Featured
รีวิว Huawei Mate 9 กล้องหลังเลนส์คู่ Leica พร้อมกันสั่น OIS และซูมภาพไม่แตกด้วย Hybrid Zoom
Huawei Mate 9 สมาร์ทโฟนที่มาสานต่อความสำเร็จด้านกล้องถ่ายรูปเลนส์คู่รุ่นที่ 2 ซึ่งเป็นการร่วมมือกันพัฒนากับ Leica มาพร้อมระบบปฏิบัติการ Android 7.0 Nougat เวอร์ชั่นล่าสุด กับ EMUI 5.0 ที่เข้าถึงการเมนูทำงานต่าง ๆ ได้รวดเร็วขึ้น และฉลาดขึ้นจากเรียนรู้พฤติกรรมการใช้งานของผู้ใช้งาน
สรุปข้อมูลและสเปค Huawei Mate 9
- ราคาเปิดตัว 23,900 บาท (ธันวาคม 2016)
- ขนาดตัวเครื่อง 156.9 x 78.9 x 7.9 มิลลิเมตร
- น้ำหนัก 190 กรัม
- ใช้งานได้ 2 ซิมการ์ด 2G/3G/4G LTE Cat 12 (ความเร็วดาวน์โหลดสูงสุด 600Mbps, ความเร็วอัปโหลดสูงสุด 150Mbps)
- หน้าจอ 5.9 นิ้ว IPS LCD ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล (373ppi)
- รันระบบปฏิบัติการ Android 7.0 Nougat กับ EMUI 5.0
- ชิปเซ็ต Hisilicon Kirin 960
- ซีพียู Octa-core (Quad-cire 2.4 GHz Cortex-A73 และ Quad-core 1.8 GHz Cortex-A53) และตัวประมวลผลร่วม i6
- จีพียู Mali-G71 MP8
- แรม 4GB
- ความจำภายในตัวเครื่อง 64 GB เพิ่มได้ด้วย microSD card สูงสุด 256 GB
- กล้องหลังคู่ ความละเอียด 20 ล้านพิกเซล กับ 12 ล้านพิกเซล ระบบเลเซอร์ออโต้โฟกัส ค่ารูรับแสง f/2.2 พร้อมระบบกันสั่นแบบ OIS และแพลช Dual-LED
- กล้องหน้าความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ค่ารูรับแสง f/1.9 และระบบออโต้โฟกัส
- รองรับ Wi-Fi 2.4G/5G, 802.11a/b/g/n/ac และรองรับ Wi-Fi Direct
- รองรับ Bluetooth 4.2 ประหยัดพลังงาน (LE), NFC
- รองรับ GPS/GLONASS/Beidou/Galileo
- แบตเตอรี่ 4,000 mAh รองรับระบบชาร์จเร็วด้วยพลังไฟชาร์จ 22.5W
- เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมืออยู่ที่ด้านหลังตัวเครื่อง
แกะกล่อง Huawei Mate 9
Huawei Mate 9 มาในกล่องสีดำเรียบ ฝากล่องจะมีโลโก้ชื่อรุ่น Huawei Mate 9 และโลโก้ Leica (มีโปรโมชั่นแถมฟรี microSD Card ขนาดความจุ 64GB)
อุปกรณ์ภายในกล่อง ได้แก่
- ตัวเครื่อง Huawei Mate 9 ติดฟิล์มกันรอยหน้าจอมาให้แล้ว และแบตเตอรี่ในตัว
- อะแดปเตอร์สำหรับชาร์จไฟ รองรับการจ่ายไฟได้สูงสุด 5V/4.5A
- สายเคเบิล USB-C
- ตัวแปลง micro USB เป็น USB-C
- เข็มจิ้มถาดซิม
- คู่มือการใช้งานเบื้องต้น
- หูฟังขนาดมาตรฐาน 3.5mm
- เคสพลาสติก
เคสพลาสติกที่แถมมาให้ในกล่องจะเป็นแบบคลุมตัวเครื่องด้านหลัง และเว้นช่องไว้รอบตัวเครื่อง ซึ่งจะไม่กินฟิล์มกันรอยที่ด้านหน้าตัวเครื่อง โดยตัวเคสมีความบาง สามารถบิดงอได้ ทำให้การใส่หรือถอดออกจากตัวเครื่องทำได้ง่าย
ดีไซน์ตัวเครื่องและหน้าจอแสดงผล
Huawei Mate 9 มีดีไซน์ตัวเครื่องใกล้เคียงกับรุ่น Mate 8 วัสดุหลักของตัวเครื่องเป็นอะลูมิเนียมทั้งตัว โดยด้านหลังมีการดีไซน์ให้มีความโค้งเว้าเพื่อให้การจับใช้งานนั้นกระชับกับอุ้งมือ
หน้าจอของ Mate 9 มีขนาด 5.9 นิ้ว ความละเอียด Full HD 1080p และเป็นแผงหน้าจอแบบ IPS LCD แล้วครอบด้วยกระจกกันรอยที่มีขอบโค้งมน 2.5D ซึ่งขอบจอของรุ่นนี้ถือว่าค่อนข้างบาง ทำให้ตัวเครื่องไม่ใหญ่จนเกินไปในขนาดหน้าจอเกือบ 6 นิ้ว หากเทียบกับสมาร์ทโฟนที่มีขนาดตัวเครื่องเท่ากันส่วนใหญ่จะมีหน้าจออยู่ที่ประมาณ 5.5 นิ้ว
เหนือหน้าจอเริ่มจากซ้ายจะเป็นช่องลำโพงสำหรับเสียงสนทนา, เซ็นเซอร์วัดแสง ปิดหน้าจอแบบอัตโนมัติขณะสนทนา เพื่อประหยัดพลังงาน, เลนส์กล้องหน้าความละเอียด 8 ล้านพิกเซล และไฟ LED สำหรับแจ้งเตือนสถานะต่าง ๆ
สำหรับช่องลำโพงสำหรับเสียงสนทนาที่อยู่เหนือหน้าจอตัวนี้ยังสามารถใช้เป็นลำโพงตัวที่ 2 ในการเล่นไฟล์มัลติมีเดียได้ด้วย ระบบเสียงสเตอริโอ เสียงจากลำโพงที่ออกมาจากด้านบนจะเบากว่าลำโพงหลักที่อยู่ขอบด้านล่างตัวเครื่อง โดยลำโพงด้านบนเสียงจะออกโทนแหลม ด้านล่างจะทุ้มกว่า
ล่างหน้าจอจะมีโลโก้แบรนด์ Huawei ส่วนปุ่มนำทางทั้ง 3 ปุ่มจะอยู่บนหน้าจอแสดงผล ได้แก่ ปุ่มย้อนกลับ, ปุ่มโฮม และปุ่ม
ขอบด้านบนตัวเครื่องจะมีช่องหูฟังขนาดมาตฐาน 3.5mm และอินฟราเรด ซึ่งสามารถใช้ Mate เป็นรีโมทสั่งงานเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านได้
ขอบด้านล่างตัวเครื่องเริ่มจากซ้ายจะเป็นช่องของไมโครโฟนหลัก, พอร์ตเชื่อมต่อแบบ USB Type-C และช่องลำโพงหนักของตัวเครื่อง
ด้านข้างขวาของตัวเครื่องจะมีปุ่มปรับระดับเสียง และปุ่ม Power สำหรับใช้ปิด/เปิดตัวเครื่อง
ด้านข้างซ้ายของตัวเครื่องมีช่องถาดใส่ซิม รองรับซิมการ์ดขนาด Nano SIM ทั้ง 2 ช่อง หรือจะเลือกใส่ microSD card ในช่องซิม 2 ก็ได้ เพื่อเพิ่มพื้นที่จัดเก็บให้กับตัวเครื่องได้สูงสุด 256GB
ฝาด้านหลังมีลักษณะผิวเรียบ ไม่สามารถแกะฝาออกได้ ซึ่งภายในจะมีแบตเตอรี่ขนาด 4,000 mAh ฝังติดไว้ในตัวเครื่อง
เลนส์กล้องหลังจะเป็นเลนส์คู่ โดยเลนส์หนึ่งจะมีความละเอียด 20 ล้านพิกเซล Monochrome เก็บภาพขาวดำ และอีกเลนส์ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล RGB เก็บภาพสี พร้อมระบบเลเซอร์ช่วยโฟกัส และแฟลช Dual LED (Dual tone)
เหนือเลนส์กล้องจะมีรูเล็ก ๆ ซึ่งเป็นไมโครโฟนสำหรับช่วยตัดเสียงรบกวน (รุ่นนี้ตามข้อมูลสเปคจะมี
อินเตอร์เฟซและฟังก์ชั่นการใช้งาน
Huawei Mate 9 มาพร้อมระบบปฏิบัติการ Android 7.0 Nougat ครอบทับด้วย EMUI 5.0 เวอร์ชั่นล่าสุด ซึ่งในเวอร์ชั่นนี้ได้มีการพัฒนาและปรับปรุงการทำงานได้ดีขึ้นกว่าเดิมมาก ทั้งหน้าตาที่ดูเรียบง่าย สามารถเข้าไปถึงเมนูการใช้งานต่าง ๆ ของตัวเครื่องได้ในไม่กี่คลิก จากเดิมในเวอร์ชั่นก่อนหน้าจะมีเมนูการใช้งานต่าง ๆ ซ่อนอยู่ลึก ทำให้ต้องแตะเข้าไปใช้งานหลายครั้งและหาไม่ค่อยเจอ
ในหน้าจอล็อคสกรีนมีฟีเจอร์รูปแบบภาพวอลเปเปอร์แบบ Magazine ที่จะเปลี่ยนภาพวอลเปเปอร์ทุกครั้งที่กดเปิดหน้าจอ และสามารถอัปเดทภาพได้อัตโนมัติผ่าน Wi-Fi
หน้าจอล็อคสามารถพิมพ์ชื่อให้แสดงบนหน้าจอได้ และมีตัวเลขนับก้าวเดินด้วย โดยเมื่อปัดขอบล่างหน้าจอขึ้นจะสามารถเรียกใช้งานเครื่องบันทึกเสียง, เครื่องคิดเลข, ไฟฉาย, นาฬิกาจับเวลา และกล้องสแกนบาร์โค้ดหรือ QR code ได้ด้วย
หน้าจอหลักหรือหน้าโฮมรองรับการเปลี่ยนภาพวอลเปเปอร์, เพิ่มวิดเจ็ต, เปลี่ยนเอฟเฟ็กต์การเลื่อนหน้าจอ และการตั้งค่าต่าง ๆ ซึ่ง MIUI 5.0 บน Huawei Mate 9 ได้เพิ่มในส่วนของ App Drawer มาให้แล้ว เลือกเปิดหรือปิดใช้งานได้ในเมนูการตั้งค่า
นอกจากนี้แล้วในหน้าโฮมยังเลือกเปิดหมุนใช้งานในแนวนอนได้อีกด้วย
หากปิดใช้งานหมุนหน้าโฮมในแนวนอน จะมีฟีเจอร์หนึ่งที่สามารถเปิดใช้งานได้เพิ่มเข้ามาที่เรียกว่า HiBoard โดยจะอยู่ในหน้าจอซ้ายสุดของหน้าโฮม ซึ่งเป็นบริการจาก Flipboard ในการแสดงข่าวสารต่าง ๆ แบบออนไลน์คล้าย ๆ ฟีดข่าว
เมื่อลากแถบบาร์ด้านบนลงมาจะเป็นในส่วนของรายการแจ้งเตือนต่าง ๆ และ Quick Settings ที่มีไอคอนสีเทาบนพื้นหลังสีดำ ซึ่งก็เป็นอีกหนึ่งอย่างที่เปลี่ยนแปลงไปในเวอร์ชั่นใหม่นี้ จากเดิมจะแสดงรายการแจ้งเตือนแบบไทม์ไลน์และแยกหน้าจอออกจากกันระหว่าง Quick Settings
Huawei Mate 9 รองรับการใช้งานได้พร้อมกัน 2 ซิมการ์ด และใช้งานบนเครือข่าย 3G ได้พร้อมกันทั้ง 2 ซิม คือหากซิม 1 เลือกใช้งานบนเครือข่าย 3G/4G LTE เพื่อการใช้งานทั้งการโทรและเน็ต อีกซิมก็ยังสามารถใช้งานบนเครือข่าย 3G ได้ด้วยสำหรับการโทร
Huawei Mate 9 รองรับ LTE-Advanced Cat.12 (4CA) ความเร็วดาวน์โหลดสูงสุด 600Mbps และความเร็วอัปโหลดสูงสุด 150Mbps อีกทั้งยังเป็นรุ่นที่รองรับการใช้งานครอบคลุมทุกคลื่นทั่วโลก ใช้งานได้ทุกประเทศ ประกอบด้วยเครือข่าย 2G รองรับ 5 คลื่นความถี่, เครือข่าย 3G รองรับ 10 คลื่นความถี่ และเครือข่าย 4G รองรับ 20 คลื่นความถี่
การเชื่อมต่อผ่าน Wi-Fi รองรับ a/b/g/n/ac, Dual-band และ Wi-Fi Direct พร้อมฟีเจอร์ Wi-Fi+ ซึ่งเป็นการสับเปลี่ยนระหว่างเครือข่าย Wi-Fi และเครือข่ายมือถืออย่างอัจฉริยะ อีกทั้งการจับสัญญาณ Wi-Fi ก็ทำได้เร็วขึ้น สามารถเลือกสัญญาณที่ดีที่สุดให้อัตโนมัติ และจดจำเครือข่ายที่เคยเชื่อมต่อ
การเชื่อมต่อไร้สายอื่น ๆ ได้แก่ Bluetooth 4.2 LE ประหยัดพลังงาน, ระบบตำแหน่งพิกัด A-GPS, GLONASS, Beidou, Galileo, รองรับเทคโนโลยี NFC และใช้เป็นรีโมทคอนโทรลควบคุมเครื่องใช้งานไฟฟ้าผ่านแอพพลิเคชั่นได้ด้วยอินฟราเรด (IR) ส่วนการเชื่อมต่อผ่านสายรองรับ USB Type-C และช่องหูฟังขนาด 3.5mm
Huawei Share อีกหนึ่งฟีเจอร์ที่มีอยู่ใน EMUI 5.0 สำหรับส่งไฟล์ได้รวดเร็วมากขึ้นระหว่างสมาร์ทโฟน Huawei ที่ใช้งาน EMUI 5.0
หน้าจอแสดงผลของ Huawei Mate 9 มีฟีเจอร์สำหรับตัดแสงสีฟ้าเพื่อถนอมสายตาขณะจ้องหน้าจอ โดยเฉพาะการใช้งานในตอนกลางคืนจะช่วยให้รู้สึกสบายตามากขึ้น
Huawei Mate 9 มีโหมดการเรียกดู สำหรับขยายขนาดตัวอักษร รูปภาพ ให้มีขนาดใหญ่ขึ้นด้วยการซูม
ปุ่มนำทางบริเวณล่างหน้าจอ สามารถจัดตำแหน่งตามความถนัดของแต่ละคนได้ หรือจะเพิ่มเมนูเรียกดูการแจ้งเตือนก็ได้
ระบบสแกนลายนิ้วมือของ Huawei Mate 9 รองรับการจดจำได้สูงสุด 5 ลายนิ้วมือ ใช้สำหรับปลดล็อคหน้าจอ ล็อคแอพพลิเคชั่น และเปิดใช้งานเพื่อสั่งงานผ่านท่าทางบนเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือได้
- แตะค้างที่เซ็นเซอร์ลายนิ้วมือเพื่อสั่งถ่ายรูปขณะใช้งานแอพกล้อง
- แตะค้างที่เซ็นเซอร์ลายนิ้วมือเพื่อรับสายโทรเข้า หรือปิดเสียงนาฬิกาปลุก
- ใช้นิ้วเลื่อนลงเพื่อดูรายการแจ้งเตือน ซึ่งก็คือการลากแถบบาร์บนหน้าจอลงมานั่นเอง
- ใช้นิ้วปัดไปทางซ้ายหรือขวาที่เซ็นเซอร์ลายนิ้วมือเพื่อเลื่อนดูรูปภาพ
แผงปุ่มไอคอนลัด เป็นเป็นรวมไอคอนปุ่มนำทางไว้ในปุ่มเดียว และปุ่มนี้จะลอยอยู่บนหน้าจอทุกหน้า
ฟีเจอร์การควบคุมการเคลื่อนไหว ได้แก่
- คว่ำหน้าจอเพื่อปิดเสียงเรียกเข้า หรือเสียงปลุก
- ยกมือถือขึ้นเพื่อลดความดังของเสียงเรียกเข้า หรือเสียงปลุก
- ยกมือถือแนบหูเพื่อรับสาย หรือโทรออก
การถ่ายภาพหน้าจออัจฉริยะ (Knuckle Gestures) เป็นการใช้ข้อนิ้วด้านหลังเคาะบนหน้าจอหนัก ๆ ติดกัน 2 ครั้งเพื่อจับภาพหรือวาดลายเส้นรอบพื้นที่ที่ต้องการเพื่อจับภาพหน้าจอบางส่วน ซึ่งฟีเจอร์นี้ต้องเคาะนิ้วลงหนัก ๆ ถึงจะใช้งานฟังก์ชั่นนี้ได้
การสั่งงานด้วยท่าทางโดยการวาดตัวอักษรลงบนหน้าจอเพื่อเปิดใช้งานแอพพลิเคชั่นตามที่กำหนดเอาไว้ เช่น วาดตัว M เพื่อเปิดใช้งานเครื่องเล่นเพลง เป็นต้น ซึ่งเป็นฟีเจอร์จาก FingerSense by Qeexo
Huawei Mate 9 รองรับการเปิดใช้งานพร้อมกัน 2 หน้าจอ หลังจากเปิดใช้งานแล้วให้เคาะข้อนิ้วมือบนหน้าจอแล้วลากเส้นแบ่งหน้าจอ ซึ่งจากการทดสอบสามารถใช้งานได้เฉพาะบางแอพและใช้งานกับการเปิดหน้าจอเล่นเกมไม่ได้
การใช้งานมือเดียว เป็นการลดขนาดการแสดงผลให้เป็นหน้าต่างขนาดเล็กลง สามารถใช้งานมือเดียวได้ และสามารถใช้งานกับแป้นพิมพ์ Huawei ได้
Emy ฟีเจอร์คำสั่งเสียง สำหรับค้นหามือถือหากลืมว่าวางมือถือไว้ตรงไหน และสั่งโทรออกด้วยเสียง ซึ่งเริ่มต้นเรียกใช้งานโดยการใช้คำว่า “Okay Emy” หน้าจอก็จะเปิดขึ้นมา หากต้องการค้นหาเครื่องก็ใช้คำสั่ง “Where are you?” ตัวเครื่องจะส่งเสียงและบอกว่าอยู่ตรงนี้ หรือหากต้องการโทรออก ก็ใช้คำสั่ง “Call ตามด้วยชื่อ”
คู่แฝดแอพ เป็นฟีเจอร์สำหรับโคลนแอพให้สามารถใช้งานได้พร้อมกัน 2 บัญชีในเครื่อง เช่น WhatsApp และ Facebook เป็นต้น
แกลเลอรี่ของ Huawei Mate 9 มาพร้อมเครื่องมือปรับแก้ไขรูปภาพ เช่น การหมุนภาพ ตัดภาพ ฟิลเตอร์ ระบายสี เป็นต้น
เครื่องเล่นเพลง รองรับการแสดงภาพปกอัลบั้ม ศิลปิน เนื้อเพลง และเฉพาะการฟังผ่านหูฟังจะสามารถรับฟังเสียงระบบ DTS ได้ด้วย
เครื่องเล่นวิดีโอ รองรับการย่อขนาดหน้าจอให้เล็กลงและลอยอยู่เหนือหน้าจออื่น ๆ ได้ ทำให้สามารถเข้าใช้งานหน้าจออื่นพร้อมกับดูวิดีโอไปพร้อม ๆ กัน
ระบบเสียงเป็นแบบสเตอริโอ โดยการใช้ลำโพงที่อยู่เหนือหน้าจอเป็นตัวส่งเสียงออกมาอีก 1 ตัว
Huawei Mate 9 มีแอพสำหรับคนรักสุขภาพติดตั้งมาให้ด้วย สำหรับนับก้าวเดิน การเผาผลาญแคลอรี่ ระยะทาง การขึ้นบันได และเก็บสถิตินำ้หนักตัว
ในเครื่อง Mate 9 มีทั้ง Magnetic Sensor สำหรับตรวจวัดความเข้มสนามแม่เหล็ก และ Pressure Sensor สำหรับตรวจวัดความดันบรรยากาศ
แบตเตอรี่ของ Huawei Mate 9 มีขนาด 4,000 mAh ใช้งานทั่วไปทั้งโซเชียลและเล่นเกม พบว่าใช้งานได้ทั้งวัน และหากใช้งานไม่หนักมากอยู่ได้นานเกือบ 2 วัน
นอกจากนี้ยังมีโหมดประหยัดพลังงานแบบขั้นสูงที่จะจำกัดการใช้งานได้เฉพาะแอพบางตัว เพื่อยืดระยะเวลาการใช้งานให้นานขึ้น แต่ก็ยังใช้งานหน้าจอสีได้ปกติ
สำหรับการชาร์จไฟเข้า Huawei Mate 9 ทำได้รวดเร็วมากด้วยระบบชาร์จเร็วและอะแดปเตอร์ที่ให้มา ซึ่งรองรับการจ่ายไฟที่ 5V/4.5A, 4.5V/5A และ 5V/2A หรือสูงสุดที่ 22.5W อีกทั้งมีระบบความปลอดภัยในการควบคุมกระแสไฟตั้งแต่อะแดปเตอร์ไปจนถึงตัวเครื่อง
ตรวจสอบเซ็นเซอร์ด้วย Sensor Box และมัลติทัช
- Accelerometer Sensor ช่วยหมุนหรือปรับเปลี่ยนทิศทางการแสดงผลของหน้าจอให้แบบอัตโนมัติ ตามลักษณะการจับถือของผู้ใช้
- Light Sensor สำหรับตรวจวัดระดับความสว่างของสภาพแวดล้อม เพื่อปรับความสว่างของหน้าจอและแผงปุ่มกดให้เหมาะสม
- Orientation Sensor ระบบปรับมุมมองการแสดงผลหน้าจออัตโนมัติ
- Proximity Sensor สำหรับการปิดหน้าจอแบบอัตโนมัติขณะสนทนา เพื่อประหยัดพลังงาน
- Gyro Sensor ระบบตรวจจับความเคลื่อนไหวแบบ 3 แกน ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ และ
ความยืดหยุ่นหลากหลายในการควบคุม - Sound Sensor ตรวจวัดระดับเสียง
- Magnetic Sensor ตรวจวัดความเข้มสนามแม่เหล็ก
- Pressure Sensor ตรวจวัดความดันบรรยากาศ
- รองรับมัลติทัชสูงสุด 10 จุด
ผลทดสอบคะแนน Benchmark และประสิทธิภาพการทำงาน
Huawei Mate 9 รันระบบปฏิบัติการ Android 7.0 Nougat ขับเคลื่อนด้วยขุมพลัง HiSilicon Kirin 960 Octa-core แบ่งการทำงานซีพียูออกเป็น 2 ระดับ Quad-cire 2.4 GHz Cortex-A73 และ Quad-core 1.8 GHz Cortex-A53 ซึ่งทั้ง 2 ตัวจะรวมกันหรือสลับซีพียูตามโหมดการทำงานไปมา กับจีพียู Mali-G71 MP8 และความจำแรม 4GB
โดยผลการทดสอบ AnTuTu v6.2.6 ในโหมด 64-bit ซึ่งเป็นการทดสอบภาพรวมของการทำงานในส่วนของหน่วยความจำแรม และประสิทธิภาพการทำงานของหน่วยประมวลผลกราฟิกหรือจีพียู ทำคะแนนรวมได้ 122,795 คะแนน ระดับคะแนนถือว่าค่อนข้างสูงมาก
ผลการทดสอบด้วย Geekbench 4 เพื่อทดสอบประสิทธิภาพการทำงานและการประมวลผล การทดสอบนี้จะทำการประมวลออกมาเป็นตัวเลขแบ่งออกเป็น 2 แบบคือ Single-Core และ Multi-Core หากได้คะแนนยิ่งสูงประสิทธิภาพการทำงานจะยิ่งดี โดยผลทดสอบของ Huawei Mate 9 ทำคะแนน Single-Core ได้ 1,938 และ Multi-Core ทำได้ 5,313 คะแนน
ทดสอบ 3DMark เพื่อดูประสิทธิภาพการทำงานของกราฟิกรวมถึงการเล่นเกม 3D
- Sling shot ES 3.0 ทดสอบประสิทธิภาพที่ความละเอียด 1080 x 1920 พิกเซล ทำได้ 2,267 คะแนน
- Ice Storm Unlimited วัดประสิทธิภาพของจีพียู และประสิทธิภาพของซีพียูเปรียบเทียบกันชิปต่อชิป ซึ่งใช้ OpenGL ES 2.0 แบบ Offscreen ด้วยความละเอียดเดียวกันโดยไม่สนใจความละเอียดของตัวเครื่องที่ 720p ทำได้ 24,969 คะแนน
วัดประสิทธิภาพของจีพียู และประสิทธิภาพของซีพียู ซึ่งใช้ OpenGL ES 2.0 ในส่วนของ Ice Storm ทำคะแนนได้ 13,424 และ Ice Storm Extreme ทำได้ 13,168 คะแนน
ภาพรวมผลการทดสอบในส่วนของคะแนน Huawei Mate 9 ถือว่าอยู่ในระดับที่ดีมาก อีกทั้งตัวระบบปฏิบัติการและ EMUI 5.0 ที่ใส่เข้ามาให้นั้นก็ได้รับการออกแบบให้ทำงานเข้ากันได้อย่างลื่นไหล และการจัดการในส่วนของหน่วยความแรมนั้นทำได้ดีมาก ไม่พบอาการแรมรั่วจนหมด
ผลการทดสอบเล่นเกมที่มีกราฟิกสวยงามอย่างเช่น Modern Combat 5: Blackout ที่ต้องมีการควบคุมทิศทางในทางการเดินตัวละคร และควบคุมอาวุธในการเล็งเป้าหมาย ก็เล่นได้อย่างลื่นไหล
กล้องถ่ายรูป
Huawei Mate 9 มีกล้องหลังเลนส์คู่ที่ร่วมกันพัฒนากับ Leica โดยมีความละเอียด 20 ล้านพิกเซล Monochrome เก็บภาพขาวดำ และอีกเลนส์ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล RGB เก็บภาพสี พร้อมระบบเลเซอร์ช่วยโฟกัสสำหรับถ่ายภาพที่มีวัตถุอยู่ในระยะใกล้ได้อย่างรวดเร็วมากขึ้น
สิ่งที่เพิ่มเข้ามาและทำให้ Huawei Mate 9 มีกล้องที่เป็นจุดเด่นคือในที่สุดก็มีระบบกันภาพสั่นไหวด้วยฮาร์ดแวร์หรือ OIS ซึ่งช่วยได้เยอะมากสำหรับผู้ใช้งานที่มือไม่ค่อยนิ่งเวลาถ่ายภาพ
ภาพขาวดำ (Monochrome)
Huawei Mate 9 ได้เพิ่มขนาดของตัวเซ็นเซอร์ Monochrome สำหรับการถ่ายภาพในโหมดขาวดำ ให้มีความละเอียดมากถึง 20 ล้านพิกเซล คือเก็บภาพได้ขนาดที่ใหญ่ขึ้น ได้รายละเอียดที่คมชัดมากขึ้น เมื่อเทียบกับความละเอียด 12 ล้านพิกเซลในรุ่น P9 ที่ได้การตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้ใช้งาน
ในการถ่ายภาพสีด้วยเลนส์กล้องคู่ของ Mate 9 จะมีการเก็บภาพขาวดำด้วยตัวกล้อง 20 ล้านพิกเซล และเก็บภาพสีด้วยตัวกล้อง 12 ล้านพิกเซล แล้วนำมารวมเป็นภาพเดียวกัน ซึ่งภาพที่ได้จะมีรายละเอียดและมิติของภาพที่ชัดเจนมากกว่าการถ่ายด้วยกล้องสมาร์ทโฟนที่มีเพียงเลนส์เดียว
สีสันสดใส (Vivid Colors)
กล้องของ Huawei Mate 9 ยังมีฟีเจอร์ที่ช่วยให้การถ่ายภาพนั้นมีมีสันสดใสมากขึ้น โดยเฉพาะภาพวิว ทิวทัศน์ หรือภาพที่ต้องการเน้นสีสันเป็นพิเศษ ด้วยโหมดที่ชื่อ สีสันสดใส (Vivid Colors) และโหมดสีสันกลมกลืนหรืออ่อนนุ่ม (Smooth Colors)
โหมดเปิดรูรับแสงกว้าง
Huawei Mate 9 มีโหมดเปิดรูรับแสงกว้างได้สูงสุด f/0.95 เป็นการใช้ซอฟต์แวร์เข้ามาช่วย ซึ่งรูรับแสงของกล้องหลังจริงอยู่ที่ f/2.2 โดยการถ่ายภาพในโหมดนี้ยังช่วยให้สามารถเลือกจุดโฟกัสและปรับค่ารูรับแสงหลังจากกดถ่ายภาพแล้วได้ด้วย
วาดด้วยแสง
เป็นการเปิดหน้ากล้องได้นานขึ้นเพื่อเก็บแสงไฟยามค่ำคืน ทำให้เราสามารถใช้ลูกเล่นการวาดด้วยแสงไฟได้ หรือจะใช้เก็บภาพแสงไฟรถยนต์ตอนวิ่งก็ได้เช่นกัน
Hybrid Zoom
Huawei Mate 9 สามารถซูมในระยะ2 เท่าโดยที่ภาพไม่แตก ด้วยฟีเจอร์ Hybrid Zoom และสามารถซูมต่อเนื่องได้สูงสุด 6 เท่า
กล้องหน้า Selfie
กล้องหน้าของ Huawei Mate 9 มีความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ค่ารูรับแสงที่กว้างขึ้น f/1.9 ทำให้เซลฟี่ได้สว่างขึ้นแม้ในที่แสงน้อย พร้อมโหมดปรับความขาวเนียนของผิวได้ถึง 10 ระดับ และฟีเจอร์ระบบออโต้โฟกัสที่มีในกล้องหน้า ทำให้ถ่ายภาพด้วยกล้องหน้าได้แบบไม่หลุดโฟกัส
การบันทึกวิดีโอด้วยกล้องหลังของ Huawei Mate 9 รองรับความละเอียดสูงสุด 4K ที่ความเร็ว 30 เฟรมต่อวินาที และ 1080p ที่ความเร็ว 60 เฟรมต่อวินาที ในอัตราส่วน 16:9
ตัวอย่างภาพถ่าย
สรุปจุดเด่น
- วัสดุตัวเครื่องของ Huawei Mate 9 ให้ความรู้สึกถึงความพรีเมียม จับกระชับมือด้วยดีไซน์ด้านหลังโค้งเว้า และตอบโจทย์ผู้ใช้งานที่ต้องการสมาร์ทโฟนหน้าจอขนาดใหญ่ 5.9 นิ้ว ความคมชัด Full HD
- ชิประมวลผล Kirin 960 และระบบปฏิบัติการ Android 7.0 Nougat ที่มาพร้อม EMUI 5.0 มีระบบจัดการการทำงานด้วยตัวของมันเองอัตโนมัติ ทำให้ทุกครั้งที่หยิบขึ้นมาใช้งานนั้นรู้สึกได้ถึงความลื่นไหล และด้วยแรมขนาด 4GB ช่วยให้การใช้งานมัลติทาสกิ้งทำได้อย่างเต็มที่
- Huawei Mate 9 รองรับการใช้งานบนเครือข่าย 4G LTE ทุกเครือข่ายในไทย และรองรับ 4CA ที่ทำความเร็วดาวน์โหลดได้สูงสุด 600 Mbps และในไทยขณะนี้ก็มีให้บริการ 3CA แล้ว ซึ่งทำให้ Mate 9 ใช้งานเน็ตได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
- Huawei Mate 9 รองรับการใช้งานบนเครือข่าย 3G ได้พร้อมกันทั้ง 2 ซิม
- กล้องถ่ายรูปด้านหลังเลนส์คู่เก็บรายละเอียดของภาพได้ดีมาก ระบบโฟกัสทำได้รวดเร็ว พร้อมระบบกันภาพสั่นไหวแบบ OIS ซึ่งเหมาะมาก ๆ สำหรับผู้ใช้งานที่มือสั่นเวลาจะถ่ายรูป และมีโหมดการถ่ายภาพต่าง ๆ ที่ช่วยเสริมให้การถ่ายรูปทำออกมาได้ดีขึ้นไปอีก
- กล้องหน้าความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ค่ารูรับแสง f/1.9 ถ่ายได้สว่างขึ้นกว่าเดิมมาก เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า
- แบตเตอรี่ขนาด 4,000 mAh ใช้งานหนัก ๆ ได้นานตลอดวัน และมีระบบชาร์จเร็ว
จุดสังเกตเพิ่มเติม
- ถาดใส่ซิมแบบไฮบริด หากเลือกใส่ microSD card จะใช้งานได้เพียงซิมเดียว
ขอขอบคุณ หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย)