Smart Review
รีวิว Huawei Mate 10 Pro ดีไซน์สุดหรู และกล้องคู่พรีเมียม
Huawei Mate 10 Pro เป็นสมาร์ทโฟนระดับพรีเมียมของ Huawei ที่มีจุดเด่นด้านการดีไซน์และอัดแน่นด้วยเทคโนโลยีใหม่ๆ โดยมาพร้อมกล้องหลังเลนส์คู่ที่ร่วมกันพัฒนากับ Leica รูรับแสง f/1.6 ระบบกันสั่น OIS และซูมได้ 2 เท่า
สรุปสเปค Huawei Mate 10 Pro
- หน้าจอ 6 นิ้ว AMOLED FHD+ เป็นหน้าจอ HDR อัตราส่วน 18:9
- ระบบปฏิบัติการ Android 8.0 Orea กับ EMUI 8.0
- ชิปเซ็ต Silicon Kirin 970 octa-core processor
- แรม 6GB ความจุ 128GB
- รองรับ 2 ซิมการ์ด LTE-A (3CA) Cat.18 ความเร็วสูงสุด DL 1200/UL 150 Mbps
- กล้องหลังเลนส์คู่ 20 ล้านพิกเซล + 12 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.6 ระบบกันสั่น OIS ซูมได้ 2 เท่า ระบบโฟกัส PDAF และมี Laser AF พร้อมแฟลช Dual-LED
- กล้องหน้า 8 ล้านพิกเซล
- รองรับ Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac, Bluetooth 4.2, NFC
- พอร์ตเชื่อมต่อ USB Type-C
- แบตเตอรี่ 4000mAh ชาร์จเร็ว 4.5V/5A
- กันฝุ่นและกันน้ำ IP67
- เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือด้านหลัง
Huawei Mate 10 Pro เป็นสมาร์ทโฟนซีรีส์พรีเมียมที่จะมาพร้อมกับเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดแบบจัดเต็มทุกอย่างที่ Huawei มีอยู่ในขณะนั้นและมีดีไซน์พรีเมียมมากกว่าสำหรับ Mate Series ในขณะที่ P Series จะเป็นสมาร์ทโฟนที่มีการนำเสนอด้านไลฟ์สไตล์ ตอบโจทย์การใช้งานทั่วไปที่ครบทุกฟีเจอร์
วัสดุตัวเครื่องของ Huawei Mate 10 Pro เป็นกระจกด้านหลังขอบโค้ง 3D ซึ่งโค้งมากกว่าขอบที่เป็น 2.5D ทั่วไป มีความมันเงาสะท้อนแสง ซึ่งตัวเครื่องในพรีวิวนี้เป็นสีมอคค่าบราวน์ (Mocha Brown) โทนสีจะออกสีทองน้ำตาล และเป็นเรื่องธรรมดากับสมาร์ทโฟนกระจกที่มีความสวยงามก็ต้องแลกมาด้วยคราบรอยนิ้วมือ
หน้าจอของ Mate 10 Pro มีขนาด 6 นิ้ว อัตราส่วน 18:9 โดยเป็นแผงหน้าจอ OLED ความละเอียด 1080 x 2160 พิกเซล ซึ่งทาง Huawei ให้เหตุผลว่าหน้าจอ Full HD+ เพียงพอต่อการใช้งานแล้ว อีกทั้งยังช่วยประหยัดพลังงานได้มากด้วย จึงไม่ขยับไปเป็น QHD
เทียบขนาดหน้าจอระหว่าง Mate 10 Pro (ขวา) ที่มีหน้าจอ 6 นิ้วมีขนาดตัวเครื่องเล็กกว่า เมื่อเทียบกับ Mate 9 (ซ้าย) ที่มีหน้าจอ 5.9 นิ้ว
เทียบขนาดตัวเครื่องระหว่าง Mate 10 Pro (ขวา) ที่ดูมีความพรีเมียมและตัวเครื่องเพรียวเล็กมากกว่า Mate 9 (ซ้าย)
เหนือหน้าจอมีเลนส์กล้องหน้าความละเอียด 8 ล้านพิกเซล
ขอบด้านบนตัวเครื่องจะมี Infrared Remote Control สำหรับใช้เป็นรีโมทควบคุมเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านได้
ขอบด้านล่างตัวเครื่อง Huawei Mate 10 Pro มีพอร์ตเชื่อมต่อแบบ USB Type-C
ขอบตัวเครื่องขวาจะมีปุ่ม Power และปุ่มปรับระดับเสียง
ขอบด้านซ้ายมีช่องถาดใส่ซิม รองรับซิมการ์ดขนาด Nano SIM ทั้ง 2 ช่อง
กล้องหลังของ Huawei Mate 10 Pro เป็นเลนส์คู่แนวตั้ง ที่ร่วมกันกันพัฒนากับ Leica พร้อมข้อความระบุ SUMMILUX-H โดยจะเห็นว่ากรอบเลนส์มีความมันเงาสะท้อนแสงได้ ทำให้สวยงามมากขึ้น มีความละเอียด 20 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์ขาวดำ (Monochrome) + 12 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์สี (RGB) ค่ารูรับแสงกว้าง f/1.6 ซูม และมีระบบโฟกัสแบบ PDAF พร้อมระบบเลเซอร์ช่วยโฟกัส
Huawei Mate 10 Pro เป็นสมาร์ทโฟนรุ่นแรกจาก Huawei ที่สามารถกันน้ำได้ตามมาตรฐาน IP67 สำหรับปกป้องเครื่องหากเกิดอุบัติเหตุตกน้ำ แต่ไม่แนะนำให้นำไปจุ่มน้ำเล่นเนื่องจากหากน้ำเข้าจะไม่อยู่ในการรับประกันตัวเครื่อง
ด้านซอฟต์แวร์ Huawei Mate 10 Pro มาพร้อมกับ EMUI 8.0 บนพื้นฐานระบบปฏิบัติการ Android 8.0 Oreo ที่มีการปรับแต่งเมนูการใช้งานต่าง ๆ ของตัวเครื่องให้มีสีสันเรียบง่าย แตะเข้าใช้งานได้ง่ายในไม่กี่คลิก ไม่ซับซ้อน และรองรับ Dynamic Wallpaper ที่สามารถเปลี่ยนสภาพอากาศเองได้ตลอดทั้งวัน
สำหรับหน้าจอล็อคสกรีน Huawei Mate 10 Pro มีฟีเจอร์เหมือนเดิม สามารถเปลี่ยนภาพวอลเปเปอร์ทุกครั้งที่กดเปิดหน้าจอ และเมื่อปัดขอบล่างหน้าจอขึ้นจะสามารถเรียกใช้งานเครื่องบันทึกเสียง, เครื่องคิดเลข, ไฟฉาย, นาฬิกาจับเวลา และกล้องสแกนบาร์โค้ดหรือ QR code ได้ด้วย
จากการใช้งานพบว่า Mate 10 Pro เปิดสลับแอพพลิเคชั่นไปมาทำได้รวดเร็วและลื่นไหลกว่าเดิมมาก เมื่อเทียบกับ Mate 9 และ P10 น่าจะมาจาก EMUI 8.0 ที่มีการปรับปรุงให้ทำงานได้เร็วขึ้น รวมไปถึงชิปเซ็ตประมวลผล Kirin 970 กับแรม 6GB ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ก็จะมีฟีเจอร์การถ่ายภาพหน้าจออัจฉริยะ (Knuckle Gestures) เป็นการใช้ข้อนิ้วด้านหลังเคาะบนหน้าจอติดกัน 2 ครั้งเพื่อจับภาพหรือวาดลายเส้นรอบพื้นที่ที่ต้องการเพื่อจับภาพหน้าจอบางส่วน และคู่แฝดแอพ ฟีเจอร์สำหรับโคลนแอพให้สามารถใช้งานได้พร้อมกัน 2 บัญชีในเครื่อง เช่น WhatsApp และ Facebook เป็นต้น
Huawei Mate 10 Pro เป็นสมาร์ทโฟนรุ่นแรกของโลกที่รองรับการใช้งานพร้อมกัน 2 ซิมการ์ด และใช้งานบนเครือข่าย 4G LTE พร้อมกันทั้ง 2 ซิมการ์ด อีกทั้งรองรับเทคโนโลยีการรวมคลื่น 3CA Cat.18 ความเร็วดาวน์โหลดสูงสุด 1.2 Gbps และอัปโหลดสูงสุด 150 Mbps ส่วนด้านการเชื่อมต่ออื่นๆ รองรับ Wi-Fi a/b/g/n/ac, Bluetooth 4.2 และ NFC
อีกหนึ่งความประทับใจ Huawei Mate 10 Pro คือเรื่องของแบตเตอรี่ที่มีขนาด 4,000 mAh ใช้งานทั่วไปทั้งเปิดกล้องถ่ายรูป เล่นโซเชียล และเล่นเกมบ้าง พบว่าใช้งานได้ทั้งวัน และชาร์จเร็วมากหากเทียบกับขนาดแบตเตอรี่ที่ค่อนข้างใหญ่ด้วยเทคโนโลยี SuperCharge โดยใช้อะแดปเตอร์ที่ให้มาในกล่องได้เลย
ด้านกล้องถ่ายรูป Huawei Mate 10 Pro มีเลนส์กล้องคู่ Leica รุ่น 2.0 รูรับแสง f/1.6 SUMMILUX-H พร้อมระบบกันสั่นภาพสั่นไหว OIS โดยเลนส์สำหรับถ่ายโมโนโครมมีความละเอียด 20 ล้านพิกเซล และเลนส์สำหรับถ่ายภาพสี (RGB) ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล โดยหน้าตาอินเตอร์เฟซของแอพกล้องถ่ายรูปยังคงเหมือนเดิม รวมไปถึงเสียงชัดเตอร์ด้วย ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของ Leica สามารถปัดหน้าจอไปทางซ้ายหรือขวาเพื่อเลือกเปลี่ยนโหมดถ่ายรูปหรือตั้งค่ากล้องถ่ายรูป
กล้องหลังซูมได้ 2 เท่าโดยไม่สูญเสียรายละเอียด
กล้องถ่ายรูปของ Mate 10 Pro ถ่ายภาพในสภาพแสงน้อยได้ดีมากกว่าเดิม ซึ่งมาจากรูรับแสงของกล้องที่กว้าง f/1.6 โดยมีชิปเซ็ต Kirin 970 กับ Dual ISP ที่เพิ่มความสามารถในการประมวลผลและลดนอยซ์ให้กับการถ่ายภาพในที่แสงน้อยได้
ฟีเจอร์น่าสนใจของ Huawei Mate 10 Pro คือเทคโนโลยี AI สำหรับกล้องถ่ายรูปที่ฉลาดด้วยโหมดถ่ายภาพ Real-Time Scene และโหมดตรวจจับวัตถุ ซึ่งสามารถตั้งค่าต่าง ๆ ของกล้องได้โดยอัตโนมัติตามลักษณะของวัตถุและสภาพแวดล้อมขณะถ่ายภาพ เช่น เมื่อส่องกล้องไปที่อาหาร กล้องก็จะรู้ได้ทันทีว่ากำลังจะถ่ายอาหาร สังเกตุได้จากไอคอนหมาที่อยู่มุมหน้าจอ เป็นต้น
สำหรับการถ่ายภาพกลางแจ้งและสภาพแสงเพียงพอ ต้องยอมรับว่ากล้อง Huawei Mate 10 Pro ทำออกมาได้ดีมาก ทั้งสีสัน รายละเอียด และการโฟกัสที่ตรวจจับวัตถุได้อย่างรวดเร็ว
สำหรับการถ่ายภาพสีด้วยกล้องของ Huawei Mate 10 Pro แนะนำให้เลือกความละเอียดที่ 12 ล้านพิกเซล ซึ่งเป็นขนาดจริงของเซ็นเซอร์ตัวกล้อง RGB จะได้รายละเอียดที่ดีกว่าการเลือกความละเอียด 20 ล้านพิกเซล แต่ถ้าเป็นการภาพขาวดำหรือโมโนโครมสามารถเลือกได้ทั้งขนาด 20 ล้านพิกเซลและ 12 ล้านพิกเซล เนื่องจากเซ็นเซอร์กล้องสำหรับการถ่ายภาพขาวดำนั้นมีความละเอียดจริงอยู่ที่ 20 ล้านพิกเซล
การถ่ายภาพในโหมดเปิดรูรับแสงบน Huawei Mate 10 Pro มีการพัฒนาซอฟต์แวร์ให้สามารถละลายฉากหลังได้เนียนขึ้นกว่าเดิม ต้องเลือกปรับให้เหมาะสมด้วยนะ ภาพจะได้ออกมาสวยเป็นธรรมชาติ และสามารถ Re-focus ถ่ายภาพแล้วมาเลือกจุดโฟกัสภายหลังได้ อยากให้จุดใดบนภาพชัดก็แตะเลือกจุดโฟกัสได้เลย โดยระบบก็จะทำการเบลอพื้นที่ที่ไม่ได้เลือก เพื่อให้จุดที่เลือกโดดเด่นขึ้นมา หรือจะแต่งรูปภาพด้วยฟิลเตอร์ก็ทำได้เช่นกัน
Portrait Mode จากกล้องของ Huawei Mate Series และ P Series ถูกออกแบบสำหรับการถ่ายภาพบุคคลโดยเฉพาะ เมื่อเลือกใช้งานโหมดนี้ไม่ต้องปรับตั้งค่าใดๆ เลย ระบบจะเซ็ตค่าต่างๆ เพื่อการถ่าย Portrait เอาไว้ให้แล้ว ภาพที่ได้จะเป็นแบบหน้าชัดหลังเบลอ
สรุปจาการทดสอบใช้งาน Huawei Mate 10 Pro เป็นอีกรุ่นที่โดดเด่นด้านการดีไซน์ที่มีความสวยงาม และด้านกล้องถ่ายรูปก็จะเห็นชัดว่ามีการพัฒนาทั้งตัวฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์เพื่อช่วยให้การถ่ายภาพทำได้ดีขึ้น ทั้งในเรื่องของสีสัน ความคมชัด และมิติของภาพก็ดีขึ้น รวมไปถึงระบบโฟกัสและการประมวลผลภาพก็ทำได้รวดเร็ว อีกทั้งตัวกล้องก็เพิ่มระบบกันภาพสั่นไหว OIS เข้ามาด้วย ซึ่งช่วยได้เยอะเลยสำหรับการถือถ่ายด้วยมือ เพราะลดการสั่นเบลอของภาพได้