOS 18 นั่นก็หมายความว่ายังได้ไปต่ออีกหลายปี รองรับ Apple Intelligence ใช้งานได้ยาวๆ เลยครับ

เป็นอย่างไรกันบ้างสำหรับวิธีเลือกซื้อ iPhone เพื่อให้เหมาะกับการใช้งานมากที่สุดและคุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไป แต่หากไม่ติดเรื่องงบประมาณก็จะเลือกง่ายหน่อย สามารถเลือกรุ่นที่ชื่นชอบได้เลยครับ อย่าลืมกดติดตามแฟนเพจ @iPhoneDroid.net และทวิตเตอร์ @iPhone_Droid จะได้ไม่พลาดข่าวสารดีๆ ด้วยนะครับ