Smart Review
รีวิว HUAWEI MatePad Air แท็บเล็ตไซส์กะทัดรัด จอ 11.5″ ลื่นไหล 144Hz | ชิป SD 888 | อุปกรณ์เสริมครบ!
รีวิว HUAWEI MatePad Air แท็บเล็ตรุ่นล่าสุดที่มาพร้อมสเปคและฟีเจอร์ครบ ทั้งหน้าจอสวย ๆ ลื่นไหลถึง 144Hz, ชิปเซ็ต Snapdragon ตัวท็อป, อุปกรณ์เสริมรองรับครบเคสคีย์บอร์ด ปากกา Stylus, ระบบปฏิบัติการ HarmonyOS 3.1 มอบประสบการณ์ระดับ PC ถือว่าเป็นรุ่นส่งท้ายปีที่น่าสนใจไม่น้อยเลยล่ะครับ!
การใช้งานจริงจะเป็นอย่างไรบ้าง ? ติดตามได้ในรีวิวฉบับเต็มของ HUAWEI MatePad Air ที่นี่เลย
สรุปสเปค HUAWEI MatePad Air
- หน้าจอ : IPS LCD ขนาด 11.5”
- ความละเอียด : 2800 x 1840 พิกเซล อัตราส่วน 3:2
- Refresh rate : 144Hz
- CPU : Snapdragon 888 Octa-Core 2.84GHz (5nm)
- RAM : 8GB
- ROM : 256GB
- แบตเตอรี่ : 8300mAh
- ระบบชาร์จ : ชาร์จไว 40W HUAWEI SuperCharge
- กล้องหน้า : 8MP f/2.2
- กล้องหลัง : 13MP f/1.8
- การเชื่อมต่อ : Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac/ax, 2.4G/5G – Wi-Fi 2×2 MIMO, Bluetooth 5.2, พอร์ต USB-C
- ลำโพง : 4 ตัว Stereo Speaker
- ระบบปฏิบัติการ : HarmonyOS 3.1
- ขนาดตัวเครื่อง : 178.17 x 261.89 x 6.4 มม.
- น้ำหนัก : 508 กรัม
แพ็กเกจแบบแพ็กรวม
HUAWEI MatePad Air ยังคงมาพร้อมกล่องสีขาวตัดกับชื่อรุ่นสีทองแบบเดียวกับรุ่นก่อน ๆ แต่กล่องรอบนี้แอบใหญ่กว่าทุกทีใช่ไหมล่ะครับ ใช่แล้วครับรอบนี้เขามีการผูกชุดของแถมอย่าง HUAWEI Smart Magnetic Keyboard หรือเคสคีย์บอร์ดมาให้เป็นชุดเดียวกันเลย
ภายในจะแบ่งออกเป็น 2 กล่องคือกล่องของเครื่อง HUAWEI MatePad Air ปกติกับกล่องของ Smart Magnetic Keyboard เลย มัดรวมมาจริง ๆ เหมือนอยากให้ใช้คู่กันตั้งแต่ต้นน่ะนะ
หน้าจอ FullView Display เต็มตา 11.5″
อะ…ได้เวลามายลโฉมตัวเครื่องกันแล้วครับ HUAWEI MatePad Air มาพร้อมหน้าจอ IPS LCD ขนาดยอดฮิต 11.5″ แสดงผลได้เต็มพื้นที่หน้าจอไปได้มากถึง 87% เราจะเห็นว่าขอบจอสีดำนั้นมีพื้นที่เหลืออยู่นิดเดียวเท่านั้น เข้าใจแล้วล่ะว่าทำไม HUAWEI จึงตั้งชื่อว่า FullView Display
การออกแบบของหน้าจอก็เน้นการทำงานในแนวนอนเป็นหลักแบบที่เราเห็นกันในแท็บเล็ต HUAWEI รุ่นใหม่ ๆ สังเกตจากตำแหน่งกล้องหน้าที่ย้ายมาเหนือหน้าจอแนวนอน เวลาจะตั้งถ่ายวิดีโอหรือ Video Call ก็จะเป็นมุมที่เหมาะมากเลยล่ะ
ในเรื่องการแสดงผล HUAWEI MatePad Air ก็ยอดเยี่ยม ได้ความละเอียดสูงถึง 2800 x 1840 พิกเซล คมชัดมากบนขนาดจอเท่านี้ เพียงพอสำหรับการดูหนัง ดูซีรีส์ หรือภาพถ่ายความละเอียดสูง และยังมาพร้อมการป้องกันการเมื่อยล้าจากแสงสีฟ้าที่การันตีโดย TÜV Rheinland ให้เราสามารถใช้งานดูคอนเทนต์ได้ต่อเนื่อง ไม่แสบตา
ลื่นไหลระดับ 144Hz
แต่ความสวยงามของจอยังไม่ใช่จุดเด่นเดียวของ HUAWEI MatePad Air หรอก เพราะการตอบสนองก็ทำได้ดีมากเช่นกัน รุ่นนี้ได้ Refresh rate สูงถึง 144Hz เรียกว่าไวติดนิ้วเอามาก ๆ ยิ่งในการเลื่อนหน้าจอไป-มา หรือแตะเข้าแอป สลับแอปนี่สมูทสุด ๆ เลยล่ะ
ดีไซน์เรียบหรู ผิวสัมผัสยอดเยี่ยม
พลิกมาดูรอบ ๆ ตัวเครื่องกันบ้าง HUAWEI MatePad Air จะใช้ดีไซน์เรียบหรูด้วยฝาหลังผิวด้านที่มี Texture แบบผิวทรายเล็ก ๆ ช่วยให้จับถือได้แบบพอดี ไม่เก็บคราบรอยนิ้วมือจนเกินไป ส่วนงานประกอบก็ยอดเยี่ยมสมกับเป็น HUAWEI เลยครับ
กรอบเครื่องก็จะมีความโค้งมนให้เวลาเราถือเครื่องเต็ม ๆ นั้นสบายมือและรับกับรูปมือได้ดี และแน่นอนว่าเป็นซีรีส์ Air ความบางและน้ำหนักที่ดีก็เป็นจุดเด่นอย่างชัดเจน MatePad Air จึงมีความบางตัวเครื่องเพียง 6.4 มม.เท่านั้น
ส่วนน้ำหนักจะอยู่ที่ 508 กรัม ถ้าดูจากตัวเลขจริง ๆ ก็ไม่ถึงกับเบาที่สุด แต่ด้วยการกระจายน้ำหนักที่ดี บวกกับขนาดจอที่ใหญ่ระดับ 11.5″ ถือว่าเป็นไซซ์ที่ดูดีทีเดียวครับ
ส่วนกล้องหลังก็จะให้มาตัวเดียว มีความนูนออกจากตัวเครื่องเล็กน้อยวางอยู่บนฐานกล้องวงรีที่เพิ่มความน่าสนใจให้ดีไซน์ขึ้นอีก ไม่มีข้อความอะไรมากวนใจ ได้ความคลีน ๆ ไปเลย
ตำแหน่งปุ่มกดที่วางไว้ดีทั้งการใช้งานแนวตั้งแนวนอน
ตำแหน่งปุ่มกดของรุ่นนี้ก็วางตำแหน่งได้ดีเลยครับ วางปุ่มเพิ่ม-ลดเสียงไว้ที่ด้านขวามือของตัวเครื่องเมื่อใช้งานแนวตั้ง และจะอยู่ด้านบนถ้าเราใช้งานในแนวนอน พลิกไป-มาก็ใช้งานได้สะดวก ไม่สับสนครับ
ด้านบนตัวเครื่องจะมีช่องลำโพงขนาดใหญ่ 2 ชุด และปุ่ม Power ที่มีแถบสีแดงเพิ่มความเด่น ส่วนด้านล่างก็จะมีลำโพงอีก 2 ชุดรวมกันเป็นลำโพง Stereo บน-ล่าง หรือ ซ้าย-ขวาได้เลย พอร์ตการเชื่อมต่อของรุ่นนี้ก็จะเป็น USB-C อยู่ตรงกลางเด่น ๆ นั่นแหละครับ
ลำโพง 4 ตัวเสียง Stereo พร้อมระบบ Histen 8.0
ไหน ๆ ก็พูดถึงลำโพง 4 ตัวแล้ว ขอเสริมเรื่องคุณภาพอีกหน่อยเนาะ ด้วยความที่ตำแหน่งวางมาได้ดีสมมาตรทั้งซ้าย-ขวาในการใช้งานแนวนอนหรือบน-ล่างในการใช้งานแนวตั้ง มิติเสียงที่ได้ยอดเยี่ยม แถม HUAWEI ยังเพิ่มระบบเสียง Histen 8.0 รองรบัการปรับจูนเพิ่มเสียงเบสและปรับย่านสนามเสียงที่ดีขึ้นอีก เอามาฟังเพลงหรือดูหนังคือฟินนะ!
โดยรวมในเรื่องดีไซน์ของ HUAWEI MatePad Air ก็ถือว่าทำได้ดีสมมาตรฐานของ HUAWEI ทั้งงานประกอบที่เรียบหรู ความบางและเบาที่สมกับชื่อ Air ตามท้าย หน้าจอที่ความละเอียดสูงระดับ 2.8K มี Refresh rate ลื่น ๆ 144Hz มอบประสบการณ์ที่แตกต่างจากแท็บเล็ตทั่วไปได้อีกมาก
อุปกรณ์เสริมที่มีรองรับครบ มอบประสบการณ์ระดับ PC
อย่างที่บอกไปว่า HUAWEI MatePad Air นั้นมาพร้อม HUAWEI Smart Magnetic Keyboard (เคสคีย์บอร์ด) ในแพ็กเกจเลย ไม่ต้องซื้อเพิ่มทำให้เราเปลี่ยนแท็บเล็ตเป็นแล็ปท็อปได้ง่าย ๆ เลย ซึ่งตัวเคสรอบนี้ก็ออกแบบมาดีเลย ให้เราใช้งานได้ใน 3 โหมด
1.Laptop Form โหมดแล็ปท็อป
โหมดแรกก็มาตรฐานเลยคือโหมดแล็ปท็อปเมื่อประกบเคสเข้ากับ MatePad Air เราก็จะได้คีย์บอร์ดและตัวเคสที่ช่วยตั้งเครื่องให้ได้มุมองศากำลังดีในการพิมพ์ซึ่งทุกอย่างประกอบเข้าหากันด้วยแม่เหล็ก ไม่ต้องสวมเข้าไปในเคสให้ยุ่งยาก
ตัวปุ่มกดกดได้ง่าย เว้นระยะได้ดีและมีความ Clicky ดีมาก ให้ความรู้สึกเหมือนพิมพ์บนแล็ปท็อป ทำให้เราใช้งานพิมพ์งานนาน ๆ ได้แบบไม่อึดอัด และแน่นอนว่าตัวปุ่มก็มีสกรีนภาษาไทยมาเลยด้วย
2.Split Form แยกร่างกันได้
หรือถ้าใช้งานแบบติดกันแล้วมันใกล้จอไป อยากแยกส่วน HUAWEI Smart Magnetic Keyboard ตัวนี้ก็ทำได้ เพราะส่วนที่เป็นเคสติดกับฝาหลังนั้นสามารถถอดแยกกับตัวคีย์บอร์ดได้ และแน่นอนยังใช้พิมพ์ได้ปกติ เผื่อจะตั้งจอไว้สูงหน่อยหรือปรับองศาให้เหมาะกว่าแบบจำกัดตอนรวมกันก็ได้
เพราะตัวเคสนั้นมีขาตั้งที่สามารถปรับระดับได้ตั้งแต่ 120 – 160º เลย จังหวะไหนอยากพักก็แยกออกเป็นใช้เป็นขาตั้งดูคอนเทนต์เอาก็ได้
3.Studio Form กดลงต่ำเพื่อใช้งานเขียนก็ได้
และโหมดสุดท้ายก็คือ Studio Form อย่างที่บอกว่าขาตั้งนั้นสามารถปรับได้หลายระดับ ถ้าเรากดลงสุดที่ 160º ก็สามารถใช้งานเป็นโหมดสำหรับวาดเขียนได้ด้วย องศาจะสูงขึ้นแบบพอดี ใช้งานคู่กับ M-Pencil ก็สะดวกเลย
ถือว่าเป็นเคสที่เอนกประสงค์มาก ๆ เพราะเราสามารถประยุกต์ใช้กับหลายสถานการณ์จริง เท่าที่เราลองใช้งานมา ไม่ว่าจะเป็นการพิมพ์งานที่มีคีย์บอร์ดจริง ๆ ให้ความรู้สึกที่ดีกว่าพิมพ์บนหน้าจอเป็นไหน ๆ แถมตัวเครื่องก็ยังมีแอปอย่าง WPS Office ที่มีติดมาให้ในเครื่องก็ใช้งานได้เต็มรูปแบบไม่แพ้บนแล็ปท็อปเลยด้วยครับ
หรือจะใช้ประโยชน์จากหน้าจอที่ใหญ่ในการแบ่ง 2 หน้าจอทำงานไปพร้อมกัน พิมพ์งานในจอหนึ่งและอีกจอหาข้อมูลเพิ่มเติมก็ได้ เพราะพอมีคีย์บอร์ดแบบปุ่มกด เวลาเราจะพิมพ์อะไรก็ไม่มีปุ่มมาบดบังหน้าจอแล้วเนาะ
และที่ขาดไม่ได้เลยก็คือพอมาในรูปแบบเคสเราก็สามารถพับเก็บแบบเป็นชิ้นเดียวกันได้ด้วย ทำให้ช่วยในเรื่องการพกพาเป็นอย่างดี ใช้งานเสร็จก็พับเก็บไปทั้งชุดใส่ลงกระเป๋าได้เลย ไม่ต้องมาคอยเก็บเคสทีหนึ่ง คีย์บอร์ดช่องหนึ่งอีกต่อไป
M-Pencil รุ่นที่ 2 ปากกา Stylus ระดับ Pro
พิมพ์คล่องแล้ว จะเขียนหรือวาดแบบฟิน ๆ ด้วยก็ต้องมี Stylus มาใช้ด้วยล่ะเนาะ ซึ่ง MatePad Air ก็รองรับ M-Pencil รุ่นที่ 2 ตัวเดียวกับที่ใช้บน MatePad Pro เลย เพราะฉะนั้นเรื่องความสามารถไม่ต้องห่วงครับ เขียนได้อย่างลื่นไหล รองรับแรงกดหลายระดับ พร้อมแถบ Touch Control ที่ให้เราสลับเครื่องมือได้อย่างง่ายดาย
ในเรื่องการเชื่อมต่อก็แปะที่มุมบนของ MatePad Air ได้เลย ครั้งแรกจะมี Pop-Up ให้กดเชื่อมต่อได้ง่าย ๆ และเราก็สามารถแปะชาร์จแบตฯได้เลยในครั้งต่อ ๆ ไปด้วย
ในเรื่องฟีเจอร์การขีดเขียน HUAWEI MatePad Air ก็มีฟีเจอร์ด่วน ๆ เพียงแค่เราใช้ M-Pencil ปาดจากมุมขวาบนลงมาก็จะมีทั้งแคปหน้าจอหรือจดโน้ตแบบด่วน ๆ ได้ทันทีเลย
มีแอป HUAWEI Notes มาให้ใช้งานเลยตั้งแต่แกะกล่อง
ส่วนเรื่องแอปแน่นอนว่าเราสามารถโหลดเพิ่มเติมตามความถนัดได้อยู่แล้ว แต่แอปพื้นฐาน HUAWEI ก็มี HUAWEI Notes ติดตั้งมาในกล่อง เพื่อใช้งานกับ M-Pencil ได้ดีพออยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นการเขียน, วาด, เปิดไฟล์, แก้ไขงานแบบมือโปร ทำได้หมดในแอปเดียวเลย
อย่างการจดบันทึกก็สะดวกด้วย M-Pencil รุ่นที่ 2 ที่รองรับแรงกดหลายระดับ ทำให้เวลาเราเขียนลงไปนั้นมีความราบรื่น หรือจะเป็นการวาดก็ทำได้ดีมีหัวปากกาให้เลือกหลายแบบ เวลาจะวาดหรือสเก็ชก็ลงน้ำหนักได้ดี เครื่องมือก็พร้อมใช้งานในนี้ หากต้องการร่างไอเดียคร่าว ๆ หรือลงรายละเอียดจริง ๆ ครับ
การแก้ไขไฟล์ PDF บน HUAWEI Notes ก็ทำได้ด้วย บางครั้งเราได้รับไฟล์งานมาแล้วต้องแก้ไขแบบด่วน ๆ คอมเมนต์หรือแต่งเติมบางอย่างในแอปนี้ก็สามารถเปิดไฟล์ PDF ได้เต็มรูปแบบครับ
โดยรวมในเรื่องประสิทธิภาพในการทำงานร่วมกับอุปกรณ์เสริมของ HUAWEI MatePad Air ก็ทำได้ดีสมกับที่ออกแบบมาให้เป็นอุปกรณ์ระดับ PC จริง ๆ ทั้งฮาร์ดแวร์คุณภาพสูง กับซอฟต์แวร์ที่รองรับการทำงานหลายรูปแบบ ใครที่เป็นสายพิมพ์งานหรือด้านเอกสารตัว Smart Magnetic Keyboard ก็ช่วยให้คล่องตัวขึ้นอีกเยอะ หรือจะเป็นสายจดงานก็มี M-Pencil ที่สเปคสูง ตอบสนองครบ และที่สำคัญทั้งชุดนี้แถมมาให้ตั้งแต่ซื้อเครื่องเลย ไม่ต้องซื้อเพิ่มอีก คุ้มค่าใช่ไหมล่ะ!
ระบบปฏิบัติการ HarmonyOS 3.1 เวอร์ชั่นล่าสุด!
มาต่อในเรื่องซอฟต์แวร์ HUAWEI MatePad Air มาพร้อมระบบ HarmonyOS 3.1 เวอร์ชั่นล่าสุด การใช้งานยังลื่นไหลและ UI ปรับแต่งมาได้ยอดเยี่ยมเข้ากับความเป็นแท็บเล็ตเหมือนเคย มี Dock ที่ด้านล่างเพื่อจัดเรียงแอปที่ใช้บ่อย ๆ และแถบที่แสดงแอปที่ใช้งานล่าสุดด้วย
ตัวไอคอนแอปเรายังสามารถเลื่อนขึ้นเพื่อขยายเป็น Widget ได้เหมือนเดิม ซึ่งบน HarmonyOS 3.1 ก็จะมี Widget แนวนี้มากขึ้น ทั้งแบบ 1×1, 2×2, 4×1, 4×2 หรือจะรวมเอาหลาย ๆ Widget หลาย ๆ ตัวเข้าด้วยกันเป็น Widget combos ก็ได้ด้วย
แบ่งจอได้หลากหลาย ใช้งานหน้าจอใหญ่ได้คุ้มค่า
อีกหนึ่งจุดที่ HUAWEI พยายามพัฒนามาอย่างต่อเนื่องบน HarmonyOS 3.1 เวอร์ชั่นแท็บเล็ตก็คือระบบ Multi-tasking การแบ่งหน้าจอใช้งานหลาย ๆ แอปพร้อมกัน รอบนี้ก็ปรับให้ใช้งานได้ง่ายขึ้นเปิดแอปใดแอปหนึ่งอยู่แล้วอยากใช้งานคู่กับอีกแอปก็เลื่อนหน้าจอไปที่มุมซ้ายบนได้เลยแอปหลักจะพับไปที่มุมและให้เราเลือกแอปต่อไปใช้งานได้ทันที ขยายเต็ม 2 หน้าต่างแล้วจะเลื่อนปรับขนาดทีหลังก็ได้อีกด้วย
HUAWEI Super Device เชื่อมต่อกับอุปกรณ์ HUAWEI ได้อย่างไร้รอยต่อ
เรื่องการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์อื่นในเครือ HUAWEI ก็มี Super Device มาให้ผู้ใช้งานอุปกรณ์ HUAWEI ได้เชื่อมต่อกับระหว่างอุปกรณ์ได้อย่างไร้รอยต่อ ซึ่งทำให้ทุกอย่างง่ายและสะดวกขึ้นเยอะจริง ๆ ครับ จะเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน หูฟัง ก็แค่คลิกเดียวเท่านั้น
ใช้งานผ่าน HUAWEI Mobile Services รู้อยู่แล้วเนาะ!
ส่วนเรื่องบริการ MatePad Air ก็ใช้ผ่าน HMS (HUAWEI Mobile Services) เหมือนแท็บเล็ตใหม่ ๆ ของ HUAWEI นั่นแหละ เพราะใช้ HarmonyOS แล้วนี่เนาะ ซึ่งเราสามารถดาวน์โหลดแอปผ่าน HUAWEI AppGallery ได้ ดาวน์โหลดไฟล์ APK มาติดตั้งเองผ่าน Petal Search ก็ได้เช่นกัน มาถึงตรงนี้ทั้งแอปบน AppGallery เองหรือเราจะหามาติดตั้งเองจากช่องทางอื่น ๆ ก็ทำได้ง่ายและลงตัวขึ้นเยอะแล้วจริง ๆ ครับ
หรือถ้าอยากใช้บริการของ GMS (Google Mobile Services) จริง ๆ ก็มีทางเลือกด้วยแอป GBox ที่ให้เราสามารถโหลดแอปอย่าง YouTube, Google Drive, Photos, Maps ผ่าน HUAWEI AppGallery ได้โดยตรง แม้การใช้งานจะเสียเวลาโหลดตอนเข้าแอปนิดหน่อย แต่ก็ใช้งานได้ครบถ้วน ไม่ติดขัดครับ ใครที่สมัคร YouTube Premium ไว้ก็ใช้งานได้ด้วย จะมีจุดสังเกตอยู่บ้างคือบางแอปก็ยังไม่รองรับ อย่าง Gmail หรือ Chrome น่ะนะ
ประสิทธิภาพเหลือล้นด้วย Snapdragon 888
มาต่อที่เรื่องประสิทธิภาพ HUAWEI MatePad Air ก็จัดเต็มมาด้วยชิป Snapdragon 888 อดีตเรือธงเลย ความแรงก็ยังเหลือ ๆ สำหรับการทำงานที่ว่ามา ไม่ว่าจะทำงานเอกสารขนาดใหญ่ วาดรูป หรือจัดการไฟล์ทีละเยอะ ๆ ก็ไม่ติดขัดเลย
เราลองทดสอบกับแอปยอดฮิตอย่าง AnTuTu Benchmark v10 ก็ได้คะแนนออกมาสูงถึง 858733 คะแนน เรียกว่ายังเก๋าอยู่จริง ๆ
หรือฝั่ง Geekbench 6 ก็ไม่ธรรมดาเช่นกันได้ Single-Core ไปที่ 1278 คะแนน และ Multi-Core อีก 3770 คะแนน สูงกว่าแท็บเล็ตรุ่นกลาง ๆ แน่นอน ก็นี่ชิปเรือธงเลยนี่เนอะ
เล่นเกมก็จัดเต็ม ปรับสุดได้!
ส่วนการเล่นเกม HUAWEI MatePad Air ก็หายห่วงได้ชิปอดีตเรือธงที่แรงระดับนี้ ออกมาสักพักเกมส่วนใหญ่ก็รองรับหมดแล้ว เกมที่เราจะทดสอบก็คือ Asphalt 9 และ PUBG Mobile ซึ่งทั้งคู่ดาวน์โหลดจาก HUAWEI AppGallery ทั้งหมดครับ
เล่น Asphalt 9 บน HUAWEI MatePad Air
เกมแรก Asphalt 9 แข่งรถภาพสวยเราสามารถเปิดกราฟิกได้ที่ระดับสูงสุด High Quality คู่กับ 60fps เท่ากับสูงสุดที่ปรับได้ในตอนนี้แล้ว การได้หน้าจอใหญ่เต็ม ๆ และลำโพงจัดเต็ม 4 ตัวก็ช่วยให้เล่นเกมนี้ได้อย่างฟิน ๆ เลยล่ะ
ล่น PUBG บน HUAWEI MatePad Air
ส่วนเกม PUBG เราสามารถปรับกราฟิกได้ที่ HDR พร้อมเฟรมเรต Extreme เลย เรียกว่าท็อป ๆ ล่ะครับระดับนี้ เล่นได้ในระดับ 60fps แบบนิ่ง ๆ พอเล่นบนหน้าจออัตราส่วน 3:2 ก็ได้เปรียบในมุมมองที่กว้างกว่า อีกทั้งยังมีลำโพง 4 ตัวให้ความ Stereo เต็มอิ่ม ได้เปรียบในเรื่องทิศทางเสียงของศัตรูด้วย
แบตเตอรี่สะใจ 8300mAh
ปิดท้ายที่แบตเตอรี่ HUAWEI MatePad Air ได้แบตเตอรี่เยอะ 8300mAh มาเลย ถือว่าเยอะเพียงพอต่อการใช้งานมาก ๆ เท่าที่เราลองใช้งานแบบเต็มที่ ก็บอกเลยว่าไม่ต้องห่วง จะทำงานต่อเนื่องหรือพักเล่นเกมบ้าง พ้นวันได้สบาย ๆ
ส่วนระบบชาร์จไว HUAWEI MatePad Air ก็รองรับระบบชาร์จไว 40W HUAWEI SuperCharge ที่ทั้งเร็วและเชื่อถือได้ ช่วยชาร์จแบตฯเยอะ ๆ ระดับนี้คืนมาได้อย่างรวดเร็ว
ราคาและโปรโมชั่น
HUAWEI MatePad Air (8+256GB LTE) วางจำหน่ายในราคา 22,990 บาท
โดยสามารถพรีออเดอร์ได้ตั้งแต่วันที่ 1 – 12 มกราคม 2567 รับของแถมมูลรวมกว่า 17,898 บาทได้แก่
- HUAWEI Smart Keyboard มูลค่า 4,990 บาท
- HUAWEI M-Pencil (รุ่นที่ 2) มูลค่า 4,490 บาท
- HUAWEI Bluetooth Mouse มูลค่า 1,490 บาท
- HUAWEI FreeBuds Pro 2 มูลค่า 6,499 บาท
- WeTV VIP 3 เดือน มูลค่า 429 บาท (100 สิทธิ์แรก)
ช่องทางการสั่งซื้อ
Shopee: https://bitly.ws/35w8r
สรุปแล้ว “นี่คือแท็บเล็ตรุ่นกลางที่ครบจบในตัวเดียว”
สรุปแล้ว HUAWEI MatePad Air ก็ถือเป็นแท็บเล็ตรุ่นกลางจาก HUAWEI ที่ให้ได้มากสุดในงบ xxxx แล้วล่ะครับ เพราะจัดมาให้ครบตั้งแต่ หน้าจอขนาดใหญ่ 11.5″ ลื่นไหล 144Hz ได้ชิปเซ็ตอดีตเรือธง Snapdragon 888 ที่ยังเร็วแรงถึงใจ ทำงานได้ราบรื่นในทุกแอป แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 8300mAh และที่สำคัญคือมีอุปกรณ์เสริมที่ติดมาให้พร้อมใช้ไม่ต้องซื้อเพิ่มอย่าง HUAWEI Smart Magnetic Keyboard เสริมความสามารถให้ทำงานได้ระดับ PC หรือจะเป็น M-Pencil รุ่นที่ 2 ที่ช่วยให้การสร้างสรรค์งานได้อย่างไร้ขีดจำกัดอีก ใครที่อยากได้แท็บเล็ตราคาถูกใจมาร่วม Ecosystem ของ HUAWEI เราวาจังหวะนี้ MatePad Air เป็นตัวเลือกที่ไม่ควรพลาดเลยล่ะครับ!