Smart Review
รีวิว HUAWEI FreeClip อิสระในการฟังกับ C-Bridge Design | สวมใส่สบายในทุกโอกาส | ใช้งานนานสูงสุด 36 ชม.
รีวิว HUAWEI FreeClip หูฟังไร้สายรุ่นล่าสุดที่มาพร้อมคอนเซ็ปต์ใหม่ที่มีดีไซน์ล้ำ ๆ และตอบโจทย์การใช้งานในรูปแบบใหม่ด้วยครับ ทั้งดีไซน์ C-Bridge แปลกใหม่แต่ใช้ได้จริง, เทคโนโลยีใหม่ของหูฟัง Open-ear ที่สวมใส่สบายตลอดทั้งวัน, คุณภาพเสียงขณะคุยโทรศัพท์ที่ยอดเยี่ยมด้วย AI Crystal-Clear Call, ความสามารถกันน้ำ IP54, หรือจะเป็นแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้ยาวนานด้วย
เราว่านี่เป็นอีกทางเลือกของคนที่ต้องการหูฟังที่ใส่ติดหูได้ตลอดจริง ๆ ครับ ส่วนการใช้งานจริงจะเป็นอย่างไร มาติดตามรีวิวของ HUAWEI FreeClip รุ่นนี้ไปพร้อม ๆ กันเลยครับ!
สรุปสเปค HUAWEI FreeClip
- ขนาดเคสชาร์จ : 59.70 × 51.95 × 27.35 มม.
- น้ำหนักเคสชาร์จ : 45.5 กรัม
- น้ำหนักหูฟัง(ต่อข้าง) : 5.6 กรัม
- ลำโพง : ไดรเวอร์คู่ขนาด 10.8 มม.
- ไมโครโฟน : 3 ตัว
- ระบบตัดเสียงรบกวน : AI Crystal-Clear Call (ตัดเสียงรบกวนขณะคุยโทรศัพท์)
- รองรับเสียง SBC, AAC และ L2HC
- การเชื่อมต่อ : Bluetooth 5.2, พอร์ต USB-C
- แบตเตอรี่ : 55 mAh (หูฟัง), 510 mAh (เคสชาร์จ)
- กันน้ำ : IP54
- สีสัน : สีดำ, สีม่วง
แกะกล่อง HUAWEI FreeClip
ก่อนอื่นเรามาแกะกล่องดูอุปกรณ์ที่ให้มากันแบบเร็ว ๆ ก่อนดีกว่า HUAWEI FreeClip ยังมาพร้อมกล่องสีขาวมาตรฐานเหมือนหูฟังไร้สายรุ่นอื่น ๆ ของ HUAWEI แต่ที่หน้ากล่องจะไม่มีภาพประกอบสินค้าอยู่ด้วย มีแค่ชื่อรุ่นเด่น ๆ เท่านั้นครับ ส่วนด้านหลังจะมีฟีเจอร์เด่นของรุ่นนี้ระบุไว้เพียบเลยล่ะ
เปิดกล่องออกมาจะเจอกับตัวหูฟังที่อยู่ในเคสอย่างดี และอุปกรณ์เสริมอื่น ๆ จะอยู่ถัดลงไปในชั้นต่อไป ทั้งหมดก็มีของมาให้ทั้งหมด 3 อย่างดังนี้ครับ
- หูฟังพร้อมเคสชาร์จ HUAWEI FreeClip
- สายชาร์จ USB-C to USB-C
- เอกสารคู่มือและใบรับประกัน
เคสทรงกลม พกพาสะดวก
มาเริ่มชมดีไซน์ของ HUAWEI FreeClip กันเลยครับดีกว่า ที่ตัวเคสชาร์จจะมาในทรงกลมได้แรงบันดาลใจจากหอยเชลล์ ดู minimal มีโลโก้ HUAWEI และไฟสถานะที่หน้าเคสเหมือนหูฟังไร้สายหลาย ๆ รุ่นของแบรนด์ สีที่เราได้มารีวิวเป็นสีดำ จะออกไปโทนเทาซะมากกว่า ผิวสัมผัสเป็นแบบด้านหยิบถือได้ง่ายไม่ลื่นหรือรู้สึกว่าต้องคอยเช็ดทำความสะอาดบ่อยเหมือนแบบมันวาวเนาะ
ด้วยความที่โลโก้อยู่ด้านหน้าไปแล้ว ที่ด้านหลังที่บานพับก็จะเป็นสีเงินวาวเท่านั้นครับ ส่วนที่ด้านขวามือของเคสจะมีปุ่มกดเพื่อ Reset สัญญาณการเชื่อมต่อด้วยครับ
ส่วนด้านล่างของเคสก็มีพอร์ตชาร์จแบบ USB-C มาตรฐานครับ
หูฟัง Open-ear แบบ C-Bridge Design
ตัวเคสชาร์จอาจจะไม่ได้หวือหวาเท่าไหร่ เพราะไฮไลท์จริง ๆ อยู่ที่ตัวหูฟังต่างหากครับ HUAWEI FreeClip เมื่อเราเปิดเคสชาร์จขึ้นมาจะเห็นวง ๆ 2 วงที่มีรูปทรงคล้ายหูฟัง Over ear อันจิ๋ว 2 อันวางอยู่ (หรือบางมุมก็แอบคล้าย Kettlebell ที่ยกน้ำหนักเหมือนกันนะ)
ซึ่งนี่แหละครับคือความแปลกใหม่ของดีไซน์ที่เราพูดถึง HUAWEI เรียกดีไซน์แบบนี้ว่า C-Bridge Design ถ้าเราหยิบออกมาแล้วเอียงเป็นแนวนอนจะมีรูปลักษณ์เหมือนตัวอักษร C ในภาษาอังกฤษเลย ซึ่งตัวหูฟังจะมีพื้นผิวแบบมันวาวนิ่ม ๆ ไม่แข็งจนเกินไป วัสดุตรงนี้จะใช้เป็น Nickel-Titanium ที่มีความยืดหยุ่นและคืนรูปได้เป็นอย่างดี ไม่ต้องกังวลว่าง้างมาก ๆ แล้วจะผิดรูปครับ
ที่ตัววงกลมเล็กจะเป็นพื้นที่ที่มีลำโพงอยู่ภายในเพื่อส่งเสียงให้เราเวลาสวมใส่ได้เป็นอย่างดี ให้อารณ์เหมือนหูฟัง Open-ear ปกตินั่นแหละครับ แต่ความพิเศษน่าจะอยู่ที่วิธีการใส่มากกว่า
สวมใส่ด้วยการ “หนีบ”
วิธีการใส่ HUAWEI FreeClip ก็คือให้เราใช้ 2 จุดกลม ๆ นั้นหนีบไปที่ใบหูของเรานั่นเองครับ ซึ่งตัวหูฟังจะหนีบเข้ากับใบหูของเราได้แบบพอดี HUAWEI เคลมว่าผ่านการทดสอบกับตัวอย่างหูมากกว่า 10,000+ ตัวอย่างแล้ว เพราะฉะนั้นไม่ต้องห่วงว่าเราจะใส่ได้ไม่พอดีครับ ถ้าได้หนีบปุ๊บก็แน่นหนาอยู่แล้ว
ซึ่งความดีงามก็คือตัวหูฟังนั้นมีน้ำหนักเบาแค่ 5.6 กรัมเท่านั้น ทำให้เราสามารถสวมใส่ได้แบบเบาสบายตลอดทั้งวัน โดยไม่อึดอัด จะใส่ติดหูไว้ทั้งวันเป็นเครื่องประดับแมทช์กับเสื้อผ้าไปเลยก็ยังได้
หรือถ้าอยากใส่ตุ้มหูมาเสริมพร้อมกับใช้งานหูฟังไปด้วยก็ยังได้เหมือนกัน เพราะข้อดีคือพอตัวหูฟังไปอยู่ที่ใบหูเราแล้ว สาว ๆ ที่ต้องใส่ตุ้มหูเป็นเครื่องประดับเสริมความงามก็ทำได้ด้วย เพราะไม่มีตัวก้านหูฟังที่ยื่นออกมาชนกับตุ้มหูอีกต่อไป เยี่ยมเลย!
ส่วนเรื่องการยึดเกาะเท่าที่เราลองใช้งานก็ถือว่าทำได้ดีเลย ถ้าตอนแรกเริ่มสวมเข้าไปในจุดที่หนีบได้พอดีหูแล้ว แม้จะสะบัดแรง ๆ ก็ไม่หลุดเอาง่าย ๆ ใครที่อยากใส่ออกไปเดิน วิ่งออกกำลังกายเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็เอาอยู่ครับ
มีความสามารถกันน้ำ IP54 ทนเหงื่อ ทนฝนได้
สำหรับความทนทาน HUAWEI FreeClip ก็ได้มาตรฐานกันน้ำกันฝุ่น IP54 มาเหมือนหูฟังรุ่นอื่น ๆ ของ HUAWEI มั่นใจได้ว่าแม้จะใส่ออกกำลังกายมีเหงื่อออกมาหรือต้องลุยฝุ่นปรอย ๆ ตัวหูฟังก็จะไม่เกิดอันตรายจนพังไปแน่นอนครับ
โดยรวมในเรื่องดีไซน์ของ HUAWEI FreeClip ก็ถือว่าออกแบบมาได้น่าสนใจทีเดียวครับ เป็นแนวทางใหม่ของหูฟัง Open-ear เพราะทั้งการสวมใส่แบบใหม่ ๆ เปลี่ยนภาพหูฟังแบบเดิม ๆ ความสะดวกสบายเวลาอยู่บนหู ให้เราได้ใส่ได้ตลอดทั้งวันแบบไม่อึดอัด แถมยังสามารถแมทช์เป็นเครื่องประดับกับชุดแต่งกายได้ด้วยอีก
จับคู่ง่ายกับสมาร์ทโฟน HUAWEI
มาลองเชื่อมต่อกันเลยดีกว่า HUAWEI FreeClip ยังคงจับคู่กับสมาร์ทโฟน HUAWEI ได้ง่ายเหมือนเดิม แค่เปิดฝาเคสชาร์จขึ้นมาเอามาไว้ใกล้ ๆ กัน ก็จะมี Pop-up ให้เราเลือกเชื่อมต่อกันได้ทันที ไม่วุ่นวายพร้อมอนอเมชั่นสวย ๆ ต้อนรับด้วย ส่วนถ้าเป็นระบบอื่น ๆ ก็ให้เข้าไปหน้าการตั้งค่าและ Bluetooth ปกติเนาะ
ส่วนของแอปที่จะใช้งานร่วมกับหูฟัง HUAWEI FreeClip ก็คือ HUAWEI AI Life ซึ่งถ้าเป็นสมาร์ทโฟน HUAWEI อยู่แล้วก็เพียงแค่อัปเดตก็จะพร้อมใช้งานทันที แต่ถ้าเป็นระบบอื่นก็ดาวน์โหลดเพิ่มเติมได้จากที่นี่เลยครับ
โดยในแอปก็จะมีบอกสถานะของตัวหูฟัง FreeClip เอง รวมถึงการตั้งค่าอื่น ๆ เพิ่มเติม อาทิ การตั้งค่า Gesture Control หรือการอัปเดตซอฟต์แวร์เพิ่มเติมเป็นต้นครับ
สั่งงานได้ผ่านตัวหูฟัง
ไหน ๆ ก็พูดเรื่องการตั้งค่าสั่งงานแล้วเนาะ ก็ขอเสริมในเรื่องของการสั่งงานผ่าน HUAWEI FreeClip อีกหน่อยดีกว่า เพราะรูปทรง C-Bridge Design นี้แอบแตกต่างจากหูฟังรุ่นก่อน ๆ พอสมควร ตัว Touch Control หรือจุดที่เราสัมผัสได้เลยมีเยอะหน่อย ทั้งที่ตัวขอบและตัวหูฟังทั้ง 2 จุด รวมกันก็คือเราสั่งงานได้ 3 จุดเลยทีเดียวครับ คำสั่งจะมี 2 อย่างง่าย ๆ คือ แตะ 2 ครั้งและ 3 ครั้งครับ อาทิ
- แตะ 2 ครั้งเพื่อรับสาย-วางสาย/เพื่อเล่น-หยุดเพลง
- แตะ 3 ครั้งเพื่อเล่นเพลงถัดไป/ย้อนกลับเพลงก่อนหน้า
ซึ่งเราสามารถเข้าไปตั้งค่าเพิ่มเติมได้จากแอป AI Life อย่างที่บอกไปนั่นเองครับ
ระบบเสียง Open Sound
แนวคิดของ HUAWEI FreeClip คือตอบโจทย์ผู้ใช้ที่ต้องการเพลิดเพลินกับเสียงเพลงโดยไม่สูญเสียสัมผัสสิ่งรอบข้าง ซึ่งเท่าที่เราลองใช้งานก็ถือว่าทำได้จริงตามที่ตั้งใจเลยครับ ด้วยเทคโนโลยีระบบเสียงแบบ Open Ear ทำให้เราได้ยินเสียงเนื้อหาที่ออกจากหูฟังได้ชัดเจน แต่ก็ไม่พลาดเสียงรอบข้างไปด้วย ซึ่งเป็นสิ่งสําคัญมากสําหรับคนที่ต้องเดินทางบ่อย ๆ ตัวอย่างเช่น ผู้ใช้ที่ฟังเพลงขณะขับรถด้วย แต่ต้องการระวังเสียงจราจร หรือเสียงของคนที่คุณรักและเด็ก ๆ ที่เบาะหลังของรถ จะได้รับประโยชน์จากการรับรู้ที่เพิ่มขึ้นด้วยเทคโนโลยีการฟังแบบ Open Sound นี้ครับ
ระบบเสียงอันทรงพลังด้วยยูนิตไดร์เวอร์ความไวสูงแบบ Dual-Magnet
ส่วนเรื่องเสียงถ้าเทียบกับกลุ่ม In Ear ก็ต้องบอกตรง ๆ ว่าไม่แน่นเท่า เพราะช่องว่างของหูฟังกับหูที่ไม่แนบสนิท แต่ถ้าเทียบกับพวกหูฟัง Open Ear ทั่วไปต้องบอกเลยว่า HUAWEI FreeClip นั้นมอบประสบการณ์เสียงที่ยอดเยี่ยมไม่น้อย ด้วยชุดคอยล์เคลื่อนที่ของวงจรแม่เหล็กคู่ที่มีความไวสูง และไดรฟ์ที่มีแอมพลิจูดขนาดใหญ่ ซึ่งช่วยรักษาความคมชัดของเสียงไว้ได้ ไดรเวอร์ที่มีความไวสูงแบบแม่เหล็กคู่ ให้เสียงที่ทรงพลังและดึงโทนเสียงต่าง ๆ ของเพลงออกมาได้ค่อนข้างครบ ตั้งแต่เสียงเบสที่กังวานไปจนถึงเสียงแหลมของเพลง
เสียงก็ไม่รั่วออกข้างนอกด้วยนะ
เห็นทรงหูฟังเป็นแบบ Open ear เปิดกว้างแบบนี้ เชื่อว่าอีกคำถามที่น่าจะเกิดขึ้นคือ แล้วเสียงรั่วออกมาข้างนอกรึเปล่า ตรงนี้เท่าที่เราลองบอกเลยว่า HUAWEI FreeClip ทำได้ดีครับ เสียงไม่รั่วออกมาจนเกินเหตุ ด้วยระบบคลื่นเสียงย้อนกลับที่ซับซ้อนซึ่งสร้างขึ้นภายในลูกบอลอะคูสติก หมายความว่าเสียงจะถูกส่งไปยังช่องหูอย่างแม่นยํา ทําให้เป็นประสบการณ์การฟังแบบส่วนตัว โดยสามารถลดการรั่วไหลของเสียงจากมุมต่าง ๆ ได้สูงถึง 6-17 dB เมื่อเทียบกับหูฟังแบบใช้นําเสียงจากกระดูก
การลดเสียงรบกวนการโทรด้วย AI Crystal-Clear Call
HUAWEI FreeClip มาพร้อมระบบลดเสียงรบกวนการโทรด้วย AI Crystal-Clear Call ใช้ดีไซน์ตัดเสียงรบกวนจากเสียงลม 2 ไมโครโฟน + VPU ทําให้มั่นใจได้ถึงคุณภาพการโทรที่ยอดเยี่ยมแม้อยู่กลางแจ้งในที่ที่มีคนพลุกพล่านหรือขณะออกกําลังกายกลางแจ้ง นอกจากนี้ HUAWEI ยังได้พัฒนาไมโครโฟนเสียงนําเสียงจากกระดูกของตนเอง ซึ่งเพิ่มอัลกอริทึมการตัดเสียงรบกวนการโทร DNN (Deep Neural Network) เมื่อรวมกับการออกแบบสถาปัตยกรรมที่ป้องกันลมแล้ว ทําให้ FreeClip สามารถตัดเสียงรบกวนการโทรคุณภาพสูงและป้องกันเสียงรบกวนจากลมได้เป็นอย่างดีเลยครับ
แบตเตอรี่ใช้งานได้นาน 36 ชม.
ปิดท้ายที่เรื่องแบตเตอรี่ HUAWEI เคลมว่า HUAWEI FreeClip นั้นสามารถเล่นเพลงต่อเนื่องนาน 8 ชม. หรือคุยโทรศัพท์ได้นาน 5 ชม.ผ่านหูฟัง และหากใช้งานร่วมกับเคสชาร์จจะมากถึง 36 ชม.เลยด้วยครับ
มีชาร์จด่วนและชาร์จไร้สายด้วย
ส่วนเรื่องการชาร์จ HUAWEI FreeClip ก็มีระบบชาร์จด่วน ที่ชาร์จเพียง 10 นาทีก็สามารถฟังเพลงต่อเนื่องได้อีก 3 ชม.แล้ว หรือถ้าจะชาร์จจนเต็มก็เพียง 40 นาทีเท่านั้น นอกจากนี้ที่เคสชาร์จยังรองรับชาร์จไร้สายด้วย ใครที่มีแท่นชาร์จไร้สายอยู่แล้วก็วางชาร์จได้เลยหรือจะวางชาร์จกับแผ่นหลังสมาร์ทโฟนที่รองรับฟีเจอร์ Reverse Wireless Charge ก็ได้เช่นกัน
ราคาและโปรโมชั่น
HUAWEI FreeClip เปิดราคามาที่ 6,490 บาท มีโปรโมชั่นเมื่อสั่งซื้อตั้งแต่วันที่ 2 – 29 กุมภาพันธ์ 67 รับของแถมมูลค่ารวม 2,531 บาทประกอบด้วย
- HUAWEI Band 8 มูลค่า 1,499 บาท
- กระเป๋าหูฟัง มูลค่า 599 บาท
- ประกันหูฟัง มูลค่า 499 บาท
ช่องทางการสั่งซื้อ (Lazada) : https://bit.ly/41RjtYc
สรุปแล้ว “นี่คือมิติใหม่ของหูฟัง Open ear ให้อิสระในการฟังและสวมใส่สบายในทุกโอกาส”
สรุปแล้ว HUAWEI FreeClip ก็เป็นหูฟังทรง Open ear ที่ให้อิสระในการฟังอย่างสดใหม่ไม่เหมือนใครจริง ๆ เพราะด้วย C-Bridge Design ที่แปลกใหม่แต่ใช้งานได้จริง เราไม่จำเป็นต้องยัดเข้าไปในหูจนอึดอัด แต่ก็ยังได้คุณภาพเสียงที่เพียงพอต่อการใช้งาน ได้ความสบายในการสวมใส่ติดหูเราไปได้ในทุกโอกาสจริง ๆ แถมมีแบตเตอรี่ที่อึดทนนานใช้ได้ต่อเนื่องแบบไม่ต้องคอยชาร์จบ่อย ๆ เป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับใครที่ชอบมีหูฟังติดหูไว้ใช้งานตลอดเวลาในอารมณ์ที่ฟังสบายจริง ๆ ครับ ใครที่ไม่ชอบความแน่นหนาของพวก In ear เราว่า HUAWEI FreeClip รุ่นนี้น่าจะตอบโจทย์ไม่น้อยเลยล่ะครับ!