Smart Review
รีวิว Huawei Ascend Mate 7 หน้าจอ 6 นิ้ว, ตัวเครื่องโลหะ มีเซ็นเซอร์ลายนิ้วมือ
Huawei Ascend Mate 7 สมาร์ทโฟนจอใหญ่ ที่มาพร้อมระบบความปลอดภัยด้วยเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ และหน่วยประมวลผล Kirin 925 Octa-core และเซ็นเซอร์ยูนิต i3 รองรับ LTE cat.6 ความเร็วดาวน์โหลดสูงสุด 300 Mbps และแบตเตอรี่ความจุ 4,100 mAh
อุปกรณ์
- ตัวเครื่อง Huawei Ascend Mate 7 และแบตเตอรี่ในตัว 4,100 mAh
- สาย micro-USB
- หัวอะแดปเตอร์
- หูฟัง
- เข็มจิ้มถาดใส่ซิมและถาดใส่ microSD
- คู่มือการใช้งาน
- เคสฝาพับ
สรุปสเปค Huawei Ascend Mate 7
- หน้าจอขนาด 6 นิ้ว Full HD ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล
- ขนาดตัวเครื่อง 157 x 81 x 7.9 มม.
- น้ำหนัก 185 กรัม
- ระบบปฏิบัติการ Android 4.4.2 KitKat ครอบทับด้วย EMUI 3.0
- ชิปเซ็ต Huawei Kirin 925
- ซีพียู Octa-core (Quad-core 1.8GHz A15 และ Quad-core 1.3GHz A7)
- จีพียู Mali T628
- แรม 2GB
- ความจุ 16GB (เหลือใช้จริงประมาณ 11.2GB) เพิ่มได้ด้วย MicroSD สูงสุด 32GB
- กล้องหลัง 13 ล้านพิกเซล
- กล้องหน้า 5 ล้าน
- รองรับ 4G LTE cat.6
- แบตเตอรี่ 4,100mAh
- ตัวเครื่องสีดำ และสีเงิน
ตัวเครื่อง ดีไซน์ และหน้าจอแสดงผล
Huawei Ascend Mate 7 มาพร้อมหน้าจอขนาดใหญ่ 6 นิ้ว ความละเอียด Full HD อีกทั้งขอบหน้าจอถูกดีไซน์ให้มีความบางมากโดยมีพื้นที่ว่างเพียง 2.9 มม. และสัดส่วนหน้าจอคิดเป็นร้อยละ 83 ของขนาดตัวเครื่อง ซึ่งตัวเครื่องทำมาจากโลหะที่มีดีไซน์ค่อนข้างบางเพียง 7.9 มม. (Galaxy Note 4 บาง 8.5 มม., Xperia Z3 บาง 7.3 มม. และ iPhone 6 Plus บาง 7.1 มม.)
ขนาดตัวเครื่องของ Ascend Mate 7 อยู่ที่ 157 x 81 x 7.9 มม. น้ำหนัก 185 กรัม เหนือหน้าจอมี Proximity Sensor สำหรับการปิดหน้าจอแบบอัตโนมัติขณะสนทนา, เลนส์กล้องหน้าความละเอียด 5 ล้านพิกเซล และลำโพงสำหรับเสียงสนทนา
บริเวณด้านล่างหน้าจอมีคำว่า HUAWEI ซึ่งปุ่มนำทางจะเป็นปุ่มสัมผัสอยู่บนหน้าจอ ได้แก่ ปุ่มย้อนกลับ, ปุ่มโฮม และปุ่มเรียกดูรายการแอพพลิเคชั่นที่ใช้งานล่าสุด จึงทำให้บริเวณนี้ไม่มีปุ่มใด ๆ เลย
ขอบด้านล่างตัวเครื่องมีไมโครโฟน และช่องเสียบ micro-USB สำหรับชาร์จแบตเตอรี่หรือถ่ายโอนข้อมูลกับคอมพิวเตอร์
ขอบด้านบนตัวเครื่องมีช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มม. และไมโครโฟนตัวที่ 2
ด้านขวาของตัวเครื่องมีปุ่มกดสำหรับปรับระดับเสียง และปุ่มปิด/เปิดเครื่องหรือปิด/เปิดหน้าจอ
ด้านซ้ายของตัวเครื่องมีที่ใส่ซิมการ์ด 1 ช่อง ขนาด Micro-SIM และช่องใส่ความจำภายนอก MicroSD สูงสุด 32GB ซึ่งถาดใส่ซิมและถาดใส่ความจำภายนอกต้องใช้เข็มที่ให้มากับกล่องจิ้มถาดออกมา
ด้านหลังตัวเครื่องมีเลนส์กล้องหลังความละเอียด 13 ล้านพิกเซล ไฟแฟลช LED ถัดลงมาเป็นเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ และบริเวณด้านล่างมีช่องสำหรับเสียงลำโพง พร้อมโลโก้และรายละเอียดรุ่นมือถือ
ฝาด้านหลังไม่สามารถถอดได้ ภายในมีแบตเตอรี่ขนาด 4,100 mAh ซึ่งถือว่าเป็นสมาร์ทโฟนที่มีแบตเตอรี่ความจุเยอะมาก
ในส่วนของหน้าจอขนาด 6 นิ้ว ความละเอียด 1080 x 1920 พิกเซล เป็นจอ IPS LCD และกระจกกันรอยขีดข่วน Gorilla Glass 3 หน้าจอจะติดฟิล์มด้านแบบใสมาให้แล้วนะครับ ด้วยหน้าจอที่มีขนาดใหญ่มากจึงมีความหนาแน่นพิกเซลอยู่ที่ประมาณ 368 พิกเซลต่อนิ้ว ในขณะที่เรือธงจากค่ายอื่นที่มีหน้าจอ Full HD จะมีความหนาแน่นพิกเซลมากกว่าเนื่องจากขนาดหน้าจอเล็กกว่า
อินเตอร์เฟซและฟังก์ชั่นการใช้งาน
Huawei Ascend Mate 7 มาพร้อมระบบปฏิบัติการ Android 4.4.2 KitKat ครอบทับด้วย EMUI เวอร์ชั่น 3.0 ปลดล็อคหน้าจอด้วยการปัดไปทางด้านซ้ายหรือขวาเพื่อเข้าสู่หน้าโฮมหรือหน้าจอหลัก ซึ่งจะไม่มีการแยกส่วนของ App Drawer แต่จะเรียงไอคอนแอพพลิเคชั่นทั้งหมดไว้บนหน้าจอหลัก
ในส่วนของภาพวอลเปเปอร์ในหน้าล็อคสกรีนจะสามารถเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ ทุกครั้งที่มีการปิด/เปิดหน้าจอ ตามจำนวนชุดภาพวอลเปเปอร์ที่ตั้งค่าไว้
ในส่วนของหน้าจอหลักหรือหน้าโฮม สามารถเพิ่มได้สูงสุด 9 หน้า เพียงจีบสองนิ้วให้เข้าหากันหรือแตะหน้าจอค้างไว้เพื่อจัดการกับหน้าจอหลัก ซึ่งในส่วนนี้สามารถเลือกเปลี่ยนภาพวอลเปเปอร์ เลือกรูปแบบการจัดวางและเพิ่มวิดเจ็ต เลือกรูปแบบเอฟเฟกต์หรืออนิเมชั่นการเลื่อนหน้าจอ และสามารถเลือกรูปแบบจำนวนแถวของการจัดเรียงไอคอนแอพพลิเคชั่นได้
เมื่อกดปุ่มเรียกดูรายการใช้งานล่าสุด (ปุ่มไอคอนสีเหลี่ยมล่างขวาสุด) จะแสดงรายการแอพพลิเคชั่นที่เปิดใช้งานล่าสุดในรูปแบบที่ย่อหน้าจอมาแสดงได้ 4 รายการต่อหน้า ซึ่งผู้ใช้งานสามารถแตะที่รายการดังกล่าวเพื่อเข้าใช้งานต่อ หรือปัดหน้าจอขึ้นเพื่อล้างรายการแอพพลิเคชั่นทั้งหมด
ในส่วนของการแจ้งเตือนจะแสดงคล้าย ๆ รูปแบบของไทม์ไลน์โดยเรียงตามเวลา พร้อมแสดงไอคอนของแต่ละรายการ สามารถแตะที่รายการเพื่อดูหรือแตะที่ไอคอนถังขยะเพื่อล้างรายการแจ้งเตือนทั้งหมด และอีกส่วนจะเป็นส่วนของเมนูลัดต่าง ๆ สำหรับการตั้งค่าการใช้งานตัวเครื่องโดยไม่ต้องกดเข้าเมนูการตั้งค่า
ธีมตัวเครื่องสามารถดาวน์โหลดเพิ่มเติมและปรับเปลี่ยนเองได้จากเมนูธีม ซึ่งมีให้เลือกใช้หลากหลายและที่สำคัญคือดาวน์โหลดฟรี
เมนูการโทร จะแบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือ ส่วนของแป้นตัวเลขสำหรับกดหมายเลขเพื่อโทรและแสดงประวัติการโทรล่าสุด ถัดมาเป็นส่วนของสมุดโทรศัพท์ และส่วนของข้อความ ซึ่งเมนูเมื่อสายโทรเข้าจะสามารถเลือกรับสาย (ไอคอนเขียว), วางสาย (ไอคอนแดง) หรือส่งข้อความก็ได้ โดยการแตะที่วงกลมตรงกลางแล้วลากไปยังไอคอนนั้น ๆ
เมนูขณะรับสายที่สามารถใช้ได้ ได้แก่ ปฏิทิน กดพักสาย แผ่นจดบันทึก ปิดเสียง เพิ่มการโทร ดูรายชื่อ เปิดเสียงสนทนาผ่านลำโพง ใช้งานแป้นกด และกดวางสาย
แป้นพิมพ์ รองรับการพิมพ์แบบลากคำ มีระบบดำคำศัพท์ล่วงหน้า และเลือกเปลี่ยนภาษาโดยการแตะค้างที่แป้นเคาะ (spacebar)
นาฬิกา มาพร้อมหน้าตาที่ดูสวยงามไปอีกแบบ ซึ่งในส่วนของเวลาโลกตัวนาฬิกาจะมีจุดแดง ๆ เปรียบเหมือนเข็มวินาทีที่จะเคลื่อนที่รอบตัวบอกเวลา และในส่วนของการตั้งเวลานับถอยหลังให้ลากจุดสีแดงเพื่อตั้งเวลา
ปฏิทิน สามารถเพิ่มกิจกรรมลงไปได้ เลือกดูในมุมมองแบบปี เดือน สัปดาห์ วัน และมีเมนูสำหรับเพิ่มหรือลบปฏิทินที่จะซิงค์ข้อมูล
พยากรณ์อากาศ ใช้ข้อมูลจาก Accu Weather อินเตอร์เฟซของ EMUI 3.0 ที่ดูเรียบง่ายและสวยไม่เหมือนใคร ด้วยตัวบอกอุณหภูมิเป็นแบบสเกลวงกลม 360 องศา
ตัวจัดการโทรศัพท์ เป็นเมนูสำหรับจัดการการใช้งานต่าง ๆ ของโทรศัพท์ที่รวมไว้ในที่เดียว โดยสามารถแตะเพื่อสแกนแล้วให้ระบบจัดการให้โดยอัตโนมัติ หรือจะเลือกใช้งานแต่ละฟังก์ชั่นก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นการเร่งความเร็วโทรศัพท์คือการล้างหน่วยความจำตัวเครื่องที่ไม่จำเป็นออกและปิดการทำงานแอพพลิเคชั่นบางตัวที่เปิดค้างไว้ เป็นต้น
ท่องอินเตอร์เน็ตผ่านเบราว์เซอร์ที่มากับตัวเครื่อง หรือจะดาวน์โหลดเพิ่มเติมจาก Play Store ก็ได้เช่นกัน
ตัวช่วยการใช้งานมือเดียว
เนื่องจากรุ่นนี้หน้าจอใหญ่ การใช้งานมือถือค่อนข้างลำบาก จึงมีฟีเจอร์สำหรับช่วยการใช้งานมือเดียวมาให้ด้วย ได้แก่ การย้ายแป้นพิมพ์และปุ่มนำทางไปทางซ้ายหรือขวา แต่จากการใช้งานพบว่าแป้นพิมพ์มีการย้ายตามบ้าง และไม่ย้ายตามบ้าง
เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ
ถือเป็นอีกหนึ่งฟีเจอร์เด่นของ Mate 7 เลยก็ว่าได้ เพราะทำงานได้รวดเร็วด้วยเซ็นเซอร์ขนาด 9.16 x 9.16 ซม. และเป็นแบบ 1 Step คือแตะเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือเพื่อปลดล็อคได้เลย และวางนิ้วมือบนตัวเซ็นเซอร์จากมุมไหนก็ได้ ไม่จำเป็นต้องวางนิ้วตามแนวตังของตัวเครื่อง ซึ่งจะแตกต่างจาก Galaxy S5, Galaxy Note 4, iPhone 6 และ iPhone 6 Plus เป็นต้น ที่ต้องเปิดหน้าจอก่อนการใช้งานปลดล็อคด้วยเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ
ลายนิ้วมือสามารถบันทึกได้สูงสุด 5 ลายนิ้วมือ และสามารถตั้งค่าสำหรับการปลดล็อคหน้าจอ การเข้าถึงความปลอดภัย และปลดล็อคการเข้าใช้งานแอพพลิเคชั่นได้ด้วย
ประสิทธิภาพการทำงานและหน่วยประมวลผล
Huawei Ascend Mate 7 ใช้ชิปเซ็ต HiSilicon Kirin 925 ซีพียู Octa-core (Quad-core 1.8GHz A15 และ Quad-core 1.3GHz A7) ออกแบบมาเพื่อประสิทธิภาพสูงสุด เน้นประหยัดพลังงาน ทั้ง 2 ตัวจะรวมกันหรือสลับซีพียูตามโหมดการทำงานไปมาด้วยเทคโนโลยีเรียกว่า big.LITTLE รองรับ LTE Cat.6 ความเร็วดาวน์โหลดสูงสุด 300 Mbps ซึ่งการเรียกใช้งานซีพียูนั้นก็ขึ้นอยู่กับความต้องการพลังงานของแต่ละแอพพลิเคชั่น กับเซ็นเซอร์ยูนิต i3 และหน่วยประมวลผลกรฟิก Mali-T628
รุ่นที่ใช้รีวิวเป็นรุ่นโมเดล MT7-L09 มีความจำแรมขนาด 2GB และความจุขนาด 16GB เหลือใช้งานจริงประมาณ 11GB สามารถเพิ่มได้ด้วย microSD สูงสุด 32GB
ผลทดสอบคะแนน Benchmark
- AnTuTu Benchmark ได้ 42,755 คะแนน
- Quadrant Standard ได้ 11,099 คะแนน
ตรวจสอบเซ็นเซอร์ด้วย Android Sensor Box และมัลติทัช
- Accelerometer Sensor ช่วยหมุนหรือปรับเปลี่ยนทิศทางการแสดงผลของหน้าจอให้แบบอัตโนมัติ ตามลักษณะการจับถือของผู้ใช้
- Light Sensor สำหรับตรวจวัดระดับความสว่างของสภาพแวดล้อม เพื่อปรับความสว่างของหน้าจอและแผงปุ่มกดให้เหมาะสม
- Orientation Sensor ระบบปรับมุมมองการแสดงผลหน้าจออัตโนมัติ
- Proximity Sensor สำหรับการปิดหน้าจอแบบอัตโนมัติขณะสนทนา เพื่อประหยัดพลังงาน
- Gyro Sensor ระบบตรวจจับความเคลื่อนไหวแบบ 3 แกน ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ และ
ความยืดหยุ่นหลากหลายในการควบคุม - Sound Sensor ตรวจวัดระดับเสียง
- Magnetic Sensor ตรวจวัดความเข้มสนามแม่เหล็ก
- รองรับมัลติทัชสูงสุด 10 จุด
การเชื่อมต่อข้อมูล
Huawei Ascend Mate 7 รองรับเทคโนโลยี NFC และฟีเจอร์ Huawei Beam ซึ่งเป็นการถ่ายโอนข้อมูลหรือแบ่งปันข้อมูลไป-มาระหว่างสมาร์ทโฟนสองเครื่อง ไม่ว่าจะเป็น ภาพ วิดีโอ รายชื่อ และ URL ได้สะดวกและง่ายขึ้นเพียงหันด้านหลังสมาร์ทโฟนสองเครื่องให้ชิดกันและตรงตำแหน่งของชิป NFC แล้วแตะที่หน้าจอเพื่อเริ่มแบ่งปันข้อมูลได้ทันที
Mate 7 รองรับการเชื่อมต่อผ่าน Wi-Fi 802.11 a/b/g/n, dual-band, DLNA, Wi-Fi Direct, Bluetooth 4.0 และเชื่อมต่อผ่าน 3G คลื่น HSDPA 850 / 900 / 1700 / 1900 / 2100 MHz ความเร็วดาวน์โหลดสูงสุด 42 Mbps (3G ทุกเครือข่ายในไทย) และ 4G LTE Cat.6 ความเร็วดาวน์โหลดสูงสุด 300 Mbps คลื่น 700/800/850/900/1700/1800/1900/2100/2600 MHz สามารถใช้งาน 4G ในไทยได้ด้วย
การเชื่อต่อข้อมูลผ่านสายกับคอมพิวเตอร์ก็สามารถทำได้ผ่าน microUSB เวอร์ชั่น 2.0
แบตเตอรี่และการประหยัดพลังงาน
Huawei Ascend Mate 7 มีแบตเตอรี่ลิเธียมโพลิเมอร์ขนาด 4,100 mAh นอกจากจะมีแบตเตอรี่ที่มากกว่าเรือธงจากแบรนด์อื่นแล้ว ทาง Huawei ได้เพิ่มระบบประหยัดพลังงานดีกว่าเดิมอีก 30% สำหรับการท่องอินเตอร์เน็ต และจัดการพลังงานสำหรับการเชื่อมต่อผ่านเครือข่าย 4G LTE
โหมดประหยัดพลังงานขั้นสูงของ Ascend Mate 7 เมื่อเปิดใช้งาน หน้าจอจะแสดงผลเป็นแบบขาวดำเพื่อประหยัดพลังงาน สามารถใช้งานการโทร ส่งข้อความ และเข้าถึงรายชื่อติดต่อได้เท่านั้น ซึ่งจะเห็นว่าแบตเตอรี่ 22% สามารถอยู่ได้นานสูงสุดประมาณ 13 ชั่วโมง หากเปิดใช้งานโหมดประหยัดพลังงานขั้นสูง
กล้องถ่ายรูป
Huawei Ascend Mate 7 มีกล้องหลังความละเอียด 13 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์กล้องจาก Sony และประกอบด้วยชิ้นเลนส์ 5 ชิ้น พร้อมแฟลช LED สำหรับถ่ายภาพในที่แสงน้อย สามารถแท็กตำแหน่งแผนที่ลงบนภาพได้ และแตะค้างที่เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือเพื่อถ่ายภาพ นอกจากนี้ก็มีระบบติดตามการโฟกัสวัตถุแบบเคลื่อนที่ (AutoFucus Tracking)
ตัวอย่างภาพถ่าย
เคสฝาพับและมีหน้าต่างแสดงผล (Flip Cover with Window View)
Huawei Ascend Mate 7 มีเคสฝาพับแถมมาให้ด้วยซึ่งดูเหมือนว่าจะเป็นหนังและตัดเย็บอย่างดี ส่วนฝาหลังของตัวเคสจะมีพลาสติกอีกชั้นหนึ่งเพื่อเป็นตัวล็อคกับตัวเครื่องสมาร์ทโฟน ซึ่งสามารถใช้งานผ่านหน้าต่างของเคสได้บางฟีเจอร์ เช่น แสดงนาฬิกา การแจ้งเตือน สายโทรเข้า เครื่องเล่นเพลง เป็นเพลง เป็นต้น โดยต้องเปิดใช้งานฟีเจอร์ “ปกสมาร์ท” ในเมนูการตั้งค่าก่อน
* ราคาเปิดตัว 16,990 บาท (อัปเดท 1 พฤศจิกายน 2014)
สรุปจุดเด่น
- หน้าจอ 6 นิ้ว Full HD 1080p
- หน่วยประมวลผล Octa-core
- เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ
- รองรับ 3G ทุกเครือข่ายในไทย และใช้งาน 4G ในไทยได้
- กล้องหลังความละเอียด 13 ล้านพิกเซล มีแฟลช LED
- แบตเตอรี่ 4,100 mAh
จุดสังเกตุเพิ่มเติม
- ฝาหลังถอดไม่ได้ และแบตเตอรี่ไม่สามารถถอดเปลี่ยนเองได้
ขอขอบคุณ หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย)