Connect with us

Smart Review

รีวิว Infinix Zero 40 5G เก็บทุกโมเมนต์ที่เป็นคุณด้วย ProStable Video 4K ทั้งกล้องหน้า-หลัง | ภาพนิ่งแจ่มด้วยกล้อง 108MP OIS และ Ultra Wide 50MP | ชิป Dimensity 8200 Ultimate!

Published

on

รีวิว Infinix Zero 40 5G สมาร์ทโฟนสาย Vlog รุ่นใหม่ที่มาพร้อมสโลแกน “เก็บทุกโมเมนต์ที่เป็นคุณ” พร้อมจัดสเปคมาระดับสูงให้สนุกกับการสร้างคอนเทนต์ได้มากกว่าเดิม ไม่ว่าจะเป็นกล้องหลัง 108MP + 50MP สเปคเทพรองรับวิดีโอสูงสุด 4K/60fps ทั้งกล้องหน้า-หลัง, หน้าจอโค้ง 3D ลื่นไหลระดับ 144Hz, ชิปเซ็ต Dimensity 8200 Ultimate ตัวแรง, RAM สูงสุด 24GB, แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 5000mAh พร้อมทั้งรองรับระบบชาร์​จเร็ว 45W Super Charge อีก!

เรียกว่าเป็นรุ่นท็อปสุดของ Infinix ที่จัดเต็มมาทุกด้าน แต่ยังอยู่ในงบที่เข้าถึงได้ตามสไตล์แบรนด์นี้อีกเช่นเคย การใช้งานจริงจะเป็นอย่างไร กล้องที่ว่าเทพนี้ถ่ายรูป ถ่ายคลิปสวยแค่ไหน ติดตามได้จาก รีวิว Inifinix Zero 40 5G นี้เลยครับ!

สรุปสเปค Inifinix Zero 40 5G

  • ขนาดตัวเครื่อง : 164.31 x 74.47 x 7.9 มม.
  • น้ำหนัก : 195 กรัม
  • หน้าจอ : AMOLED โค้ง 3D ขนาด 6.78″ 
  • ความละเอียด : FHD+ (2436 x 1080 พิกเซล) ความสว่างสูงสุด 1300nits
  • Refresh rate : 144Hz
  • CPU : MediaTek Dimensity 8200 Ultimate Octa Core ความเร็ว 3.1GHz (4nm)
  • GPU : ARM Mali-G610 MC6
  • RAM : 12GB (LPDDR5X)
  • storage : 256GB/512GB (UFS 3.1)
  • แบตเตอรี่ : 5000mAh
  • ระบบชาร์จเร็ว : 45W Super Charge (แบบสาย) | 20W (ไร้สาย)
  • กล้องหน้า : 50MP (เซ็นเซอร์ ISOCELL JN1 ขนาด 1/2.67″) f/2.45
  • กล้องหลัง : 3 ตัว
    • 108MP กล้องหลัก (เซ็นเซอร์ ISOCELL HM6 ขนาด 1/1.67″) f/1.75 พร้อม OIS
    • 50MP กล้อง Ultra-Wide f/2.0
    • 2MP กล้อง Depth f/2.4
  • การถ่ายวิดีโอ : รองรับสูงสุดที่ 4K/60fps ทั้งกล้องหน้า-หลัง
  • ระบบปฏิบัติการ : Android 14 (XOS 14.5)
  • กันน้ำกันฝุ่น : มาตรฐาน IP54
  • สีสัน : Rock Black, Moving Titanium, Violet Garden

แกะกล่อง Infinix Zero 40 5G

ก่อนจะไปดูตัวเครื่องและจุดเด่นของรุ่นนี้เรามาดูแพ็กเกจและแกะกล่องเช็กอุปกรณ์ดูสักหน่อยว่าให้อะไรเรามาบ้าง ตัวกล่องของ Inifinix Zero 40 5G จะมาพร้อมกับกล่องสีเงินเท่ ๆ พร้อมชื่อรุ่นและไฮไลท์และสเปคที่ด้านหน้า รวมถึงฝั่งซ้าย-ขวาก็มีตราและไอคอนของฟีเจอร์ไว้เพียบเช่นกัน

ส่วนด้านหลังก็จะมีไฮไลท์รวมถึงสเปคอย่างครบครันของรุ่นนี้อยู่ครบ แบบที่เราสรุปไว้ให้ด้านบนเลยล่ะครับ

เปิดกล่องออกมาเราก็จะเจอกับกล่องชุดเล็กที่ภายในจะมีอุปกรณ์เสริมอยู่ 4 อย่างประกอบด้วย เอกสารคู่มือ, เข็มจิ้มถาดซิม, กระจกกันรอยหน้าจอและเคส

โดยตัวเคสนั้นจะมาในสีสันแบบเดียวกับตัวเครื่อง วัสดุเป็นพลาสติกที่มีการทำพื้นผิวคล้ายหนังไว้ที่ด้านหลังด้วย นอกจากนี้ที่ตัวเคสยังมีแถบแม่เหล็กวงกลมให้เราได้ใส่ร่วมกับตัวเครื่องเพื่อชาร์จไร้สายได้ติดแน่นขึ้นด้วยครับ

ถัดลงไปก็จะเจอกับตัวเครื่องที่อยู่ในซองสีเงินเหลือบ ๆ แบบเดียวกับที่หน้ากล่องและก็ไม่พลาดระบุไฮไลท์ฟีเจอร์ไว้ครบอีกรอบเช่นกันครับ

ส่วนชั้นล่างสุดก็จะมีอะแดปเตอร์ชาร์จเร็ว 45W Super Charge และสาย USB-C to A มาครบ ไม่มีตัดอะไรออกไปครับ

เบ็ดเสร็จแล้วอุปกรณ์ภายในกล่องของ Infinix Zero 40 5G จะมีมาให้ทั้งหมด 7 อย่างประกอบด้วย

  • ตัวเครื่อง Infinix Zero 40 5G
  • เคสที่รองรับการชาร์จแบบแม่เหล็ก
  • กระจกกันรอย
  • เอกสารคู่มือ
  • สายชาร์จ USB-C to A
  • อะแดปเตอร์ชาร์จเร็ว 45W Super Charge
  • เข็มจิ้มถาดซิม

ดีไซน์ที่มีสไตล์และเรื่องราว

ได้เวลายลโฉม Infinix Zero 40 5G แบบเต็ม ๆ แล้วครับ เริ่มกันที่ด้านหลังก่อนเลย รุ่นนี้มาพร้อมดีไซน์ฝาหลังที่มีเสน่ห์ด้วยพื้นผิวที่มีการผสมผสานระหว่างโลหะขัดเงาอย่างประณีตเข้ากับความแวววาวเล็กน้อย เสริมให้ตัวฝาหลังมอบความรู้สึกที่ยอดเยี่ยมเวลาจับถือ เพราะไม่เก็บคราบรอยนิ้วมือจนเกินไป บวกกับความเนียนมือเวลานิ้วหรือมือสัมผัสอย่างมาก

ส่วนสีสัน Infinix Zero 40 5G ร่วมมือกับ WGSN (World Global Style Network) ซึ่งเป็นผู้นำด้านการคาดการณ์แนวโน้มระดับโลกในการออกแบบ ทำให้ได้มีสีไฮไลท์เป็นสีม่วง Violet Garden ที่โดดเด่นและไม่ค่อยได้เห็นนักบนสมาร์ทโฟนยุคนี้ เป็นม่วงที่ได้แรงบันดาลใจมาจากดอกไวโอเล็ตที่เบ่งบานท่ามกลางแสงยามเช้า เป็นสัฐลักษณ์ของการเริ่มต้นวันใหม่และคำสัญญาแห่งความหวัง ซึ่งเมื่อตัวเครื่องกระทบกับแสงก็จะเกิดประกายสีทองอ่อน ๆ ที่มอบความหรูหราขึ้นอีกเยอะเลยด้วยครับ

โมดูลกล้องแบบวงแหวนขนาดใหญ่ตรงกลางด้านบนเพิ่มความหรูหราและสง่างามในแบบที่สมาร์ทโฟนเน้นกล้องควรจะเป็น บริเวณรอบ ๆ กรอบเลนส์ก็จะมีระบุไฮไลท์สเปคของกล้องทั้ง Pro Video Stabilization, 108MP OIS และ 50MP Ultra Wide เพื่อสื่อถึงสเปคระดับสูงที่ Infinix มอบให้ด้วยครับ

ส่วนด้านล่างก็จะเห็นสีสันแบบ Two-Tone ที่ตัดกับสีฝาหลังส่วนใหญ่ ซึ่งจะเข้มกว่าหรืออ่อนกว้างขึ้นอยู่กับแสงที่ตกกระทบนั่นเองครับ พร้อมกันนี้ยังมีชื่อซีรีส์อย่าง Zero สลักอยู่เพิ่มลูกเล่นให้ฝาหลังอีกด้วยนะ

หน้าจอ AMOLED โค้งแบบ 3D แถมลื่นไหล 144Hz

พลิกกลับมาดูที่ด้านหน้ากันบ้าง Infinix Zero 40 5G จะมาพร้อมหน้าจอ AMOLED ขนาด 6.78″ มีความโค้งของกระจก 2 ด้านทำมุม 55º ที่มอบความหรูหราระดับไฮเอนด์ให้กับตัวเครื่องอย่างมาก แถมยังมอบประสบการณ์การจับถือที่เพรียวบางขึ้นอีกด้วย

ในเรื่องการแสดงผลก็ทำได้ยอดเยี่ยมบนความละเอียดระดับ FHD+ (2436 x 1080 พิกเซล) บวกกับสีสันสวย ๆ ของจอ AMOLED ก็ทำให้มิติและมุมมองดีเข้าไปใหญ่ ได้ความสว่างสูงสุดที่ 1300nits เพียงพอต่อการใช้งานทั่วไป จนถึงออกแดดไม่สูงมากได้สบาย จะเอามาดูคอนเทนต์หรือใช้งานก็หายห่วงครับจอ Infinix Zero 40 5G เอาอยู่!

ส่วนความลื่นไหลต้องบอกว่ายิ่งกว่าแค่เอาอยู่ เพราะรุ่นนี้ได้ Refresh rate สูงสุดมาถึง 144Hz ลองใช้งานจริงแล้วบอกเลยว่าลื่นติดนิ้วมาก ๆ ไม่ว่าจะเลื่อนจอไป-มา หรือไถฟีดโซเชี่ยลต่าง ๆ คือเพลินนิ้วเลย ความเป็นจอโค้งก็ช่วยให้เราใช้งานร่วมกับการนำทางแบบ Gesture ได้สะดวกขึ้น ส่วนเรื่องจอลั่นมีเจออยู่บ้าง แต่แก้ได้โดยการเข้าไปปรับ “การป้องกันการสัมผัสขอบผิดพลาด” ให้เป็น “เข้ม” แทนปัญหาก็จะหมดไปครับ

ตั้งค่าที่ แอปการตั้งค่า (Settings) > ระบบ (System) > การป้องกันการสัมผัสขอบผิดพลาด (Edge Mistouch Prevention)

บางเฉียบและหนักไม่ถึง 200 กรัม

ขนาดและน้ำหนักของ Infinix Zero 40 5G ก็ถือว่าทำได้ดีเลยครับ เพราะมาพร้อมความบางเพียง 7.9 มม.ถือว่าบางเฉียบมาก ๆ แถมพอหน้าจอกับฝาหลังที่โค้งเข้าหากันก็ยิ่งให้ความรู้สึกที่บางลงไปอีกเวลาจับถือ

ส่วนน้ำหนักก็อยู่ที่ 195 กรัม ไม่ถึง 200 กรัม แต่ถ้าเทียบกับทั้งสเปคกล้องที่ให้มาหรือแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 5000mAh ก็ถือว่าน่าสนใจมาก ๆ ว่าทำให้หนักแค่นี้ได้ยังไงเนอะ

ตำแหน่งปุ่มกดก็วางอยู่ในมุมมาตรฐานของสมาร์ทโฟนยุคนี้ดีครับ มีปุ่มเพิ่ม-ลดเสียงกับปุ่ม Power อยู่ฝั่งขวามือทั้งหมด ฝั่งซ้ายก็เรียบ ๆ ไม่มีอะไรมากวนใจ

ด้านบน-ล่างก็จะมีลำโพงฝั่งละชุดให้รวมกันเป็นลำโพง Stereo ได้ด้วย แถมยังมีโลโก้ Sound by JBL เพื่อการันตีความเสียงเทพของลำโพงไว้ด้วย และพอร์ตการเชื่อมต่อก็เป็น USB-C ที่อยู่ด้านล่างอย่างที่เห็นไปครับ

ช่องใส่ซิมของ Infinix Zero 40 5G นั้นจะเป็นแบบ Dual-SIM หรือใส่ได้ 2 ซิมเท่านั้น ไม่สามารถเพิ่ม microSD ได้ครับ

ระบบรักษาความปลอดภัยครบ สแกนหน้าได้ สแกนนิ้วมือ กันละอองน้ำได้ด้วย

Infinix Zero 40 5G นั้นให้ระบบปลดล็อคมาครบทั้งสแกนใบหน้าที่ใช้กล้องหน้าสแกนแบบ 2D พร้อมอนิเมชั่นบนรูกล้องเท่ ๆ แบบนี้ด้วย หรือถ้าใครที่ถนัดใช้สแกนลายนิ้วมือที่ด้านหน้า ก็มีแบบ Optical In-Fingerprint มาให้แตะสแกนได้อย่างรวดเร็วเหมือนกัน

นอกจากนี้ในเรื่องความทนทาน Infinix Zero 40 5G จะได้มาตรฐาน IP54 ที่สามารถกันละอองน้ำหรือฝนปรอย ๆ ลงมาได้ระดับหนึ่ง แต่ตรงนี้ขอย้ำไว้ก่อนว่ามีเพื่อป้องกันอุบัติเหตุเท่านั้นเนาะ อย่าหมายลองไปจุ่มน้ำหรือใช้งานในน้ำล่ะ แบบนั้นไม่ได้นา

โดยรวมในเรื่องดีไซน์ของ Infinix Zero 40 5G ก็ถือว่าทำได้ดีเลย ทั้งรูปลักษณ์ที่ดูหรูหรา สีสันที่โดดเด่นไม่ซ้ำใครอย่าง Violet Garden น่าจะถูกใจสาว ๆ แน่นอน อีกทั้งเมื่อลองสัมผัสแล้วก็ยังมอบประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยม เนียนมือไม่ต่างจากรุ่นไฮเอนด์ราคา 2 – 30,000 บาทเลยจริง ๆ แถมตัวเครื่องก็ยังบางเฉียบและน้ำหนักเบาใช้ได้เลยด้วย เป็นดีไซน์ที่เราคิดว่าลงตัวไม่น้อยเลยล่ะครับ!

กล้องระดับสูงสำหรับสาย Vlog และภาพนิ่ง

มาต่อกันที่อีกไฮไลท์ของ Infinix Zero 40 5G นั่นก็คือ “กล้อง” กันเลยครับ รุ่นนี้ให้สเปคกล้องมาไม่ธรรมดาเลย เพราะเป็นกล้องความละเอียดสูงทั้งหน้าและหลังดังนี้

  • 108MP กล้องหลัก (เซ็นเซอร์ ISOCELL HM6 ขนาด 1/1.67″) f/1.75 พร้อม OIS
  • 50MP กล้อง Ultra-Wide f/2.0
  • 2MP กล้อง Depth f/2.4
  • 50MP กล้องหน้า (เซ็นเซอร์ ISOCELL JN1 1/2.67″) f/2.45

อย่างที่เห็นว่ารุ่นนี้ให้กล้องมาจัดเต็มสมกับเป็นสมาร์ทโฟนสาย Vlog จริง ๆ เพราะกล้องหลักที่ให้มาความละเอียด 108MP นั้นมาเต็มเติมในระยะปกติจนถึงซูม 3x ได้สบาย กล้อง Ultra Wide จัดเต็มให้ความละเอียดมาถึง 50MP ซึ่งไม่ใช่หาง่าย ๆ ในงบนี้แน่นอน และทีเด็ดอีกตัวคงหนีไม่พ้นกล้องหน้าที่ให้มา 50MP เช่นกัน!

ถ่ายวิดีโอได้ 4K ทั้งกล้องหน้า-หลัง

ด้วยความที่กล้องความละเอียดสูงทั้งหน้า-หลังแบบนี้ ก็ทำให้ Infinix Zero 40 5G นั้นสามารถถ่ายวิดีโอความละเอียดสูงระดับ 4K/60fps ได้ทั้งกล้องหน้าและกล้องหลังเลยด้วย ซึ่งหาได้ยากมากในกลุ่มราคาหมื่นกลางแบบนี้ โดยเฉพาะกล้องหน้าความละเอียดนี้แทบจะไม่มีเลยก็ว่าได้ครับ

นอกจากนี้ทั้งกล้องหน้าและกล้องหลังยังรองรับการถ่ายวิดีโอกันสั่นเทพ ProStable อีก 2 รูปแบบคือ Ultra Steady กับ Ultra Steady Pro จะใช้ OIS ร่วมกับ EIS เพื่อให้ความนิ่งสูงที่สุด แต่ทั้งนี้ความละเอียดสูงสุดของวิดีโอเมื่อเปิดโหมดกันสั่นจะลดลงมาเหลือ 4K/30fps และ 1080p/60fps ตามลำดับครับ ซึ่งส่วนตัวเราว่าเปิดแค่ Ultra Steady แล้วใช้ 4K/30fps ก็เป็นตัวเลือกที่เพียงพอและลงตัวที่สุดครับ

มีโหมด Vlog ให้สร้างสรรค์วิดีโอเจ๋งแบบมืออาชีพด้วย

หรือถ้าเป็นสายคอนเทนต์ที่อยากได้คลิปแนว ๆ มีเรื่องราวแบบมืออาชีพ Infinix ก็ยังมีโหมด Vlog ที่มีพรีเซ็ตให้เลือกใช้หลากหลาย พร้อมตัดต่อรวมคลิปให้แบบเนียน ๆ ตามหมวดเรื่องราวที่เลือก แค่ถ่ายเก็บฟุตต่าง ๆ ตามที่โหมดแนะนำเท่านั้น

มีโหมดเชื่อมต่อกับ GoPro มาให้ด้วย

นอกจากนี้ Infinix Zero 40 5G ยังเป็นพาร์ทเนอร์กับ GoPro อย่างที่เห็นจากกล่องและเคสว่ามีโลโก้แปะไว้อยู่หลายจุด จึงทำให้มีโหมด GoPro ให้เราเชื่อมต่อและสั่งงาน ตั้งค่าหรือดู Preview แบบเรียลไทม์ได้บนสมาร์ทโฟนอย่างง่ายดายอีกด้วย

ภาพนิ่งก็ถูกใจ กล้องหลัก 108MP พร้อม OIS ด้วยนะ

นอกจากวิดีโอที่โดนใจสาย Vlog แล้ว ภาพนิ่งก็ถูกใจเราเหมือนกัน ด้วยคุณภาพจากกล้องหลักความละเอียด 108MP พร้อม OIS มอบภาพถ่ายความละเอียดสูง และด้วยเซ็นเซอร์ที่มีขนาดใหญ่ (1/1.67″) ก็ช่วยให้ละลายหลังได้เป็นธรรมชาติ หรือทดแทนการซูมแบบ In-Sensor ที่ระดับ 2x – 3x ได้เป็นอย่างดี ทำให้เราเก็บภาพได้หลากหลายมิติกว่าเดิม และตัวซอฟต์แวร์ยังมี AI คอยประมวลผลเพิ่มเติมหลังถ่าย ผลลัพธ์จึงออกมาน่าพอใจ และใช้งานได้จริงแบบที่ไม่ต้องไปปรับเพิ่มเลยล่ะครับ

Ultra Wide 50MP แถมเป็น Macro ได้อีก

แต่จุดที่เราชอบจริง ๆ ก็คงเป็นกล้อง Ultra Wide ที่ไม่กั๊กเลยจริง ๆ ให้เซ็นเซอร์ความละเอียด 50MP คุณภาพสูง มุมมองกว้าง ให้เก็บภาพแบบกว้างพิเศษแบบคมชัดกว่าที่เคย เพราะอย่างที่ทราบว่าในเรตราคานี้เรามักเจอกล้องความละเอียด 8MP ซึ่งบอกตรง ๆ ว่าน้อยไป พอมาเจอ 50MP ตัวนี้ที่ประมวลผลต่อเป็น 12.5MP (4-in-1 Binning) ก็ทำให้รายละเอียดของภาพดูดีขึ้น มุมมองก็กว้างถูกใจ แม้จะไม่ได้คมกริบเท่ากล้องหลัก แต่โทนก็ออกมาใกล้เคียงและใช้งานได้จริงเลยนะ

นอกจากนี้กล้อง Ultra Wide ของ Infinix Zero 40 5G ยังมีระบบ Autofocus สามารถใช้งานเป็นกล้อง Macro ได้อีกด้วยระยะใกล้สุดที่ 10 ซม. ทำให้เราสร้างสรรค์ภาพวัตถุใกล้ ๆ ได้ด้วย แถมพอเซ็นเซอร์เป็น 50MP และ f/2.0 ก็ช่วยให้เราได้คุณภาพ Macro ที่ดีกว่าพวกกล้อง 2MP หรือ 5MP เยอะ!

โหมด Portait เลือกระยะได้ เบลอเนียน ใบหน้าสวย

ส่วนโหมด Portrait ก็ใช้ประโยชน์จากกล้องหลัก 108MP ได้เต็มที่ เพราะเราสามารถเลือกได้ 2 ระยะคือ 1x หรือ 2x เพื่อให้มิติของภาพนั้นแตกต่างกัน จะถ่ายเต็มตัวเก็บมาครบ ๆ ละลายหลังพอประมาณ หรือจะเลือก 2x ครอปครึ่งตัวมิติสมจริง ละลายหลังสวยกว่าก็ได้ ความเนียนก็เลือกปรับได้หลายระดับ แถมทีเด็ดก็คือมีลูกเล่น AI Smart Body ที่ให้เราปรับลดหุ่นให้ผอมเพรียวขึ้นได้ด้วยแหละ

กล้องหน้า 50MP มุมกว้างสุด ๆ

ปิดท้ายที่กล้องหน้าเซลฟี่ อย่างที่บอกไปว่า Infinix Zero 40 5G ให้กล้องหน้ามาโหด ๆ ถึง 50MP แต่เท่านั้นไม่พอเพราะยังมีมุมมองที่กว้างสุดที่ 92º ช่วยให้เราเซลฟี่แบบเก็บฉากหลังได้ครบถ้วน หรือจะเซลฟี่เป็นกลุ่มก็ไม่ต้องหาคนแขนยาวมายื่นอยู่หน้าสุดให้เสียเวลา ลูกเล่นหน้าเนียน Portrait ต่าง ๆ ก็ยังมีมาให้เลือกครบถ้วน

โดยรวมในเรื่องกล้องของ Infinix Zero 40 5G นั้นก็ถือว่าครบถ้วนครับ เน้นเด่นไปที่เรื่องวิดีโอกับ ProStable 4K ที่ใช้งานได้ทั้งกล้องหน้าและหลัง ช่วยเปลี่ยนภาพจำของสมาร์ทโฟนราคาหมื่นกลางที่ไม่เก่งเรื่องนี้ไปได้เลย สาย Vlog ต้องถูกใจสิ่งนี้ แต่ไม่ใช่ว่าวิดีโอเด่นแล้วภาพนิ่งจะกลาง ๆ เพราะด้วยฮาร์ดแวร์ที่ให้มาแบบไม่กั๊กตั้งแต่กล้องหลัก กล้อง Ultra Wide หรือกล้องหน้า บวกกับซอฟต์แวร์และพลัง AI ที่ประมวลผลปรับเพิ่มเติมหลังถ่ายได้เป็นอย่างดี ทำให้เราเหมือนเรามีกล้องคุณภาพที่ไว้ใจได้ที่โดดเด่นสุด ๆ ในงบนี้แล้วล่ะครับ!

สเปคแรงด้วยชิป Dimensity 8200 Ultimate

มาต่อกันในเรื่องประสิทธิภาพกันเลย Infinix Zero 40 5G มาพร้อมกับชิปเซ็ต Dimensity 8200 Ultimate รุ่นพิเศษ ขนาด 4nm ที่มีความเร็วสูงสุด 3.1GHz ปรับปรุงมาโดยเฉพาะให้รองรับการถ่ายวิดีโอความละเอียดสูง 4K/60fps และยังมอบประสบการณ์ที่ลื่นไหลในทุกการใช้งาน

มี RAM LPDDR5X ระดับท็อปความจุ 12GB ที่เหลือเฟือ แต่ถ้าคิดว่ายังไม่พอ Infinix เขาก็ยังมีฟีเจอร์ MemFusion ที่สามารถจำลอง RAM เพิ่มได้สูงสุดอีก 12GB รวมกันแล้วเท่ากับเราจะมี RAM มากถึง 24GB ให้ใช้งานได้แบบไม่มีสะดุดในทุกแอปเลยล่ะครับ

เพื่อให้เห็นภาพคร่าว ๆ ของสเปครุ่นนี้ เราเลยทดสอบผ่านแอป Benchmark ยอดฮิตเพื่อให้เห็นตัวเลขคร่าว ๆ โดยคะแนนของ AnTuTu Benchmark v10 ออกมาที่ 963021 แต้ม

ส่วนฝั่ง Geekbench 6 ก็ได้มาสูงอยู่เหมือนกันคือ Single-Core = 1010 แต้ม และ Multi-Core = 3360 แต้มครับ

เล่นเกมยอดเยี่ยมเลยล่ะสเปคนี้

สำหรับการเล่นเกมด้วยสเปคของ Infinix Zero 40 5G และชิป Dimensity 8200 Ultimate ก็คงไม่ต้องห่วงเรื่องการเล่นเกมมากนัก เพราะความแรงนั้นเหลือ ๆ อยู่แล้ว ดูจากคะแนนที่ทดสอบได้ก็พอจะเห็นภาพเนาะ แต่เพื่อให้อธิบายการตั้งค่าของแต่ละเกมได้ เราเลยทดสอบกับ Asphalt 9 Unite, ROV และ Call of Duty Mobile และผลลัพธ์ก็ออกมาดังนี้เลย

เล่น Asphalt 9 Unite บน Infinix Zero 40 5G
สำหรับ Asphalt 9 Unite เราสามารถเลือกปรับระดับกราฟิกที่ High Quality ร่วมกับเฟรมเรตแบบ 60fps ได้เลย เท่ากับสูงสุด ๆ แล้วกับการตั้งค่านี้ เท่าที่เราลองเล่นก็ถือว่าทำได้ลื่นไหลดีเลยครับ ไม่เจออาการกระตุก แม้ภาพกราฟิกจะสวยอลังการ เอฟเฟกต์ใหม่ ๆ เต็มฉากเลยก็ตามครับ

เล่น Call of Duty Mobile บน Infinix Zero 40 5G

ส่วนเกมยิงอย่าง Call of Duty Mobile ตัวเกมให้เราเลือกปรับกราฟิกและเฟรมเรตได้หลากหลาย แต่เราชอบที่ภาพสวยที่สุดเลยเลือกไปที่กราฟิก Very High คู่กับเฟรมเรตแบบ Max ก็จะเล่นได้ที่ 60fps แบบภาพสวยที่สุดแล้ว ซึ่งเราว่าเป็นตัวเลือกที่ดีงามมาก ลื่นไหลไม่มีสะดุด แต่ถ้าใครอยากได้ลื่นกว่านี้ ก็ยังสามารถปรับเฟรมเรตไปที่ Ultra จะได้สูงสุดถึง 90fps แต่กราฟิกจะลดลงมาเหลือ Low แทนน่ะนะ

เล่น ROV บน Infinix Zero 40 5G

ปิดท้ายกับเกม ROV ก็ปรับได้สูงสุด ๆ เช่นกันครับ ทั้งการแสดงผล HD เอฟเฟกต์ต่าง ๆ ก็เปิดได้หมด แต่เฟรมเรตจะปรับได้สูงสุดที่ 60fps ไม่ได้สูงถึง 120fps เหมือนตอน Infinix GT20 Pro แม้จะใช้ชิปตัวเดียวกันก็ตามครับ แต่เท่านี้ก็ถือว่าทำได้ดีมากแล้ว เล่นได้อย่างลื่นไหล เฟรมเรตเกาะที่ 58 – 60fps ตลอดทั้งเกม แม้จะมีจังหวะนัวกันสุด ๆ ก็ตาม

แบตเตอรี่ความจุ 5000mAh ใช้งานถูกใจ

Infinix Zero 40 5G มาพร้อมแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ถึง 5000mAh แต่ยังคงความบางตัวเครื่องไว้ได้ที่ 7.9 มม.นี่ถือว่าไม่ธรรมดาเลยจริง ๆ ครับ การใช้งานก็ถือว่าทำได้ดีเลย ใช้งานได้จุใจ ไม่ต้องกังวลเรื่องการชาร์จบ่อย ๆ เหมาะสำหรับการใช้งานที่หนัก เช่น การถ่ายรูปต่อเนื่อง ถ่ายวิดีโอ 4K หรือการเล่นเกม

ชาร์จเร็ว 45W Super Charge เร็วจริง แถมปลอดภัยด้วย

ส่วนระบบชาร์จ Infinix Zero 40 5G ก็ได้ระบบชาร์จเร็ว 45W Super Charge มาเลย เคลมว่าชาร์จจาก 0 – 60% ได้ในเวลาแค่ 25 นาที เรียกว่าเร็วมาก ๆ แถมระบบยังชาญฉลาดเพราะมีให้เราเลือกเพิ่มเติมหลังเสียบสายชาร์จด้วยว่าจะเอาแบบ Smart ที่ควรปรับความเร็วตามอุณหภูมิของตัวเครื่องไม่ให้ร้อนจนเกินไป หรือไม่จนดันสุดแบบ Hyper ก็ได้ความเร็วแบบสูงสุดไปเลย

แต่เห็นว่าเร็วแบบนี้ก็ไม่ต้องห่วงเรื่องอายุการใช้งานเนาะ เพราะ Infinix เคลมว่าสามารถชาร์จได้มากกว่า 1600 รวมก่อนที่แบตเตอรี่จะเสื่อมลง ซึ่งถ้าคิดง่าย ๆ ว่าเราชาร์จจาก 0 – 100% วันละ 1 รอบก็ต้องนานกว่า 4 ปีเลยทีเดียว นอกจากนี้สำหรับสายเกมที่ต้องการเล่นแบบต้องเนื่องก็ยังมีฟีเจอร์ Bypass Charge 2.0 ที่สามารถใช้ไฟได้โดยตรงจากที่ชาร์จแบบที่ไม่ผ่านแบตเตอรี่อีกด้วย

รองรับชาร์จไร้สายสูงสุด 20W

หรือใครที่ชอบแบบชาร์จไร้สาย Infinix Zero 40 5G ก็รองรับ Wireless MagCharge ของ Infinix เองที่สามารถชาร์จได้เร็วสูงสุดถึง 20W ทีเดียว หรือใครที่มีพวกพาวเวอร์แบงค์แม่เหล็กก็เอามาแปะคู่กับเคสที่แถมมาในกล่องได้อีกครับ สะดวกดีเหมือนกัน แต่แรงดูด ถ้าไม่ได้ใช้ของ MagCharge เอง ก็อาจจะไม่แน่นปึกมากนักนะครับ อันนี้เป็นจุดสังเกตนิดหน่อยแหละ

โดยรวมในเรื่องประสิทธิภาพของ Infinix Zero 40 5G ก็ไม่มีอะไรต้องห่วงครับ แรงเพียงพอจะเล่นเกมแบบจัดเต็ม และลื่นไหลในการสลับแอปไป-มา อย่างไม่มีปัญหา มีแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ที่ให้เราได้เพลิดเพลินกับการใช้งานหลายรูปแบบ อีกทั้งยังมีระบบชาร์จเร็วมาเติมเวลาที่ใช้งานสุดหมดหลอดอีกด้วย

ระบบปฏิบัติการ XOS 14.5 มีลูกเล่น AI เพียบ

ปิดท้ายที่เรื่องระบบปฏิบัติการ Infinix Zero 40 5G นั้นมาพร้อมกับ XOS 14.5 ที่ครอบทับบน Android 14 อีกที มีการครอบทับด้วย UI สีสันสดใสและลูกเล่น AI ใหม่ ๆ เพียบ มอบประสบการณ์การใช้งานที่หวือหวา แต่สัมผัสได้จริง

Dynamic Bar

Infinix Zero 40 5G จะมีฟีเจอร์ Dynamic Bar ที่เป็น UI ขยายแถบด้านบนเมื่อเราใช้งานบางฟีเจอร์ได้อย่างแนบเนียน อาทิ ตอนเราจะสแกนใบหน้าปลดล็อค, มีสายโทรเข้า, บันทึกเสียง, ตอนชาร์จ หรือเล่นเพลง เป็นต้นครับ แม้จะไม่ใช่เรื่องใหม่มาก แต่เราชอบที่ Infinix ทำ UI ได้ลื่นไหลดีมากครับ ไม่ว่าจะเป็นอนิเมชั่นที่โผล่ออกมาหรือหุบ เนียนตาเลย

AI Eraser

ฟีเจอร์ฮิตอย่าง AI ลบวัตถุ Infinix Zero 40 5G ก็มี AI Eraser มาให้ใช้งาน ลบวัตถุหรือคนที่บังเอิญติดมาในภาพได้ด้วย ส่วนความเนียนก็ยังกลาง ๆ ครับ พอลบวัตถุที่ไม่ได้อลังการมากได้อยู่

AI Wallpaper

มี AI Wallpaper ที่ให้เราสามารถเปลี่ยนรูปถ่ายเป็นภาพในรูปแบบต่าง ๆ ด้วย AI ด้วย อยากได้เป็นภาพการ์ตูนญี่ปุ่น, อเมริกัน, เปลี่ยนชุดเป็นชุดประจำชาติต่าง ๆ หรือจะเปลี่ยนภาพสัตว์เลี้ยงของเราเป็นรูปแบบต่าง ๆ ก็ทำได้ด้วย อันนี้เจ๋งดี แต่…จะมีโควต้าจำกัดอยู่วันละ 15 ครั้งเท่านั้นนะครับ ไม่ได้ทำได้ไม่จำกัด

Smart Search | Smart Cutout

หรือจะเป็นฟีเจอร์สำหรับ Gallery อย่างการค้นหาภาพแบบด่วน ๆ ให้เราได้ค้นหาภาพสถานที่หรือสัตว์เลี้ยงได้แบบด่วน ๆ ก็ใช้ฟีเจอร์ Smart Search ได้เลย อยากดึงวัตถุหรือคนออกจากภาพก็ทำได้ด้วยการแตะค้างเพราะมีฟีเจอร์ Smart Cutout มาให้ด้วยเช่นกันครับ

รองรับการอัปเดตถึง Android 16 และแพทช์ความปลอดภัยนาน 3 ปี

ส่วนเรื่องการอัปเดต Infinix ก็ยืนยันว่าจะรองรับอัปเดตนานจนถึง Android 16 หรืออีก 2 ปี ในขณะที่แพทช์ความปลอดภัยก็จะรองรับนานถึง 3 ปีอีกด้วย มั่นใจได้เลยว่ามีอัปเดตกันต่อเนื่องหลังจากนี้ต่ำ ๆ 3 ปีแน่นอนครับแบบนี้

ราคาและโปรโมชั่น Infinix Zero 40 5G

Infinix Zero 40 5G เปิดราคามาที่ 14,999 บาท ในความจุ 12GB+512GB มีให้เลือก 3 สีคือ สีดำ Rock Black, สีเงิน Moving Titanium และสีม่วง Violet Garden (สีที่รีวิว)ครับ

โดยจะวางจำหน่ายเฉพาะบนช่องทางออนไลน์ทั้ง Shopee, Lazada และ TikTok Shop มีโปรโมชั่นราคาพิเศษ! เพียง 11,999 บาท แถมรับฟรีไมค์ Wireless มูลค่า 999 บาทไปด้วย เมื่อซื้อในวันที่ 5 กันยายน 67 นี้เท่านั้นครับ!

สรุปแล้ว “นี่คือสมาร์ทโฟนสาย Vlog ที่ดีไซน์มีสไตล์ในงบ 15,000 มีทอน”

สรุปแล้ว Infinix Zero 40 5G ก็ถือเป็นสมาร์ทโฟนสาย Vlog และดีไซน์เตะตาในงบ 15,000 บาทมีทอนจริง ๆ ครับ เพราะกล้องที่ให้มาจัดว่าครบเครื่องมาก ๆ ตั้งแต่กล้องหลัก 108MP พร้อม OIS ถ่ายสวยเก็บรายละเอียดดี มีกล้อง Ultra Wide 50MP มุมกว้างคมชัดสูง หรือจะเป็นกล้องหน้า 50MP มุมกว้างเซลฟี่ง่ายอีก และกล้องทั้ง 3 ตัวที่ว่ามานี้สามารถถ่ายวิดีโอได้สูงสุด 4K/60fps ทั้งหมด ให้เราได้เก็บทุกโมเมนต์คมชัด อีกทั้งยังได้ดีไซน์สวยเตะตากับผิวสัมผัสเนียนละมุน เครื่องบางเฉียบแค่ 7.9 มม. หน้าจอ AMOLED 144Hz โค้งสุดลื่นไหล มีชิปที่แรงหายห่วงอย่าง Dimensity 8200 Ultimate 5G และที่ขาดไม่ได้แบตเตอรี่ใหญ่ 5000mAh ให้เล่นต่อเนื่องกับชาร์จเร็ว 45W ถึงใจ ให้มาขนาดนี้จะไม่บอกว่า “ครบเครื่อง” ก็คงไม่ได้แล้วล่ะเนาะ

Advertisement
Best Smartphone 12000 for 2025 Best Smartphone 12000 for 2025
Buying Guides7 ชั่วโมง ago

10 มือถือราคาไม่เกิน 12,000 บาท ตัวจบ ครบทุกฟีเจอร์ ใช้ยาว ปี 2025

กำลังมองหามือถือใหม่...

Android News1 วัน ago

OPPO จับมือ Maison Kitsuné สร้างสรรค์ประสบการณ์สุดเอ็กซ์คลูซีฟ กับ OPPO Find X8 Series

OPPO แบรนด์สมาร์ตโฟน...

IT News1 วัน ago

สรุปข่าวรอบสัปดาห์ระหว่างวันที่ 14 – 20 ธ.ค. 67

ข่าวเด่นช่วงระหว่างว...

IT News1 วัน ago

สรุป 6 จุดเด่นที่ทำให้คุณต้องเลือก HUAWEI MatePad 12 X นวัตกรรมแท็บเล็ตใช้งานได้ดั่งกับพีซี ที่มาพร้อมโปรเด็ดลดสูงสุดถึง 2,000 บาท กับ Shopee

HUAWEI MatePad 12 X ...

ข่าวประชาสัมพันธ์1 วัน ago

กรี๊ดสนั่น! ทรู เสิร์ฟความฟินขั้นสุดส่งท้ายปี ดึง “โฟร์ท ณัฐวรรธน์” สาดรอยยิ้ม และความสุขมาแจกแบบจัดเต็ม ในงาน “Truedtac5G ยิ้มทั่วไทย ยิ้มทั่วโซเชียล กับโฟ้ดๆ”

ทรู ขอส่งต่อพลังบวกแ...

IT News1 วัน ago

AIS ยึดหัวหาดทะเลอ่าวไทยครอบคลุม ลึก สูง กว้าง ไกล ยืนหนึ่งตัวจริงภาตตะวันออก

AIS ปักหมุดผู้น...

Android News1 วัน ago

ไม่ลือแล้ว ! OnePlus 13R ปรากฏบน Amazon ยืนยันใช้ขุมพลัง Snapdragon 8 Gen 3

แม้ว่าก่อนหน้านี้ On...

IT News1 วัน ago

อินฟินิกซ์จัดกิจกรรม PUBG MOBILE WATCH PARTY สุดมันส์ พร้อมให้เหล่าเกมเมอร์ได้สัมผัสกับ GT20 PRO 5G สมาร์ทโฟนเกมมิ่งระดับมืออาชีพ

อินฟินิกซ์ (Infinix)...

Copyright © 2012 iphone-droid.net.

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ ดูเพิ่มเติมที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และจัดการได้ที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึก