Connect with us

IT News

HUAWEI ร่วมขับเคลื่อนดิจิทัล สู่สังคมคาร์บอนต่ำอย่างยั่งยืนของประเทศไทย

Published

on

นายอาเบล เติ้ง ประธานกรรมการบริหาร บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) จำกัด

ในปัจจุบัน ทิศทางของโลกเดินตามกระแสการปล่อยก๊าซคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Carbon) กันมากขึ้น ไม่เว้นแม้แต่รัฐบาลไทยที่ตั้งเป้าหมายการปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ ภายในปี พ.ศ. 2593 เนื่องด้วยเศรษฐกิจที่เติบโตอย่างก้าวกระโดด ส่งผลต่อการใช้ทรัพยากรของโลกอย่างสิ้นเปลือง ทำให้ภาคการผลิตปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และก๊าซเรือนกระจกออกสู่ชั้นบรรยากาศอย่างต่อเนื่อง นำไปสู่ปัญหาสภาพอากาศแปรปรวนและสภาวะโลกร้อนที่กลายเป็นประเด็นร้อน ซึ่งทุกฝ่ายต้องช่วยกันแก้ไขด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล นอกจากนี้กระแสการเปลี่ยนผ่านเชิงดิจิทัล (Digitalization) ของภาคธุรกิจองค์กรท่ามกลางสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 ก็เป็นตัวเร่งปฏิกิริยาสำคัญในเรื่องนี้ ขณะนี้ประเทศต่างๆ ทั่วโลกรวมถึงไทยได้มีการแสดงเจตนารมณ์มุ่งมั่นในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนด้วยนวัตกรรมต่างๆ อย่างจริงจัง เพื่อให้ทิศทางการพัฒนาอย่างยั่งยืนเป็นไปตามเป้าหมายดังกล่าว สู่ยุทธศาสตร์การขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยตามพันธกิจของกระทรวงพลังงาน โดย ‘หัวเว่ย ประเทศไทย’ จะร่วมสนับสนุนในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจสีเขียวในประเทศไทยด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลอย่างเต็มที่

‘การพัฒนาสีเขียวด้วยดิจิทัล’ เทรนด์โลกแห่งอนาคต

นายอาเบล เติ้ง ประธานกรรมการบริหาร บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) จำกัด ได้ขึ้นกล่าวถึงความสำคัญเรื่องการพัฒนาอย่างยั่งยืนและเทคโนโลยีดิจิทัลภายในงานสัมมนา Go Green 2022 ขับเคลื่อนธุรกิจสีเขียว และการเข้าสู่สังคมคาร์บอนต่ำว่า “การพัฒนาสีเขียวนั้นหมายถึงการส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจ ในขณะเดียวกันก็รับประกันความยั่งยืนของทรัพยากรธรรมชาติและความเป็นอยู่ที่ดีของสังคมไปพร้อมกัน ในปัจจุบันมนุษยชาติให้ความสำคัญกับอนาคตที่ยั่งยืนมากขึ้น ความเปลี่ยนผ่านเชิงดิจิทัลและการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้กลายเป็นสองหัวข้อสำคัญที่สุดที่ทั่วโลกต่างจับตามองในตอนนี้ และเป็นแนวทางหลักสองประการในการพัฒนาที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยในปัจจุบัน กว่า 66 ประเทศทั่วโลกได้กำหนดเป้าหมายและแผนงานเกี่ยวกับการปล่อยก๊าซคาร์บอนในระดับชาติเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และกว่า 170 ประเทศได้ประกาศกลยุทธ์ดิจิทัลระดับชาติ รวมเป็น 87% ของประเทศทั้งหมดทั่วโลก”    

อาเบลได้เน้นย้ำการเปลี่ยนผ่านเชิงดิจิทัล (Digitalization) คือกุญแจสำคัญในการฟื้นตัวและการเติบโตของประเทศไทยและประเทศอื่นๆ ทั่วโลก โดยได้ยกตัวอย่างถึงการเพิ่มขึ้นของโครงข่ายบรอดแบนด์คงที่ 10% จะมีส่วนช่วยเพิ่มผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศหรือ GDP ได้ตั้งแต่ 0.8% – 2.3% และการเพิ่มขึ้นของอัตราการเข้าถึงเครือข่ายโทรศัพท์มือถือทุก 10% จะสามารถเพิ่ม GDP ได้ถึง 1.5% – 2.8% โดยในอนาคตเทคโนโลยีดิจิทัล ได้แก่ 5G, Cloud และ AI จะเป็นปัจจัยหลักในการผลักดันการเติบโตทางเศรษฐกิจ ซึ่งหากอ้างอิงจากรายงานล่าสุดของธนาคารโลกนับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 พบว่าการนําเทคโนโลยีดิจิทัลและเทคโนโลยีที่สร้างโมเดลธุรกิจรูปแบบใหม่ๆ มาใช้งาน ได้สร้างรายได้ใหม่ๆ คิดเป็นมูลค่ารวมสูงถึง 110,100 ล้านบาท (3,400 ล้านเหรียญสหรัฐ) ในการลงทุน การออม และรายได้เพิ่มเติมสําหรับประเทศไทยในแต่ละปี  นอกจากเทคโนโลยีจะมีบทบาทสําคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลแล้ว โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลยังเป็นรากฐานที่สำคัญในการพัฒนาไปสู่สังคมคาร์บอนต่ำ และเป็นกุญแจสําคัญสําหรับการพัฒนาที่ยั่งยืนของประเทศไทย ถึงขั้นที่สามารถกล่าวได้ว่าหากไม่มีดิจิทัล ก็ไม่มีความยั่งยืน

“หัวเว่ยมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ประเทศไทยเป็นประเทศแรกในอาเซียนที่ให้ความสำคัญและมุ่งมั่นที่จะเข้าสู่การเดินทางสู่สังคมคาร์บอนต่ำอย่างจริงจัง การที่ไทยเสนอแผนงานความเป็นกลางทางคาร์บอน พ.ศ. 2593 เพื่อช่วยรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศจากสถานการณ์โลกร้อน ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับสหภาพยุโรป หัวเว่ยเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่าเทคโนโลยีดิจิทัลจะเป็นกุญแจสำคัญในการบรรลุเป้าหมายดังกล่าว ซึ่งเรามองว่าประเทศไทยค่อนข้างได้เปรียบจากการที่เป็นผู้นำด้าน 5G ด้วยการมีสถานีฐานของโครงข่าย 5G มากกว่า 10,000 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งหัวเว่ยได้เข้าไปมีส่วนร่วมในการติดตั้ง นอกจากนี้ หัวเว่ยยังมองเห็นศักยภาพของประเทศไทย ซึ่งเป็นเหตุผลให้เราเปิดตัวกลุ่มธุรกิจคลาวด์รวมทั้งกลุ่มธุรกิจดิจิทัลพาวเวอร์สำหรับให้บริการลูกค้าในประเทศไทยโดยเฉพาะ เพื่อช่วยสนับสนุนให้ประเทศไทยบรรลุเป้าหมายด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืน” นายอาเบลกล่าวเพิ่มเติม

หัวเว่ยเผยแนวทางสู่สังคมคาร์บอนต่ำ ร่วมผลักดันประเทศไทยสู่ความยั่งยืน

นายอาเบล ยังกล่าวเพิ่มเติมถึงแนวทางที่หัวเว่ยช่วยผลักดันการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในระดับโลกและประเทศไทยว่า “หัวเว่ยมุ่งมั่นที่จะทำให้ผลิตภัณฑ์หัวเว่ยใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น 2.7 เท่า ด้วยการพัฒนานวัตกรรมใหม่ทั้งทางทฤษฎี วัสดุ และอัลกอริทึมในวงจรทั้งหมด ซึ่งรวมถึงการดำเนินงานและเครือข่ายต่างๆ สำหรับประเทศไทยที่มุ่งมั่นสู่เป้าหมายที่มีวิสัยทัศน์ในความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon neutrality) ภายในปี พ.ศ. 2593 และการปล่อยมลภาวะเป็นศูนย์ (Net Zero Carbon) ในปี พ.ศ. 2608 เพื่อให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าว จำเป็นต้องเริ่มจากภาคส่วนที่มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์มากเป็น 3 อันดับแรกของประเทศไทย ซึ่งได้แก่ อุตสาหกรรมพลังงาน (37%) การขนส่ง (29%) และภาคอุตสาหกรรม (28%) ซึ่งหัวเว่ยมองว่าโซลูชันพลังงานดิจิทัลที่สําคัญสําหรับประเทศไทยมี 4 ด้าน โดยแต่ละโซลูชันต่างมีเอกลักษณ์ด้านการผลักดันการพัฒนาสีเขียวแตกต่างกันไปดังนี้

  • เทคโนโลยีพลังงานแสงอาทิตย์รุ่น 4 ที่คุ้มค่า: หลังจากการพัฒนามานานหลายทศวรรษ เทคโนโลยี PV ได้พัฒนาไปสู่รุ่นที่ 4 ในช่วงห้าปีที่ผ่านมา ต้นทุนค่าไฟฟ้าที่ปรับระดับจนในปัจจุบันสามารถสูงถึง 0.037 เหรียญสหรัฐต่อกิโลวัตต์-ชั่วโมง และสามารถปรับใช้บนหลังคาที่อยู่อาศัยได้ เนื่องจากคุณสมบัติของโมดูลที่สามารถทำงานได้ด้วยตนเอง รวมถึงการบำรุงรักษาที่ทำได้ง่าย
  • เทคโนโลยีการจัดเก็บพลังงานสตริงอัจฉริยะ (Smart String Energy Storage System / ESS): การทำงานรวมกันของแบตเตอรี่ลิเธียมและเทคโนโลยีการควบคุมแบบดิจิทัลทําให้ระบบจัดเก็บพลังงานสตริงอัจฉริยะเป็นที่นิยมมากขึ้น ช่วยแก้ปัญหาการผลิตพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลมที่ไม่ราบรื่น
  • ศูนย์ข้อมูลสีเขียวแบบโมดูลาร์และเทคโนโลยีการสื่อสารในพื้นที่สำหรับใช้ได้ในทุกสถานการณ์: จากการวิจัยของหัวเว่ยพบว่า 6% ของการใช้พลังงานทั้งหมดจะมาจากการใช้งานด้านไอซีทีภายในปี พ.ศ. 2573 ดังนั้นเราจำเป็นต้องปรับใช้ศูนย์ข้อมูลสีเขียวพร้อมทั้งเทคโนโลยี 5G ตั้งแต่เริ่มต้น
  • รถยนต์ไฟฟ้าราคาประหยัดและเทคโนโลยีการชาร์จที่รวดเร็ว: การติดตั้งแท่นชาร์จให้สามารถใช้บริการได้อย่างทั่วถึง รถยนต์ไฟฟ้าราคาประหยัด และรถยนต์ไฟฟ้าที่สามารถวิ่งระยะไกลได้ถึง 1,000 กิโลเมตร จะขับเคลื่อนประเทศไทยไปสู่การเดินทางแบบไร้คาร์บอนในทศวรรษหน้า

นอกจากนี้ หัวเว่ยยังได้นำเสนอโซลูชันอุตสาหกรรม Smart PVชั้นนำที่ผลิตพลังงานไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์แบบดิจิทัล “FusionSolar Residential Smart PV” สำหรับครัวเรือนไทยครั้งแรก โดยผสานรวม AIและ Cloudเข้ากับ PVเพื่อการสร้างพลังงานที่เหมาะสม โดยรับประกันประสิทธิภาพในระดับสูง ปลอดภัย และเชื่อถือได้ด้วยความสามารถของ Smart O&Mและ Grid Supportingที่สร้างรากฐานสำหรับพลังงานแสงอาทิตย์เพื่อเป็นแหล่งพลังงานหลักสำหรับอนาคต โดยมีกลุ่มเป้าหมายลูกค้าครอบคลุมทั้งบ้านเรือนและองค์กร แม้จะเป็นธุรกิจใหม่ที่เพิ่งก่อตั้งในไทยแต่หัวเว่ยมีฐานลูกค้าแล้วทั้งในธุรกิจค้าปลีก เช่น ห้างสรรพสินค้า มหาวิทยาลัย และธุรกิจที่ต้องบริหารจัดการศูนย์ข้อมูล เพื่อตอบรับกับแผนงานของกระทรวงพลังงาน และพันธกิจที่ประเทศไทยประกาศเป้าหมายสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน  โดยที่หัวเว่ยมองว่าเมื่อเรามองไปสู่อนาคต พลังงานจะฉลาดขึ้นและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น และ “อินเทอร์เน็ตพลังงาน” ก็จะเกิดขึ้น

ในสภาวะที่ต้องเผชิญกับปัญหาโลกร้อน ความเป็นดิจิทัลและการเข้าสู่สังคมคาร์บอนต่ำเป็นสองข้อตกลงที่ได้รับการยอมรับกันทั่วโลก หัวเว่ยในฐานะผู้นำในด้านโซลูชันพลังงานสีเขียว พันธมิตรชั้นนำด้านไอซีที และผู้พลิกโฉมสู่ความเป็นดิจิทัล มุ่งมั่นที่จะส่งเสริมประเทศไทยเป็นผู้นำสังคมคาร์บอนต่ำของอาเซียน โดยหัวเว่ยจะเดินหน้าสร้างสรรค์นวัตกรรมและใช้พลังงานหมุนเวียนอย่างต่อเนื่อง ผ่านการทำงานร่วมกับรัฐบาลและพันธมิตรในอุตสาหกรรมเพื่อทำให้โลกของเราเป็นสถานที่ที่ดียิ่งขึ้น รวมทั้งนำดิจิทัลมาสู่ทุกคน ทุกบ้าน ทุกองค์กร มาร่วมกันทำให้ประเทศไทยเป็นดิจิทัล สะอาดอย่างยั่งยืนไปด้วยกัน เพื่อให้เกิดประเทศไทยอัจฉริยะคาร์บอนต่ำที่เชื่อมต่อถึงกันอย่างเต็มรูปแบบ

Smart Review9 ชั่วโมง ago

รีวิว OPPO Find X8 Series “มาตรฐานระดับแฟล็กชิปที่เหนือกว่า” ด้วยชิป MediaTek Dimensity 9400 | กล้อง Hasselblad ซูมเด่นที่สุดด้วย AI Telescope Zoom | AI ทรงพลัง

รีวิว OPPO Find X8 แ...

IT News11 ชั่วโมง ago

สรุปข่าวรอบสัปดาห์ระหว่างวันที่ 16 – 22 พ.ย. 67

ข่าวเด่นช่วงระหว่างว...

The first Nintendo Authorized Store by SYNNEX in Southeast Asia is now open The first Nintendo Authorized Store by SYNNEX in Southeast Asia is now open
ข่าวประชาสัมพันธ์11 ชั่วโมง ago

เปิดแล้ว Nintendo Authorized Store by SYNNEX แห่งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ซินเน็ค จับมือคอปเปอ...

NT GSB NT GSB
ข่าวประชาสัมพันธ์11 ชั่วโมง ago

NT อำนวยความสะดวกให้ลูกค้าธนาคารออมสินใช้งานแอป MyMo ไม่เสียค่าเน็ตผ่าน 2 เครือข่ายมือถือ

NT อำนวยความสะดวกลูก...

AIS 5G strengthens its leadership with SEA COVERAGE, spanning both sides of the Thai sea AIS 5G strengthens its leadership with SEA COVERAGE, spanning both sides of the Thai sea
ข่าวประชาสัมพันธ์11 ชั่วโมง ago

AIS 5G โชว์แกร่งโครงข่ายที่ 1 ตัวจริง SEA COVERAGE ครอบคลุม 2 ฝั่งทะเลไทย

AIS 5G โชว์แกร่งโครง...

Bangkok Illustration Fair 2024 Bangkok Illustration Fair 2024
Apple News12 ชั่วโมง ago

Apple ร่วมกับ Bangkok Illustration Fair 2024 จัด Today at Apple เซสชั่นพิเศษ ที่ Central World เรียนรู้เทคนิควาดภาพบน iPad กับ 2 ศิลปินมากความสามารถ

Today at Apple ร่วมเ...

IT News12 ชั่วโมง ago

เปิดจอง Sony Alpha 1 II พร้อมเลนส์ฟูลเฟรม G Master รุ่น SEL2870GM

โซนี่ไทยเปิดจองกล้อง...

JBL TOUR PRO 3 JBL TOUR PRO 3
Wearable12 ชั่วโมง ago

ใหม่ JBL TOUR PRO 3 เปิดประสบการณ์เสียง ในแบบที่คุณไม่เคยได้ยินมาก่อนพร้อมยกระดับความบันเทิงของคุณไปอีกขั้น

JBL Tour Pro 3 หูฟัง...

Copyright © 2012 iphone-droid.net.

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ ดูเพิ่มเติมที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และจัดการได้ที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึก