Smart Review
รีวิว Huawei nova 3i สมาร์ทโฟน 4 กล้อง AI ออกมาเพื่อเป็นนักฆ่าเรือธง?
Huawei nova 3i สมาร์ทโฟนน้องเล็กในซีรีส์ nova 3 ที่ทาง Huawei ประกาศชัดในงานเปิดตัวว่าเป็นรุ่นที่เกิดมาเพื่อฆ่าสมาร์ทโฟนระดับเรือธง ด้วยสเปค และฟีเจอร์ที่อัดแน่นเกินราคา จะเป็นจริงตามที่พูดหรือไม่ มาดูกัน
สรุปข้อมูลและสเปค Huawei nova 3i
- ราคาเปิดตัว 9,990 บาท (กรกฎาคม 2018)
- ขนาดเครื่อง 157.6 x 75.2 x 7.6 มิลลิเมตร
- น้ำหนัก 169 กรัม
- รองรับ 2 ซิมการ์ด ถาดซิมแบบไฮบริด
- หน้าจอแสดงผขนาด 6.3 นิ้ว IPS LCD FullHD+ อัตราส่วน 19.5:9
- ระบบปฏิบัติการ Android 8.1 Oreo กับ EMUI 8.2
- ชิพเซ็ต Hisilicon Kirin 710
- จีพียู Mali-G51 MP4
- แรม 4GB
- ความจุตัวเครื่อง 128GB ใส่เมมเพิ่มได้ด้วย microSD สูงสุด 256GB (ใส่ช่องซิม 2)
- กล้องหลังคู่ 16 ล้านพิกเซล f/2.2 และ 2 ล้านพิกเซลสำหรับเก็บความลึกของภาพ พร้อมแฟลช LED
- กล้องหน้าคู่ 24 ล้านพิกเซล และ 2 ล้านพิกเซล
- แบตเตอรี่ขนาด 3340mAh รองรับชาร์จไว 10W
- รองรับ Bluetooth 4.2, Wi-Fi b/g/n
- เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือด้านหลัง และปลดล็อคหน้าจอด้วยใบหน้า
ด้านการดีไซน์ Huawei nova 3i เลือกใช้วัสดุที่เป็นกระจกของโค้งมน 2.5D ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ซึ่งจะให้ผิวสัมผัสที่ดูแน่นหนา และตัวเครื่องจะดูพรีเมียม มีความแพงมากกว่าวัสดุอะลูมิเนียมทั่วไป แต่ต้องยอมรับว่ากระจกจะเกิดคราบรอยนิ้วมือได้ง่ายมาก
ขอบตัวเครื่องที่มีความโค้งวน ได้รับการประกอบให้เข้ากับขอบกระจกทั้งด้านหน้าและด้านหลัง เวลาจับใช้งานจะรู้สึกกระชับมือ ไม่มีขอบคม ซึ่งรุ่นนี้มีความหนาประมาณ 7.6 มิลลิเมตร ก็ถือว่าไม่หนาและไม่บางจนเกินไป จับถนัดมือ
หน้าจอมีการอัพเกรดอัตราส่วนให้กว้างกว่าเดิมเป็น 19.5:9 ทำให้ได้พื้นที่หน้าจอสำหรับแสดงผลที่ใหญ่ขึ้นถึง 6.3 นิ้ว ในขนาดตัวเครื่องที่ยังสามารถจับถนัดในมือเดียว และมีรอยบากบริเวณขอบด้านบนตัวเครื่องสำหรับติดตั้งเซ็นเซอร์ต่างๆ รวมไปถึงกล้องหน้าเลนส์คู่
พอร์ตเชื่อมต่อของ nova 3i ยังเป็น microUSB สำหรับชาร์จไฟและถ่ายโอนข้อมูลผ่านสายเคเบิล ซึ่งถ้ารุ่นนี้มาพร้อมกับ USB Type-C จะกลายเป็นสมาร์ทโฟนไม่ถึงหมื่นที่มีเทคโนโลยีใหม่ครบที่สุดอีกรุ่นหนึ่งเลยก็ว่าได้ ส่วนถาดใส่ซิมเป็นแบบไฮบริด ต้องเลือกว่าจะใส่พร้อมกันทั้ง 2 ซิมการ์ดหรือจะใส่ microSD card แทนซิม 2 เพื่อเพิ่มพื้นที่จัดเก็บข้อมูลให้มากขึ้น ซึ่งความจุภายในให้มา 128GB ก็น่าจะเพียงพอต่อการใช้งานอยู่แล้ว
ด้านหลังมีเลนส์กล้องคู่แนวตั้ง โดยกรอบเลนส์ถือว่านูนขึ้นมาเหนือฝาหลังเยอะพอสมควร และมีไฟแฟลช LED สำหรับช่วยถ่ายในที่มืดหรือแสงน้อย ซึ่งข้างๆ จะมีข้อความระบุว่าเป็น Dual Lens, 1:2.2/26 ASPH และมีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมืออยู่บริเวณกลางเครื่อง
ด้านซอฟต์แวร์ nova 3i รันระบบปฏิบัติการ Android 8.1 Oreo และ EMUI 8.2 เวอร์ชั่นล่าสุดแล้วในขณะนี้ ไม่ต้องรออัพเกรด โดยมีการพัฒนาให้มีระบบจัดการที่ช่วยให้ผู้ใช้งานเข้าถึงเมนูต่างๆ ได้ง่ายขึ้น มีความเรียบง่าย ไม่ซับซ้อน
หน้าจอแบบ FullView Display สัดส่วน 19.5:9 กำลังจะกลายเป็นมาตรฐานใหม่ของอัตราส่วนหน้าจอสมาร์ทโฟน Android รุ่นใหม่ของปีนี้ไปแล้ว เพราะหลายรุ่นที่เปิดใหม่จะมาพร้อมอัตราส่วนนี้ ซึ่งเป็นการใช้พื้นที่ด้านหน้าให้ได้มากที่สุด ทำให้ได้หน้าจอที่ยาวมากขึ้น เหมาะกับการดูคอนเทนท์ผ่านเว็บเบราว์เซอร์แล้วไม่ต้องเลื่อนหน้าจอบ่อยๆ หรือดูหนัง วิดีโอต่างๆ ก็จะเห็นมุมมองที่กว้างกว่าเดิม ซึ่งจากการใช้งานกลางแจ้งพบว่าสีหน้าจอไม่ค่อยสู้แสง ทำให้มองไม่ค่อยเห็นเมื่อใช้งานในที่แสงแดดจ้า
สำหรับการเล่นเกมด้วยอัตราส่วนหน้าจอ 19.5:9 จะได้มุมมองภาพในเกมที่กว้างมากกว่าปกติ เมื่อเทียบกับสมาร์ทโฟนทั่วไปที่มีอัตราส่วน 16:9 หรือ 18:9 ซึ่งถือเป็นข้อดีที่สำคัญสำหรับคนเล่นเกม เพราะการเห็นพื้นที่ที่กว้างขึ้นจะช่วยให้เห็นศัตรูที่อยู่รอบๆ มากขึ้น ทำให้สามารถเตรียมความพร้อมในการต่อสู้ได้ดีกว่า
นอกจากนี้แล้วก็มีฟีเจอร์การแบ่ง 2 หน้าจอเพื่อเปิดใช้งานแอพพลิเคชั่นได้พร้อมกัน 2 แอพ และสามารถลากที่เส้นแบ่งระหว่าง 2 หน้าจอเพื่อย่อหรือขยายขนาดหน้าจอได้ด้วย ซึ่งรองรับแอพยอดนิยมหลายตัว เช่น Facebook, WhatsApp, Twitter, YouTube และเกมบางเกม เป็นต้น และสำหรับรอยบากบริเวณขอบหน้าจอด้านบนของ nova 3i สามารถซ่อนโดยการแสดงเป็นแถบสีดำได้ ซึ่งแถบบาร์สีดำก็จะมีความกลืมกลืนไปกับขอบตัวเครื่องเหมือนกับหน้าจอสมาร์ทโฟนทั่วไป
ด้านการเชื่อมต่อไร้สายของ nova 3i รองรับการใช้งาน 4G พร้อมกันทั้ง 2 ซิมการ์ด (4G Dual-SIM) และมีเทคโนโลยีในการวิเคราะห์การตัดเสียงรบกวนรอบข้างได้แบบอัตโนมัติด้วยการทำงานของ AI, เชื่อมต่อเครือข่าย Wi-Fi b/g/n, และ Bluetooth 4.2
การแชร์ไฟล์ผ่าน Huwei Share เวอร์ชั่นใหม่ที่มาพร้อมกับ nova 3i ซึ่งเปิดตัวครั้งแรกในรุ่น Huawei P20 สามารถแชร์ไฟล์กับคอมพิวเตอร์ Windows และ Mac ได้ทันที ไม่ต้องติดตั้งโปรแกรมเพิ่มเติมหรือเชื่อมต่อด้วยสายให้ยุ่งยาก โดยเป็นการใช้ Wi-Fi วงเดียวกันในการเข้าถึงไฟล์สาธารณะบนเครื่อง nova 3i ซึ่งสามารถตั้งชื่อผู้ใช้และรหัสผ่านสำหรับยืนยันบนคอมพิวเตอร์ก่อนการเข้าถึงไฟล์ได้
ฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยนอกจากการสแกนลายนิ้วมือแล้ว ยังมีระบบ Face Unlock การปลดล็อคหน้าจอได้ด้วยใบหน้า เพียงกดเปิดหน้าจอแล้วยกสมาร์ทโฟนขึ้นมาส่องที่ใบหน้าก็จะปลดล็อคได้ทันที
ความจุ 128GB ของรุ่นนี้ถือเป็นอีกหนึ่งจุดเด่นเลยสำหรับการใช้งานได้ไม่ต้องกลัวเมมเต็ม ไม่จะเป็นเก็บรูปภาพหรือโหลดเกมมาติดตั้งได้สบายๆ ไม่ต้องลบของเก่าของก่อน
ความฉลาดของ nova 3i ที่มีเทคโนโลยี AI ยังทำให้แอพแกลเลอรี่มีความสามารถในการตรวจจับใบหน้าและจดจำใบหน้าของแต่ละบุคคลได้ เพื่อแยกเป็นอัลบั้มเดียวกัน ทำให้สามารถค้นหารูปภาพได้ง่ายมากขึ้น รวมถึงการแบ่งอัลบั้มตามสถานที่ เรียงตามวันที่ และประเภทของรูปถ่ายได้ด้วย
ด้านประสิทธิภาพการทำงานของชิปเซ็ต Kirin 710 ที่มีเทคโนโลยีการผลิต 12 นาโนเมตร เสริมพลังในการประมวลกราฟิกได้เต็มขีดความสามารถด้วยฟีเจอร์ AI Game Suite และเทคโนโลยี GPU Turbo สามารถเล่นเกมได้อย่างลื่อไหลและสามารถตั้งค่าปิดการแจ้งเตือนได้ไม่ให้รบกวนขณะเล่นเกมได้ ซึ่งจากการทดสอบกับเกมยอดฮิต RoV แม้จะเล่นได้ในระดับกราฟิกปกติ แต่เฟรมเรต 30fps ทำได้แบบนิ่งๆ ไม่ตกเลย เล่นได้ลื่นๆ ตลอดทั้งเกม
มาถึงด้านการถ่ายรูปด้วยกล้อง 4 ตัวที่อัดแน่นด้วยเทคโนโลยีการถ่ายภาพที่ทำงานด้วย AI ช่วยให้การถ่ายรูปของมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งจริงๆ แล้วสมาร์ทโฟน 4 กล้องของ Huawei เคยเปิดตัวมาก่อนแล้วในรุ่น nova 2i แต่ในครั้งนี้ทำงานด้วย AI ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง โดยกล้องคู่ด้านหน้าความละเอียด 24 + 2 ล้านพิกเซล และกล้องคู่ด้านหลังความละเอียด 16 + 2 ล้านพิกเซล
ตัวกล้องมีความสามารถในถ่ายภาพให้ออกมาโดดเด่นได้ด้วย Portrait Mode ที่เป็นการละลายฉากหลังให้ตัวคนมีความโดดเด่นขึ้นมานั่นเอง ซึ่งโหมดนี้แสดงให้เห็นถึงความสามารถของเลนส์กล้องและ AI ที่ทำงานร่วมกันได้เป็นอย่างดี ตัดขอบตัวคนหรือวัตถุแล้วทำการละลายฉากหลังได้เนียนมากๆ ถือว่ามีการพัฒนาให้ดีกว่ารุ่นก่อนๆ ชัดเจน
กล้องหน้าของ Huawei nova 3i มีเทคโนโลยี AI ที่จะช่วยปรับค่ากล้องให้การถ่ายเซลฟี่ออกมาสวยงามเป็นธรรมชาติมากที่สุดแบบอัตโนมัติตามสภาพแวดล้อมที่กำลังทำการถ่ายเซลฟี่ โดยไม่ต้องตั้งค่ากล้องให้ยุ่งยาก ซึ่งเป็นหนึ่งจุดเด่นของกล้องที่มี AI เพราะช่วยการถ่ายภาพเป็นเรื่องง่ายสำหรับทุกคน และเป็นครั้งแรกของกล้องหน้าเซลฟี่ที่มีระบบเรียนรู้ฉากที่กำลังถ่ายอัตโนมัติด้วย AI ในการตรวจจับว่าตอนนั้นเรากำลังถ่ายเซลฟี่คู่กับฉากอะไร เช่น ถ่ายคู่กับทะเล หรือถ่ายคู่กับต้นไม้ เป็นต้น ซึ่งระบบจะปรับค่ากล้องให้เหมะกับแต่ละฉากให้แตกต่างออกไป เพื่อให้ภาพเซลฟี่ออกมาสมบูรณ์และสวยเป็นธรรมชาติมากที่สุดนั่นเอง
อีกหนึ่งฟีเจอร์เด็ด HDR Pro สำหรับช่วยปรับแสงให้มีความสมดุลทั่วทั้งภาพ ไม่ว่าจะเป็นบริเวณพื้นที่ที่มีความมืดก็จะปรับจะสว่างขึ้น ในขณะเดียวกันพื้นที่ที่มีแสงสว่างมากก็มีการปรับความสว่างลงเพื่อให้เห็นรายละเอียดของพื้นที่บริเวณนั้น จากการทดสอบใช้งานพบว่าทำออกมาได้ดีมากๆ แต่บางฉากที่ย้อนแสงมากๆ ก็อาจจะดูเหมือนภาพลอยๆ เนื่องจากช่วงของสีที่แตกต่างกันมาก
nova 3i ได้เพิ่มความสนุกด้วยลูกเล่นใหม่ที่เรียกว่า 3D Qmoji ซึ่งเป็นการสร้างตัวอิโมจิที่ขยับตามใบหน้าของเราได้ หรือบันทึกเสียงไปพร้อมๆ กับการขยับใบหน้าก็ได้ รองรับการบันทึกเป็นภาพเคลื่อนไหวดุ๊กดิ๊กได้ GIFs และบันทึกเป็นวิดีโอสำหรับส่งความสนุกให้เพื่อนๆ ในโซเชียลก็ทำได้เช่นกัน
ในโหมดของ AR Lens ได้เพิ่มความสนุกด้วยเอฟเฟ็กต์สติกเกอร์น่ารักๆ ให้เลือกใส่ระหว่างการถ่ายรูปเซลฟี่ได้ ช่วยการเซลฟี่มีความสดใส สวยงาม สนุกมากขึ้นด้วย และมีการอัพเกรดฟีเจอร์ของ AR Sticker ในรูปแบบวัตถุ 3 มิติ ซึ่งเป็นการร่วมกันพัฒนาโดย Huawei และ Pitu ในการนำสติกเกอร์แบบ 3 มิติเข้ามาเป็นส่วนของรูปภาพที่ดูสมจริงมากขึ้น
กล้องด้านหลังแบบคู่ของ Huawei nova 3i มีความละเอียด 16 + 2 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2 ที่อัดแน่นด้วยความสามารถของ AI ที่สามารถเรียนรู้ภาพและจำแนกภาพที่กำลังถ่ายได้ถึง 22 หมวดหมู่ ซึ่งเป็นฟีเจอร์แบบเดียวกับในรุ่นเรือธงของ Huawei จึงทำให้ง่ายสำหรับการถ่ายภาพทุกสถานการณ์
ภาพถ่ายจากกล้อง Huawei nova 3i
จุดน่าสนใจด้านการถ่ายรูปจากกล้อง nova 3i เท่าที่ได้ใช้งานแบบเต็มๆ ตลอดทั้งสัปดาห์ พบว่า AI ทำงานได้ค่อนข้างรวดเร็ว ระบบโฟกัสแม่นยำ แตะเลือกจุดโฟกัสได้ไว ชัตเตอร์ไม่หน่วง และการประมวลผลภาพเพื่อแสดงผลก็ทำได้รวดเร็วดีมาก แต่หลายคนอาจมองว่าภาพถ่ายที่ใช้ AI อาจมีสีเข้มหรือปรับโทนสีสดเกินไป ก็สามารถเลือกปิดใช้งาน AI ในบางฉากที่ไม่ต้องการได้
สรุปจุดเด่น
- Huawei nova 3i จัดสเปคตัวเครื่องมาได้แบบเหนือคู่แข่งมากเมื่อเทียบระดับราคาที่เท่ากัน วัสดุพรีเมียม ดีไซน์ทันสมัย และหน้าจอแสดงผลใหญ่เต็มตาแบบ FullView
- ชิพประมวลผล Kirin 710 และแรม 4GB ทำงานได้ลื่นไหลดี สลับแอพไปมาได้ไว เล่นเกมลื่น
- กล้อง 4 ตัว มีความฉลาดด้วยการทำงานของ AI ตอบโจทย์ผู้ใช้งานที่ต้องการความง่ายในการถ่ายภาพทุกสถานการณ์ ไม่ต้องกังวลเรื่องการตั้งค่ากล้อง
- รองรับ 4G พร้อมกันทั้ง 2 ซิมการ์ด แต่จะเปลืองแบตเตอรี่มากกว่าปกติ
- การจักการพลังงานทำได้ดี พกไปถ่ายรูปได้ทั้งวัน
จุดสังเกตเพิ่มเติม
- ถาดซิมแบบไฮบริด ต้องเลือกว่าจะใส่ microSD card หรือใส่ซิม 2
- ไม่รองรับ Wi-Fi 802.11ac