Smart Review
รีวิว Infinix ZERO 30 5G เก็บทุกโมเมนต์ที่เป็นคุณด้วยกล้องหน้าคมชัด 50MP l ชิปแรง Dimensity 8020 l หน้าจอ 3D Curved 144Hz ในราคาไม่ถึง 12,000 บาท
รีวิว Infinix ZERO 30 5G สมาร์ทโฟน “เก็บทุกโมเมนต์ที่เป็นคุณ” ด้วยกล้องหลังที่คมชัดสูงสุด 108MP ควบคู่กล้องหน้า 50MP ถ่าย 4K@60FPS ได้อย่างคมชัด พร้อมด้วยขุมพลัง Mediatek Dimensity 8020 หน้าจอสวยแบบโค้ง 3D Curved AMOLED รองรับ Refresh Rate 144Hz และยังชาร์จได้เร็วด้วยเทคโนโลยี 68W Super Charge โดยทั้งหมดนี้จัดมาในราคาไม่ถึง 12,000 บาทเท่านั้น !!
สรุปสเปค Infinix ZERO 30 5G
- ขนาดตัวเครื่อง: 164.51 x 75.03 x 7.9 มม.
- น้ำหนัก : 185 กรัม
- หน้าจอแสดงผล 3D Curved AMOLED ขนาด 6.78 นิ้ว ความละเอียด FHD+ (2400 × 1080 พิกเซล) รองรับ Refresh Rate 144Hz, Touch Smapling Rate 360Hz อัตราส่วนหน้าจอต่อตัวเครื่อง 92.7% แสดงผลสี 10-bit, 2160Hz PWM Dimming, Contrast Ratio 10,000,000:1, 100% DCI-P3 และความสว่างสูงสุด 950 นิต
- หน่วยประมวลผล : Mediatek Dimensity 8020 Octa-core ความเร็ว 2.6GHz
- GPU : Mali-G77 MC9
- RAM : 8/12GB LPDDR4X
- ROM : 256GB UFS 3.1
- กล้องถ่ายรูปด้านหลัง 3 เลนส์ ดังนี้
- เลนส์หลักความละเอียด 108 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.65 รองรับกันสั่น OIS + EIS เซ็นเซอร์ ISOCELL HM6
- เลนส์ Ultra-Wide Angle ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2 มุมกว้าง 120 องศา
- เลนส์ Depth ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4
- กล้องหน้าความละเอียด 50 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.45 เซ็นเซอร์ ISOCELL JN1
- ระบบปฏิบัติการ Android 13 ครอบทับด้วย XOS 13.1
- รองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi 6, Bluetooth 5.2, NFC, 5G และพอร์ต USB Type-C
- แบตเตอรี่ความจุ 5000mAh รองรับชาร์จเร็ว 68W Super Charge
แกะกล่อง ดีไซน์ตัวเครื่อง และหน้าจอแสดงผล
แกะกล่อง Infinix ZERO 30 5G
สิ่งที่ Infinix ให้มาในกล่องของ Infinix ZERO 30 5G จะมีตั้งตัวเครื่องที่ติดฟิล์มหน้าจอมาให้เรียบร้อยตั้งแต่ชั้นแรก
ตามด้วยเคสใสและคู่มือการใช้งานเบื้องต้น
ตบท้ายด้วยอะแดปเตอร์ 68W Super Charge, สาย USB Type-C และเข็มเปิดถาดซิมที่แถมมาให้ครบถ้วน
ดีไซน์สง่างามอย่างแท้จริงแบบ Golden Hour
Infinix ZERO 30 5G มาในดีไซน์ที่ให้ความสง่างามมากๆ ด้วยสีสันที่มีความสดสีเหลืองทอง Golden Hour น่าหลงใหลของท้องฟ้ายามพระอาทิตย์อัสดง มีการสะท้อนหรือเล่นสีให้เป็นสีรุ้งได้อย่างสวยงามแบบไล่ระดับ ทั้งยังเป็นพื้นผิวเรียบแบบด้านและมันเงา
ส่วนอีกสีที่มีให้เลือกในไทยจะเป็นสีเขียว Rome Green ครับ ที่ได้ความรู้สึกสบายตา เงียบสงบ ตรงข้ามกับความร้อนแรงของสีทอง Golden Hour เลยครับ แต่ตัวฐานกล้องหลังยังคงเป็นสีทองเหมือนกับสี Golden Hour อยู่ครับ
ความพิเศษของ Infinix ZERO 30 5G คือขอบที่บางเพียง 2.8 มม. ทำให้ใช้งานได้อย่างถนัดมือมากๆ และเมื่อรวมกับฝาหลังและหน้าจอแล้วตัวเครื่องจะมีความบางเพียง 7.8 มม. เท่านั้น แถมน้ำหนักก็ยังเบาเพียง 185 กรัม
ป้องกันน้ำ-ฝุ่นตามมาตรฐาน IP53
งานประกอบในรุ่นนี้ก็ยังมาพร้อมมาตรฐานกันน้ำและฝุ่น IP53 ซึ่งป้องกันได้ละอองน้ำ, เหงื่อ หรือฝนที่ตกเบาๆ ในระยะเวลาสั้นๆ ได้แบบสบายหายห่วง สามารถใช้งานต่อได้ทันทีในหลายสถานการณ์
หน้าจอระดับท็อป 3D Curved AMOLED แบบ 144Hz
หน้าจอแสดงผลของ Infinix ZERO 30 5G ให้มาแบบระดับท็อป เป็นหน้าจอโค้ง 60 องศา 3D Curved AMOLED ขนาดใหญ่ 6.78 นิ้ว ความละเอียด FHD+ (2400 × 1080 พิกเซล) มีอัตราส่วนหน้าจอต่อตัวเครื่อง 92.7% ซึ่งมีขนาดที่ใหญ่ รับชมวิดีโอต่างๆ ได้เต็มตา และยังได้ความสดใสของหน้าจอจัดเต็มด้วยการแสดงผลสี 1 พันล้านสี (10-bit) ควบคู่กับค่า Contrast Ratio 10,000,000:1, 100% DCI-P3 และยังสู้แสงกลางแจ้งด้วยความสว่างสูงสุด 950 นิต
ส่วนสายเล่นเกม ในรุ่นนี้รองรับ Refresh Rate สูงสุด 144Hz ที่สามารถปรับให้เป็นแบบอัตโนมัติเพื่อประหยัดพลังงานมากขึ้น โดยที่ระบบจะปรับค่ารีเฟรชได้ตามเนื้อหาบนหน้าจอเลย ขณะที่ค่า Touch Smapling Rate จะสูงสุดอยู่ที่ 360Hz ทำให้การตอบสนองของหน้าจอรวดเร็วและเรียลไทม์เลย
พาชมรอบเครื่อง
มาดูที่รอบเครื่องกันครับ หน้าจอแสดงผลจะได้กล้องหน้า Punch Hole ตรงกลาง และด้านบนจะมีลำโพงสำหรับการสนทนาแอบอยู่ที่ขอบหน้าจอ
ทางขวาตัวเครื่องจะมีปุ่มปรับระดับเสียง และปุ่ม Power ที่อยู่ถัดลงมาครับ
ฝั่งด้านล่างจะมีช่องใส่ซิมการ์ด NanoSIM แบบพลิกหน้า-หลัง พร้อมด้วยไมโครโฟนตัวที่ 1, พอร์ต USB Type-C และลำโพงสเตอริโอตัวที่ 1
ส่วนลำโพงสเตอริโอตัวที่ 2 จะอยู่ทางด้านบนตัวเครื่อง (คนละช่องกับที่ใช้คุยโทรศัพท์) และยังให้ไมโครโฟนตัวที่ 2 เพื่อตัดเสียงรบกวนมาให้เช่นกัน
ท้ายสุดที่ด้านหลังจะมีโมดูลกล้องที่ค่อนข้างใหญ่ มีเลนส์หลักทางด้านบน โดยด้านล่างจะเป็น Ultra-Wide Angle ส่วนอีกเลนส์ขนาดจิ๋วจะเป็น Depth และยังได้ไฟแฟลช LED ที่เป็นดวงกลมมาให้ครับ
ซอฟต์แวร์ และฟังก์ชั่นการใช้งาน
ระบบปฏิบัติการ
ระบบปฏิบัติการ Android 13 ครอบทับด้วย XOS 13.1
Infinix ZERO 30 5G แกะกล่องมาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Android 13 ครอบทับด้วย XOS 13.1 ที่มาพร้อมกับฟีเจอร์ใหม่ๆ เข้ามาพอสมควรครับ ทั้งยังรู้สึกถึงความไหลลื่นของ UI ที่ทำได้ดีด้วยครับ
มาพร้อมลำโพงคู่ Hi-Res และ DTS
ในรุ่นนี้ Infinix จัดมาพร้อมลำโพงคู่แบบ Hi-Res และ DTS ได้เสียงที่กระหึ่ม ฟังเพลงหรือดูวิดีโอได้อย่างคมชัด แยกเสียงซ้าย-ขวาได้ชัด และมีมิติมากๆ
ระบบความปลอดภัยใช้งานได้สะดวกมาก
Infinix ZERO 30 5G ที่มาพร้อมหน้าจอแบบ AMOLED แน่นอนว่าจะรองรับการสแกนลายนิ้วมือที่อยู่บนหน้าจอเลยครับ ซึ่งการใช้งานก็รวดเร็วมาก ตรวจจับได้รอบทิศเลย
ขณะที่การสแกนใบหน้าก็ได้ดีและแม่นยำพอสควร
รองรับฟีเจอร์ Always on Display ด้วยนะ
Always on Display (AOD) หรือการเปิดหน้าจอตลอดจะเป็นการแสดงผลหน้าจอที่บอกข้อมูลเบื้องต้นของระบบ เช่น เวลา วันที่ แบตเตอรี่ และการแจ้งเตือนของแอพฯ ต่างๆ ซึ่งการปรับเปลี่ยนรูปแบบของ AOD ก็มีให้เลือกเยอะมากเช่นกัน ใครชอบแบบไหนก็จัดได้เลยครับ
มี Magic Ring ขยาย Punch Hole ให้บอกสถานะได้ด้วย
Magic Ring จะเป็นฟังก์ชันพิเศษที่เป็นการขยายตัวกล้องหน้า Punch Hole ให้มีวงแหวนสีดำเพื่อบอกสถานะตัวเครื่องอย่างสวยงาม ซึ่งตัว Magic Ring จะขยายแถบดำเมื่อใช้งาน 5 ฟีเจอร์ ดังนี้
- การปลดล็อกด้วยใบหน้า
- การโทรเบื้องหลัง
- ภาพเคลื่อนไหวระหว่างการชาร์จ
- ตัวแจ้งเตือนเมื่อชาร์จเสร็จแล้ว
- ตัวเตือนแบตเตอรี่เหลือน้อย
ประสิทธิภาพ การเล่นเกม และแบตเตอรี่
ชิปเซ็ตระดับท็อป Dimensity 8020 เร็วแรงเต็มประสิทธิภาพ
Mediatek Dimensity 8020 เป็นชิปเซ็ตที่เข้ามาขับเคลื่อน Infinix ZERO 30 5G โดยชิปตัวนี้ก็เป็นชิปขนาดเล็กเพียง 6nm จาก TSMC มี 8 คอร์ (Octa Core) ความเร็ว Clock สูงสุด 2.6GHz ทั้งยังได้ GPU หรือหน่วยประมวลผลด้านกราฟิก Mali-G77 MC9 ที่นอกจากจะใช้งานทั่วไปได้เร็วแรงแล้ว การเล่นเกมก็เล่นได้ไหลลื่นเหมือนกัน
มี RAM ได้สูงสุดถึง 21GB จากการขยาย RAM
Infinix ZERO 30 5G มาพร้อม RAM พื้นฐานอยู่ที่ 12GB ซึ่งในระบบของ XOS 13.1 ยังให้เราขยาย RAM ได้สูงสุดอีกถึง 9GB รวมเป็น 21GB ทำให้เราใช้งานและเปิดแอพฯ ได้เยอะมากๆ และแอพฯ ที่อยู่ในพื้นหลังก็ไม่ต้องมาคอยรีเฟรชเพื่อเปิดใหม่อีกด้วย
ผลคะแนนการทดสอบด้านประสิทธิภาพด้าน CPU, GPU และหน่วยความจำบน AnTuTu 10.0.4-OB4 ได้มาที่ 753,403 คะแนน
ผลคะแนนด้าน CPU บน Geekbench 6 ทำ Single-Core ไปที่ 1,007 คะแนน และ Multi-Core ที่ 3,124 คะแนน
ระบบระบายความร้อน VC ขนาดใหญ่
ในเรื่องของความร้อน Infinix ZERO 30 5G ทำระบบภายในออกมาได้ดีเลยครับ การใช้งานทั่วไปแทบไม่เจออาการร้อนผิดปกติเลย ซึ่งจุดนี้เป็นเพราะวัสดุทำความเย็นประเภท VC (Vapor Chamber) แผ่นใหญ่ถึง 3100 ตารางมิลลิเมตร พร้อมเครื่องทั้งหมดมีวัสดุทำความเย็นอยู่ทั้งหมด 11 ชั้น ช่วยให้ตัวเครื่องทำงานได้ต่อเนื่องโดยไม่เกิดปัญหาความร้อนสูงเกินไปและยังลดอุณหภูมิสูงสุดถึง 7 องศา
ทดสอบการเล่นเกม
ROV
ในเกม ROVกราฟิกทุกอย่างสามารถเปิดสูงสุดได้เลยพร้อมเฟรมเรทที่สูงครับ การเล่นจริงๆ เราเล่นไปประมาณ 3-7 เกมต่อเนื่อง ตัวเครื่องไม่ได้ร้อนมากจนเกินไป และที่ชอบเลยคือเฟรมเรทไม่ดรอป โดยยังวิ่งได้วิ่งอยู่แม้เล่นหลายเกมต่อเนื่องครับ
Asphalt 9: Legends
ส่วนเกม Asphalt 9: Legends ที่กินสเปคค่อนข้างเยอะก็เปิดภาพได้ในระดับสูง ภาพระหว่างที่เล่นทำได้สวยงามและ Cut Scene ก็คมชัด แสงและเงาก็ทำได้ดีเลยทีเดียว
แบตเตอรี่ 5000mAh ใช้งานเต็มวันพร้อมชาร์จเร็ว 68W Super Charge
Infinix ZERO 30 5G จัดแบตเตอรี่ให้มาถึง 5000mAh ซึ่งเป็นความจุที่ให้เราใช้งานทั่วไปได้เพียงพอ เหลือแบตฯ ไว้ให้ชาร์จช่วงค่ำอีกประมาณ 20-30% ขึ้นอยู่กับการใช้งาน
และที่ชอบเลยคือการรองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 68W Super Charge ที่สามารถชาร์จได้สูงสุดถึง 80% ในเวลาเพียง 30 นาที
กล้องหลัง 108MP คมชัด ถ่ายสวย จัดเต็มให้ทุกเลนส์ !
ใครชอบถ่ายรูป Infinix ZERO 30 5G ก็จัดมาให้ใช้งานกันหลายฟังก์ชันมากๆ ในรุ่นนี้ Infinix ได้อัปเกรดให้รุ่นนี้มีกล้องหลัง 3 เลนส์ โดยมีสเปคตามนี้เลยครับ
- เลนส์หลักความละเอียด 108MP
- เลนส์ Ultra-Wide Angle ความละเอียด 13MP มุมกว้าง 120 องศา
- เลนส์ Depth ความละเอียด 2MP
- กล้องหน้าความละเอียด 50MP
เลนส์หลัก AI 108MP ตรวจจับฉากแม่นยำพร้อมถ่าย Tele 3x คมชัดในระยะที่ใกล้ขึ้น !
กล้องในโหมดหลักของ Infinix ZERO 30 5G จะใช้ชื่อว่า “AI CAM” ซึ่งเป็นไปตามชื่อที่ใช้ AI เข้ามาตรวจจับวัตถุที่กำลังถ่ายและปรับแต่งสีสันได้อย่างเหมาะสมมากขึ้น รายละเอียดที่ได้ก็ค่อนข้างคมชัด พร้อมมี HDR ที่ปรับจุดสว่างและมืดให้เท่ากันทั้งภาพ
และเลนส์หลักยังรองรับการซูมออปติคอลแบบ 3x ช่วยให้ถ่ายภาพในมุมมองที่แตกต่างได้ หรือจะใช้เป็น Tele Macro เพื่อส่องวัตถุในระยะใกล้ๆ ได้เหมือนกันครับ
Ultra-Wide มุมกว้างเก็บได้ครบ
เลนส์มุมกว้างของรุ่นนี้ให้องศาการถ่ายมาที่ 120 องศา ที่เป็นมุมมองที่กว้างพอตัวในการถ่ายเพื่อเก็บวัตถุให้ครบถ้วนครับ โดยรายละเอียดและความคมชัดของภาพก็ยังใช้งานได้ดี และรองรับ HDR เหมือนเลนส์หลักครับ
โหมด Portrait ถ่ายสวยเนียนตา เป็นธรรมชาติ
การถ่ายภาพบุคคลถือว่าทำได้ดีเกินคาดพอสมควร การละลายฉากหลังทำได้แม่นยำ ไม่ค่อยหลุดโฟกัส ทั้งยังมีการปรับรูปหน้าและความความเนียนตาได้ด้วย AI ที่ปรับได้แบบพอดีๆ ไม่ได้จัดจ้านเกินไปครับ
วันฟ้าครึ้มก็เปลี่ยนให้สวยได้ด้วย Sky Shop
สิ่งนี้น่าจะเป็นฟีเจอร์ที่หลายคนได้ใช้กันแน่นอนในวันที่ฝนตกบ่อยๆ โดย Sky Shop จะเป็นการปรับแต่งท้องฟ้าให้หลายรูปแบบตามที่เราต้องการ (มีให้เลือกมากถึง 12 แบบ) และการตรววจับท้องฟ้าทำได้แม่นยำพอสมควร แต่น่าเสียดายตรงที่ใช้งานได้แค่เลนส์หลักเลนส์เดียวครับ
ภาพต้นฉบับ (ซ้าย) / ภาพที่ใช้ Sky Shop (ขวา)
ถ่ายกลางคืนยังทำได้สวยงาม
ในโหมดกลางคืน รุ่นนี้ทำประสิทธิภาพได้ดีเกินราคา การถ่ายใช้เวลาประมวลผลไม่นาน เพียง 3-4 วินาทีเท่านั้น ภาพที่ได้ก็เก็บรายละเอียดในที่มืดได้ดี เพิ่มความสว่างและลด Noise ให้น้อยที่สุด ทั้งยังรองรับการใช้งานในเลนส์ Ultra-Wide ได้ด้วย รวมถึงการมีลูกเล่น Night Filter ให้ใช้งานได้อีก 6 แบบ
กล้องหน้าคมชัดสูง 50MP ใช้งานได้หลากหลาย
ความจัดเต็มในกล้องหน้าของ Infinix ZERO 30 5G คือการได้ความคมชัดมาสูงถึง 50MP ทำให้ภาพที่ได้ในการเซลฟี่มีความคมชัดสูง เห็นรายละเอียดได้เยอะมาก แต่ก็สามารถปรับให้สวยเนียนตาได้ด้วยโหมด Portrait ครับ
กล้องหน้าถ่ายวิดีโอได้ระดับ 4K@60FPS
และด้วยความละเอียดระดับนี้ก็สามารถถ่ายวิดีโอผ่านกล้องหน้าได้สูงสุดที่ 4K@60FPS เหมาะสำหรับ Gen Z สาย Vlog และ TikTok ที่จะได้ความคมชัดของวิดีโอกล้องหน้าขั้นสูง รวมถึงการโฟกัสใบหน้าได้ชัดเจนแน่นอน
สรุปการใช้งาน Infinix ZERO 30 5G
Infinix ZERO 30 5G เป็นอีกรุ่นจาก Infinix ที่พัฒนาได้ดีกว่าเดิม คุ้มค่าตามสเปคที่ได้เลยครับ ตั้งแต่ดีไซน์ที่ให้ความพรีเมียมสวยงาม ฝาหลังผิวด้านไม่ติดรอยนิ้วมือ โดยเฉพาะสีทอง Golden Hour ที่เป็นสีสันที่โดดเด่นมากจริงๆ ขณะที่หน้าจอให้มาแบบโค้งได้ความรู้สึกหรูระดับเรือธงขึ้นไปอีก แถมสเปคหน้าจอยังจัดเต็ม 3D Curved AMOLED ขนาดใหญ่ 6.78″ รองรับ Refresh Rate ถึง 144Hz ขณะที่ชิปเซ็ตอย่าง Mediatek Dimensity 8020 ก็ช่วยให้เครื่องนี้ทำงานได้ไหลลื่น เล่นเกมปรับระดับสูงได้และที่สำคัญคือเครื่องไม่ร้อนจนเกินไป ใช้งานหนักกลางแจ้งได้ และที่ขาดไม่ได้คือเรื่องแบตเตอรี่ที่ใช้งานเต็มวัน พร้อมรองรับชาร์จเร็ว 68W Super Charge
ราคาและวันวางจำหน่าย
Infinix ZERO 30 5G วางจำหน่ายแล้ววันนี้ ในราคาสุดคุ้มเริ่มต้นเพียง 11,999 บาท พร้อมวางจำหน่ายแบบ Online แล้ววันนี้ที่ :
- ShopeeMall : https://cutt.ly/3wz1MmBo
- LazMall : https://cutt.ly/Wwz1MGBE
- TikTokShop : https://cutt.ly/Lwz1C3IK
- BaNANA : https://cutt.ly/vwz3x8Nq