Smart Review
รีวิว HUAWEI MatePad Pro 11″ แท็บเล็ตเรือธงประสิทธิภาพการสร้างสรรค์ระดับโปรด้วย จอ OLED 120Hz | ชิป SD 888 | HarmonyOS 3.0
รีวิว HUAWEI MatePad Pro 11″ แท็บเล็ตเรือธงรุ่นล่าสุดจาก HUAWEI ที่มาพร้อมสเปคและฟีเจอร์จัดเต็มที่สุดเท่าที่ HUAWEI เคยทำมา ตั้งแต่หน้าจอ OLED 120Hz FullView ชิปเซ็ตระดับแนวหน้า ระบบปฏิบัติการเวอร์ชั่นใหม่ล่าสุด HarmonyOS 3.0 อีกทั้งยังมีอุปกรณ์เสริมอย่าง HUAWEI M-Pencil 2nd Generation และ HUAWEI Smart Magnetic Keyboard มาช่วยเติมเต็มในการทำงานเต็มประสิทธิภาพเสมือน PC ระดับโปรอีกด้วย
เท่าที่เราได้ลองใช้งานมาก็บอกเลยว่ามีจุดประทับใจอยู่หลายอย่าง วันนี้เลยจะมารีวิวให้ชมกันเต็ม ๆ ว่าน่าสนใจแค่ไหน พร้อมแล้วเรามาติดตามรีวิวของ HUAWEI MatePad Pro 11″ ไปพร้อม ๆ กันเลยครับ!
สรุปสเปค HUAWEI MatePad Pro 11″
- หน้าจอ : OLED FullView ขนาด 11” 10-Bit ความละเอียด 2K (2560 x 1600 พิกเซล)
- Refresh rate : 120Hz
- CPU : รุ่น LTE = Snapdragon 888 | รุ่น WiFi = Snapdragon 870
- GPU : รุ่น LTE = Adreno
- RAM : 8GB
- ROM : รุ่น LTE = 256GB | รุ่น WiFi = 128GB
- แบตเตอรี่ : 8300mAh
- ระบบชาร์จ : รุ่น LTE = 40W HUAWEI SuperCharge | รุ่น WiFi = 22.5W HUAWEI SuperCharge
- กล้องหน้า : 16MP
- กล้องหลัง : 2 ตัว
- 13MP กล้องหลัก f/1.8
- 8MP กล้อง Ultra Wide angle มุมกว้าง 120° f/2.2
- การเชื่อมต่อ : รุ่น LTE = Wi-Fi 802.11a/b/g/n/ac/ax, MIMO, HE160, Bluetooth 5.2 และพอร์ต USB Type-C | รุ่น WiFi = Wi-Fi 802.11a/b/g/n/ac/ax, MIMO, HE80, Bluetooth 5.1 และพอร์ต USB Type-C
- ลำโพง : 6 ตัว Stereo Speaker ระบบเสียง HUAWEI Sound
- ไมโครโฟน : 4 ตัว
- ระบบปฏิบัติการ : HarmonyOS 3.0
- ขนาดตัวเครื่อง : 160.38 x 249.23 x 5.9 มม.
- น้ำหนัก : รุ่น LTE = 455 กรัม | รุ่น WiFi = 449 กรัม
หน้าจอ OLED 11″ จัดเต็มด้วย HUAWEI Real Color FullView Display
อย่าให้เสียเวลากันเลยครับ มาดูดีไซน์กันเลย HUAWEI MatePad Pro 11″ มาพร้อมหน้าจอ OLED ขนาดเต็มตา 11″ ความละเอียดสูงถึง 2K (2560 x 1600 พิกเซล) คมชัดทุกรายละเอียด อีกทั้งยังรองรับการแสดงผลที่ 10-Bit หรือ 1.07 พันล้านสีอีกด้วย
นอกจากนี้ยังจัดเต็มด้วยเทคโนโลยี HUAWEI Real Color FullView Display ยืนหนึ่งในเรื่องความสมจริงของสีด้วยมาตรฐาน DCI-P3 100% เทียบเท่าระบบสีที่ใช้ในวงการภาพยนตร์และมีค่าความแม่นยำของสี △E <1 ซึ่งทำให้สีสันที่มองสัมพันธ์กับต้นฉบับจริง ๆ พร้อม Ultra-High contrast มากถึง 1,000,000:1 สีดำเป็นดำจริง ๆ ไม่อมเทา ดูหนังฟินมาก ๆ แน่นอน
ความเต็มตาของหน้าจอก็ทำได้ยอดเยี่ยมมาก สมกับที่ตั้งชื่อว่า FullView Display จริง ๆ เพราะ HUAWEI MatePad Pro 11″ ใช้พื้นที่หน้าจอไปได้มากถึง 92% เรียกว่าเหลือขอบจอให้เราจับถืออยู่นิดหน่อยเท่านั้น บางขนาดที่ว่า HUAWEI ต้องเขยิบกล้องหน้ามาไว้บนหน้าจอเลยล่ะ แต่การมีกล้องบนหน้าจอก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร วางตำแหน่งได้มุมจอมาก ๆ ไม่บดบังคอนเทนต์แน่นอนครับ
ลื่นไหลระดับ 120Hz ทุกการสัมผัสติดนิ้ว
ส่วนเรื่องการตอบสนอง HUAWEI MatePad Pro 11″ ยังได้ Refresh rate สูง 120Hz ทำให้เรารู้สึกได้ถึงความลื่นไหลที่แท้จริง ไม่ว่าจะเลื่อนหน้าจอไป-มา หรือเข้าแอปใช้งานต่าง ๆ ก็รู้สึกได้ว่านี่คือแท็บเล็ตที่มีหน้าจอลื่นไหลที่สุดในตลาดรุ่นหนึ่งเลยทีเดียว
ดีไซน์พรีเมี่ยมด้วยฝาหลังไฟเบอร์เคลือบด้านกันรอยขีดข่วน
พลิกกลับมาดูที่ฝาหลังกันบ้าง HUAWEI MatePad Pro 11″ มาพร้อมฝาหลังวัสดุพิเศษ ไฟเบอร์ที่เคลือบด้าน มอบสัมผัสแบบผิวทรายและความระยิบระยับเบา ๆ ให้ความรู้สึกที่หรูหรามากเมื่อกระทบกับแสง และยังไม่เก็บคราบรอยนิ้วมือเวลาถือใช้งานนาน ๆ อีกด้วย
สีที่วางจำหน่ายจะเป็นสี Golden Black ก็คือฝาหลังจะเป็นสีดำทั้งหมด ตัดกับกรอบเลนส์กล้องและโลโก้ HUAWEI ตรงกลางที่เป็นสีทองได้อย่างลงตัว ได้ทั้งลุคเข้มคลาสสิคของสีดำและ หรูหราที่มีสีทองเสริมเข้ามา ซึ่งดีไซน์ของกล้องหลังนี้ HUAWEI เรียกว่า Dome Ring ที่ล้อไปกับดีไซน์กล้องของ HUAWEI P50 Series ด้วยครับ
บางเฉียบ 5.9 มม.และเบาแค่ 455 กรัม
นอกจากตัวเครื่องจะหรูหราแล้ว ความบางเบาก็ยังเป็นจุดที่เราชอบมาก ๆ HUAWEI MatePad Pro 11″ มาพร้อมความบางเพียง 5.9 มม.เท่านั้น และน้ำหนักก็อยู่ที่ 455 กรัมสำหรับรุ่น LTE ที่เราได้มารีวิว แต่ถ้าเป็นรุ่น WiFi จะเบาลงไปอีกเหลือ 449 กรัม ถือว่าเป็นขนาดและน้ำหนักที่น่าพกพา ติดกระเป๋าไปได้อย่างสะดวกเลยล่ะ
ตำแหน่งปุ่มกดของ HUAWEI MatePad Pro 11″ ก็วางไว้ได้ดีครับ ปุ่ม Power จะอยู่ที่ด้านซ้ายมือเวลาวางในแนวนอน และปุ่มเพิ่ม-ลดเสียงจะอยู่ที่ด้านบนแทน ทำให้ใช้งานได้ง่าย หรือถ้าเราถือใช้งานในแนวตั้งปุ่ม Power จะอยู่ด้านบนและปุ่มเพิ่ม-ลดเสียงอยู่ที่ฝั่งขวาแทนครับ
ลำโพง 6 ตัวกระจายเสียง Stereo สุด ๆ
ในเรื่องเสียง HUAWEI MatePad Pro 11″ ก็มาพร้อมลำโพงถึง 6 ตัว กระจายเสียงออกมาแบบรอบทิศทางเป็น Stereo ที่เสียงดังฟังชัดมาก ๆ พร้อมเทคโนโลยี HUAWEI Sound ที่มอบเสียงสมจริงและความกระหึ่มที่ยอดเยี่ยมสมกับเป็นแท็บเล็ตระดับเรือธงจริง ๆ ครับ
โดยรวมในเรื่องดีไซน์ของ HUAWEI MatePad Pro 11″ ก็ถือว่าทำได้ยอดเยี่ยมสมกับเป็นรุ่นเรือธงจริง ๆ ครับ งานประกอบหรูหราดีมาก หน้าจอก็เต็มตาเหลือขอบหน้าจอเล็กน้อย เป็นจอแท็บเล็ตที่เซ็กซี่ที่สุดรุ่นหนึ่งเลยก็ว่าได้ ฝาหลังที่ออกแบบมาใหม่ด้วยวัสดุพิเศษไฟเบอร์เคลือบด้านที่มอบสัมผัสพรีเมี่ยมไม่เก็บคราบรอยนิ้วมือ พร้อมขนาดและน้ำหนักที่บาง-เบาเหมาะกับการพกพาได้เป็นอย่างดี เรียกว่าลงตัวที่สุดก็คงไม่ผิดนัก
ระบบปฏิบัติการ HarmonyOS 3.0 เวอร์ชั่นล่าสุด!
มาต่อในเรื่องซอฟต์แวร์ HUAWEI MatePad Pro 11″ มาพร้อมระบบ HarmonyOS 3.0 เวอร์ชั่นล่าสุดเลยก็ว่าได้ มีการยกเครื่องทั้งในเรื่องประสิทธิภาพและการปรับแต่งขึ้นมาจากรุ่นก่อน น่าใช้ขึ้นไปอีก นอกจากนี้ก็ยังมีซอฟต์แวร์ใหม่ที่ช่วยให้การใช้งานจริงจังมากขึ้นไปอีกด้วย
ในส่วนของหน้าตา UI ก็จะคล้ายกับรุ่นก่อนเน้นไปที่สีสันที่หลากหลายของไอคอน มี Wallpaper สวย ๆ ที่เข้ากับตัวเครื่องให้โชว์สีสันของหน้าจอ 10-Bit ได้อย่างเต็มที่ และด้วยความเป็นแท็บเล็ตก็จะมี Dock ที่ด้านล่างเพื่อจัดเรียงแอปที่ใช้บ่อย ๆ และแถบที่แสดงแอปที่ใช้งานล่าสุดด้วย
ตัวไอคอนแอปเรายังสามารถเลื่อนขึ้นเพื่อขยายเป็น Widget ได้เหมือนเดิม ซึ่งบน HarmonyOS 3.0 ก็จะมี Widget แนวนี้มากขึ้น ทั้งแบบ 1×1, 2×2, 4×1, 4×2 ขึ้นอยู่กับแอปที่รองรับเลยครับ
และความเก่งของ Widget ในรอบนี้ก็คือเราสามารถจับรวมเป็นชิ้นเดียวหรือ Widget Stack ได้ด้วย อย่างเช่นเราอยากได้ Widget เครื่องเล่นเพลงรวมกับสภาพอากาศ หรือ Gallery ก็เพียงลากเข้าไปรวมกันเลย และเราก็สามารถเลื่อนที่ Widget ที่สลับขึ้นมาโชว์ที่ด้านหน้าสุดด้วย
หรือจะเป็นการรวมเอา Widget หลายขนาดมาเป็นอันเดียวเป็น Widget Combo บน HarmonyOS 3.0 ก็ให้เราใช้งานแบบนั้นได้แล้ว เรียกว่าสายปรับแต่งหน้าจอต้องถูกใจสิ่งนี้แน่นอน เพราะระบบให้เราปรับได้เยอะจริง ๆ ครับ
แบ่งจอได้หลากหลาย ใช้งานหน้าจอใหญ่ได้คุ้มค่า
อีกหนึ่งจุดที่ HUAWEI พยายามพัฒนามาอย่างต่อเนื่องบน HarmonyOS 3.0 เวอร์ชั่นแท็บเล็ตก็คือระบบ Multi-tasking การแบ่งหน้าจอใช้งานหลาย ๆ แอปพร้อมกัน รอบนี้ก็ปรับให้ใช้งานได้ง่ายขึ้นเปิดแอปใดแอปหนึ่งอยู่แล้วอยากใช้งานคู่กับอีกแอปก็เลื่อนหน้าจอไปที่มุมซ้ายบนได้เลยแอปหลักจะพับไปที่มุมและให้เราเลือกแอปต่อไปใช้งานได้ทันที ขยายเต็ม 2 หน้าต่างแล้วจะเลื่อนปรับขนาดทีหลังก็ได้อีกด้วย
หรือถ้า 2 แอปบนหน้าจอเดียวยังไม่พอ เราก็ยังสามารถเปิดแอปอัตราส่วนแบบมือถือลอย ๆ บนหน้าจอได้อีก 2 แอปรวมเป็น 4 แอป เท่าที่เราลองใช้งานก็ไม่ติดขัดเลย แม้จะเปิดพร้อมกันขนาดนี้ก็ยังลื่นไหลสบาย ๆ ครับ
HUAWEI Super Device เชื่อมต่อกับอุปกรณ์ HUAWEI ได้อย่างไร้รอยต่อ
HUAWEI พยายามชูเรื่อง Ecosystem มาอย่างต่อเนื่อง และปล่อยฟีเจอร์เด็ดอย่าง Super Device มาให้ผู้ใช้งานอุปกรณ์ HUAWEI ได้เชื่อมต่อกับระหว่างอุปกรณ์ได้อย่างไร้รอยต่อ ซึ่งทำให้ทุกอย่างง่ายและสะดวกขึ้นเยอะจริง ๆ ครับ อย่างในที่นี้เราเชื่อมกับสมาร์ทโฟน HUAWEI P50 ก็จะมีหน้าจอของสมาร์ทโฟนลอยอยู่บนจอของ MatePad Pro 11″ เลย ทีนี้เราก็จะโฟกัสที่จอแท็บเล็ตอย่างเดียว ไม่ต้องคอยหยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมาเช็กแจ้งเตือนบ่อย ๆ
หรือจะส่งไฟล์ข้ามเครื่อง ทำงานค้างบนสมาร์ทโฟนแล้วอยากมาทำต่อขยายบนจอใหญ่อย่างแท็บเล็ตก็แค่ลากไฟล์ออกมาได้เลย ง่ายและรวดเร็วมาก ๆ ทั้งหมดนี้ทำได้แบบไร้สายเลยด้วยครับ
ซึ่งวิธีการเชื่อมต่อกันแบบ Super Device ก็ง่าย ๆ แค่เปิด Control Center ขึ้นมาเลือก Super Device แล้วลากอุปกรณ์ที่ต้องการจะเชื่อมต่อเข้าหากันแค่นั้นเอง เหมือนเวทมนต์จริง ๆ ครับ
ใช้งานผ่าน HUAWEI Mobile Services
ด้วยความเป็น HarmonyOS 2.0 การทำงานต่าง ๆ รวมถึงบริการก็ใช้ HMS (HUAWEI Mobile Services) อย่างที่ทราบ เราสามารถดาวน์โหลดแอปผ่าน HUAWEI AppGallery ได้ ดาวน์โหลดไฟล์ APK มาติดตั้งเองผ่าน Petal Search ก็ได้เช่นกัน ซึ่งมาถึงตรงนี้ทั้งแอปบน AppGallery เองหรือเราจะหามาติดตั้งเองจากช่องทางอื่น ๆ ก็ทำได้ง่ายและลงตัวขึ้นเยอะแล้วจริง ๆ ครับ
Smart Magnetic Keyboard เคสคีย์บอร์ดเติมเต็มการทำงานระดับ PC
HUAWEI MatePad Pro 11″ มาพร้อมอุปกรณ์ 2 ชิ้นที่จะเติมเต็มการทำงานให้สมบูรณ์ระดับ PC ได้เลย อย่างแรกก็คือ Smart Magnetic Keyboard เคสคีย์บอร์ดที่ถูกออกแบบมาใหม่ ให้เราเปลี่ยนร่าง MatePad pro 11″ เป็นแล็ปท็อปย่อม ๆ ได้ง่าย ๆ ตัวเคสจะประกบเข้ากับตัวเครื่องผ่านแม่เหล็กและ POGO PIN ที่ติดหนึบ
ตัวปุ่มกดกดได้ง่าย เว้นระยะได้ดีและมีความ Clicky ดีมาก ให้ความรู้สึกเหมือนพิมพ์บนแล็ปท็อป ทำให้เราใช้งานพิมพ์งานนาน ๆ ได้แบบไม่ฝืน
มุมมองใหม่ปรับองศาได้หลายโหมด
อย่างที่บอกไปว่า Smart Magnetic Keyboard นี้มีการออกแบบใหม่หมด ให้เราใช้งานได้หลายโหมด อย่างแรกก็คือ Laptop mode หรือแบบมาตรฐานจะยกไปทำงานบนตักก็คล่องตัว
หรือจะแยกส่วนออกจากกันเป็น Split mode เขยิบจอออกไปอีกหน่อยหรือยกตัวเครื่องสูงขึ้นแล้วเราก็ใช้งานพิมพ์คีย์บอร์ดห่างออกมา
และโหมดสุดท้ายคือ Studio mode ตัวขาตั้งของเคสเมื่อถอดแยกออกจากคีย์บอร์ดจะสามารถปรับองศาได้อีก ซึ่งปรับได้เหมาะกับการเขียนขีดหรือจดบันทึกเลยด้วยครับ
ซึ่งตัว Smart Magnetic Keyboard ในรอบนี้ก็มีที่เก็บ M-Pencil มาให้เพิ่มเติมเป็นแถบแม่เหล็ก เพื่อปกป้องปากกาได้มากกว่าเดิม และสามารถพกติดตัวได้มากกว่าเดิม โดยไม่ต้องกังวลครับ
M-Pencil อุปกรณ์เสริมสำหรับสาย Creative
อีกหนึ่งอุปกรณ์เสริมที่จะทำให้สาย Creative ถูกใจอย่างมากกับ M-Pencil 2nd Generation ที่รอบนี้มาในสีใหม่ สีขาว เนียนตาและดูเฟรนลี่กว่าเดิม ดีไซน์ยังเป็นแบบโค้งมนจับได้ถนัดมือเหมือนเดิม ที่ฝั่งเรียบ ๆ จะมีแถบ Touch Control ให้แตะใช้งานในแอปที่รองรับด้วย
ส่วนอีกฝั่งจะออกแบบให้เว้าลงไปเพื่อประกับเข้ากับข้างตัวเครื่องเพื่อชาร์จแบตฯได้ ซึ่งก็เป็นแบบชาร์จไร้สาย แค่เอาประกบก็จะมี Pop-Up เด้งขึ้นมาทันทีเลยว่ามีแบตฯเท่าไหร่
ในเรื่องฟีเจอร์การขีดเขียน HUAWEI MatePad Pro 11″ มีฟีเจอร์ด่วน ๆ เพียงแค่เราใช้ M-Pencil ปาดจากมุมขวาบนลงมาก็จะมีทั้งแคปหน้าจอหรือจดโน้ตแบบด่วน ๆ ได้ทันทีเลย
หรือฟีเจอร์ Free Script ที่สามารถเปลี่ยนลายมือเป็นตัวพิมพ์ก็ยังมีอยู่เหมือนเดิม จะใช้ผ่าน Browser หรือแอปจดบันทึกต่าง ๆ ก็ทำได้ ช่วยให้สะดวกในการทำงานมากขึ้นไปอีก
HUAWEI Notes แอปจดโน้ตใหม่
นอกจากฟีเจอร์ใหม่ ๆ แล้ว รอบนี้ HUAWEI ยังปล่อยแอปใหม่ในชื่อ HUAWEI Notes มาด้วย เป็นแอปจดโน้ตที่มีตัวเลือกมากกว่าแอป Notes ปกติ อาทิ
- สร้างสมุดโน้ตดิจิทัลได้ด้วยตนเองผ่านเทมเพลตที่มีบนแอปฯ
- สามารถจดโน้ตและเน้นข้อความบนไฟล์ PDF ได้
- เปลี่ยนตัวหนังสือลายมือเป็นตัวพิมพ์เพื่อความเป็นระเบียบ โดยสามารถเพิ่มภาพถ่ายและวาดภาพประกอบได้
- จัดสรรหน้าต่างๆ ในสมุดโน้ต และย้อนดูหน้าที่จดไปแล้วได้รวมกันในรูปแบบพรีวิว
หรือจะวาดรูปแบบจริงจังไปเลยก็ยังมีแอปทางเลือกใน HUAWEI AppGallery อย่าง Mojing Paint ก็ช่วยเสริมความสามารถของ M-Pencil ได้อีก ซึ่งในแอปนี้จะมีความสามารถดูดสีของภาพถ่ายหรือหน้าเว็บด้วยฟังก์ชันพิเศษ Cross-app color capture โดยใช้ Eye dropper เลือกสีที่ปรากฏบนหน้าต่างลอยผ่านการใช้งาน Multi-Window หรือ Multi-screen Collaboration กับสมาร์ทโฟนของหัวเว่ย และนำสีไปใช้วาดเขียนบนโปรแกรมได้จริง ตอบโจทย์การทำงานด้านการสร้างสรรค์ที่ต้องให้ความสำคัญกับความแม่นยำของสีได้อย่างตรงจุด
โดยรวมในเรื่องการทำงานของ HUAWEI MatePad Pro 11″ ก็ทำได้ดีสมกับที่นำเสนอการใช้งานที่เต็มรูปแบบทั้งด้าน Multi-tasking และ Creative จริง ๆ ยิ่งได้อุปกรณ์เสริมทั้ง Smart Magnetic Keyboard และ M-Pencil เข้ามาอีกจึงเสริมในเรื่องการทำงานให้เป็นระดับ Pro ได้จริง ๆ
ประสิทธิภาพระดับแนวหน้า
มาต่อที่เรื่องประสิทธิภาพอย่างที่บอกไปในเรื่องการทำงานทั้งหลาย HUAWEI MatePad Pro 11″ แทบจะไม่มีจุดที่ติดขัดเลย เพราะสเปคที่ให้มาก็เรียกว่าเป็นระดับแนวหน้าของแท็บเล็ตในตอนนี้แล้ว ซึ่งชิปเซ็ตรุ่นที่ขายในบ้านเราจะแบ่งเป็น 2 รุ่นคือ รุ่น LTE (รุ่นที่เรารีวิว) ใช้ชิป Snapdragon 888 และรุ่น WiFi ใช้ชิป Snapdragon 870
ในเรื่องประสิทธิภาพก็ไว้ใจได้แน่นอน เพราะใช้ชิปเซ็ตตัวแรงเดียวกับ HUAWEI P50 Series เลย เราก็เลยทดสอบประสิทธิภาพของรุ่น LTE (ชิป Snapdragon 888) มาฝากกันได้คะแนนจาก AnTuTu ไปสูงถึง 681888 คะแนน
ส่วนคะแนนจาก GeekBench 5 ก็ได้ Single-Core ไปที่ 851 คะแนน และ Multi-Core 2854 คะแนนครับ
เล่นเกมก็สะใจมาก ลื่นสุด ๆ สเปคนี้
ส่วนการเล่นเกม HUAWEI MatePad Pro 11″ ก็คงไม่ต้องเป็นห่วงมากอยู่แล้ว แต่เราก็ขอลองดูหน่อยว่าเมื่อเล่นบนจอใหญ่เต็ม ๆ แบบนี้จะสะใจแค่ไหนเนาะ เกมที่เราจะทดสอบก็คือ Asphalt 9 และ PUBG Mobile ซึ่งทั้งคู่ดาวน์โหลดจาก HUAWEI AppGallery ทั้งหมดครับ
เล่น Asphalt 9 บน HUAWEI MatePad Pro 11″
สำหรับ Asphalt 9 เราสามารถเปิดกราฟิกได้ที่ระดับสูงสุด High Quality ร่วมกับ 60fps เลยด้วย หรือง่าย ๆ ก็คือสูงสุดที่ปรับได้แล้วล่ะครับ เท่าที่เราเล่นก็บอกเลยว่าทำได้ยอดเยี่ยมมาก ทั้งกราฟิกที่สวยอลังการบนหน้าจอขนาดใหญ่ และความลื่นไหลระดับ 60fps ที่ตอบสนองได้ดีอีกด้วย เฟรมเรตก็ลื่นไหลตลอดทั้งเกม
เล่น PUBG บน HUAWEI MatePad Pro 11″
ส่วนเกม PUBG เราสามารถปรับกราฟิกได้ที่ Ultra HD พร้อมเฟรมเรต Ultra อีก เรียกว่าปรับกันสุด ๆ แล้ว เท่าที่เราเล่นก็ถือว่ามอบประสบการณ์ได้อย่างยอดเยี่ยม พอเล่นบนหน้าจอขนาดใหญ่ก็ยิ่งเต็มอิ่มและด้วยระดับกราฟิกสูงก็เล่นได้อย่างถูกใจ เฟรมเรตในเกมก็ลื่นไหลไม่เจออาการกระตุกให้เห็นเลย
แบตเตอรี่ 8300mAh พร้อมชาร์จไว SuperCharge
ปิดท้ายที่แบตเตอรี่ HUAWEI MatePad Pro 11″ ได้แบตเตอรี่ความจุ 8300mAh มาเลย ถือว่าเยอะเพียงพอต่อการใช้งานมาก ๆ เท่าที่เราลองใช้งานแบบเต็มที่ ก็ถือว่าจัดเต็มเลย ใช้ทำงานหรือความบันเทิงได้เต็ม ๆ วัน โดยไม่ต้องมากังวลว่าแบตฯจะหมดไปกลางคันในขณะที่ใช้งาน
ส่วนระบบชาร์จไว HUAWEI MatePad Pro 11″ ก็รองรับระบบชาร์จไว HUAWEI SuperCharge (รุ่น LTE ได้ 40W รุ่น WiFi 22.5W) ซึ่งช่วยชาร์จแบตฯเยอะ ๆ ระดับนี้คืนมาได้อย่างรวดเร็ว เล่นให้เต็มที่แล้วรอชาร์จกลับมาไม่นานก็ใช้ต่อได้อีกยาวแล้วครับ ตรงนี้ถูกใจเราจริง ๆ
ในเรื่องประสิทธิภาพก็ต้องบอกเลยว่า HUAWEI MatePad Pro 11″ สอบผ่านอย่างมาก ทั้งในเรื่องการทำงานต่าง ๆ ที่ตอบโจทย์ลื่นไหลมากบนจอ 120Hz ให้รู้สึกถึงความลื่นที่ได้จริง ๆ หรือจะการเล่นเกมที่เล่นได้อย่างไร้ที่ติ ประสิทธิภาพล้นเหลือของจริงเลยล่ะครับรุ่นนี้
เปิดจองวันที่ 12 – 26 ส.ค.นี้
HUAWEI MatePad Pro 11″ มีให้เลือก 2 รุ่นคือ WiFi และ LTE สองรุ่นนี้จะใช้ชิปเซ็ตและความจุที่ต่างกันมีราคาและความจุดังนี้
- รุ่น WiFi (ชิป Snapdragon 870 | 8GB + 128GB) ราคา 24,990 บาท
- รุ่น LTE (ชิป Snapdragon 888 | 8GB + 256GB) ราคา 29,990 บาท
ทั้ง 2 รุ่นนี้จะเปิดจองตั้งแต่วันที่ 12 – 26 สิงหาคม 2565 นี้ สำหรับผู้ที่สั่งจองล่วงหน้ารับฟรี! HUAWEI Smart Magnetic Keyboard, M-pencil 2nd Generation และของสมนาคุณอื่นๆ มูลค่ารวม 12,282 บาท
สรุปแล้ว “นี่คือแท็บเล็ตตัวท็อปจาก HUAWEI ประสิทธิภาพการสร้างสรรค์ระดับโปร””
HUAWEI MatePad Pro 11” ก็ถือว่าเป็นแท็บเล็ตตัวท็อปที่ประสิทธิภาพการสร้างสรรค์ระดับโปรของจริง! ด้วยสเปคที่อัปเกรดมาได้น่าสนใจตั้งแต่ หน้าจอ OLED 120Hz FullView ที่ลื่นไหลและสีสันอลังการมาก ชิปเซ็ตที่เป็นระดับท็อป Snapdragon 800 Series แบตเตอรี่จุใจพร้อมชาร์จไวระดับ SuperCharge นอกจากนี้ฟีเจอร์ก็อัปเกรดขึ้นพร้อม HarmonyOS 3.0 ที่ใช้งานได้คล่องตัวกว่าเดิม ปรับแต่งได้ถูกใจ และที่ขาดไม่ได้การทำงานร่วมกับอุปกรณ์เสริม Smart Magnetic Keyboard และ M-Pencil 2nd Generation ที่เสริมความเก่งของตัวเครื่องให้เข้าสู่ระดับโปรได้แบบจริงจัง หากจองก็จะได้รับไปใช้คู่กันฟรี ๆ ด้วย ทั้งหมดทั้งมวลต้องบอกว่าเป็นความคุ้มค่าสำหรับแท็บเล็ตจาก HUAWEI ที่จะหาได้แล้วตอนนี้ ใครที่กำลังมองหาแท็บเล็ตระดับเรือธงมาเสริม Ecosystem ให้สมบูรณ์ เราว่ารุ่นนี้คือคำตอบที่คู่ควรที่สุดในตอนนี้แล้วล่ะครับ!
จุดเด่น
- หน้าจอ OLED 120Hz FullView อลังการและลื่นไหลมาก
- ชิปเซ็ตตัวท็อป Snapdragon 800 Series ที่แรงถึงใจในทุกการใช้งาน
- HarmonyOS 3.0 ลงตัวขึ้นทั้งความลื่นไหล การปรับแต่ง
- มีซอฟต์แวร์ที่ยกระดับความโปร ทั้งการแบ่งหน้าจอ HUAWEI Notes และ Super Device
- แบตเตอรี่ 8300mAh ใช้งานได้ดี ไม่ต้องกังวล
- อุปกรณ์เสริมใช้งานคู่กันได้ดีมาก
จุดสังเกต
- ใช้ HMS อาจต้องปรับตัวกันหน่อยถ้ามาจาก Android
- ไม่มีรุ่น 5G