Smart Review
รีวิว HUAWEI MateBook D 16 | MateView SE แล็ปท็อปจอจอใหญ่ 16″ บางเบาเต็มประสิทธิภาพและมอนิเตอร์ 23.8″ เติมเต็มทุกการทำงาน
HUAWEI เปิดตัวผลิตภัณฑ์ในกลุ่มทำงานออกมาอีกเพียบ ไม่ว่าจะเป็น HUAWEI MateBook D 16, HUAWEI MateBook 16s หรือมอนิเตอร์ HUAWEI MateView SE ด้วย เรียกว่าใครที่เตรียมตัวเปลี่ยนอุปกรณ์ใหม่ในปี 2022 นี้ถูกใจแน่นอนครับ
HUAWEI MateBook D 16
เราขอแยกเป็นอย่าง ๆ เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้องในแต่ละโปรดักส์ดีกว่าเนาะ โดยจะเริ่มที่ HUAWEI MateBook D 16 แล็ปท็อปรุ่นใหม่นี้ก่อน รุ่นนี้จะมาพร้อมสโลแกน “บางเบาเต็มประสิทธิภาพ” เน้นไปที่การทำงานที่คล่องตัว แต่ประสิทธิภาพก็จัดเต็มด้วยครับ มีรายละเอียดสเปคคร่าว ๆ ดังนี้เลย
สรุปสเปค HUAWEI MateBook D 16
- ขนาดตัวเครื่อง: 356.7 มม. x 248.7 มม. x 18.4 มม
- น้ำหนัก: 1.7 กก.
- หน้าจอ: IPS 16″ ความละเอียด 1920 x 1200 พิกเซล
- refresh rate: 60Hz
- หน่วยประมวลผล: Intel Core i7- 12700H
- กราฟิก: Intel Iris Xe
- RAM: 16 GB (LPDDR4X)
- SSD: 512GB PCIe
- แบตเตอรี่: 60Wh
- รองรับชาร์จไว: 65W
- กล้อง: Webcam 108P HD (มุมกว้าง)
- ระบบเสียง: ลำโพง x 2, ไมโครโฟน x 4
- พอร์ต
- USB-C x 1 (รองรับการเชื่อมต่อข้อมูล, ชาร์จไฟ และ DisplayPort)
- USB-C x 1 (รองรับการเชื่อมต่อข้อมูล, ชาร์จไฟ)
- USB-A 3.2 Gen 1 x 1
- USB-A 2.0 x 1
- HDMI x 1
- พอร์ตหูฟังและไมโครโฟนขนาด 3.5 มม. แจ็ค 2-in-1 x 1
- เซ็นเซอร์: เซ็นเซอร์วัดแสง, เซ็นเซอร์ลายนิ้วมือ และ Hall sensor
- การเชื่อมต่อ: WLAN IEEE 802.11a/b/g/n/ac/ax, WiFi 2.4 GHz และ 5 GHz 2 x 2 MIMO WPA/WPA2/WPA3, Bluetooth 5.1
- ระบบปฏิบัติการ: Windows 11 Home
- สีสัน: Mystic Silver
ดีไซน์พรีเมี่ยมในขนาดที่บางเบา
มาต่อกันที่เรื่องดีไซน์ HUAWEI MateBook D 16 มาพร้อมดีไซน์ที่เรียบหรู วัสดุเป็นอลูมิเนียม อัลลอยที่ให้ผิวสัมผัสที่เรียบเนียน ตัวเครื่องที่วางจำหน่ายในไทยจะมีให้เลือกเพียงสีเดียวคือสีเงิน Mystic Silver ออกไปโทนสว่างที่ฝาหน้าจะมีโลโก้ HUAWEI เด่น ๆ
ในส่วนของน้ำหนักรุ่นนี้ทำได้ดีมาก แม้ขนาดหน้าจอจะใหญ่ถึง 16″ แต่น้ำหนักจะอยู่ที่ 1.7 กก.เท่านั้น เทียบเท่ากับแล็ปท็อปขนาดหน้าจอเลย จึงเป็นจุดเด่นที่ HUAWEI พยายามนำเสนอว่า “บางเบาเต็มประสิทธิภาพ”
หน้าจอ HUAWEI FullView Display 16″ เต็มตาประสบการณ์คมชัด
กางหน้าจอออกมาเราจะเจอกับหน้าจอ HUAWEI FullView Display ขนาดใหญ่ 16″ กับสัดส่วนที่มากถึง 90% และขอบหน้าจอที่บางเฉียบเพียง 4.6 มม. เรียกว่าเต็มตาเอามาก ๆ ขอบหน้าจอแทบจะไม่มีเลยก็ว่าได้ครับ ตัวกระจกหน้าจอก็เป็นแบบ Anti-Glare หรือจอแบบด้านที่ลดแสงสะท้อนได้เป็นอย่างดีอีกด้วย
ในเรื่องการแสดงผล HUAWEI MateBook D 16 มาพร้อมความละเอียดหน้าจอ FHD (1920×1200 พิกเซล) อัตราส่วน 16:10 ให้สีสันที่สวยสมจริง ขอบเขตสี sRGB 100% มอบความสว่างสูงสุดที่ 300nits ใช้งานได้อย่างดีเลยล่ะครับ ไม่ว่าจะทำงานทั่วไปในสถานที่มีแสงมาก หรือดูคอนเทนต์ที่ต้องการความสว่างคมชัด
นอกจากนี้ตัวหน้าจอยังผ่านการรับรองจาก TUV Rheinland เรื่องการลดแสงสีฟ้าที่เป็นอันตรายต่อดวงตา และลดการกระพริบของหน้าจอ จึงมั่นใจได้เลยว่าถ้าเราใช้งานต่อเนื่องนาน ๆ จะไม่เป็นอันตรายต่อดวงตาครับ
กล้องหน้าอยู่เหนือหน้าจอมุมกว้าง
แม้หน้าจอจะมีขอบที่บางเฉียบมาก ๆ แล้ว แต่ HUAWEI ก็ยังใส่กล้องหน้า WebCam ไว้ได้ด้วย ซึ่งตัวกล้องนี้ให้ความละเอียดมาที่ 1080P เลย อีกทั้งยังมีมุมมองกว้างถึง 88º พร้อมฟังก์ชั่น Virtual Background (เบลอฉากหลัง), FollowCam (จับภาพตามผู้พูด), Eye Contact (ปรับมุมกล้องให้ดูธรรมชาติ) ทำให้เราใช้งานประชุมหรือ Video Call ได้อย่างคมชัดและมีลูกเล่นขึ้นไปอีก
คีย์บอร์ดแบบ Full-Sized พร้อมไฟ Backlit
ส่วนคีย์บอร์ดของ HUAWEI MateBook D 16 ก็จะมาในขนาด Full-Sized มีความสูง 1.5 มม.พร้อมดีไซน์แบบ Soft-Landing ช่วยให้แตะกดได้ง่ายและพิมพ์ได้คล่องมือครับ ที่ใต้แป้นก็จะมีไฟ Backlit ให้ใช้งานด้วย เผื่อต้องทำงานในที่แสงน้อยหรือห้องที่ปิดไฟก็ยังเห็นตัวแป้นพิมพ์อย่างชัดเจน ปรับระดับได้ 3 ระดับครับ
**เนื่องจากเครื่องที่เราได้มารีวิวยังเป็นเครื่องทดสอบแป้นพิมพ์จึงเป็นภาษาอังกฤษอย่างเดียว เครื่องขายจริงจะมีภาษาไทยมาด้วยแน่นอนครับ**
มี Number Pad และคีย์ลัดพิเศษอีก 4 แบบด้วย
นอกจากนี้ด้วยความที่ขนาดตัวเครื่องใหญ่เพราะจอ 16″ จึงมีพื้นที่สำหรับ NumberPad หรือปุ่มตัวเลขมาให้ด้วยครับ สำหรับสายเอกสารที่ต้องกดตัวเลขบ่อย ๆ คงถูกใจสิ่งนี้แน่ ๆ และเหนือปุ่ม NumPad ก็ยังมีปุ่มลัดอีก 4 แบบที่ HUAWEI ออกแบบมาให้ใช้งานประกอบด้วย
- เครื่องคิดเลข
- AI Search
- ปุ่มย้อนกลับไปหน้าโฮม
- Camera Switch
และเหนือแป้นขึ้นไปเราจะเห็นปุ่ม Power สำหรับเปิด-ปิดเครื่องที่ในนี้จะมีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือมาให้ด้วย ทำให้เราปลดล็อคเข้าเครื่องได้อย่างรวดเร็วเพียงแค่วางนิ้วลงไป
TouchPad ที่ใช้งานได้ดี แต่…แอบเล็กไปนิด
ส่วน TouchPad ของ HUAWEI MateBook D 16 ก็ใช้งานได้ดีสามารถกดลงไปได้ในทุกจุดและรองรับการใช้งาน Multi-Touch Gesture ของทาง Windows ได้อย่างสมบูรณ์ แต่จุดที่เราเสียดายก็คือขนาดของ TouchPad แอบเล็กไปหน่อยเมื่อเทียบกับขนาดตัวเครื่องที่มีพื้นที่กว้างขนาดนั้นน่ะ
พอร์ตเชื่อมต่อเยอะ ใช้งานสะดวก
มาดูพอร์ตการเชื่อมต่อของตัวเครื่องกันบ้าง HUAWEI MateBook D 16 มาพร้อมพอร์ต USB-C 2 พอร์ตที่ฝั่งซ้าย มีพอร์ต HDMI และช่องหูฟัง 3.5 มม. มาให้ด้วยครับ
ส่วนฝั่งขวาของตัวเครื่องจะเป็นพอร์ต USB-A สองพอร์ตแบ่งเป็นพอร์ต USB 3.2 Gen 1 กับ USB 2.0 ครับ ซึ่งเราว่าสะดวกดีเพราะจะใช้เชื่อมต่อกับแฟลชไดร์ฟ เม้าส์ ก็ไม่ต้องหา Dongle มาแปลง แต่น่าเสียดายน่าจะมีที่อ่านการ์ดมาติดมาให้ด้วย
ส่วนด้านล่างของตัวเครื่องจะมีช่องระบายความร้อนและลำโพงของตัวเครื่องที่วางตำแหน่งไว้ซ้าย-ขวาให้เสียงแบบ Stereo ชัดเจน พร้อมตัวแผ่นกันลื่นอยู่ด้วยเพื่อให้เราสามารถวางตัวเครื่องไว้บนโต๊ะได้อย่างไม่เคลื่อนที่
โดยรวมในเรื่องดีไซน์ของ HUAWEI MateBook D 16 ก็ทำได้ดีตามสไตล์ HUAWEI ครับ วัสดุและงานประกอบชั้นเยี่ยม และรอบนี้ยังเน้นไปที่ขนาดและน้ำหนักเป็นพิเศษ แม้ตัวเครื่องจะมีหน้าจอใหญ่ถึง 16″ แต่ก็ยังพอที่จะพกพาติดไปใช้งานได้อย่างคล่องตัว น้ำหนักไม่ได้ต่างจากแล็กท็อปหน้าจอ 15.6″ สักเท่าไหร่
มาพร้อม Windows 11 Home ตั้งแต่แกะกล่อง
สำหรับระบบปฏิบัติการของ HUAWEI MateBook D 16 ก็ได้ Windows 11 Home มาตั้งแต่แกะกล่องเลย ไม่ต้องรออัปเกรดเพิ่มทีหลังแล้วครับ ในเรื่องการทำงานก็ถือว่าตอบโจทย์ได้ดีเลย ทั้งความลื่นไหลของระบบ และหน้าตา UI แบบใหม่ที่เราว่าคลีน สบายตา น่าใช้งานมากขึ้น
นอกจากนี้สายทำงานที่ต้องใช้ Microsoft Office ก็ไม่ต้องไปหาซื้อเพิ่มแต่อย่างใดเพราะตัวเครื่องมีติดตั้ง Microsoft Officice Home & Student 2021 มาให้ใช้ฟรีตลอดชีพอีกต่างหาก เรียกว่าพร้อมให้เราใช้งานตั้งแต่แกะกล่องเช่นเดียวกันครับ
จัดการระบบของตัวเครื่องด้วย HUAWEI PC Manager
HUAWEI MateBook D 16 ยังมาพร้อมกับซอฟต์แวร์เฉพาะชื่อ HUAWEI PC Manager ที่ให้เราจัดการการตั้งค่าต่าง ๆ ของตัวเครื่อง หรือจะเป็นตัวเลือกการจัดการ HUAWEI Share ที่ให้เราได้คอยรับส่งไฟล์ เชื่อมต่อกับอุปกรณ์อื่นแบบ Super Device ก็จัดการได้จากตรงนี้เลยครับ
ตัว Control Panel ก็มีออกแบบพิเศษให้เราใช้งานได้ง่ายขึ้น UI คล้ายกับบนสมาร์ทโฟน มีตัวเลือกให้เราเชื่อมต่อหน้าจอนอกแบบไร้สาย, ส่งต่อไฟล์, บันทึกหน้าจอ, จดโน้ต, AI Search, Instant Hotspot หรือจะเชื่อมต่อกับ HUAWEI Share ก็ได้ด้วย
รองรับ HUAWEI Mobile App Engine ด้วย
หรือจะเป็นความสามารถในการดาวน์โหลดแอปยอดนิยมบนสมาร์ทโฟนมาใช้งานผ่าน HUAWEI AppGallery ที่ HUAWEI เรียกว่า Mobile App Engine บน MateBook D 16 นี้ก็ใช้งานได้เหมือนกันครับ ให้เราสะดวกใช้แอปบนหน้าจอใหญ่อย่างแล็ปท็อปได้
ประสิทธิภาพเต็มพิกัดด้วยชิป Intel 12th Gen
สำหรับประสิทธิภาพ HUAWEI MateBook D 16 มาพร้อมขุมพลัง Intel Core i7-12400H พร้อมการ์ดจอ Intel Iris Xe ตัวแรงที่รองรับกราฟิกระดับสูงและประมวลผลไฟล์ขนาดใหญ่ หรือจะเป็นการเล่นเกมได้แบบลื่นไหล ทั้งยังเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานแบบ Multi-tasking ให้ดียิ่งขึ้นกว่า 100% ด้วยการออกแบบ 14 คอร์ เรียกว่าพร้อมใช้งานในทุกรูปแบบเลยก็ว่าได้ครับ
แบตเตอรี่ 60Wh พร้อมชาร์จไว 65W
ปิดท้ายที่เรื่องแบตเตอรี่ HUAWEI MateBook D 16 ให้แบตเตอรี่มา 60Wh สามารถใช้งานได้ดี เท่าที่เราใช้งานจริงเล่นเว็บ เขียนบทความต่อเนื่องก็สามารถใช้ราว 4 – 5 ชม. ต่อเนื่องเลยทีเดียวครับ ส่วนระบบชาร์จก็รองรับแบบ HUAWEI SuperCharge 65W ผ่านสายชาร์จ Type-C มาในขนาดใหม่ที่เล็กลงกว่า 30% พกติดกระเป๋าไปได้ง่ายไม่ใหญ่และหนักจนเกินไปครับ
สรุปแล้ว “นี่คือแล็ปท็อปจอ 16″ ที่บางเบาและประสิทธิภาพน่าสนใจ”
สรุปแล้ว HUAWEI MateBook D 16 ก็ถือว่าเป็นแล็ปท็อปหน้าจอใหญ่ถึง 16″ ที่ออกมาตอบโจทย์การใช้งานในยุคนี้ได้อย่างลงตัว ทั้งในเรื่องของดีไซน์ที่สวยพรีเมี่ยม และยังบาง-เบา ประสิทธิภาพที่น่าสนใจด้วยขุมพลัง Intel Core 12th Gen พร้อมความจุ 16GB + 512GB ที่ใช้งานได้อย่างเหลือ ๆ อีกทั้งยังมีความสามารถที่เน้นขึ้นทั้งกล้องหน้าใหม่ ไมโครโฟนใหม่ที่เหมาะกับการประชุมหรือ Video Call มากขึ้น และที่ขาดไม่ได้เลยคือการเชื่อมต่อที่ลงตัวกับอุปกรณ์จของ HUAWEI เองผ่าน Super Device อีกด้วยครับ ใครที่มีสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต หรืออุปกรณ์เสริมของ HUAWEI อยู่แล้วอยากได้แล็ปท็อปรุ่นใหม่เข้าไปร่วม Ecosystem ที่แสน Seamless เราว่า HUAWEI MateBook D 16 ตัวนี้ก็ตอบโจทย์ไม่น้อยเลยล่ะครับ
HUAWEI MateView SE
มาต่อกันที่อีกหนึ่งอุปกรณ์ที่เราจะรีวิวในวันนี้อย่าง HUAWEI MateView SE มอนิเตอร์รุ่นใหม่ที่มาพร้อมคุณสมบัติน่าสนใจในดีไซน์ที่เรียบหรู มาช่วยเสริมการทำงานของเราให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้นนั่นเองครับ
สรุปสเปค HUAWEI MateView SE
- ขนาดตัวเครื่อง : 538.5 x 413 x 174 มม.
- น้ำหนัก : ประมาณ 3.3 กก.
- ประเภทหน้าจอ : IPS
- ขนาด : 23.8″
- ความละเอียด : FHD (1920×1080 พิกเซล)
- อัตราส่วน : 16:9
- Refresh rate : 75Hz
- ความสว่างสูงสุด : 250nits
- มุมมองกว้าง 178º
- พอร์ตการเชื่อมต่อ
- HDMI port x 1
- DP port x 1
- Charging port x 1
- สีสัน : สีดำ
ดีไซน์เรียบง่าย ขอบชิดมาก
HUAWEI MateView SE มาพร้อมดีไซน์ที่เรียบง่าย ด้านหน้าเราจะเห็นหน้าจอเต็มที่ในขนาด 23.8″ กระจกหน้าจอเป็ยแบบ Anti-Glare หรือแบบด้านลดแสงสะท้อนด้วย สังเกตว่าขอบหน้าจอจะมีความบางมาก แทบจะชิดขอบไปซะทั้งหมด มีเพียงด้านล่างที่ทิ้งพื้นที่ให้โลโก้ HUAWEI เท่านั้นครับ
ด้านล่างหน้าจอจะมีโลโก้ HUAWEI เด่น ๆ อย่างที่บอกไป พร้อมปุ่มควบคุมเพียงจุดเดียวที่ด้านล่างนี้เป็นแบบ Joy Stick ที่เราสามารถกดลงไปและเลื่อนไปในทิศทางต่าง ๆ ในการตั้งค่าตัวหน้าจอได้ครับ
ส่วนด้านหลังจะเห็นว่าดีไซน์มาในโทนสีดำไปทั้งหมดเลย มีเพียงขาตั้งที่ยื่นออกมาจากตัวเครื่องเท่านั้น ดูคลีนและไม่รกสายตาเท่าไหร่ครับ
ส่วนพอร์ตการใช้งานก็จะมีมาให้เลือกว่าเราจะใช้ HDMI หรือ Display Port และที่ฝั่งซ้ายสุดจะเป็นพอร์ต Power สำหรับเสียบไฟครับ
ความบางของหน้าจอทำได้ดีครับ ใช้ดีไซน์หลังโค้งเล็ก ๆ ทำให้ดูไม่หนาจนเกินไป ตัวหน้าจอจะยึดติดกับขามาเลยเราเพียงแค่ต้องมาต่อเข้ากับฐานเท่านั้นครับ ซึ่งไม่ต้องพึ่งอุปกรณ์เสริมใด ๆ แค่เพียงนำมายึดก็เชื่อมกันได้ทันที
ตัวมุมมองของหน้าจอเอง HUAWEI MateView SE นี้ให้เราปรับมุมมองของหน้าจอขึ้น-ลงได้ -5⁰ – 18⁰ ให้เหมาะดับระดับสายตาเราด้วยครับ
การแสดงผลที่ยอดเยี่ยม ทั้งทำงาน ดูคอนเทนต์
มาต่อในเรื่องการแสดงผล HUAWEI MateView SE ก็ทำได้ดีมาก ความละเอียดของหน้าจออยู่ที่ FHD (1920×1080 พิกเซล) อัตราส่วนอยู่ที่ 16:9 เหมาะทั้งการทำงานหรือดูคอนเทนต์จริง ๆ สีสันที่มอบให้ต้องบอกว่าสวยสด และได้ความสมจริงอย่างมาก มีค่า sRGB 100% มั่นใจได้ว่าในเรื่องการทำงานกราฟิกเราจะได้สีสันที่เที่ยงตรงและแม่นยำ
หรือจะเป็นสายความบันเทิงที่เอามาดูหนัง ดูซีรีส์ก็ได้ช่วงสี DCI-P3 90% ดูหนังแล้วให้ความแม่นยำมาก เหมือนเราได้รับเนื้อหาที่ใกล้เคียงกับที่ต้นฉบับต้องการจะสื่อขึ้นมาอีกขั้น
ส่วนเรื่องมุมมองของจอภาพก็กว้างถึง 178º เราจะมองจากมุมข้างก็ยังเห็นคอนเทนต์ที่สีสันแม่นยำไม่ต่างจากการที่เรามองหน้าจอตรง ๆ เลยล่ะครับ
นอกจากนี้ตัวหน้าจอยังผ่านการรับรองจาก TUV Rheinland Low Blue Light และ Flicker มั่นใจได้ว่าเราสามารถใช้งานได้ต่อเนื่องเป็นเวลานานโดยไม่เป็นอันตรายต่อสายตาครับ
ส่วนในเรื่องการตอบสนองก็จะได้ Refresh rate สูงกว่ามาตรฐานขึ้นมาอีกหน่อยเป็น 75Hz ทำให้เวลาเราเลื่อนหน้าจอเวลาอ่านข้อมูลในเว็บไซต์มีความลื่นและลดอาการกระตุกได้ดีขึ้นไปอีก
สำหรับโหมดภาพของหน้าจอหรือ Picture mode บน MateView SE ก็มีให้เลือกใช้กันหลากหลายทั้ง
- P3 Color
- sRGB Color
- HDR Color
- Game
- eBook
- ปรับแต่งเอง
ซึ่งก็เลือกได้ตามการใช้งานเลย ถ้าต้องใช้งานด้านกราฟิกก็เลือกไปที่ sRGB เพื่อให้ได้ค่าสีตรงได้ อยากดูหนังแบบสวย ๆ ก็เลือกไปที่ P3 Color หรือคอนเทนต์ HDR ก็ได้เช่นกัน
แต่ถ้าใครที่ชอบอ่านเว็บแล้วอยากถนอมสายตาก็มีโหมด eBook ที่จะปรับสีหน้าจอไปเป็นขาว-ดำ เพื่อความสบายตาในการอ่าน พร้อมลดแสงสีฟ้าที่เป็นอันตรายลงอีก 18% ด้วย
เติมเต็มการทำงานให้มากขึ้น
ด้วยขนาดหน้าจอที่ใหญ่ระดับ 23.8″ น่าจะเหมาะให้สายทำงานที่ต้องใช้หลาย ๆ โปรแกรมพร้อมกันนั้นถูกใจขึ้น อย่างในที่นี้เราเชื่อม HUAWEI MateBook D 16 ออกจอก็จะได้พื้นที่ทำงานมากขึ้นจะแบ่งการทำงาน 3 โปรแกรมบนจอเดียว รวมกับหน้าจอของ MateBook อีกเป็น 4 โปรแกรมพร้อมกันก็คล่องตัวขึ้นเยอะจริง ๆ ครับ
แต่จุดที่ HUAWEI MateView SE ยังขาดไปก็คงเป็นลำโพงในตัว แต่เข้าใจว่าถูกว่ามาเป็นกลุ่มหน้าจอมอนิเตอร์อย่างเดียวอยู่แล้ว ไม่ได้เน้นไปที่จอมัลติมีเดียแบบ All in One เนาะ ถ้าจะใช้งานจริง ๆ ก็ต้องหาลำโพงมาเชื่อมต่อในการใช้งานกันหน่อยครับ
สรุปแล้ว “นี่คือจอมอนิเตอร์สเปคเยี่ยมในกลุ่มราคาไม่ถึง 5,000 บาท”
สรุปแล้ว HUAWEI MateView SE ก็เป็นจอมอนิเตอร์ที่สเปคเยี่ยมมาก ๆ ในกลุ่มราคา 5,000 บาท เพราะทั้งขนาดที่ใหญ่ถึง 23.8″ ดีไซน์เรียบง่าย มีช่วงสีที่กว้าง DCI-P3 90% (100% sRGB) และการปกป้องดวงตาในระดับสูงที่ผ่านการรับรองจาก TUV Rheinland เหมาะสำหรับทุกการทำงานและความบันเทิงในระดับเริ่มต้นจริง ๆ ครับ ใครที่อยากได้หน้าจอเสริมมาเพิ่มขอบเขตการทำงานร่วมกับคอมพิวเตอร์เครื่องโปรดที่ใช้อยู่ในราคาที่ไม่สูงเกินไป HUAWEI MateView SE รุ่นนี้ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจไม่น้อยครับ
ราคา HUAWEI MateView SE และ MateBook D 16
สำหรับราคาของ HUAWEI MateView SE และ HUAWEI MateBook D 16 รอประกาศอย่างเป็นทางการในงาน HUAWEI APAC Smart Office Launch 2022 ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 27 กรกฎาคม 2565 เวลา 18:00 น. ตามเวลาประเทศไทยครับ