Android Tips
วิธีเลือก Power Bank ให้เหมาะกับการใช้งาน ต้องดูอะไรบ้าง?
ในยุคนี้ Power Bank หรือแบตเตอรี่สำรองถือเป็นอีกหนึ่งอุปกรณ์ที่ต้องมีติดตัวคู่กับสมาร์ทโฟน เนื่องจากสมาร์ทโฟนที่เราใช้งานอยู่นั้นจำเป็นต้องใช้งานแบตเตอรี่ในปริมาณที่มากด้วยฟีเจอร์ที่หลากหลาย ดังนั้นการมี Power Bank ดีๆ สักอันก็ต้องเหมาะกับการใช้งานของเราด้วย มาดูวิธีเลือกซื้อกันเลย
1. ความจุของแบตเตอรี่เท่าไหร่ดี?
ขนาดความจุ Power Bank ต้องเหมาะกับปริมาณความจุของแบตเตอรี่สมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ต ข้อนี้สำคัญที่สุด โดยปริมาณความจุของ Power Bank ต้องมีปริมาณมากว่าเป็นสองเท่าของปริมาณแบตเตอรี่สมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ต เพื่อการชาร์จอุปกรณ์อย่างน้อย ๆ ก็ได้สัก 1 รอบ ซึ่งในหนึ่งวันก็น่าจะเพียงสำหรับการใช้งานนอกบ้านแล้ว เช่น เช่น แบตเตอรี่ของสมาร์ทโฟนมีความจุอยู่ที่ 4000 mAh ก็ควรเลือก Power Bank ที่มีขนาดความจุอยู่ที่ 8000 – 10,000 mAh ก็น่าเพียงพอแล้วต่อการชาร์จระหว่างวัน 1 – 2 ครั้ง
2. Input-Output สำคัญอย่างไร?
Input-Output หรือกระแสไฟเข้า-ไฟออก ข้อมูลทางเทคนิคนี้สำคัญไม่แพ้กัน ซึ่งจะระบุไว้ที่ข้างกล่องเสมอ อย่าลืมสังกเกตกันด้วยนะ เช่น Input: 1A (1000mAh) หมายความว่ากระแสไฟฟ้าที่เข้าชาร์จให้กับ Power Bank มีปริมาณ 1A (1000mAh) ต่อชั่วโมง สมมติแบตสำรองมีขนาดความจุ 6000 mAh ก็จะใช้เวลาชาร์จให้เต็มประมาณ 6 ชั่วโมง ดังนั้นหากต้องการชาร์จให้ Power Bank เต็มเร็ว ๆ ต้องเลือก Input ที่มีตัวเลขมากขึ้น
ส่วน Output 2.1A หมายความว่าปริมาณกระแสไฟฟ้าที่ชาร์จสมาร์ทโฟนจาก Power Bank จะมีการจ่ายกระแสไฟฟ้าที่ 2.1A (2100mAh) ต่อชั่วโมง แต่ต้องคำนึงถึงการรองรับกระแสไฟในปริมาณนี้ของตัวสมาร์ทโฟนด้วย ส่วนใหญ่เหมาะกับการชาร์จแท็บเล็ต
ปัจจุบันความเร็วในการชาร์จไฟเข้า Power Bank และชาร์จไฟเข้าสมาร์ทโฟนได้มีการพัฒนาและรองรับเทคโนโลยีการชาร์จเร็วด้วย ไม่ว่าจะเป็น PD (Power Delivery), QC3.0 หรือ QC4.0 เป็นต้น
สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ๆ ที่มาพร้อม USB Type-C สามารถชาร์จด้วย Power Delivery ได้ด้วยกำลังไฟที่สมาร์ทโฟนรุ่นนั้นๆ รองรับ หรือจะเป็น QC (Quick Charge) ในแต่ละเวอร์ชั่น ซึ่งสมาร์ทโฟนในปัจจุบันมีความฉลาดในการรองรับกระแสไฟที่เข้าชาร์จอยู่แล้ว
นอกจากนี้แล้วตัว Power Bank ควรจะมีไฟแจ้งเตือนสถานะการชาร์จ ปริมาณแบตเตอรี่คงเหลือด้วย
3. แบรนด์น่าเชื่อถือ และมีประกันคุณภาพ
ข้อนี้ก็สำคัญไม่แพ้กับข้ออื่น ๆ เนื่องจากปัจจุบันมี Power Bank วางจำหน่ายหลากหลายแบรนด์ ซึ่งราคาก็แตกต่างกันมาก โดยเฉพาะบางรุ่นที่มีความจุมากแต่กลับมีราคาถูกจนเหลือเชื่อ และหากไม่มีประกันคุณภาพสินค้า ก็ไม่ควรเลือกซื้อเพื่อความปลอดภัยในการใช้งาน
ตัวอย่าง Power Bank ที่ไม่ได้คุณภาพ โดยผู้ใช้งานมักหลังเชื่อกับปริมาณความจุมาก ๆ ในราคาถูก พบกว่าชาร์จ Power Bank เต็มแล้วพกออกไปนอกบ้าน แม้ไม่ได้ใช้งาน พอตกเย็นไฟไม่เหลือหรือเหลือน้อยมาก ซึ่งเกิดจากการคายประจุไฟที่เก็บเอาไว้นั่นเอง โดย Power Bank ทุกตัวจะมีการคายประจุไฟ แต่หากเป็นรุ่นที่มีราคาถูกก็จะมีต้นทุนการผลิตที่ถูก จึงทำให้พบอาการดังกล่าวชัดเจน
สำหรับการรับประกันสินค้า ก็ถือว่าเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่พอช่วยยืนยันคุณภาพสินค้าได้ในระดับหนึ่ง ยิ่งมีการรับประกันสินค้านานเท่าไหร่ก็ยิ่งดี
4. ดีไซน์ ขนาด น้ำหนัก
ปัจจุบัน Power Bank ที่มีดีไซน์สวยงาม วัสดุเป็นอะลูมิเนียมอัลลอยด์ ก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ได้รับความนิยมเป็นอย่าง โดยเฉพาะการมีขนาดเล็ก บางเบา ช่วยให้การพกพาทำให้สะดวกสบายยิ่งขึ้น เหมือนกำลังพกสมาร์ทโฟนอีกเครื่อง
5. การดูแลและการชาร์จไฟ Power Bank
ไม่ควรปล่อยให้ Power Bank แบตเตอรี่หมดเป็นเวลานาน แต่ควรเหลือสำรองไว้ประมาณ 30-40% และไม่ควรทำตกหรือเปียกน้ำ เพราะอาจทำให้เกิดการชำรุดส่งผลต่อการใช้งานได้
ข้อมูลหลัก ๆ ทั้งหมดนี้ก็น่าจะพอเป็นแนวทางให้เพื่อน ๆ ได้บ้าง ซึ่งจริง ๆ แล้วยังมีอีกหลายเหตุผล หลายปัจจัยในการเลือกซื้อ Power Bank ที่เหมาะกับการใช้งาน ใครเคยพบปัญหาหรืออยากแชร์การเลือกซื้อ Power Bank สามารถแสดงความเห็นกันได้เลยครับ ^^