83 


เมื่อเราใช้งาน iPhone มานานเกิน 1-2 ปี การทำงานของแบตเตอรี่ก็อาจจะเสื่อมลงตามเวลาครับ ซึ่งก็มีวิธีที่ช่วยการช่วยให้เราใช้งานเครื่องได้นานขึ้นต่อการชาร์จ 1 ครั้งด้วยครับ โดยวิธีต่อไปนี้จะเป็นการปิดการทำงานเบื้องหลังของแอปต่างๆ นั่นเอง วิธีเป็นอย่างไร มาดูกันครับ

วิธีการทำงานเบื้องหลังของแอปบน iPhone
- ไปที่ การตั้งค่า
- กด ทั่วไป > ดึงข้อมูลแอปจากเบื้องหลัง
- เลือกแอปที่เราต้องการปิด
- เสร็จสิ้น

ทั้งนี้ หากใครไม่อยากเลือกปิดเป็นรายแอป ก็สามารถเลือกได้ว่าจะได้ให้ข้อมูลได้เฉพาะตอนใช้ Wi-Fi เท่านั้นครับ

สำหรับการปิดฟีเจอร์ข้างต้นจะเป็นการไม่อนุญาตไม่แอปต่างๆ ได้ดึงเนื้อหาเมื่อเราใช้งาน Wi-Fi หรือเซลลูลาร์ครับ ซึ่งหากเราจะต้องการอัปเดทเนือหาใหม่ๆ จะต้องเปิดแอปขึ้นมาอีกครั้ง ดังนั้น การทำงานของเครือข่ายจะลดลงและแบตเตอรี่ก็จะลดช้าลงด้วยเช่นกัน