รีวิว HUAWEI P40 Pro 5G สมาร์ทโฟนเรือธงพลังแรง รองรับ 5G และกล้องหลัง 4 เลนส์ ร่วมกับ Leica แบบฟีเจอร์จัดเต็ม

HUAWEI P40 Pro 5G สมาร์ทโฟนกล้องเทพ Ultra Vision Leica Quad ที่ได้ร่วมพัฒนากับ Leica เข้าเดิม ที่มีการเพิ่มฟีเจอร์ต่างๆ เข้ามาเพียบ แถมเรื่องสเปคยังคงแรง เล่นเกมไม่มีสะดุด ที่สำคัญยังรองรับ 5G ตั้งแต่แกะกล่องด้วย

 

สรุปสเปค HUAWEI P40 Pro 5G

• ขนาดตัวเครื่อง : 158.2 × 72.6 × 8.95 มิลลิเมตร
• น้ำหนัก : 209 กรัม
• หน้าจอแสดงผล Quad-Curve Overflow Display ชนิด OLED กว้าง 6.58 นิ้ว ความละเอียด 2640 x 1200 พิกเซล รองรับ Refresh Rate 90Hz
• หน่วยประมวลผล : Kirin 990 5G Octa Core
• GPU : Mali-G76
• RAM 8 GB
• ROM 256 GB รองรับ SD NMCard สูงสุด 256GB
• ระบบปฎิบัติการ Android 10 ครอบทับด้วย EMUI 10.1
• กล้องถ่ายรูปด้านหลัง 4 เลนส์แบ่งเป็น
  • เลนส์หลัก Ultra Vision ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.9, เซ็นเซอร์ RYYB
  • เลนส์ Ultra Wide Cine ความละเอียด 40 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.8
  • เลนส์ SuperSensing Telephoto ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/3.4 รองรับ 5x Optical Zoom และ 10x Hybrid Zoom
  • เลนส์ Depth Sensing
• กล้องหน้าคู่ 2 เลนส์แบ่งเป็น
  • เลนส์หลักความละเอียด 32 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2
  • เลนส์ Depth Sensing
• รองรับการใช้งานซิมการ์ดแบบ NanoSIM 1 ซิม (รองรับ 5G) + eSIM
• รองรับการเชื่อมต่อ 802.11a/b/g/n/ac/ax, Bluetooth 5.1 และพอร์ต USB Type-C
• แบตเตอรี่ความจุ 4,200 mAh รองรับ HUAWEI SuperCharge 40W, Wireless HUAWEI SuperCharge 27W และ Reverse Charge

 

แกะกล่อง ดีไซน์ตัวเครื่อง และหน้าจอแสดงผล

กล่องของ HUAWEI P40 Pro 5G มาในรูปแบบสีขาวสวยงาม พร้อมชื่อรุ่น HUAWEI P40 Pro ที่ด้านหน้าชัดเจนครับ เปิดเข้าไปด้านในจะเจอกับอุปกรณ์ต่างๆ ดังนี้

• ตัวเครื่อง HUAWEI P40 Pro 5G
• เคสใส
• อะแดปเตอร์ SuperCharge 40W
• หูฟัง
• อุปกรณ์เปิดถาดซิม
• คู่มือการใช้งานเบื้องต้น

 

ดีไซน์ด้านหลังของ HUAWEI P40 Pro 5G ยังคงความพรีเมี่ยมได้เป็นอย่างดี โดยสีที่เราได้มาเป็นสี Deep Sea Blue ที่ดูมีความเป็นธรรมชาติ มีสีน้ำเงินปนเขียวอ่อนและเข้มคล้ายกับสีใต้ทะเลลึก ซึ่งจะสะท้อนแสงเงาในมุมต่างๆ ได้สวยงามมากครับ ส่วนอีก 4 สีที่มี ได้แก่ Ice White, Black, Blush Gold และ Silver Frost

 

ตัววัสดุของ HUAWEI P40 Pro 5G ใช้กระจกที่มีความโค้งที่ด้านหลังทั้ง 4 มุม ทำให้เราใช้งานได้นานขึ้น ไม่บาดมือทั้งตอนเล่นเกมหรือเล่นโซเชียลทั่วไปครับ

 

ที่สำคัญ เรื่องมาตรฐานป้องกันน้ำและฝุ่นก็ยังมาในระดับ IP68 เช่นเดิม ในช่วงที่ฝนตกก็ยังคงสามารถใช้งานได้ต่อ

 

อีกเรื่องที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลย คือ หน้าจอแสดงผลที่มาแบบโค้ง 4 ด้านในนาม Quad-Curve Overflow Display ซึ่งขอบซ้าย-ขวาจะเป็นความโค้งปกติครับ ไม่ได้เป็น Waterfall ทำให้จับได้ถนัดมือมากๆ ส่วนด้านบนและล่างก็มีความโค้งเล็กน้อย ช่วยให้ดูพรีเมี่ยมมากขึ้น และที่มุมทั้ง 4 ด้านก็นูนขึ้นมาเล็กน้อยเพื่อป้องกันหน้าจออีกด้วย

 

สเปคหน้าจอของ HUAWEI P40 Pro 5G มาพร้อมกับชนิด OLED กว้าง 6.58 นิ้ว ความละเอียด 2640 x 1200 พิกเซล และรองรับ Refresh Rate 90Hz ใช้งานได้แบบไหลลื่นมากๆ

 

เหนือหน้าจอแสดงผลจะมีกล้องหน้า 2 เลนส์ โดยจะมีความยาวเพื่อฝังเซ็นเซอร์ต่างๆ ลงไปด้วย ส่วนลำโพงสำหรับสนทนาก็ไม่ได้หายไหน เพราะใช้เทคโนโลยี Sound on Display เป็นการเปล่งเสียงออกมาจากในหน้าจอส่วนบนขณะคุยโทรศัพท์

 

ทางขวาของตัวเครื่องจะมีปุ่มสำหรับใช้งานทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นปุ่มเพิ่ม-ลดเสียง และปุ่ม Power

 

ด้านล่างตัวเครื่องมีช่องสำหรับใส่ซิมการ์ด NanoSIM 1 ช่อง และพลิกไปด้านหลังจะเป็นช่องใส่ NM Card ถัดมาเป็นไมโครโฟนตัวที่ 1, พอร์ต USB Type-C และลำโพงตัวหลัก

 

ด้านบนมีเซ็นเซอร์อินฟราเรด (IR) และไมโครโฟนตัวที่ 2

 

สุดท้ายที่ด้านหลังมีโมดูลกล้องหลังที่มุมซ้ายบนอย่างเด่นชัดมากๆ มีกล้องหลัง 4 เลนส์, ไฟแฟลช Dual-LED และไมโครโฟนตัวที่ 3

 

ซอฟต์แวร์ และฟังก์ชั่นการใช้งาน

ระบบปฎิบัติการ

HUAWEI P40 Pro 5G แกะกล่องมาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Android 10 ครอบทับด้วย EMUI 10.1 ที่มีการเพิ่มฟีเจอร์ต่างๆ และความไหลลื่นของระบบให้ดีขึ้นกว่าเดิม

 

รองรับ 5G ในไทยตั้งแต่แกะกล่อง

สำหรับ HUAWEI P40 Pro 5G นั้นไม่จำเป็นต้องอัปเดทเฟิร์มแวร์ใดๆ ทั้งสิ้นในการใช้งานเครือข่าย 5G ในไทยครับ เพราะตั้งแต่แกะกล่องมา ถ้าใครที่ซิมที่รองรับ 5G ก็ใช้งานได้ทันทีเลย

 

ธีมและวอลเปเปอร์ให้เลือกเพียบ

ในรุ่นนี้ก็มีภาพพื้นหลังและธีมให้เราเลือกใช้งานหลาย 10 แบบครับ ใครชอบแบบไหนเลือกเปลี่ยนได้ตามใจชอบเลย แต่ละอันก็สวยๆ ทั้งนั้น

 

HUAWEI AppGallery แอปพลิเคชั่นเยอะขึ้นกว่าเดิม

อย่างที่เราทราบกัน HUAWEI P40 Pro 5G นั้นใช้ HUAWEI AppGallery ในการโหลดแอปพลิเคชั่นต่างๆ เข้ามาในเครื่อง ซึ่งตอนนี้ก็มีแอปสำคัญๆ เข้ามาเยอะขึ้นครับ ไม่ว่าจะเป็น TrueMoney, Line TV, TikTok, แอปธนาคาร หรือแอปจองที่พัก เป็นต้น ซึ่งแอปแชทอย่าง Line ก็จะเข้ามาให้โหลดอย่างเป็นทางการในเดือนพฤษภาคมนี้แล้วครับ

 

หรือใครที่อยากใช้งานเพิ่มเติมกว่านี้ก็แนะนำให้ใช้งาน APKPure เพื่อโหลดครับ สะดวกมากๆ เลยด้วย

 

บอกสถานะตลอดเวลาด้วย Always-on-Display

สำหรับฟีเจอร์นี้คุ้นชินกันดีสำหรับสมาร์ทโฟนจอ OLED เป็นการบอกสถานะการแจ้งเตือน, เวลา, แบตเตอรี่คงเหลือ และวันที่ได้ครบ ไม่จำเป็นต้องมาปลดล็อคเครื่องเพื่อดูให้เสียเวลา

 

ที่สำคัญ Always-on-Display ยังมีรูปแบบของนาฬิกาให้เลือกเพียบทั้งแบบดิจิทัลหรืออนาล็อกก็มีให้ครบ รวมถึงการเปลี่ยนสีสันตัวอักษรก็ได้เช่นกัน

 

ระบบความปลอดภัยก็มีให้ครบ

HUAWEI P40 Pro 5G มาพร้อมกับระบบความปลอดภัยในการเข้าใช้งานเครื่อง 2 แบบ ทั้งการสแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอ ที่มีความรวดเร็วมากๆ ความผิดพลาดจนต้องสแกนซ้ำก็ไม่มีให้เห็นครับ และตำแหน่งของการสแกนก็อยู่เกือบๆ กลางจอ ซึ่งก็ถือว่าสะดวกเพราะไม่ต้องลดนิ้วโป้งลงมาสแกน

ส่วนอีกอย่างหนึ่งคือการสแกนใบหน้าที่ทำได้รวดเร็วทั้งสภาวะการย้อนแสงหรือในที่มืดมากๆ

 

โหมดมืด

รุ่นนี้ก็มาพร้อมโหมดมืดที่ใช้งานได้สบายตามากขึ้นครับ จากการอัปเดทเป็น EMUI 10.1 ช่วยให้การอ่านตัวอักษรง่ายขึ้น ที่สำคัญเมื่อเปิดโหมดนี้ยังช่วยประหยัดแบตเตอรี่ขึ้นด้วย เพราะจอ OLED กับโหมดมืดหรือพื้นหลังดำๆ เป็นอะไรที่คู่กันอยู่แล้ว

 

Multi-Window ใช้งานร่วมกันได้ ไม่ใช่แค่เปิดคู่กัน

เราทราบกันดีว่าฟีเจอร์ Multi-Window นั้นเป็นการเปิดแอปพลิเคชั่น 2 หน้าจอ แต่ใน EMUI 10.1 ทำให้ทั้ง 2 แอปนั้นๆ ทำงานร่วมกันได้ เช่น การลากรูปภาพมาอีกแอปได้ง่ายๆ หรือการคัดลอก/วาง เป็นต้น ซึ่งวิธีเปิดฟีเจอร์นี้เพียงแต่เราเปิด 1 แอปขึ้นมาก่อน แล้วให้ปัดไปทางซ้ายที่ฝั่งขวาหน้าจอค้างไว้สักครู่จนตารางแอปขึ้นมา เราก็สามารถลากอีกแอปเข้าได้เลย

 

ประสิทธิภาพ การเล่นเกม และแบตเตอรี่

Kirin 990 5G คือขุมพลังที่มาขับเคลื่อนด้วยให้กับ HUAWEI P40 Pro 5G รุ่นนี้ครับ โดยเป็นหน่วยประมวลผลที่มีสถาปัตยกรรมขนาดเล็กเพียง 7 นาโนเมตร พร้อมด้วยการ์ดจอหรือ GPU Mali-G76 ทำให้นอกจากจะใช้งานทั่วไปได้ลื่นแล้ว การเล่นเกมก็ไม่มีสะดุดอีกด้วย

 

สำหรับผลการทดสอบทดสอบประสิทธิภาพโดยรวมตั้งแต่หน่วยประมวลผล, การ์ดจอ และหน่วยความจำด้วยโปรแกรม AnTuTu Benchmark ทำได้ไปได้ที่ 405,664 คะแนน

 

ส่วนผลการทดสอบด้วยโปรแกรม Geekbench 5 ทำคะแนนฝั่ง Single-Core ไปที่ 649 และคะแนน Multi-Core ที่ 1,512

 

ทดสอบการเล่นเกม

PUBG Mobile

เกม PUBG Mobile เราเปิดกราฟิกในระดับ HDR HD และเฟรมเรมระดับ Ultra โดยเล่นในโหมดคลาสสิก 100 คนครับ ทุกอย่างเล่นได้ลื่นมาก ตรงนี้เป็นเพราะหน้าจอ Refresh Rate 90Hz ที่ทำให้การตอบสนองระหว่างสัมผัสนั้นไปตามนิ้วทันทีที่เลื่อน

 

ROV (Arena of Valor)

สำหรับเกม ROV เราสามารถปรับภาพกราฟิกและเฟรมเรทระดับสูงสุดได้ทั้งหมดครับ และแน่นอนว่าเมื่อเล่นในโหมดปกติ 5 VS 5 ก็เล่นได้แบบไม่มีปัญหา การกดสกิลต่างๆ ก็แทบจะไม่มีดีเลย์ แล้วเฟรมเรทก็วิ่งคงที่ประมาณ 59-61fps ตลอดทั้งเกม

 

Asphalt 9: Legends

และสุดท้ายกับเกม Asphalt 9: Legends ก็สามารถเปิดกราฟิกสูงได้ด้วย ซึ่งเราก็ทดสอบเล่นต่อเนื่องประมาณ 30 นาทีก็ไม่มีปัญหาอะไรครับ ภาพสวยๆ ควบคุมได้ลื่นๆ

 

แบตเตอรี่อึด ชาร์จไวด้วย 40W HUAWEI SuperCharge

HUAWEI P40 Pro 5G มาพร้อมกับแบตเตอรี่ความจุ 4200mAh ซึ่งเราก็เล่นเกมไปประมาณ 1 ชั่วโมง แบต 100% เหลือประมาณ 92% เท่านั้น ใครที่ไม่ได้เล่นเกมหนัก อาจอยู่ยาวไปถึงค่ำๆ ครับ โดย HUAWEI P40 Pro 5G ยังชาร์จเร็วด้วยเทคโนโลยี 40W HUAWEI SuperCharge ซึ่งจากที่เราชาร์จตั้งแต่แบตเตอรี่เหลือ 27% จนถึง 100% ใช้เวลาเพียงประมาณ 50 นาทีเท่านั้น

ไม่ใช่แค่ขชาร์จไว แต่รุ่นนี้ก็ยังมีอีก 2 เทคโนโลยี ได้แก่ 27W Wireless HUAWEI SuperCharge ที่รองรับการชาร์จไร้สายที่รวดเร็ว และ Reverse Charge ที่แบ่งปันแบตเตอรี่ให้กับรุ่นอื่นที่รองรับชาร์จไรสายด้วย

 

กล้องถ่ายรูป

มาถึงเรื่องกล้องถ่ายรูปที่เป็นจุดเด่นหลักของ HUAWEI P40 Pro 5G กันครับ โดยครั้งนี้ก็มาด้วยกัน 4 เลนส์ Ultra Vision Leica Quad ได้แก่ เลนส์หลัก Ultra Vision ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.9 เซ็นเซอร์ RYYB + เลนส์ Ultra Wide Cine ความละเอียด 40 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.8 + เลนส์ SuperSensing Telephoto ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/3.4 รองรับ 5x Optical Zoom และ 10x Hybrid Zoom + เลนส์ Depth Sensing

เลนส์หลักความละเอียดสูง 50 ล้านพิกเซล

ใน HUAWEI P40 Pro 5G ก็มาพร้อมกับเลนส์ที่มีความละเอียดสูงสุดถึง 50 ล้านพิกเซล ถือเป็นภาพขนาดใหญ่ที่ได้จากสมาร์ทโฟนครับ ตรงจุดนี้เราจะได้ใช้ประโยชน์ไม่ใช่แค่ความสวยงามของภาพเท่านั้น แต่รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ในภาพก็ยังชัดเจน ไม่แตก ใครที่ชอบปริ้นท์โปสเตอร์เป็นขนาดใหญ่ ใช้โหมดนี้รับรองไม่ผิดหวังครับ

ภาพความละเอียด 50 ล้านพิกเซล / ครอป

ภาพความละเอียด 50 ล้านพิกเซล / ครอป

 

ความฉลาดของ AI ยังสุดยอดไม่มีตก

พูดถึง HUAWEI P40 Pro 5G สิ่งที่ขาดไปไม่ได้เลยคือ AI หรือความอัจฉริยะของหน่วยประมวลผลที่สามารถจำแนกวัตถุต่างๆ ได้อย่างชาญฉลาด แถมรวดเร็วกว่าเดิมด้วย ซึ่งตรงนี้ก็จะใช้เลนส์หลกในการถ่ายเช่นกัน แต่จะเป็นการใช้เทคโนโลยี 4-in-1 Pixel Binning หรือการรวม 4 พิกเซลเป็น 1 พิกเซล เพื่อทำให้ภาพออกมามีความคมชัด สีสันจัดเต็มกว่าเดิม และได้ภาพที่ขนาดลดลงด้วย ที่สำคัญเรื่องออโต้โฟกัสก็ทำได้รวดเร็วสุดยอดมากๆ

AI ระบุหมวดหมู่

AI ระบุหมวดหมู่

 

Ultra-Wide ได้มุมกว้าง พร้อมภาพคมชัดขั้นสูง

ในเลนส์ Ultra Wide Cine ของ HUAWEI P40 Pro 5G ที่มาพร้อมกับความละเอียดสูง 40 ล้านพิกเซลนั้น จริงๆ เป็นการทำให้ภาพที่เราถ่ายมีความคมชัดมากขึ้นครับ เพราะเป็นการใช้เทคโนโลยี 4-in-1 Pixel Binning เหมือนกับเลนส์หลัก ซึ่งภาพที่ถ่ายออกมาเราจะเห็นว่าแสง สี และความชัด แทบไม่ต่างจากเลนส์หลักเลยด้วย

เลนส์ Wide / เลนส์ Ultra-Wide

 

โหมดกลางคืน มืดแค่ไหนก็สว่างได้

น่าจะต้องยอมเรื่องโหมดการถ่ายภาพกลางคืนของ HUAWEI P40 Pro 5G จริงๆ ครับ เพราะทำออกมาได้ดีมากจริงๆ ไม่ว่าเราจะอยู่ในที่มืดแค่ไหน ภาพที่ออกมาเราก็ยังเห็นรายละเอียดต่างๆ ของวัตถุได้ชัดเจน และสีสันก็ยังคงแยกออกว่าเป็นสีไหนด้วย ที่สำคัญ ถ้าเราอยู่นอกสถานที่ที่ยังพอมีแสงสว่าง รายละเอียดที่ได้ก็จะคมชัดมากขึ้นตามไปด้วยเช่นกัน

โหมดปกติ / โหมดกลางคืน

 

ถ่าย Portrait เบลอหลังเนียนด้วยเลนส์ Depth Sensing

ไม่ใช่แค่การเบลอฉากหลังทั่วไปสำหรับ HUAWEI P40 Pro 5G เพราะเลนส์ Depth Sensing นั้นช่วยให้เราได้ภาพถ่าย Portrait นั้นมีการไล่เลเยอร์การเบลอ ช่วยให้ภาพดูมีมิติ ไม่ลอยนั่นเองครับ ใครที่ชอบถ่ายภาพบุคคลต้องลองโหมดนี้ให้ได้เลยเชียวล่ะ

โหมด Portrait / โหมดปกติ

 

ซูมสะใจไกลสูงสุดถึง 50 เท่า

ใครที่ชอบถ่ายภาพซูมในระยะไกล HUAWEI P40 Pro 5G สามารถซูมได้ไกลแบบ Optical ที่ภาพไม่แตกถึง 5 เท่า, Hybrid ถึง 10 เท่า และสูงสุดถึง 50 เท่า ซึ่งในระยะที่ 5x – 10x ภาพยังคงคมชัดมากๆ แต่ถ้าใครซูมถึง 50 เท่าก็อาจจะได้ภาพที่แตกสักนิดเพราะเป็น Digital Zoom แต่ก็ยังคงเห็นรายละเอียดอยู่นะถ้าไม่ไกลเกินไป

 

มาที่กล้องหน้าคู่กันบ้าง ก็มีเลนส์หลักที่ความละเอียดถึงความละเอียด 32 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2 และเลนส์ Depth Sensing เหมือนกับกล้องหลัง โดยฟีเจอร์หลักๆ นอกจากโหมดกลางคืนที่มีให้ชมด้านบนไปแล้ว โหมดการถ่ายภาพปกติก็มีสวยงามไม่แพ้กันครับ

โดยโหมดภ่ายภาพปกติ ภาพที่ได้ออกมาจะไม่มีความเบลอและการตกแต่งใบหน้าสวยงามก็ยังไม่มีให้ครับ แต่ความสว่างของใบหน้าก็ยังเพิ่มให้ชัดเจนขึ้น ไม่มีเบลอแน่นอน

 

ส่วนการถ่ายภาพด้วยโหมดภาพถ่ายบุคคลก็ถ่ายได้เหมือนกับกล้องหลังทั้งหมดครับ

 

สรุปจุดเด่น

• กล้องหลัง 4 เลนส์ยังคงเป็นเอกลักษณ์ของ Huawei ร่วมพัฒนากับ Leica ที่ถ่ายได้สวยงามและไร้ที่ติมากๆ
• กล้องหน้าคู่ก็มีความคมชัด สวยงาม และสามารถถ่าย Portrait ได้อย่างสวยงามมากขึ้นด้วยเลนส์ Depth Sensing
• หน้าจอแสดงผลแบบโค้ง Quad-Curve Overflow Display ชนิด OLED กว้าง 6.58 นิ้ว ความละเอียด 2640 x 1200 พิกเซล และรองรับ Refresh Rate 90Hz ใช้งานได้ลื่นๆ และสีสันสวยงามแน่นอน
• หน่วยประมวลผล Kirin 990 5G ทำให้ใช้ได้ไม่มีสะดุดทั้งเล่นเกมหรือใช้งานทั่วไป และตัวเครื่องก็ไม่ร้อนเกินไปด้วย
• แบตเตอรี่ความจุ 4200mAh พร้อมใช้งานทั่วไปได้ตลอดวันแน่นอน และยังรองรับ 40W HUAWEI SuperCharge ชาร์จได้ไว จาก 0% – 100% ใช้เวลาชั่วโมงกว่าๆ เท่านั้น
• รองรับเครือข่าย 5G ในไทย

จุดสังเกตเพิ่มเติม

• ยังไม่รองรับ Google Mobile Services (GMS)